ถึง บริษัท เพาเวอร์บาย จำกัด (สาขาลาดพร้าว)
*** ดิฉันมั่นใจนะค่ะว่าดิฉันและครอบครัวเป็นลูกค้าที่ดีของเพาเวอร์บายมาโดยตลอด ไม่เคยมีปัญหา แต่มาถึงว่านี้แล้ว เพาเวอร์บายคงขาดความรับผิดชอบต่อลูกค้า ดิฉันซื้อสินค้าที่เพาเวอร์บายน่ะคะ ไม่ได้ไปซื้อที่บริษัท Philips ปัญหามันจึงต้องระหว่างดิฉันซึ่งเป็น “ลูกค้า” กับเพาเวอร์บาย “ผู้ขาย” ไม่ใช่ปัดให้บริษัท “ผู้ผลิต” เป็นคนมาติดต่อกับลูกค้า
- วันที่ 24 ส.ค. 57 ได้ซื้อโทรทัศน์สี ยี่ห้อ Philips รุ่น LED 46 นิ้ว ในราคา 31,994 บาท (สามหมื่นหนึ่งพันเก้าร้อยเก้าสิบบาทถ้วน) โดยชำระด้วยบัตรเครดิตรูดเต็มจำนวน และนัดให้พนักงานจัดส่งสินค้าให้ในวันที่ 31 ส.ค. 57
- ต่อมาวันที่ 31 ส.ค. 57 เวลาประมาณ 13.00-14.00 น. พนักงานจัดส่งสินค้าและติดตั้งสินค้าให้เสร็จ ปรากฏว่าโทรทัศน์ไม่สามารถเปิดได้ พนักงานพยายามอยู่หลายครั้ง เมื่อไม่สามารถเปิดโทรทัศน์ได้ พนักงานส่งสินค้าจึงแจ้งว่าจะติดต่อให้พนักงานขายมาดูเครื่องให้ และขอให้เซ็นรับสินค้าเพราะมันเป็นคนละส่วนกัน เมื่อพนักงานส่งสินค้ากลับไปแล้ว พนักงานขาย(คุณพงษ์ศักดิ์) ที่ขายสินค้าให้ก็มาถึงประมาณ 15.00 น. เพื่อดูสินค้าให้ปรากฏว่าโทรทัศน์ไม่สามารถเปิดได้ พนักงานขายจึงแจ้งว่าจะนำเครื่องมาเปลี่ยนให้ภายใน 3 วัน
- ต่อมามีพนักงานจากบริษัท Philips แจ้งว่าจะส่งช่างเข้ามา จึงถามกลับไปว่าจะส่งมาทำอะไร ถ้าส่งมาซ่อมไม่ต้องมา เพราะเครื่องยังไม่เคยผ่านการใช้งานทำไมถึงจะส่งช่างมาซ่อม ยืนยันกลับไปที่พนักงาน Philips ว่าต้องการเปลี่ยนเครื่อง พนักงานก็แจ้งว่าจะติดต่อกลับมาใหม่
- วันที่ 9 ก.ย. 57 เมื่อไม่มีผู้ใดติดต่อกลับมา ไม่ว่าจะเป็นพนักงานขาย เพาเวอร์บาย หรือ Philips จึงโทรตามเรื่องกับพนักงานขาย ทราบว่าไม่มีสินค้าแล้วให้เปลี่ยนเครื่องใหม่ จึงโทรเข้า Call Center เพื่อสอบถามและขอคำแนะนำกรณีต้องการคืนสินค้า พนักงาน Call Center แจ้งว่าให้เอาเอกสาร คือตัวใบเสร็จ และสลิปบัตรเครดิต เข้าไปติดต่อที่สาขาที่ซื้อสินค้าได้เลย จึงเดินทางมาที่เพาเวอร์บาย ห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว เพราะติดต่อ ขอคืนเครื่องและรับเงินคืน จึงได้พบกับพนักงานขายและยังบอกด้วยว่าจะคืนเงินให้ โดยคืนเข้าบัตรเครดิต จึงแจ้งพนักงานไปว่าจะคืนเข้าบัตรได้อย่างไรในเมื่อรูดบัตรเครดิตจ่ายเต็มจำนวน และทางธนาคารข้าวของบัตรก็ได้เรียกเก็บเงินแล้ว เพราะเพาเวอร์บายได้ส่งเรื่องไปเรียกเก็บเงินค่าสินค้าเรียบร้อยแล้ว
จึงตัดสินใจกับสามีที่ไปด้วยว่าจะดูเครื่องอื่นใหม่ หากมีราคาสูงกว่าเครื่องเดิมยินดีจะเสียส่วน ที่เพิ่มให้ เพื่อตัดปัญหา แต่ปรากฏว่าบุคคลที่พนักงานขายเรียกว่า “หัวหน้า” แจ้งว่ายังไม่สามารถเปลี่ยนได้เพราะยังไม่ได้รับรายงานจากทางบริษัทว่าให้เปลี่ยน สรุปวันที่ 9 ก.ย. 57 เสียเวลาอยู่กลับเพาเวอร์บายเกือบ 4 ชั่วโมง โดยไม่ได้อะไรเลย คือต้อง “รอ”
- ต่อมาได้รับการติดต่อจากพนักงานบริษัท Philips เป็นครั้งที่ 2 ว่าจะส่งช่างเข้ามาดูสินค้า จึงแจ้งยืนยันกับพนักงานไปอีกครั้งว่าต้องการเปลี่ยนเครื่องใหม่ พนักงานก็แจ้งว่าจะติดต่อกลับมาใหม่อีกครั้งเป็นครั้งที่ 2
- ต่อมาวันที่ 14 ก.ย. 57 ได้โทรหาพนักงานขาย(ที่ไม่มีความรับผิดชอบ) ว่าต้องการให้มาเอาสินค้าออกจากที่บ้านพักไปเลยภายในวันนี้(14 ก.ย.57) และจะเข้าไปติดต่อขอรับเงินคืนที่สาขาเอง พนักงานขายบอกว่าจะแจ้งหัวหน้าทราบให้ เมื่อไม่ได้รับคำตอบจึงโทรเข้า Call Center บอกความประสงค์กับพนักงานไปว่าขอให้ส่งเจ้าหน้าที่มาเอาสินค้าออกด่วน แต่พนักงานขอส่งเรื่องให้ Philips อีกครั้งหนึ่ง เพราะหากไม่มีใบรายงานจาก Philips ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนเครื่องได้
เพาเวอร์บายไม่ได้ทำตามที่คุณโฆษณาการันตีไว้ว่า “เพาเวอร์บาย ยินดีรับเปลี่ยนหรือคืนสินค้า ที่มีใบเสร็จรับเงินของเพาเวอร์บาย ภายใน 7 วัน นับจากวันที่ซื้อ ในกรณี สินค้า และ/หรือของแถม ที่ใช้งานไม่ได้อันมีสาเหตุจากความบกพร่องในการผลิต”
คุณอย่าบอกปัดความรับผิดชอบว่าต้องให้ช่างจากบริษัทผู้ผลิตมาดูสินค้าให้ก่อนจึงจะดำเนินการได้ เพราะ พนักงานขายของคุณได้รับการศึกษาจากสินค้านั้นเป็นอย่างดี และวันที่ 9 ก.ย. 57 ดิฉันก็ยังเห็นว่าพนักงานขายยังเสนอขายสินค้าตัวเดียวกับที่ดิฉันซื้อให้ลูกค้าคนอื่นอีกทั้งที่คุณแจ้งดิฉันว่าไม่มีสินค้าแล้ว
การบริการติดตั้งของคุณ “โดยช่างผู้ชำนาญ ที่ได้รับการยอมรับจาก บริษัทผู้ผลิตสินค้าชั้นนำ” เพราะฉะนั้นช่างติดตั้งของคุณเปิดโทรทัศน์เป็นแน่นอนค่ะ
ถึงวันนี้แล้วดิฉันไม่ต้องการเปลี่ยนสินค้าแล้วค่ะ ดิฉันต้องการคืนสินค้า ช่วยกรุณามานำสินค้าออกจากบ้าน ดิฉันด่วน และคืนเงินสดมาให้เต็มจำนวนด้วยค่ะ ดิฉันไม่คิดค่าเสียเวลาอื่นใดทั้งสิ้น
ขอร่วมแชร์ การกระทำที่ขาดความรับผิดชอบของเพาเวอร์บายที่มีต่อลูกค้า
*** ดิฉันมั่นใจนะค่ะว่าดิฉันและครอบครัวเป็นลูกค้าที่ดีของเพาเวอร์บายมาโดยตลอด ไม่เคยมีปัญหา แต่มาถึงว่านี้แล้ว เพาเวอร์บายคงขาดความรับผิดชอบต่อลูกค้า ดิฉันซื้อสินค้าที่เพาเวอร์บายน่ะคะ ไม่ได้ไปซื้อที่บริษัท Philips ปัญหามันจึงต้องระหว่างดิฉันซึ่งเป็น “ลูกค้า” กับเพาเวอร์บาย “ผู้ขาย” ไม่ใช่ปัดให้บริษัท “ผู้ผลิต” เป็นคนมาติดต่อกับลูกค้า
- วันที่ 24 ส.ค. 57 ได้ซื้อโทรทัศน์สี ยี่ห้อ Philips รุ่น LED 46 นิ้ว ในราคา 31,994 บาท (สามหมื่นหนึ่งพันเก้าร้อยเก้าสิบบาทถ้วน) โดยชำระด้วยบัตรเครดิตรูดเต็มจำนวน และนัดให้พนักงานจัดส่งสินค้าให้ในวันที่ 31 ส.ค. 57
- ต่อมาวันที่ 31 ส.ค. 57 เวลาประมาณ 13.00-14.00 น. พนักงานจัดส่งสินค้าและติดตั้งสินค้าให้เสร็จ ปรากฏว่าโทรทัศน์ไม่สามารถเปิดได้ พนักงานพยายามอยู่หลายครั้ง เมื่อไม่สามารถเปิดโทรทัศน์ได้ พนักงานส่งสินค้าจึงแจ้งว่าจะติดต่อให้พนักงานขายมาดูเครื่องให้ และขอให้เซ็นรับสินค้าเพราะมันเป็นคนละส่วนกัน เมื่อพนักงานส่งสินค้ากลับไปแล้ว พนักงานขาย(คุณพงษ์ศักดิ์) ที่ขายสินค้าให้ก็มาถึงประมาณ 15.00 น. เพื่อดูสินค้าให้ปรากฏว่าโทรทัศน์ไม่สามารถเปิดได้ พนักงานขายจึงแจ้งว่าจะนำเครื่องมาเปลี่ยนให้ภายใน 3 วัน
- ต่อมามีพนักงานจากบริษัท Philips แจ้งว่าจะส่งช่างเข้ามา จึงถามกลับไปว่าจะส่งมาทำอะไร ถ้าส่งมาซ่อมไม่ต้องมา เพราะเครื่องยังไม่เคยผ่านการใช้งานทำไมถึงจะส่งช่างมาซ่อม ยืนยันกลับไปที่พนักงาน Philips ว่าต้องการเปลี่ยนเครื่อง พนักงานก็แจ้งว่าจะติดต่อกลับมาใหม่
- วันที่ 9 ก.ย. 57 เมื่อไม่มีผู้ใดติดต่อกลับมา ไม่ว่าจะเป็นพนักงานขาย เพาเวอร์บาย หรือ Philips จึงโทรตามเรื่องกับพนักงานขาย ทราบว่าไม่มีสินค้าแล้วให้เปลี่ยนเครื่องใหม่ จึงโทรเข้า Call Center เพื่อสอบถามและขอคำแนะนำกรณีต้องการคืนสินค้า พนักงาน Call Center แจ้งว่าให้เอาเอกสาร คือตัวใบเสร็จ และสลิปบัตรเครดิต เข้าไปติดต่อที่สาขาที่ซื้อสินค้าได้เลย จึงเดินทางมาที่เพาเวอร์บาย ห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว เพราะติดต่อ ขอคืนเครื่องและรับเงินคืน จึงได้พบกับพนักงานขายและยังบอกด้วยว่าจะคืนเงินให้ โดยคืนเข้าบัตรเครดิต จึงแจ้งพนักงานไปว่าจะคืนเข้าบัตรได้อย่างไรในเมื่อรูดบัตรเครดิตจ่ายเต็มจำนวน และทางธนาคารข้าวของบัตรก็ได้เรียกเก็บเงินแล้ว เพราะเพาเวอร์บายได้ส่งเรื่องไปเรียกเก็บเงินค่าสินค้าเรียบร้อยแล้ว
จึงตัดสินใจกับสามีที่ไปด้วยว่าจะดูเครื่องอื่นใหม่ หากมีราคาสูงกว่าเครื่องเดิมยินดีจะเสียส่วน ที่เพิ่มให้ เพื่อตัดปัญหา แต่ปรากฏว่าบุคคลที่พนักงานขายเรียกว่า “หัวหน้า” แจ้งว่ายังไม่สามารถเปลี่ยนได้เพราะยังไม่ได้รับรายงานจากทางบริษัทว่าให้เปลี่ยน สรุปวันที่ 9 ก.ย. 57 เสียเวลาอยู่กลับเพาเวอร์บายเกือบ 4 ชั่วโมง โดยไม่ได้อะไรเลย คือต้อง “รอ”
- ต่อมาได้รับการติดต่อจากพนักงานบริษัท Philips เป็นครั้งที่ 2 ว่าจะส่งช่างเข้ามาดูสินค้า จึงแจ้งยืนยันกับพนักงานไปอีกครั้งว่าต้องการเปลี่ยนเครื่องใหม่ พนักงานก็แจ้งว่าจะติดต่อกลับมาใหม่อีกครั้งเป็นครั้งที่ 2
- ต่อมาวันที่ 14 ก.ย. 57 ได้โทรหาพนักงานขาย(ที่ไม่มีความรับผิดชอบ) ว่าต้องการให้มาเอาสินค้าออกจากที่บ้านพักไปเลยภายในวันนี้(14 ก.ย.57) และจะเข้าไปติดต่อขอรับเงินคืนที่สาขาเอง พนักงานขายบอกว่าจะแจ้งหัวหน้าทราบให้ เมื่อไม่ได้รับคำตอบจึงโทรเข้า Call Center บอกความประสงค์กับพนักงานไปว่าขอให้ส่งเจ้าหน้าที่มาเอาสินค้าออกด่วน แต่พนักงานขอส่งเรื่องให้ Philips อีกครั้งหนึ่ง เพราะหากไม่มีใบรายงานจาก Philips ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนเครื่องได้
เพาเวอร์บายไม่ได้ทำตามที่คุณโฆษณาการันตีไว้ว่า “เพาเวอร์บาย ยินดีรับเปลี่ยนหรือคืนสินค้า ที่มีใบเสร็จรับเงินของเพาเวอร์บาย ภายใน 7 วัน นับจากวันที่ซื้อ ในกรณี สินค้า และ/หรือของแถม ที่ใช้งานไม่ได้อันมีสาเหตุจากความบกพร่องในการผลิต”
คุณอย่าบอกปัดความรับผิดชอบว่าต้องให้ช่างจากบริษัทผู้ผลิตมาดูสินค้าให้ก่อนจึงจะดำเนินการได้ เพราะ พนักงานขายของคุณได้รับการศึกษาจากสินค้านั้นเป็นอย่างดี และวันที่ 9 ก.ย. 57 ดิฉันก็ยังเห็นว่าพนักงานขายยังเสนอขายสินค้าตัวเดียวกับที่ดิฉันซื้อให้ลูกค้าคนอื่นอีกทั้งที่คุณแจ้งดิฉันว่าไม่มีสินค้าแล้ว
การบริการติดตั้งของคุณ “โดยช่างผู้ชำนาญ ที่ได้รับการยอมรับจาก บริษัทผู้ผลิตสินค้าชั้นนำ” เพราะฉะนั้นช่างติดตั้งของคุณเปิดโทรทัศน์เป็นแน่นอนค่ะ
ถึงวันนี้แล้วดิฉันไม่ต้องการเปลี่ยนสินค้าแล้วค่ะ ดิฉันต้องการคืนสินค้า ช่วยกรุณามานำสินค้าออกจากบ้าน ดิฉันด่วน และคืนเงินสดมาให้เต็มจำนวนด้วยค่ะ ดิฉันไม่คิดค่าเสียเวลาอื่นใดทั้งสิ้น