ผมขอปรึกษาเริ่องโมเดลธุรกิจ "ร้านซ่อมกระเป๋า" ของผมหน่อยครับ

สวัสดีครับ
คือผมทำธุรกิจเกี่ยวกับร้านซ่อมกระเป๋าครับ คือถ้ากระเป๋าชำรุด ฉีกขาด หรือมีรอยดำรอยด่าง ผมสามารถซ่อมให้ได้ครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับสภาพของกระเป๋าที่เอามาซ่อมด้วยนะครับ ว่ายับเยินมามากน้อยแค่ไหน จะกลับเป็นปกติได้หรือเปล่า

แต่ก่อนเนี่ย ก็คือซ่อมให้กับทุกคนที่เข้ามาใช้บริการครับ เก็บเงินมากบ้าง น้อยบ้างตามแต่สภาพกระเป๋า หากว่าลูกค้าไม่มีเงินซ่อมจริงๆ ก็อาจจะยกหนี้ให้ (แต่ไม่บ่อยหรอกนะครับ) ตอนนั้นก็สามารถทำธุรกิจพออยู่รอดไปได้ อาจเพราะส่วนหนึ่งมีเงินสนับสนุนจากภายนอก และก็เก็บเงินค่าซ่อมได้ตามจริงครับ
ผู้ชายอมยิ้ม01
พอมาช่วงสักเกือบๆ 10 ปีที่ผ่านมา มีลูกค้ารายใหญ่ครับ (ผมขอเรียกว่าคุณรัฐนะครับ) มาทำข้อตกลงกับร้านของผม โดยเขาใช้ระบบตอบรับสมาชิกครับ ค่าสมัครสมาชิกฟรี ใครจะสมัครก็ได้(ถ้าไม่ได้สมัครสมาชิกที่อื่นอยู่แล้ว) แต่สมาชิกก็มีค่าใช้จ่ายประจำปีครับ โดยค่าใช้จ่ายประจำปีที่ต้องจ่ายให้กับคุณรัฐนั้น ก็มากบ้างน้อยบ้างตามแต่ฐานะของสมาชิก (ผมก็ไม่รู้รายละเอียดมากเท่าไหร่หรอกครับ) จากนั้นเขาก็จะคำนวณค่าใช้จ่ายต่างๆนาๆประจำปีของเขา รวมถึงเขาก็เฉลี่ยค่าใช้จ่ายการซ่อมกระเป๋าประจำปี แล้วก็มาแจ้งบอกว่าปีนึงๆจะให้เงินผมจำนวนก้อนหนึ่ง (เขาคำนวณมาแล้ว) แต่ว่าร้านของผมต้องให้บริการซ่อมกระเป๋าให้กับสมาชิกของคุณรัฐทุกคนฟรี โดยไม่มีข้อแม้ ห้ามเก็บเงินจากสมาชิกเพิ่ม

ผมก็เห็นว่าวิธีนี้ดีตรงที่คนจนก็สามารถมีกระเป๋าดีๆใช้ได้ ไม่ต้องจ่ายเงินหากกระเป๋าเสีย
แต่อีกใจนึงก็คิดว่า เงินที่คุณรัฐให้ผมจะพอในการบริหารงานของผมไหม

ท้ายที่สุด ผมก็เหมือนถูกแกมบังคับด้วยกฎหมาย ให้ต้องตอบรับเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการของคุณรัฐครับ (เศร้า แต่ก็แอบดีใจที่คนจนหลายๆคนจะได้รับบริการด้วย)

อมยิ้ม22อมยิ้ม20

ทีนี้ปัญหามันอยู่ตรงนี้ครับ
ตลอดระยะเวลาการทำงานที่ผ่านมาทั้งหมดเนี่ย เจอสมาชิกของคุณรัฐหลายรูปแบบมากครับ บางคนก็ดี๊ดี มาขอซ่อมด้วยความเคารพเกรงอกเกรงใจ แต่บางคนครับ เอามีดมากรีดกระเป๋าตัวเองแล้วจะมาซ่อม พอซ่อมให้เสร็จ กลับไปสักพักก็กลับมาใหม่ครับ “เอามีดกรีดกระเป๋าตัวเอง เหมือนเดิม!!!!” พระเจ้าช่วย!!! จะทำไงได้ครับ ผมก็ต้องซ่อมให้เขาไปใหม่ แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็แนะนำให้ทิ้งล่ะครับ

บางคนถึงขั้นเผากระเป๋าครับ แล้วมาบอกว่าอยากได้กระเป๋าที่สภาพดีเหมือนเดิม อมยิ้ม18

บางคนใช้ไม่ระมัดระวัง ตัวกระเป๋าเขามีวิธีใช้อยู่แล้ว ว่าให้ใส่ Safety ก่อนใช้ ก็ไม่ใส่ครับ ที่นี้พอเกิดเหตุขึ้นมา ความเสียหายมันรุนแรงขึ้นมากครับ ซ่อมยากมากๆ บางครั้งก็ซ่อมไม่ได้จริงๆ เฮ้ออออ… เสียดายกระเป๋าครับ ร้องไห้

แต่ก็มีหลายคนที่น่าซ่อมให้ครับ เพราะว่ากระเป๋าเขามันไม่ดีจริงๆ ใช้แล้วต้องซ่อมบ่อย อันนี้ผมเห็นใจและเต็มใจช่วยครับ

หลังซ่อมกระเป๋าแล้ว ผมก็จะแนะนำวิธีดูแลกระเป๋าครับ ว่าให้ทาน้ำมันบ้าง เช็ดบ้าง อย่าตากแดดนานๆ เป็นต้น สมาชิกของคุณรัฐก็ฟังบ้าง ไม่ฟังบ้าง แล้วแต่ครับ อันนี้ผมก็เข้าใจ

ระหว่างหลายปีที่ผ่านมาก็มีปัญหามากบ้าง น้อยบ้าง ตามแต่สภาพเศรษฐกิจครับ ผู้ใช้บริการเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ (เพราะคุณรัฐเขาเปิดให้สมัครสมาชิกฟรีไงครับ) พอผู้รับบริการเยอะ เจ้าหน้าที่ของผมก็เริ่มงานหนักขึ้นเรื่อยๆครับ ฐานะทางการเงินขาดทุนอยู่ตลอดๆครับ แต่ก็พยายามประคองให้มันรอดไปได้

ลองคิดดูนะครับ เงินค่าซ่อมได้มาจำกัด แต่เงินที่ต้องออกไปซ่อม ออกแบบไม่จำกัด… โดยเฉพาะคนที่ทำกระเป๋าตัวเองพัง โดยตั้งใจ ผมก็ต้องซ่อมให้ฟรี อันนี้มันน่าซ่อมให้ไหมล่ะครับ

แย่

คุณรัฐเองก็ทราบปัญหานี้ดี และก็พยายามช่วยเพิ่มเงินประจำปีให้กับร้านของผมครับ แต่ยังไง๊ยังไงก็ยังไม่พอ (จนถึงบัดนี้ ร้านของผมก็ยังอยู่ในภาวะขาดทุนอยู่เลยครับ)

ปัจจุบันครับ ทีนี้พอคนมาใช้บริการมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เงินไม่ได้เพิ่มขึ้นเท่าๆจำนวนผู้รับบริการที่มากขึ้น ผมก็พยายามจำกัดต้นทุนของผมครับ(แต่พยายามไม่ลดคุณภาพนะครับ) พอคุณภาพตกหน่อย ผู้รับบริการได้ของช้าหน่อย ก็มีการร้องเรียนครับ ซึ่งหลายๆครั้ง คุณรัฐ ก็ต้องให้เงินช่วยเหลือแก่ผู้เสียหายไปครับ (คนยิ่งร้องเรียน ยิ่งได้ครับ) บางครั้งของที่มันซ่อมไม่ได้จริงๆ (เกิดจากตัวกระเป๋าของมันเองที่ผิดพลาด) เจ้าลูกน้องของผมก็พยายามเต็มที่ที่จะซ่อมมัน แต่ก็ซ่อมไม่ได้ ก็กลายเป็นว่าเป็นความผิดของลูกน้องของผมอีก โดนร้องเรียนอีก เฮ้ออออ…. เสียกำลังใจลูกน้องผมอย่างยิ่งเลยครับ

ร้องไห้ร้องไห้

มาดูคู่แข่งผมครับ ให้บริการดีกว่า มีศูนย์รับกระเป๋าโดยตรง แต่ผมว่าคุณภาพการซ่อมใกล้เคียงกัน เขาไม่ได้เข้าระบบกับของคุณรัฐครับ เขาเก็บเงินจากลูกค้าทุกคน (ผมว่าค่อนข้างแพงด้วย แต่ก็น่าจะเหมาะกับบริการที่เขาให้แหละครับ) แต่ผมเห็นเขาโตวันโตคืนครับ อิจฉามากเลยครับ

ผมเลยมีคำถามดังนี้ครับ
1. ผมควรทำอย่างไรดีครับ เพราะจะออกจากระบบของคุณรัฐก็ไม่ได้ (กฎหมายบังคับ) จะลดคุณภาพการซ่อมลงก็ไม่ได้ (เห็นใจคนมารับบริการครับ)
2. เห็นด้วยกับผมไหมครับ ว่าคนที่ทำร้ายกระเป๋าตัวเองควรต้องจ่ายเงิน ถ้าไม่เห็นด้วยเพราะอะไรครับ

ช่วยผมคิดโมเดลธุรกิจหน่อยครับ ว่าจะไปคุยกับคุณรัฐอย่างไรดี

ปล. ผมก็พอมีลูกค้าที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของคุณรัฐมาใช้บริการบ้างครับ แต่ก็ไม่เยอะมาก ถ้าเก็บเงินแพงก็ไม่ได้อีกครับ เพราะคุณรัฐเขากำหนดราคากลางไว้
ปล. 2 ตอนนี้ขาดทุนหนักจริงๆครับ เงินสวัสดิการลูกน้อง ต้องตกเบิกไปเกือบ 6 เดือนครับ (รอเงินจากคุณรัฐ)
ปล. 3 ไม่ใช่ว่าผมไม่ได้พยายามหารายได้เสริมนะครับ แต่ข้อจำกัดของคุณรัฐเยอะเหลือเกินครับ ทำผิดไปก็ผิดกฎหมายอีก เฮ้ออออ…
ปล. 4 ลูกน้องเก่งๆของผมหลายคน ทั้งๆที่อยากอยู่ช่วยกันแต่ทนภาระงานไม่ไหว ลาออกไปอยู่กับคู่แข่งเยอะมากเลยครับ ฮือ ฮือ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่