
ว่าด้วยผู้ประพฤติธรรมอยู่ไกลเหมือนอยู่ใกล้พระองค์ เล่ม45 หน้า581
http://www.tripitaka91.com/91book/book45/551_600.htm#581
[๒๗๒] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าแม้ภิกษุจับชายสังฆาฏิแล้วพึงเป็นผู้ติดตามไปข้างหลัง ๆ เดินไปตามรอยเท้าของเราอยู่ไซร้ แต่ภิกษุนั้นเป็นผู้มีอภิชฌาเป็นปกติ มีความกำหนัดแรงกล้าในกามทั้งหลาย มีจิตพยาบาท มีความดำริแห่งใจชั่วร้าย มีสติหลงลืม ไม่รู้สึกตัว มีจิตไม่ตั้งมั่น มีจิตหมุนไปผิด ไม่สำรวมอินทรีย์ โดยที่แท้ ภิกษุนั้นอยู่ห่างไกลเราทีเดียว และเราก็อยู่ห่างไกลภิกษุนั้น
///ข้อนั้นเพราะเหตุไร ? เพราะภิกษุนั้นย่อมไม่เห็นธรรมเมื่อไม่เห็นธรรมย่อมเชื่อว่าไม่เห็นเรา
///ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าแม้ภิกษุนั้นพึงอยู่ในที่ประมาณ ๑๐๐ โยชน์ไซร้ แต่ภิกษุนั้นเป็นผู้ไม่มีอภิชฌา ไม่มีความกำหนัดอันแรงกล้าในกามทั้งหลาย ไม่มีจิตพยาบาท ไม่มีความดำริแห่งใจชั่วร้าย มีสติมั่น รู้สึกตัว มีจิตตั้งมั่น มีจิตมีอารมณ์เป็นอันเดียว สำรวมอินทรีย์โดยที่แท้ ภิกษุนั้นอยู่ใกล้ชิดเราทีเดียว และเราก็อยู่ใกล้ชิดภิกษุนั้น
//ข้อนั้นเพราะเหตุไร ? เพราะภิกษุนั้น ย่อมเห็นธรรม เมื่อเห็นธรรมย่อมชื่อว่าเห็นเรา.
บุคคลผู้มักมาก มีความคับแค้น ยัง
เป็นไปตามตัณหา ดับความเร่าร้อนไม่ได้
แม่หากว่าพึงเป็นผู้ติดตามพระสัมมาสัม-
พุทธเจ้าผู้หาความหวั่นไหวมิได้ ผู้ดับความ
เร่าร้อนได้แล้วไซร้ บุคคลนั้นผู้กำหนัด
ยินดี ชื่อว่าพึงเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้ปราศจากความกำหนัดยินดี เพียงในที่
ไกลเท่านั้น ส่วนบุคคลใดเป็นบัณฑิต รู้
ธรรมด้วยปัญญา เป็นเครื่องรู้ธรรมอันยิ่ง
เป็นผู้หาความหวั่นไหวมิได้ สงบระงับ
เปรียบเหมือนห้วงน้ำที่ไม่มีลมฉะนั้น บุค-
คลนั้นผู้หาความหวั่นไหวมิได้ ทั้งดับความ
เร่าร้อนได้แล้ว ผู้ไม่กำหนัดยินดี ชื่อว่า
พึงเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้หาความ
หวั่นไหวมิได้ ทั้งดับความเร่าร้อนได้แล้ว
ปราศจากความกำหนัดยินดี ในที่ใกล้แท้.
จบสังฆาฏิสูตรที่ ๓
ว่าด้วยผู้ประพฤติธรรมอยู่ไกลเหมือนอยู่ใกล้พระองค์
ว่าด้วยผู้ประพฤติธรรมอยู่ไกลเหมือนอยู่ใกล้พระองค์ เล่ม45 หน้า581
http://www.tripitaka91.com/91book/book45/551_600.htm#581
[๒๗๒] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าแม้ภิกษุจับชายสังฆาฏิแล้วพึงเป็นผู้ติดตามไปข้างหลัง ๆ เดินไปตามรอยเท้าของเราอยู่ไซร้ แต่ภิกษุนั้นเป็นผู้มีอภิชฌาเป็นปกติ มีความกำหนัดแรงกล้าในกามทั้งหลาย มีจิตพยาบาท มีความดำริแห่งใจชั่วร้าย มีสติหลงลืม ไม่รู้สึกตัว มีจิตไม่ตั้งมั่น มีจิตหมุนไปผิด ไม่สำรวมอินทรีย์ โดยที่แท้ ภิกษุนั้นอยู่ห่างไกลเราทีเดียว และเราก็อยู่ห่างไกลภิกษุนั้น
///ข้อนั้นเพราะเหตุไร ? เพราะภิกษุนั้นย่อมไม่เห็นธรรมเมื่อไม่เห็นธรรมย่อมเชื่อว่าไม่เห็นเรา
///ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าแม้ภิกษุนั้นพึงอยู่ในที่ประมาณ ๑๐๐ โยชน์ไซร้ แต่ภิกษุนั้นเป็นผู้ไม่มีอภิชฌา ไม่มีความกำหนัดอันแรงกล้าในกามทั้งหลาย ไม่มีจิตพยาบาท ไม่มีความดำริแห่งใจชั่วร้าย มีสติมั่น รู้สึกตัว มีจิตตั้งมั่น มีจิตมีอารมณ์เป็นอันเดียว สำรวมอินทรีย์โดยที่แท้ ภิกษุนั้นอยู่ใกล้ชิดเราทีเดียว และเราก็อยู่ใกล้ชิดภิกษุนั้น
//ข้อนั้นเพราะเหตุไร ? เพราะภิกษุนั้น ย่อมเห็นธรรม เมื่อเห็นธรรมย่อมชื่อว่าเห็นเรา.
บุคคลผู้มักมาก มีความคับแค้น ยัง
เป็นไปตามตัณหา ดับความเร่าร้อนไม่ได้
แม่หากว่าพึงเป็นผู้ติดตามพระสัมมาสัม-
พุทธเจ้าผู้หาความหวั่นไหวมิได้ ผู้ดับความ
เร่าร้อนได้แล้วไซร้ บุคคลนั้นผู้กำหนัด
ยินดี ชื่อว่าพึงเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้ปราศจากความกำหนัดยินดี เพียงในที่
ไกลเท่านั้น ส่วนบุคคลใดเป็นบัณฑิต รู้
ธรรมด้วยปัญญา เป็นเครื่องรู้ธรรมอันยิ่ง
เป็นผู้หาความหวั่นไหวมิได้ สงบระงับ
เปรียบเหมือนห้วงน้ำที่ไม่มีลมฉะนั้น บุค-
คลนั้นผู้หาความหวั่นไหวมิได้ ทั้งดับความ
เร่าร้อนได้แล้ว ผู้ไม่กำหนัดยินดี ชื่อว่า
พึงเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้หาความ
หวั่นไหวมิได้ ทั้งดับความเร่าร้อนได้แล้ว
ปราศจากความกำหนัดยินดี ในที่ใกล้แท้.
จบสังฆาฏิสูตรที่ ๓