อ่านตอนอื่นๆ ได้ที่นี่นะคะ
http://pantip.com/topic/32729269
บทที่ 3 สวมบทนักสืบ
“พร้อมแล้วไปกันเถอะ”
“เดี๋ยวๆ ” เพชรคว้าข้อมือเพื่อนสาวจอมมั่นใจอย่างรวดเร็ว
“อะไรอีกล่ะ ตอนนี้มันสายมากแล้วนะ เดี๋ยวก็ไม่มีเวลาสืบกันพอดี”
“แล้วมันสายแบบนี้เพราะชะนีตัวไหนล่ะ” ยกมือเท้าสะเอวด้วยความหมั่นไส้
เมวดียิ้มเจื่อนๆ ด้วยความรู้สึกผิด “โธ่...แกก็ ฉันก็แค่แต่งตัวแป๊บเดี๋ยวเอง” พยายามแก้ตัว
“เหรอ...สองชั่วโมงเนี่ยนะแป๊บเดี๋ยวแก ฉันมารอจนรากจะงอกออกมาอยู่แล้ว”
“แม้แก...ฉันเป็นซุปเปอร์สตาร์นะ จะให้แต่งตัวธรรมดาๆ ได้ยังไง ฉันก็ต้องใช้เวลาในการแต่งเนื้อแต่งตัวหน่อยสิ ไม่งั้นก็อายเขาแย่ แล้วอีกอย่าง...”
“พอๆ ” เพชรยกมือห้าม “ฉันไม่อยากฟังคำสาธยายของแก ไปเปลี่ยนชุดซะ ชุดนี้ไม่ผ่าน”
“ไม่ผ่าน! ไม่ผ่านตรงไหน นี้มันชุดโปรดฉันเลยนะ ออกจะสวยเด่นเข้ากับฉัน” เชิดหน้าอย่างมั่นใจ
เพชรเบ้ปากมองเพื่อนสาวที่อยู่ในชุดเดรสคอกลมแขนกุดสีชมพู มีเข็มกลัดคาดช่วงเอวยิ่งทำให้เห็นหุ่นของเมวดีได้ชัดมากขึ้น บวกกับรองเท้าและกระเป๋าที่เธอใส่มิกซ์แอนด์แมทซ์กันได้เป็นอย่างลงตัว นั่นยิ่งทำให้เธอดูสวยหวานน่ารัก
“ไอ้เรื่องใส่แล้วสวยฉันไม่เถียงแกหรอกนะ แต่ไอ้เรื่องความเหมาะสมเนี่ยฉันเถียงเต็มที่ แกจะบ้ารึเปล่าใส่ชุดนี้ไปมหาวิทยาลัย แกจะไปเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาเหรอไง ดูสิโป๊ะหน้าก็หนา ใครเขาเห็นการแต่งหน้าแต่งตัวของแกเขาก็จำได้แล้วว่าแกเป็นใคร”
“อ้าว...ฉันต้องแต่งให้คนจำไม่ได้เหรอ” ถามอย่างงุนงง
“โอ๊ย...นังเมย ฉันล่ะเบื่อแกจริงๆ แกเคยเห็นในละครไหมเวลาเขาจะไปสืบเรื่องอะไร เขาจะต้องแต่งตัวให้กลมกลืนแฝงเข้าไปเพื่อล่วงความลับออกมา”
“แต่ไอ้นั่นมันละครพวกสืบสวนสอบสวนมีผู้ร้ายต่างหาก เราไม่ได้ไปตามจับพวกผู้ร้ายซะหน่อย ไม่เห็นต้องทำขนาดนั่นเลย เดินไปถามตรงๆ เขาก็จะไม่บอกเราอยู่เหรอแก”
“นัง...นัง...ฉลาด แกจะให้เขารู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองเหรอว่านางเอกสาวดาวรุ่งไปถามประวัติผู้ชายถึงมหาวิทยาลัย หรือแกอยากเป็นข่าวอีกรอบ”
“ไม่ๆ ” รีบปฏิเสธ “ฉันลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย” เพชรถอนหายใจ “แล้วฉันต้องทำยังไงล่ะ ถึงจะไม่มีใครรู้ว่าฉันเป็นใคร”
“เรื่องนั่นมันไม่ยาก ห้องแกมีเครื่องประดับมากมาย เดี๋ยวฉันจะแปลงโฉมแกเอง” ยิ้มเจ้าเล่ห์
“เสร็จรึยัง ออกมาได้แล้ว อะไรนักหนาแค่ใส่ชุดนักศึกษาแค่นี้” เพชรที่ตอนนี้อยู่ในชุดนักศึกษาหญิงยืนบ่นอยู่หน้าห้องน้ำ
“เสร็จแล้วๆ ” คนถูกบ่นเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ “แกฉันว่ามันดูแก่ๆ ยังไงไม่รู้ ใส่แล้วไม่มั่นใจเลย”
เพชรมองเมวดีในชุดนักศึกษาหญิงกระโปรงยาวเกือบถึงพื้น เครื่องประดับต่างๆ ในตอนแรกถูกถอดออกจนหมดแล้วใส่เพิ่มอีกสองชิ้นคือแว่นตาขนาดใหญ่สมัยคุณป้ากับวิกผมสั้นหน้าหม้า ยิ่งดูยิ่งเฉิ่มและเชย ทำให้อดขำไม่ได้
“ไม่ใส่แล้วจะถอด”
เพชรรีบรั้งแขนไว้ “จะถอดทำไมชุดนี้โอเคแล้ว! ”
“โอเค แกหัวเราะทำไมเล่า”
“โอเคๆ ไม่หัวเราะๆ แม้แกก็...ฉันไม่เคยเห็นแกแต่งตัวแบบนี้นี่นา มันไม่เข้ากับแกเลยนะ” สุดท้ายก็หัวเราะออกมาจนได้
“นั่นไง ไม่เข้าแล้วจะให้ใส่ทำไม ใครเห็นเข้าต้องหัวเราะฉันแน่ๆ ”
“ก็เพราะมันไม่เหมาะแหละถึงต้องใส่ ใส่ชุดนี้เข้าไปแล้วดูไม่เหมือนแกเลย รับรองว่าไม่มีใครจำแกได้แน่ๆ ทีนี้ ไปกันเถอะกว่าจะไปถึงก็คงเที่ยงพอดีถือโอกาสไปกินข้าวโรงอาหารด้วยเลย ไม่ได้กินข้าวที่นั่นนานแล้ว อยากไปลำลึกความหลังซะหน่อย”
“ตกลงแกจะไปช่วยฉันหรือจะไปลำลึกความหลังเนี่ย” ถึงบ่นแต่ก็เดินตาม
“ทั้งสองนั่นแหละ”
“เดี๋ยวแพท”
“อะไรอีก” ชะงักฝีเท้าหันมาค้อนอย่างรวดเร็ว
เมวดีไล่สายตามองเพื่อนตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนเบ้ปากหมั่นไส้ “แกดูสวยนะ สวยจนเกินหน้าเกินตา”
เพชรในชุดนักศึกษากระโปรงทรงเอสั้นยิ้มกว้างอย่างภูมิใจ “แน่นอน” เชิดหน้า “แกพึ่งรู้เหรอว่าฉันสวย อยู่ด้วยกันมาตั้งนาน”
เมวดีเบ้ปากอีกรอบ บอกให้เธอแต่งตัวธรรมดาๆ เพื่อไม่ให้เป็นที่สนใจแต่ตัวเองนี่สิ แม้...ผู้ชายเห็นคงต้องมองกันเหลียวหลังแน่ๆ นี่เหรอไม่เด่น “ฉัน...ประ...ชด”
“ทำไมแดดเมืองไทยร้อนแบบนี้นะ” หยิบแว่นกันแดดขึ้นมาสวมก่อนจะเชิดหน้าเหมือนนางแบบ “ไป” เดินนำไปยังโรงอาหารอย่างมั่นใจ
เมวดีอ้าปากค้างมองความโอ้เวอร์ของเพื่อนก่อนจะเดินตามหลังไปติดๆ ยิ่งเห็นคนมองเพชรเธอยิ่งใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ กลัวคนจะจำเธอได้ นังเพื่อนบ้านี่ก็เหมือนกันจะเดินบิดตูดอะไรนักหนา! ไม่ได้เดินแบบซะหน่อย!
“แพทตี้แกช่วยทำตัวปกติหน่อยได้ไหม คนมองกันใหญ่แล้ว”
“คนมันสวยก็งี้แหละ คนก็มองกันเป็นธรรมดา”
“แหวะ...”
“แกจะกินร้านไหน อืม...ร้านนั้นดีกว่า” ถามเองตอบเองพลางชี้ไปที่ร้านอาหารตามสั่งก่อนจะเดินนำไป
เมวดีถอนหายใจ แล้วจะถามตูเพื่อ...
“แกจะเอาไงต่อ จะเริ่มสืบยังไง” เพชรถามขึ้นเมื่อกินข้าวเสร็จ
“ฉันต่างหากต้องถามแก แกก็รู้ว่าฉันไม่ค่อยจะฉลาดเท่าไร” ไม่อยากพูดว่าโง่ (ไม่ยอมรับความจริง)
“แกนี่ก็จริงๆ เลย ดีนะที่เกิดมาโชคดีมีเพื่อนทั้งสวยทั้งฉลาดอย่างฉัน” จับน้ำขึ้นมาดูดแต่ก็เกือบสำลักออกมา “หล่อจัง”
เมวดีมองตามสายตาเพชรไปยังโต๊ะอาหารของร้านข้างๆ สิ่งที่เห็นทำให้ใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ มันเหมือนจะหลุดออกมาเต้นนอกอกให้รู้แล้วรู้รอด เจ้าชาย! สวรรค์บันดาลชัดๆ วันนี้เธอได้เจอเจ้าชายของเธอโดนไม่คาดคิด เนื้อคู่แน่ๆ ยังไงๆ ก็เนื้อคู่
“แพท! คนนี้แหละ” ตีแขนเพื่อนด้วยความตื่นเต้นและทำอะไรไม่ถูก นี่ขนาดเขาไม่มองมานะเนี่ย อยากจะเป็นลม...
เพชรเบิกตากว้าง “คนนี้? ว๊าย! อย่าบอกนะว่าผู้ชายหน้าหล่อคนนั้นคือคนที่ช่วยชีวิตแกเอาไว้”
“ใช่ๆ ”
“ว้าว! หล่อจริงๆ ด้วย ไม่น่าล่ะแกถึงพร่ำเพ้อขนาดนี้ หล่อแบบนี้นี่เอง ว๊าย! เขามองมาด้วย”
ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะไม่หันไปมองอยู่แล้วแต่พอได้ยินเพชรพูดว่าเขาหันมาเมวดีก็รีบหันขวับไปมองอย่างอัตโนมัติ เธอสบตากับเขาแค่แวบเดียวก็รีบหันกับมามองจานข้าวตรงหน้าอย่างรวดเร็วด้วยความอาย คนอะไรไม่รู้แค่มองตาก็หายใจไม่ทั่วท้องแล้ว หยิบน้ำมาจิบรู้สึกคอแห้งขึ้นมาทันที
“ยิ้มด้วย เขาต้องชอบฉันแน่ๆ เลยแก” เพชรพูดขึ้นเล่นเอาเมวดีเกือบสำลักน้ำ เธอรีบหันไปมองอีกรอบแต่เขากลับหันไปคุยกับเพื่อนไม่เห็นยิ้มอย่างที่เพชรบอก
“แกโกหกฉันเหรอนังแพทตี้” ตีแขนเพื่อนอีกครั้ง ไม่รู้ว่าโกรธที่เพชรโกหกหรือโกรธที่เขายิ้มให้เพชรเห็นคนเดียวกันแน่
“เขายิ้มจริงๆ นะแก เขาต้องชอบฉันแน่ๆ ” พูดขำๆ
“ถ้าแกยุ่งกับคนของฉัน ฉันจะบอกแม่ฉันให้จัดงานแต่งฉันกับแกตามที่เคยตกลงกันไว้ แล้วฉันจะรังครวญชีวิตแก ไม่ให้แกมีผัวไปตลอดชีวิต ฉันจะ...”
“พอๆ อี๋...ขนลุก” รีบห้ามเพราะขู่แค่นี้ก็รู้สึกสะอิดสะเอียนพอแล้ว “ฉันสัญญาว่าจะไม่ยุ่งกับคนของแกก็ได้”
“ดี...พูดกันง่ายๆ แบบนี้จะได้ไม่ต้องขู่ให้เปลืองน้ำลาย”
“แล้วแกจะเอาไงต่อ เข้าไปขอเบอร์เลยดีไหม เดี๋ยวฉันขอให้”
“บ้า! ฉันเป็นใคร ฉัน...นางเอกซุปเปอร์สตาร์ของเมืองไทย แล้วนั่นใคร แค่นักศึกษาธรรมดาๆ จะให้ฉันลดตัวลงไปขอเบอร์เขาเหรอ ไม่มีทาง รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น”
“จ้า ทำเป็นอาย... แล้วไอ้ที่หอบสังขารมาถึงนี้ไม่ใช่เพราะจะมาจีบเขาหรอกเหรอ แหม่ทำเป็นมีศักดิ์ศรี ...แม่นางเอก ระวังนะสุนัขตัวเมียแถวๆ นี้จะคาบไปรับประทานก่อนนะจ๊ะ”
“นั้นแหละที่ฉันอยากเห็น ฉันอยากรู้ว่าเขามีเจ้าของรึยัง ถ้ามีแล้วฉันก็จะไม่ยุ่ง”
“นางเอ๊ก นางเอก” ลากเสียง
“แน่นอน ก็ฉันเป็นนางเอกนี่นา”
“งั้นก็ไป”
“ไปไหน? “
“ก็ไปสืบให้รู้เรื่องไง” พูดจบก็ลากเมวดีออกออกจากโรงอาหาร
“เราจะไปไหนกันเหรอ” คนที่นั่งเบาะข้างคนขับหันมาถามด้วยความสงสัย
“ก็ไปสืบในสิ่งที่เราอยากรู้ไง ยังไงวันนี้ฉันจะต้องสืบให้รู้ให้ได้ว่าคนของแกเป็นคนของคนอื่นรึเปล่า”
“เราจะเริ่มจากตรงไหนล่ะ เราไม่มีอะไรที่จะสืบได้เลยนะนอกจากสมุดที่ฉันให้แกไปเมื่อวาน”
“สมุดเล่มนั่นแหละเป็นกุญแจดอกสำคัญ”
“ยังไง? ”
“ฉันใช้รหัสนักศึกษาเขาไปค้นดูตารางเรียนมาเรียบร้อยแล้ว นี่” ยื่นกระดาษที่ปริ้นตารางเรียนให้เมวดี “เราต้องตามเขาไป เราถึงจะรู้ว่าเขามีใครรึเปล่า ยังไงๆ ถ้ามีแฟนก็ต้องมีวิชาที่เรียนด้วยกันบ้างแหละนา”
“แกนี่โคตรฉลาดเลยแพท! ”
“งั้นก็ลุยกันเล๊ย! เพื่อผู้ชายๆ เพื่อผู้ชายๆ ” ทำเสียงฮึกเหิมเรียกกำลังใจพร้อมชูกำปั่น
“เอ่อ...” เมวดีจับแขนข้างที่ชูกำปั่นของเพชรไว้ “ฉันว่าเปลี่ยนเป็น เพื่อรักแท้ดีกว่าไหม เพื่อผู้ชายมันดูแร๊งแรง”
“อ๋อๆ เพื่อรักแท้ๆ ”
“เพื่อรักแท้ๆ ” พูดตามบ้าง
รักได้ยินรึเปล่า #บทที่ 3
“พร้อมแล้วไปกันเถอะ”
“เดี๋ยวๆ ” เพชรคว้าข้อมือเพื่อนสาวจอมมั่นใจอย่างรวดเร็ว
“อะไรอีกล่ะ ตอนนี้มันสายมากแล้วนะ เดี๋ยวก็ไม่มีเวลาสืบกันพอดี”
“แล้วมันสายแบบนี้เพราะชะนีตัวไหนล่ะ” ยกมือเท้าสะเอวด้วยความหมั่นไส้
เมวดียิ้มเจื่อนๆ ด้วยความรู้สึกผิด “โธ่...แกก็ ฉันก็แค่แต่งตัวแป๊บเดี๋ยวเอง” พยายามแก้ตัว
“เหรอ...สองชั่วโมงเนี่ยนะแป๊บเดี๋ยวแก ฉันมารอจนรากจะงอกออกมาอยู่แล้ว”
“แม้แก...ฉันเป็นซุปเปอร์สตาร์นะ จะให้แต่งตัวธรรมดาๆ ได้ยังไง ฉันก็ต้องใช้เวลาในการแต่งเนื้อแต่งตัวหน่อยสิ ไม่งั้นก็อายเขาแย่ แล้วอีกอย่าง...”
“พอๆ ” เพชรยกมือห้าม “ฉันไม่อยากฟังคำสาธยายของแก ไปเปลี่ยนชุดซะ ชุดนี้ไม่ผ่าน”
“ไม่ผ่าน! ไม่ผ่านตรงไหน นี้มันชุดโปรดฉันเลยนะ ออกจะสวยเด่นเข้ากับฉัน” เชิดหน้าอย่างมั่นใจ
เพชรเบ้ปากมองเพื่อนสาวที่อยู่ในชุดเดรสคอกลมแขนกุดสีชมพู มีเข็มกลัดคาดช่วงเอวยิ่งทำให้เห็นหุ่นของเมวดีได้ชัดมากขึ้น บวกกับรองเท้าและกระเป๋าที่เธอใส่มิกซ์แอนด์แมทซ์กันได้เป็นอย่างลงตัว นั่นยิ่งทำให้เธอดูสวยหวานน่ารัก
“ไอ้เรื่องใส่แล้วสวยฉันไม่เถียงแกหรอกนะ แต่ไอ้เรื่องความเหมาะสมเนี่ยฉันเถียงเต็มที่ แกจะบ้ารึเปล่าใส่ชุดนี้ไปมหาวิทยาลัย แกจะไปเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาเหรอไง ดูสิโป๊ะหน้าก็หนา ใครเขาเห็นการแต่งหน้าแต่งตัวของแกเขาก็จำได้แล้วว่าแกเป็นใคร”
“อ้าว...ฉันต้องแต่งให้คนจำไม่ได้เหรอ” ถามอย่างงุนงง
“โอ๊ย...นังเมย ฉันล่ะเบื่อแกจริงๆ แกเคยเห็นในละครไหมเวลาเขาจะไปสืบเรื่องอะไร เขาจะต้องแต่งตัวให้กลมกลืนแฝงเข้าไปเพื่อล่วงความลับออกมา”
“แต่ไอ้นั่นมันละครพวกสืบสวนสอบสวนมีผู้ร้ายต่างหาก เราไม่ได้ไปตามจับพวกผู้ร้ายซะหน่อย ไม่เห็นต้องทำขนาดนั่นเลย เดินไปถามตรงๆ เขาก็จะไม่บอกเราอยู่เหรอแก”
“นัง...นัง...ฉลาด แกจะให้เขารู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองเหรอว่านางเอกสาวดาวรุ่งไปถามประวัติผู้ชายถึงมหาวิทยาลัย หรือแกอยากเป็นข่าวอีกรอบ”
“ไม่ๆ ” รีบปฏิเสธ “ฉันลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย” เพชรถอนหายใจ “แล้วฉันต้องทำยังไงล่ะ ถึงจะไม่มีใครรู้ว่าฉันเป็นใคร”
“เรื่องนั่นมันไม่ยาก ห้องแกมีเครื่องประดับมากมาย เดี๋ยวฉันจะแปลงโฉมแกเอง” ยิ้มเจ้าเล่ห์
“เสร็จรึยัง ออกมาได้แล้ว อะไรนักหนาแค่ใส่ชุดนักศึกษาแค่นี้” เพชรที่ตอนนี้อยู่ในชุดนักศึกษาหญิงยืนบ่นอยู่หน้าห้องน้ำ
“เสร็จแล้วๆ ” คนถูกบ่นเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ “แกฉันว่ามันดูแก่ๆ ยังไงไม่รู้ ใส่แล้วไม่มั่นใจเลย”
เพชรมองเมวดีในชุดนักศึกษาหญิงกระโปรงยาวเกือบถึงพื้น เครื่องประดับต่างๆ ในตอนแรกถูกถอดออกจนหมดแล้วใส่เพิ่มอีกสองชิ้นคือแว่นตาขนาดใหญ่สมัยคุณป้ากับวิกผมสั้นหน้าหม้า ยิ่งดูยิ่งเฉิ่มและเชย ทำให้อดขำไม่ได้
“ไม่ใส่แล้วจะถอด”
เพชรรีบรั้งแขนไว้ “จะถอดทำไมชุดนี้โอเคแล้ว! ”
“โอเค แกหัวเราะทำไมเล่า”
“โอเคๆ ไม่หัวเราะๆ แม้แกก็...ฉันไม่เคยเห็นแกแต่งตัวแบบนี้นี่นา มันไม่เข้ากับแกเลยนะ” สุดท้ายก็หัวเราะออกมาจนได้
“นั่นไง ไม่เข้าแล้วจะให้ใส่ทำไม ใครเห็นเข้าต้องหัวเราะฉันแน่ๆ ”
“ก็เพราะมันไม่เหมาะแหละถึงต้องใส่ ใส่ชุดนี้เข้าไปแล้วดูไม่เหมือนแกเลย รับรองว่าไม่มีใครจำแกได้แน่ๆ ทีนี้ ไปกันเถอะกว่าจะไปถึงก็คงเที่ยงพอดีถือโอกาสไปกินข้าวโรงอาหารด้วยเลย ไม่ได้กินข้าวที่นั่นนานแล้ว อยากไปลำลึกความหลังซะหน่อย”
“ตกลงแกจะไปช่วยฉันหรือจะไปลำลึกความหลังเนี่ย” ถึงบ่นแต่ก็เดินตาม
“ทั้งสองนั่นแหละ”
“เดี๋ยวแพท”
“อะไรอีก” ชะงักฝีเท้าหันมาค้อนอย่างรวดเร็ว
เมวดีไล่สายตามองเพื่อนตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนเบ้ปากหมั่นไส้ “แกดูสวยนะ สวยจนเกินหน้าเกินตา”
เพชรในชุดนักศึกษากระโปรงทรงเอสั้นยิ้มกว้างอย่างภูมิใจ “แน่นอน” เชิดหน้า “แกพึ่งรู้เหรอว่าฉันสวย อยู่ด้วยกันมาตั้งนาน”
เมวดีเบ้ปากอีกรอบ บอกให้เธอแต่งตัวธรรมดาๆ เพื่อไม่ให้เป็นที่สนใจแต่ตัวเองนี่สิ แม้...ผู้ชายเห็นคงต้องมองกันเหลียวหลังแน่ๆ นี่เหรอไม่เด่น “ฉัน...ประ...ชด”
“ทำไมแดดเมืองไทยร้อนแบบนี้นะ” หยิบแว่นกันแดดขึ้นมาสวมก่อนจะเชิดหน้าเหมือนนางแบบ “ไป” เดินนำไปยังโรงอาหารอย่างมั่นใจ
เมวดีอ้าปากค้างมองความโอ้เวอร์ของเพื่อนก่อนจะเดินตามหลังไปติดๆ ยิ่งเห็นคนมองเพชรเธอยิ่งใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ กลัวคนจะจำเธอได้ นังเพื่อนบ้านี่ก็เหมือนกันจะเดินบิดตูดอะไรนักหนา! ไม่ได้เดินแบบซะหน่อย!
“แพทตี้แกช่วยทำตัวปกติหน่อยได้ไหม คนมองกันใหญ่แล้ว”
“คนมันสวยก็งี้แหละ คนก็มองกันเป็นธรรมดา”
“แหวะ...”
“แกจะกินร้านไหน อืม...ร้านนั้นดีกว่า” ถามเองตอบเองพลางชี้ไปที่ร้านอาหารตามสั่งก่อนจะเดินนำไป
เมวดีถอนหายใจ แล้วจะถามตูเพื่อ...
“แกจะเอาไงต่อ จะเริ่มสืบยังไง” เพชรถามขึ้นเมื่อกินข้าวเสร็จ
“ฉันต่างหากต้องถามแก แกก็รู้ว่าฉันไม่ค่อยจะฉลาดเท่าไร” ไม่อยากพูดว่าโง่ (ไม่ยอมรับความจริง)
“แกนี่ก็จริงๆ เลย ดีนะที่เกิดมาโชคดีมีเพื่อนทั้งสวยทั้งฉลาดอย่างฉัน” จับน้ำขึ้นมาดูดแต่ก็เกือบสำลักออกมา “หล่อจัง”
เมวดีมองตามสายตาเพชรไปยังโต๊ะอาหารของร้านข้างๆ สิ่งที่เห็นทำให้ใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ มันเหมือนจะหลุดออกมาเต้นนอกอกให้รู้แล้วรู้รอด เจ้าชาย! สวรรค์บันดาลชัดๆ วันนี้เธอได้เจอเจ้าชายของเธอโดนไม่คาดคิด เนื้อคู่แน่ๆ ยังไงๆ ก็เนื้อคู่
“แพท! คนนี้แหละ” ตีแขนเพื่อนด้วยความตื่นเต้นและทำอะไรไม่ถูก นี่ขนาดเขาไม่มองมานะเนี่ย อยากจะเป็นลม...
เพชรเบิกตากว้าง “คนนี้? ว๊าย! อย่าบอกนะว่าผู้ชายหน้าหล่อคนนั้นคือคนที่ช่วยชีวิตแกเอาไว้”
“ใช่ๆ ”
“ว้าว! หล่อจริงๆ ด้วย ไม่น่าล่ะแกถึงพร่ำเพ้อขนาดนี้ หล่อแบบนี้นี่เอง ว๊าย! เขามองมาด้วย”
ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะไม่หันไปมองอยู่แล้วแต่พอได้ยินเพชรพูดว่าเขาหันมาเมวดีก็รีบหันขวับไปมองอย่างอัตโนมัติ เธอสบตากับเขาแค่แวบเดียวก็รีบหันกับมามองจานข้าวตรงหน้าอย่างรวดเร็วด้วยความอาย คนอะไรไม่รู้แค่มองตาก็หายใจไม่ทั่วท้องแล้ว หยิบน้ำมาจิบรู้สึกคอแห้งขึ้นมาทันที
“ยิ้มด้วย เขาต้องชอบฉันแน่ๆ เลยแก” เพชรพูดขึ้นเล่นเอาเมวดีเกือบสำลักน้ำ เธอรีบหันไปมองอีกรอบแต่เขากลับหันไปคุยกับเพื่อนไม่เห็นยิ้มอย่างที่เพชรบอก
“แกโกหกฉันเหรอนังแพทตี้” ตีแขนเพื่อนอีกครั้ง ไม่รู้ว่าโกรธที่เพชรโกหกหรือโกรธที่เขายิ้มให้เพชรเห็นคนเดียวกันแน่
“เขายิ้มจริงๆ นะแก เขาต้องชอบฉันแน่ๆ ” พูดขำๆ
“ถ้าแกยุ่งกับคนของฉัน ฉันจะบอกแม่ฉันให้จัดงานแต่งฉันกับแกตามที่เคยตกลงกันไว้ แล้วฉันจะรังครวญชีวิตแก ไม่ให้แกมีผัวไปตลอดชีวิต ฉันจะ...”
“พอๆ อี๋...ขนลุก” รีบห้ามเพราะขู่แค่นี้ก็รู้สึกสะอิดสะเอียนพอแล้ว “ฉันสัญญาว่าจะไม่ยุ่งกับคนของแกก็ได้”
“ดี...พูดกันง่ายๆ แบบนี้จะได้ไม่ต้องขู่ให้เปลืองน้ำลาย”
“แล้วแกจะเอาไงต่อ เข้าไปขอเบอร์เลยดีไหม เดี๋ยวฉันขอให้”
“บ้า! ฉันเป็นใคร ฉัน...นางเอกซุปเปอร์สตาร์ของเมืองไทย แล้วนั่นใคร แค่นักศึกษาธรรมดาๆ จะให้ฉันลดตัวลงไปขอเบอร์เขาเหรอ ไม่มีทาง รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น”
“จ้า ทำเป็นอาย... แล้วไอ้ที่หอบสังขารมาถึงนี้ไม่ใช่เพราะจะมาจีบเขาหรอกเหรอ แหม่ทำเป็นมีศักดิ์ศรี ...แม่นางเอก ระวังนะสุนัขตัวเมียแถวๆ นี้จะคาบไปรับประทานก่อนนะจ๊ะ”
“นั้นแหละที่ฉันอยากเห็น ฉันอยากรู้ว่าเขามีเจ้าของรึยัง ถ้ามีแล้วฉันก็จะไม่ยุ่ง”
“นางเอ๊ก นางเอก” ลากเสียง
“แน่นอน ก็ฉันเป็นนางเอกนี่นา”
“งั้นก็ไป”
“ไปไหน? “
“ก็ไปสืบให้รู้เรื่องไง” พูดจบก็ลากเมวดีออกออกจากโรงอาหาร
“เราจะไปไหนกันเหรอ” คนที่นั่งเบาะข้างคนขับหันมาถามด้วยความสงสัย
“ก็ไปสืบในสิ่งที่เราอยากรู้ไง ยังไงวันนี้ฉันจะต้องสืบให้รู้ให้ได้ว่าคนของแกเป็นคนของคนอื่นรึเปล่า”
“เราจะเริ่มจากตรงไหนล่ะ เราไม่มีอะไรที่จะสืบได้เลยนะนอกจากสมุดที่ฉันให้แกไปเมื่อวาน”
“สมุดเล่มนั่นแหละเป็นกุญแจดอกสำคัญ”
“ยังไง? ”
“ฉันใช้รหัสนักศึกษาเขาไปค้นดูตารางเรียนมาเรียบร้อยแล้ว นี่” ยื่นกระดาษที่ปริ้นตารางเรียนให้เมวดี “เราต้องตามเขาไป เราถึงจะรู้ว่าเขามีใครรึเปล่า ยังไงๆ ถ้ามีแฟนก็ต้องมีวิชาที่เรียนด้วยกันบ้างแหละนา”
“แกนี่โคตรฉลาดเลยแพท! ”
“งั้นก็ลุยกันเล๊ย! เพื่อผู้ชายๆ เพื่อผู้ชายๆ ” ทำเสียงฮึกเหิมเรียกกำลังใจพร้อมชูกำปั่น
“เอ่อ...” เมวดีจับแขนข้างที่ชูกำปั่นของเพชรไว้ “ฉันว่าเปลี่ยนเป็น เพื่อรักแท้ดีกว่าไหม เพื่อผู้ชายมันดูแร๊งแรง”
“อ๋อๆ เพื่อรักแท้ๆ ”
“เพื่อรักแท้ๆ ” พูดตามบ้าง