คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
ไม่มีใครเป็นกาวใจให้ใครได้นอกจากตัวเองนะคะ ..
อยากให้มองปัญหาที่ละเรื่อง .. เรื่องพ่อ ตัดทิ้งค่ะ ตัณหาเข้าตา ไม่มีใครดึงออกให้ได้
เรื่องแม่ ค่อยๆ คุยค่ะ บอกแม่ว่า ไม่มีพ่อ แต่ยังมีคุณ คุณก็โตแล้ว คงไม่ต้องครอบครัวสุขสรรค์อะไร
บอกแค่ให้แม่ทำใจให้สบาย ปล่อยพ่อไปค่ะ
บ้านเราก็มีปัญหาแบบนี้ ตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ยันโตจะเข้ามหาลัย(พอดีพ่อแม่ยอมเลิกกันตอน ม.ปลายได้)
พ่อแม่โช้งเช้งกันมาตั้งแต่เด็ก ดีที่พ่อไม่ทำร้ายร่างกายแม่ไม่ใช้อาวุธ แต่พ่อเราอารมณ์ร้าย ทำลายข้าวของ
เมื่อก่อนแม่เราก็ช้ำใจ แก้ด้วยการกินเหล้าออกเที่ยวปล่อยลูกๆ อยู่บ้านดูแลตัวเอง
โชคดีอีกเรื่องที่เรื่องการเงินบ้านเราไม่มีปัญหา และพ่อรู้หน้าที่ ว่าต้องกลับมาส่งลูกไปเรียนทุกเช้า
สรุปค่ะ เราคิดว่าคุณโตพอจะเข้าใจอะไรแล้ว ยอมรับเรื่องพ่อได้ไม่ใช่เด็กๆ ที่ต้องกลัวว่าจะขาดความอบอุ่น
ปัญหาหลัก คือพูดให้แม่เข้าใจให้ได้ค่ะ ว่าปล่อยพ่อไป รั้งไว้มีแต่ตัวเองจะทุกข์ค่ะ
ทางที่ดี คุยกับพ่อได้ยิ่งดี ว่าจะไปก็ไป อย่ามาเทียวไล้ เทียวขื่อ
ไปๆมา ๆให้แม่เห็นหน้าแล้วต้องช้ำใจ(คุยกับแม่ก่อนนะว่าทำใจได้มั้ย)
คือ เอาตามที่เราเจอ ตอนที่เรามีปัญหาเรื่องรักซ้อนกับแฟน เราว่า
เวลาที่เราไม่เจอกัน คิดว่าเค้าไม่ใช่คนของเรา ทำใจ .... ให้เค้าเป็นของคนอื่นไปเลย
เรามีความสุขกว่าตอนที่เราคิดว่าเค้าเป็นคนของเรา แต่ก็เป็นคนของคนอื่นด้วยในเวลาเดียวกันค่ะ
เลยคิด .. ว่าแม่คุณก็คงคล้ายกัน ถึงเวลาคนจะทำใจก็คงอยากให้ไปเลยดีกว่า
แต่ฝ่ายชาย(คุณพ่อ) ยึก ๆยักๆ จะไปก็ไม่ไป ไปๆมาๆ ทำกับเราเป็นของตาย มาเมือ่ไหร่ก็ได้ ไปเมื่อไหร่ก็ได้
หัวใจมันช้ำค่ะ ว่าอยู่กับเรา แต่ถึงเวลาก็ไปกับคนอื่นแล้วก็กลับมาหาเราแบบไม่มีความรู้สึกผิดอะไร
ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่างนี้อย่ามาอยู่ด้วยกันเลยซะดีกว่า คุยกับเขาให้มาก ๆ นะคะ
แต่เข้าใจว่าเวลานี้ .. เหตุผลคงหาไม่เจอในบ้านคุณ คงมีแค่อารมณ์ กับอารมณ์
หาเทปธรรมมะให้ฟังบ่อย ๆ บางทีใจจะซึมซับและเย็นขึ้นได้ บางครั้งข้อธรรมมันทำให้ใจได้คิดจริงๆ ค่ะ
ส่วนเรื่องเงิน ... ใครเป็นหนี้ คนนั้นแก้ค่ะ พี่ชายสร้างหนี้ พี่ชายใช้ไปค่ะ นั่นคือปัญหาเค้า อย่าแบกไว้กับตัว
บอกแม่ด้วยค่ะ ทุกคนโตแล้ว ต้องแก้ปัญหาด้วยตัวเอง อย่าอุ้มลูกในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่อง มันจะกลายเป็นพ่อแม่รังแกฉันได้ค่ะ
ส่วนภาระทางบ้านถ้ามันหนักเกิน ทั้งบ้าน ทั้งรถ .. ควรตัดทิ้งซักทางค่ะ เก็บบ้านไว้ ปล่อยรถไปอะไรก็ว่าไปค่ะ
เพราะรถ ถึงเวลามีค่าบำรุงรักษา ค่าประกัน ค่าน้ำมัน ค่าหยุมหยิม จุกจิกเยอะค่ะ
ค่าเทอม หากขอทุนได้ก็ขอ กู้เรียนได้ก่อนก็กู้ ค่อย ๆ แก้ไปปัญหาไปนะคะ
ขอให้ผ่านจุดนี้ไปได้ค่ะ 4 เดือน แค่เพิ่งเริ่มต้นเองค่ะ
สำหรับเรา เรามองภาพ พ่อแม่ทะเลาะกัน ... ตั้งแต่จำความได้ จนม.ปลาย พ่อแม่ถึงยอมเลิกกัน
เราแค่จะบอกว่า ปัญหา มันคงยังมีอีกยาว ขอให้มีสติและเจอทางแก้ไข้ได้เร็ววันนะคะ
ปล. เป็นแค่คำเสนอแนะนะคะ อาจจะไม่ดีพอ แต่อย่างน้อย เป็นกำลังใจให้นะคะ
อยากให้มองปัญหาที่ละเรื่อง .. เรื่องพ่อ ตัดทิ้งค่ะ ตัณหาเข้าตา ไม่มีใครดึงออกให้ได้
เรื่องแม่ ค่อยๆ คุยค่ะ บอกแม่ว่า ไม่มีพ่อ แต่ยังมีคุณ คุณก็โตแล้ว คงไม่ต้องครอบครัวสุขสรรค์อะไร
บอกแค่ให้แม่ทำใจให้สบาย ปล่อยพ่อไปค่ะ
บ้านเราก็มีปัญหาแบบนี้ ตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ยันโตจะเข้ามหาลัย(พอดีพ่อแม่ยอมเลิกกันตอน ม.ปลายได้)
พ่อแม่โช้งเช้งกันมาตั้งแต่เด็ก ดีที่พ่อไม่ทำร้ายร่างกายแม่ไม่ใช้อาวุธ แต่พ่อเราอารมณ์ร้าย ทำลายข้าวของ
เมื่อก่อนแม่เราก็ช้ำใจ แก้ด้วยการกินเหล้าออกเที่ยวปล่อยลูกๆ อยู่บ้านดูแลตัวเอง
โชคดีอีกเรื่องที่เรื่องการเงินบ้านเราไม่มีปัญหา และพ่อรู้หน้าที่ ว่าต้องกลับมาส่งลูกไปเรียนทุกเช้า
สรุปค่ะ เราคิดว่าคุณโตพอจะเข้าใจอะไรแล้ว ยอมรับเรื่องพ่อได้ไม่ใช่เด็กๆ ที่ต้องกลัวว่าจะขาดความอบอุ่น
ปัญหาหลัก คือพูดให้แม่เข้าใจให้ได้ค่ะ ว่าปล่อยพ่อไป รั้งไว้มีแต่ตัวเองจะทุกข์ค่ะ
ทางที่ดี คุยกับพ่อได้ยิ่งดี ว่าจะไปก็ไป อย่ามาเทียวไล้ เทียวขื่อ
ไปๆมา ๆให้แม่เห็นหน้าแล้วต้องช้ำใจ(คุยกับแม่ก่อนนะว่าทำใจได้มั้ย)
คือ เอาตามที่เราเจอ ตอนที่เรามีปัญหาเรื่องรักซ้อนกับแฟน เราว่า
เวลาที่เราไม่เจอกัน คิดว่าเค้าไม่ใช่คนของเรา ทำใจ .... ให้เค้าเป็นของคนอื่นไปเลย
เรามีความสุขกว่าตอนที่เราคิดว่าเค้าเป็นคนของเรา แต่ก็เป็นคนของคนอื่นด้วยในเวลาเดียวกันค่ะ
เลยคิด .. ว่าแม่คุณก็คงคล้ายกัน ถึงเวลาคนจะทำใจก็คงอยากให้ไปเลยดีกว่า
แต่ฝ่ายชาย(คุณพ่อ) ยึก ๆยักๆ จะไปก็ไม่ไป ไปๆมาๆ ทำกับเราเป็นของตาย มาเมือ่ไหร่ก็ได้ ไปเมื่อไหร่ก็ได้
หัวใจมันช้ำค่ะ ว่าอยู่กับเรา แต่ถึงเวลาก็ไปกับคนอื่นแล้วก็กลับมาหาเราแบบไม่มีความรู้สึกผิดอะไร
ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่างนี้อย่ามาอยู่ด้วยกันเลยซะดีกว่า คุยกับเขาให้มาก ๆ นะคะ
แต่เข้าใจว่าเวลานี้ .. เหตุผลคงหาไม่เจอในบ้านคุณ คงมีแค่อารมณ์ กับอารมณ์
หาเทปธรรมมะให้ฟังบ่อย ๆ บางทีใจจะซึมซับและเย็นขึ้นได้ บางครั้งข้อธรรมมันทำให้ใจได้คิดจริงๆ ค่ะ
ส่วนเรื่องเงิน ... ใครเป็นหนี้ คนนั้นแก้ค่ะ พี่ชายสร้างหนี้ พี่ชายใช้ไปค่ะ นั่นคือปัญหาเค้า อย่าแบกไว้กับตัว
บอกแม่ด้วยค่ะ ทุกคนโตแล้ว ต้องแก้ปัญหาด้วยตัวเอง อย่าอุ้มลูกในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่อง มันจะกลายเป็นพ่อแม่รังแกฉันได้ค่ะ
ส่วนภาระทางบ้านถ้ามันหนักเกิน ทั้งบ้าน ทั้งรถ .. ควรตัดทิ้งซักทางค่ะ เก็บบ้านไว้ ปล่อยรถไปอะไรก็ว่าไปค่ะ
เพราะรถ ถึงเวลามีค่าบำรุงรักษา ค่าประกัน ค่าน้ำมัน ค่าหยุมหยิม จุกจิกเยอะค่ะ
ค่าเทอม หากขอทุนได้ก็ขอ กู้เรียนได้ก่อนก็กู้ ค่อย ๆ แก้ไปปัญหาไปนะคะ
ขอให้ผ่านจุดนี้ไปได้ค่ะ 4 เดือน แค่เพิ่งเริ่มต้นเองค่ะ
สำหรับเรา เรามองภาพ พ่อแม่ทะเลาะกัน ... ตั้งแต่จำความได้ จนม.ปลาย พ่อแม่ถึงยอมเลิกกัน
เราแค่จะบอกว่า ปัญหา มันคงยังมีอีกยาว ขอให้มีสติและเจอทางแก้ไข้ได้เร็ววันนะคะ
ปล. เป็นแค่คำเสนอแนะนะคะ อาจจะไม่ดีพอ แต่อย่างน้อย เป็นกำลังใจให้นะคะ
แสดงความคิดเห็น
เมื่อแม่มาบอกว่า "อยากตาย"
ปัญหาข้อที่ 1 พ่อผมมีเมียน้อย ซึ่งแม่ผมเป็นเมียหลวง ท่านจะทำใจได้อย่างไรกับการที่คนที่ท่านรักไปนอนกับผู้ ญ อื่น บางครั้งผมก็หมดความอดทนกับพ่อ ผมเคยเตือนเขาเเล้วว่ามีใครก็มีไปแต่อย่าทำประเจิดประเจ้อจนสังคมเขารับรู้ และด้วยปัญหานี้เอง บ้านผมลุกเป็นไฟตลอด 4 เดือนเต็มผมต้องทนมองแม่นั้งกองกับพื้นร้องไห้ ทนมองเขาด่ากัน และคอยห้ามปรามเมื่อเขาทั้งสองเริ่มจะใช้อาวุธทำอันตรายกัน ผมเหนื่อยมากตลอด 4 เดือน
ปัญหาข้อที่ 2 ฐานะทางบ้านผมฝืดเคืองมาก ไหนจะส่งผมเรียน ไหนจะผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เงินใช้จ่ายภายในครอบครัว......พอไม่มีเงินความสงบสุขในบ้านก็เลือนหายไป างคนต่างก็กล่าวโทษเรื่องในอดีต จนลืมหาต้นตอของปัญหา และแก้ปัญหานั้น
ปัญหาข้อที่ 3 คุณพี่ชายสุดที่รักของผม แทนที่มันจะช่วยประคับประคองครอบครัว มันกับ สร้างหนี้เป็นแสนๆ ซึ่งทำให้แม่ผมเครียดมากผมยังจำคำมันได้ คือ ตราบใดที่พ่อแม่ไม่ดีกันมันจะไม่กลับมาบ้าน ผมก็พูดไม่ออก เขาเป็นลูก ผมก็เป็นลูก คนเราเป็นลูกก็ต้องมีหน้าที่เป็นกาวใจให้พ่อแม่ เป็นที่พึ่งทางใจให้แม่ ซึ่งมันหนีปัญหาไปผมไม่ว่าแต่มันกับสร้างปัญหามาทับถมอีก เหอะๆไม่รู้จะพูดยังไง
สุดท้ายผมก็แค่ขอระบายบ้าง เพราะผมระบายกับใครไม่ได้ ผมต้องเป็นที่พึ่งให้แม่ แสดงความอ่อนแอไม่ได้ วันนี้ช็อคมาก แม่พูดคำว่า"อยากตาย พวกแกจะได้สบายหนี้สินทั้งหมดหลุด ได้เงินบำนาญเป็นล้าน" ผมละอึ่ง ผมรู้นะแม่เหนื่อยกับการเป็นหัวหน้าครอบครัว แต่ไม่คิดว่าท่านจะคิดอะไรแบบนี้ ผมสงสารท่านจริงๆๆ แต่ผมช่วยอะไรท่านไม่ได้มากนอกจากให้กำลังใจ
ขอโทษนะครับที่ระบายซะยืดยาว