เรื่องของเรื่องคือ เพิ่งรู้ว่าตัวเองเสียค่าโง่มานาน....หลังจากที่ ฝากน้องที่ทำงานไปจ่ายค่าโทรศัพท์แทนวันนี้ แล้วเจ้าหน้าที่ สังเกตเห็นความผิดปกติของบิล ว่า ทำไมใช้แพคเพจ smartphone แล้ว ถึงมีค่า BB ด้วย (เข้าใจว่า มีลูกค้าบางคน คงใช้บีบี และเปิดแพคเน็ทอันลิมิตด้วย ประเภทนี้มีอยู่จริง เจ้าหน้าที่ที่คุยกะเราทางโทรศัพท์ได้ชี้แจงให้ฟังแล้ว) น้องที่ทำงานบอกว่า
เราเลิกใช้บีบีไปชาติเศษแล้ว!!!! (ใช้ iphone4S มานานมาก ซื้อในงานวันเปิดตัวของทรู วันที่ 16 ธค 2554 ซึ่งเราเชื่อว่า วันที่เราขอเปลี่ยนโปรโมชั่นมือถือ คงไม่ห่างจากวันที่เราได้เครื่องมาเท่าไหร่นัก ไม่เชื่อเช็คย้อนหลังดู!!!)
ทำไมถึงยังมีแพค BB อยู่??
เราจำไม่ได้แน่ชัด เพราะมันนานมากกกกแล้ว ว่าตอนเปลี่ยนมาใช้ไอโฟน เราได้มีการแจ้งเปลี่ยนแพคเกจอินเตอร์เน็ท เป็น แพคเกจ สมาร์ทโฟน ผ่านช่องทางไหน และก็จำไม่ได้อีกน่ะแหละ ว่า มีการสอบถามกันรึเปล่าว่าจะใช้บีบีต่อหรือไม่ แต่คอมมอนด์เซ็นส์ ก็ควรจะแจ้ง สอบถามกับเจ้าหน้าที่ปะ ว่า จะใช้แพคสมาร์ทโฟนกะไอโฟน)
** เพิ่มเติมนะคะ เราไปขุดบีบีเครื่องเก่ามา พบว่า ใช้ซิมใหญ่ๆ ธรรมดา ในขณะที่ ไอโฟน เป็นไมโครซิม ซึ่ง เราต้องนำเครื่องไปเปลี่ยนที่ศูนย์.....จึงเป็นไปไม่ได้ว่า Dtac จะไม่รู้ว่า เราเปลี่ยนมือถือแล้ว!!
** ล่าสุด ไม่นานมานี้ ได้มีการเอาตัวเครื่องไป เปลี่ยนแพคเกจ Trinet แน่นอนว่า เครื่องไอโฟนเก่าๆ ไปอยู่ในมือเจ้าหน้าที่ ในการเอาซิมไป register รึอะไรสักอย่างน่ะแหละ....พร้อมๆ กันได้ จ่ายค่าโทรศัพท์ด้วย เช่นกัน
จากการที่เจ้าหน้าที่ทักมา....น้องที่ทำงานเลยต่อสายให้เราคุยกะเจ้าหน้าที่พบว่า มีการแจ้งเปลี่ยนแพคเกจมาเป็น สมาร์ทโฟน ช่วงปลายปี 2011 ซึ่งพอดีกับที่เราเปลี่ยนมือถือนั่นแหละ แต่ทำไม แพค BB ยังอยู่!!!!!
เราก็เหวอๆ ว่า นี่ตรูจ่าย 299 มาฟรีๆ เป็นปีๆ เลยหรอเนี่ย เป็นเรื่องโง่ที่สุดที่เคยทำมาก็ว่าได้ที่ไม่คิดจะเช็ค ค่าใช้จ่ายมือถือ แล้วค่าโทรศัพท์เรามันคงที่มาก อยู่ในวงเงินที่เรายอมรับได้ เดือนละประมาณ 1000 บาท (ถึงแม้จะโทรเข้าออกน้อยมากกกกกกก) เราจึงไม่ได้เอะใจ ไม่ได้ดูเช็คยอดค่าบริการจาก paper ที่ส่งมาทุกเดือนๆ อาศัยดูจาก message แจ้งเตือนในมือถืออย่างเดียวเท่านั้น แต่จำได้ว่า ช่วงแรกๆ ที่เปลี่ยนโปร ค่าโทรถูกลงเป็น 7 ร้อยบาทต่อเดือน แล้วอยู่ดีๆ มาช่วงนึง มันก็ 1,000 บาทอัพ และรักษาระดับอย่างคงที่ ซึ่งเราก็มโนเอาเองว่า คงใช้โทรหาลูกค้าเยอะมั้ง
ช่องทางการจ่ายเงินเราก็ไปจ่ายเงินที่ เค้าเตอร์ ดีแทค ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ ทุกครั้ง ย้ำว่าทุกครั้ง ไม่เคยจ่ายผ่านช่องทางอื่นเลย เพราะเราต้องใช้บิลตัวจริง ไปยื่น บริษัท
ความผิดพลาดของเราที่เรายอมรับได้ ในการเสียค่าโง่ครั้งนี้คือ เราไม่ฉุกใจ คิดว่า ค่าโทรแพงเกินจริง และไม่เคยตรวจสอบบิลตัวเองอย่างละเอียดว่าใช้โปรโมชั่นอะไร (คือ เหมือนจะเคยมีว่าบางครั้ง ค่ายมือถือ ปรับโปรให้เหมาะสมกับพฤติกรรมการใช้งานของเรา หรือโทรมาบอก ว่ามีโปรไหนที่คู่ควร เราก็เลยช่างมัน อันที่เคยเลือกไป คงดีสุดละมั้ง)
เราถามเจ้าหน้าที่ว่า แล้วเราจะทำอะไรได้บ้างในกรณีนี้ มีที่ไหนให้เราสามารถร้องเรียน หรือ เช็ค ว่ามันเกิดอะไรขึ้น หรือ มีทางไหนที่เราจะรู้ได้ว่า ไอ่แพคบีบี นี่มันเริ่มมายังไง เมื่อไหร่
เจ้าหน้าที่บอกว่า....ก็ อาจจะเป็นความผิดพลาดของพนักงาน ณ ตอนนั้น...แต่ ว่า เราไม่สามารถรู้ได้ว่า ลูกค้าเปลี่ยนมือถือเมื่อไหร่ ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน (อ้าว ละเราจะโทรไปเปลี่ยนแพคเป็น smartphone ทำบร้าอะไร ใช่มะ มันก็ตั้งแต่ตอนนั้นแหละ) ปกติ เวลามาชำระเงิน บางครั้งถ้าเห็นลูกค้าไม่ได้ใช้บีบี ก็อาจจะมีการสอบถาม (ซึ่ง โอเคว่า ไม่ใช่หน้าที่ที่ต้องถาม อันนี้ เราเข้าใจ แต่เราจ่ายเงิน ยืนกดไอโฟนหน้าเค้าเตอร์ดีแทคมาตลอด 3 ปี แต่จ่ายค่าบีบีมาตลอดหรอ T_T)
คุณน้องยังบอกเพิ่มเติมอีกว่า โดยปกติแล้ว ลูกค้าต้องถามเจ้าหน้าที่ค่ะ ถ้าค่าใช้จ่ายแพงกว่าปกติ ลูกค้าต้องทักท้วงเจ้าหน้าที่ ห๊ะ!!! อะไรนะ
...บ้าไปแล้ว ตกลงว่า เป็นความรับผิดชอบของเราที่ต้องถามเจ้าหน้าที่หรอ ว่า ค่าโทรแพงกว่าปกติ....คือ มันจ้องจะผิดปกติอยู่เรื่อยๆให้เราคอยจับผิดรึยังไง ....แล้วแบ่บ เงินค่าโทรศัพท์ 1000 บาท มันไม่ได้แพงผิดปกติเวอร์ พุ่งไป 2-3 พัน นึกออกปะคะ
(ก่อนหน้านี้ เราย้ายค่ายจาก AIS เพราะรู้สึกว่า ค่าโทรแพงเวอร์ จากตอนทำงานประจำ ค่าโทรระดับนึง ลาออกมานอนอยู่บ้านแล้ว ค่าโทรยังเท่าเดิม มันจะเป็นไปได้ยังไง แล้วไม่ใช่หน้าที่ของเรา ต้องไปถาม AIS ว่า โกงป่าวทำไมค่าโทรเราไม่ลดลงเลย......ใช่ที่เรอะ!! เราไม่อยากได้คำอธิบาย ย้ายค่ายเลยดีกว่า ไม่อยากปวดกะบาล)
เราถามซ้ำ เป็นครั้งที่ 2-3 ว่า แล้วจะให้เราทำอะไรได้มากกว่านี้ไหม... (หลังจากฟังคำอธิบายวนไปวนมาเดิมๆ หลายรอบมาก ว่าไม่มีทางรู้ได้ว่าลูกค้าเปลี่ยนมือถือเมื่อไหร่ ถ้าลูกค้าไม่แจ้ง จ่ะ จ่ะ รู้แล้ว จำไม่ได้แล้วว่าแจ้งหรือเปล่า เคป่ะ 3 ปีก่อนอะ ใครจะไปจำได้ว่าคุยอะไรกะเจ้าหน้าที่ตอนขอเปลี่ยนโปรบ้าง)
สิ่งที่เขา offer ให้เรามาคือ....ลดยอดบิลของเดือนนี้ไป 300 บาท...ซึ่ง เราบอกว่า เราไม่โอเค เพราะ ไอ่ที่ผ่านมาล่ะ ถ้าเราจะเอาเงินเราคืนย้อนหลัง เราจะทำยังไงได้บ้าง มีแผนกไหนยังไง ติดต่อได้ หรือมีการเก็บ record ไว้ไหม คุณน้องก็ดูเหมือนจะทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากพูดต่อว่า ต่อไป จะลดค่าบริการให้เดือนละ 100 บาทไป 1 ปี = 1,200 บาท
ซึ่งเทียบกะเงิน 299 ที่จ่ายมาเป็นปีๆ นี่ เอริ่มมมม....ทิ้งไป 1200 ละย้ายค่ายหนีไปอีก อาจจะเป็นทางออกที่ดีกว่า เพื่อความสะใจ 55555
Next Step ที่เราอยากทราบคือ
1. สามารถเช็คได้ไหมว่า โปร BB นี่ จ่ายมาตั้งแต่เมื่อไหร่ คอนเฟิมให้ทีค่ะ....ไม่อยากจะกดเครื่องคิดเลขตาม ว่ากี่บาท
2. ตอนเราโทรไปเปลี่ยน smartphone เมื่อ 3 ปีก่อน ยังมี record ใดๆ ไหม ว่าแจ้งเปลี่ยนเป็นโปรอะไร คุยกะใคร ชื่ออะไร ช่องทางไหน
3. ไอ่ที่เราจ่ายๆ ไปแล้ว โดยไม่ได้ใช้บริการเลยสักกะนิดเดียว จะทำอะไรได้อีกบ้าง
อ่อ ที่ช้ำคือ เพิ่งมานึกได้ เมื่อไม่นานมานี้ เราเอาไอโฟนไปเปลี่ยนซิมเป็นไตรเน็ทมา พร้อมกะจ่ายค่าบริการเดือนนั้นๆ ด้วย....แม่เจ้า ไม่มีใครทักอะไรใดๆ ทั้งสิ้น T_T
ไปจ่ายค่าโทรเองทุกครั้ง ไม่เคยมีใครทัก จนกระทั่งฝากคนอื่นไปจ่าย ถึงได้ทัก.....เป็นบุญจริงๆ ที่ได้รู้วันนี้ ไม่งั้น อาจจะโง่ไปอีกนาน
DTAC ช่วยชี้แจงด้วยค่ะ อะไรคือการที่เราต้องมาจ่ายค่าแพค BB ทั้งที่ใช้ไอโฟนมาเกือบ 3 ปี
ทำไมถึงยังมีแพค BB อยู่??
เราจำไม่ได้แน่ชัด เพราะมันนานมากกกกแล้ว ว่าตอนเปลี่ยนมาใช้ไอโฟน เราได้มีการแจ้งเปลี่ยนแพคเกจอินเตอร์เน็ท เป็น แพคเกจ สมาร์ทโฟน ผ่านช่องทางไหน และก็จำไม่ได้อีกน่ะแหละ ว่า มีการสอบถามกันรึเปล่าว่าจะใช้บีบีต่อหรือไม่ แต่คอมมอนด์เซ็นส์ ก็ควรจะแจ้ง สอบถามกับเจ้าหน้าที่ปะ ว่า จะใช้แพคสมาร์ทโฟนกะไอโฟน)
** เพิ่มเติมนะคะ เราไปขุดบีบีเครื่องเก่ามา พบว่า ใช้ซิมใหญ่ๆ ธรรมดา ในขณะที่ ไอโฟน เป็นไมโครซิม ซึ่ง เราต้องนำเครื่องไปเปลี่ยนที่ศูนย์.....จึงเป็นไปไม่ได้ว่า Dtac จะไม่รู้ว่า เราเปลี่ยนมือถือแล้ว!!
** ล่าสุด ไม่นานมานี้ ได้มีการเอาตัวเครื่องไป เปลี่ยนแพคเกจ Trinet แน่นอนว่า เครื่องไอโฟนเก่าๆ ไปอยู่ในมือเจ้าหน้าที่ ในการเอาซิมไป register รึอะไรสักอย่างน่ะแหละ....พร้อมๆ กันได้ จ่ายค่าโทรศัพท์ด้วย เช่นกัน
จากการที่เจ้าหน้าที่ทักมา....น้องที่ทำงานเลยต่อสายให้เราคุยกะเจ้าหน้าที่พบว่า มีการแจ้งเปลี่ยนแพคเกจมาเป็น สมาร์ทโฟน ช่วงปลายปี 2011 ซึ่งพอดีกับที่เราเปลี่ยนมือถือนั่นแหละ แต่ทำไม แพค BB ยังอยู่!!!!!
เราก็เหวอๆ ว่า นี่ตรูจ่าย 299 มาฟรีๆ เป็นปีๆ เลยหรอเนี่ย เป็นเรื่องโง่ที่สุดที่เคยทำมาก็ว่าได้ที่ไม่คิดจะเช็ค ค่าใช้จ่ายมือถือ แล้วค่าโทรศัพท์เรามันคงที่มาก อยู่ในวงเงินที่เรายอมรับได้ เดือนละประมาณ 1000 บาท (ถึงแม้จะโทรเข้าออกน้อยมากกกกกกก) เราจึงไม่ได้เอะใจ ไม่ได้ดูเช็คยอดค่าบริการจาก paper ที่ส่งมาทุกเดือนๆ อาศัยดูจาก message แจ้งเตือนในมือถืออย่างเดียวเท่านั้น แต่จำได้ว่า ช่วงแรกๆ ที่เปลี่ยนโปร ค่าโทรถูกลงเป็น 7 ร้อยบาทต่อเดือน แล้วอยู่ดีๆ มาช่วงนึง มันก็ 1,000 บาทอัพ และรักษาระดับอย่างคงที่ ซึ่งเราก็มโนเอาเองว่า คงใช้โทรหาลูกค้าเยอะมั้ง
ช่องทางการจ่ายเงินเราก็ไปจ่ายเงินที่ เค้าเตอร์ ดีแทค ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ ทุกครั้ง ย้ำว่าทุกครั้ง ไม่เคยจ่ายผ่านช่องทางอื่นเลย เพราะเราต้องใช้บิลตัวจริง ไปยื่น บริษัท
ความผิดพลาดของเราที่เรายอมรับได้ ในการเสียค่าโง่ครั้งนี้คือ เราไม่ฉุกใจ คิดว่า ค่าโทรแพงเกินจริง และไม่เคยตรวจสอบบิลตัวเองอย่างละเอียดว่าใช้โปรโมชั่นอะไร (คือ เหมือนจะเคยมีว่าบางครั้ง ค่ายมือถือ ปรับโปรให้เหมาะสมกับพฤติกรรมการใช้งานของเรา หรือโทรมาบอก ว่ามีโปรไหนที่คู่ควร เราก็เลยช่างมัน อันที่เคยเลือกไป คงดีสุดละมั้ง)
เราถามเจ้าหน้าที่ว่า แล้วเราจะทำอะไรได้บ้างในกรณีนี้ มีที่ไหนให้เราสามารถร้องเรียน หรือ เช็ค ว่ามันเกิดอะไรขึ้น หรือ มีทางไหนที่เราจะรู้ได้ว่า ไอ่แพคบีบี นี่มันเริ่มมายังไง เมื่อไหร่
เจ้าหน้าที่บอกว่า....ก็ อาจจะเป็นความผิดพลาดของพนักงาน ณ ตอนนั้น...แต่ ว่า เราไม่สามารถรู้ได้ว่า ลูกค้าเปลี่ยนมือถือเมื่อไหร่ ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน (อ้าว ละเราจะโทรไปเปลี่ยนแพคเป็น smartphone ทำบร้าอะไร ใช่มะ มันก็ตั้งแต่ตอนนั้นแหละ) ปกติ เวลามาชำระเงิน บางครั้งถ้าเห็นลูกค้าไม่ได้ใช้บีบี ก็อาจจะมีการสอบถาม (ซึ่ง โอเคว่า ไม่ใช่หน้าที่ที่ต้องถาม อันนี้ เราเข้าใจ แต่เราจ่ายเงิน ยืนกดไอโฟนหน้าเค้าเตอร์ดีแทคมาตลอด 3 ปี แต่จ่ายค่าบีบีมาตลอดหรอ T_T)
คุณน้องยังบอกเพิ่มเติมอีกว่า โดยปกติแล้ว ลูกค้าต้องถามเจ้าหน้าที่ค่ะ ถ้าค่าใช้จ่ายแพงกว่าปกติ ลูกค้าต้องทักท้วงเจ้าหน้าที่ ห๊ะ!!! อะไรนะ
...บ้าไปแล้ว ตกลงว่า เป็นความรับผิดชอบของเราที่ต้องถามเจ้าหน้าที่หรอ ว่า ค่าโทรแพงกว่าปกติ....คือ มันจ้องจะผิดปกติอยู่เรื่อยๆให้เราคอยจับผิดรึยังไง ....แล้วแบ่บ เงินค่าโทรศัพท์ 1000 บาท มันไม่ได้แพงผิดปกติเวอร์ พุ่งไป 2-3 พัน นึกออกปะคะ
(ก่อนหน้านี้ เราย้ายค่ายจาก AIS เพราะรู้สึกว่า ค่าโทรแพงเวอร์ จากตอนทำงานประจำ ค่าโทรระดับนึง ลาออกมานอนอยู่บ้านแล้ว ค่าโทรยังเท่าเดิม มันจะเป็นไปได้ยังไง แล้วไม่ใช่หน้าที่ของเรา ต้องไปถาม AIS ว่า โกงป่าวทำไมค่าโทรเราไม่ลดลงเลย......ใช่ที่เรอะ!! เราไม่อยากได้คำอธิบาย ย้ายค่ายเลยดีกว่า ไม่อยากปวดกะบาล)
เราถามซ้ำ เป็นครั้งที่ 2-3 ว่า แล้วจะให้เราทำอะไรได้มากกว่านี้ไหม... (หลังจากฟังคำอธิบายวนไปวนมาเดิมๆ หลายรอบมาก ว่าไม่มีทางรู้ได้ว่าลูกค้าเปลี่ยนมือถือเมื่อไหร่ ถ้าลูกค้าไม่แจ้ง จ่ะ จ่ะ รู้แล้ว จำไม่ได้แล้วว่าแจ้งหรือเปล่า เคป่ะ 3 ปีก่อนอะ ใครจะไปจำได้ว่าคุยอะไรกะเจ้าหน้าที่ตอนขอเปลี่ยนโปรบ้าง)
สิ่งที่เขา offer ให้เรามาคือ....ลดยอดบิลของเดือนนี้ไป 300 บาท...ซึ่ง เราบอกว่า เราไม่โอเค เพราะ ไอ่ที่ผ่านมาล่ะ ถ้าเราจะเอาเงินเราคืนย้อนหลัง เราจะทำยังไงได้บ้าง มีแผนกไหนยังไง ติดต่อได้ หรือมีการเก็บ record ไว้ไหม คุณน้องก็ดูเหมือนจะทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากพูดต่อว่า ต่อไป จะลดค่าบริการให้เดือนละ 100 บาทไป 1 ปี = 1,200 บาท
ซึ่งเทียบกะเงิน 299 ที่จ่ายมาเป็นปีๆ นี่ เอริ่มมมม....ทิ้งไป 1200 ละย้ายค่ายหนีไปอีก อาจจะเป็นทางออกที่ดีกว่า เพื่อความสะใจ 55555
Next Step ที่เราอยากทราบคือ
1. สามารถเช็คได้ไหมว่า โปร BB นี่ จ่ายมาตั้งแต่เมื่อไหร่ คอนเฟิมให้ทีค่ะ....ไม่อยากจะกดเครื่องคิดเลขตาม ว่ากี่บาท
2. ตอนเราโทรไปเปลี่ยน smartphone เมื่อ 3 ปีก่อน ยังมี record ใดๆ ไหม ว่าแจ้งเปลี่ยนเป็นโปรอะไร คุยกะใคร ชื่ออะไร ช่องทางไหน
3. ไอ่ที่เราจ่ายๆ ไปแล้ว โดยไม่ได้ใช้บริการเลยสักกะนิดเดียว จะทำอะไรได้อีกบ้าง
อ่อ ที่ช้ำคือ เพิ่งมานึกได้ เมื่อไม่นานมานี้ เราเอาไอโฟนไปเปลี่ยนซิมเป็นไตรเน็ทมา พร้อมกะจ่ายค่าบริการเดือนนั้นๆ ด้วย....แม่เจ้า ไม่มีใครทักอะไรใดๆ ทั้งสิ้น T_T
ไปจ่ายค่าโทรเองทุกครั้ง ไม่เคยมีใครทัก จนกระทั่งฝากคนอื่นไปจ่าย ถึงได้ทัก.....เป็นบุญจริงๆ ที่ได้รู้วันนี้ ไม่งั้น อาจจะโง่ไปอีกนาน