พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรมเพื่อให้ภิกษุทั้งหลายพิจารณากายนี้ตามความเป็นจริง มิให้หลงยึดถือว่าเป็นตัวตน เป็นของงาม หรือเป็นสิ่งควรยึดมั่น ทรงสอนให้ตั้งสติพิจารณากายโดยแยกออกเป็นส่วน ๆ ตามที่กายนี้มีอยู่จริง
กายนี้แล เมื่อพิจารณาโดยแยบคาย ย่อมปรากฏว่า
มีผม ขน เล็บ ฟัน หนัง
มีเนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก
มีไต หัวใจ ตับ พังผืด ม้าม ปอด
มีไส้ใหญ่ ไส้น้อย อาหารใหม่ อาหารเก่า
มีน้ำดี เสมหะ หนอง เลือด เหงื่อ ไขมัน
มีน้ำตา มันข้น น้ำลาย น้ำมูก ไขข้อ ปัสสาวะ
และมีสมองอยู่ในกะโหลก
“ในกายนี้ มีผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ฯลฯ. เต็มอยู่”
การพิจารณาเช่นนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เห็นว่า
กายไม่งามตามที่จิตปรุง
กายเป็นของไม่เที่ยง
กายไม่ใช่ตัวตน
กายนี้เต็มไปด้วยของไม่สะอาด เป็นเพียงธาตุประชุมกัน อาศัยเหตุปัจจัยจึงตั้งอยู่ เมื่อเหตุปัจจัยเสื่อม กายนี้ย่อมแตกสลายไปตามธรรมดา มิใช่ตัวตน มิใช่ของเรา มิใช่สิ่งควรยึดถือว่าเป็นเรา
เมื่อภิกษุพิจารณากายเช่นนี้อยู่เนือง ๆ จิตย่อมคลายจากความกำหนัด ความยึดมั่นในรูปกายย่อมเบาบางลง ปัญญาย่อมเห็นตามความเป็นจริงว่า กายเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่ใช่ตัวตน อันเป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความคลายกำหนัด และเพื่อความหลุดพ้นในที่สุด
ธรรมข้อนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้เพื่อให้ผู้ปฏิบัติพิจารณากายตามความเป็นจริง ด้วยสติและปัญญา ไม่หลงติดอยู่ในความสำคัญผิดแห่งรูปกาย
อ้างอิงจากพระไตรปิฎก
มหาสติปัฏฐานสูตร พระไตรปิฎก เล่ม ๑๐ ทีฆนิกาย มหาวรรค
กายคตาสติสูตร พระไตรปิฎก เล่ม ๑๒ มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
#ธรรมะพิจารณากาย
#อาการ๓๒ของกาย
พระพุทธเจ้าเป็นแพทย์เหรอ?? สอนพิจารณาร่างกาย
กายนี้แล เมื่อพิจารณาโดยแยบคาย ย่อมปรากฏว่า
มีผม ขน เล็บ ฟัน หนัง
มีเนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก
มีไต หัวใจ ตับ พังผืด ม้าม ปอด
มีไส้ใหญ่ ไส้น้อย อาหารใหม่ อาหารเก่า
มีน้ำดี เสมหะ หนอง เลือด เหงื่อ ไขมัน
มีน้ำตา มันข้น น้ำลาย น้ำมูก ไขข้อ ปัสสาวะ
และมีสมองอยู่ในกะโหลก
“ในกายนี้ มีผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ฯลฯ. เต็มอยู่”
การพิจารณาเช่นนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เห็นว่า
กายไม่งามตามที่จิตปรุง
กายเป็นของไม่เที่ยง
กายไม่ใช่ตัวตน
กายนี้เต็มไปด้วยของไม่สะอาด เป็นเพียงธาตุประชุมกัน อาศัยเหตุปัจจัยจึงตั้งอยู่ เมื่อเหตุปัจจัยเสื่อม กายนี้ย่อมแตกสลายไปตามธรรมดา มิใช่ตัวตน มิใช่ของเรา มิใช่สิ่งควรยึดถือว่าเป็นเรา
เมื่อภิกษุพิจารณากายเช่นนี้อยู่เนือง ๆ จิตย่อมคลายจากความกำหนัด ความยึดมั่นในรูปกายย่อมเบาบางลง ปัญญาย่อมเห็นตามความเป็นจริงว่า กายเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่ใช่ตัวตน อันเป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความคลายกำหนัด และเพื่อความหลุดพ้นในที่สุด
ธรรมข้อนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้เพื่อให้ผู้ปฏิบัติพิจารณากายตามความเป็นจริง ด้วยสติและปัญญา ไม่หลงติดอยู่ในความสำคัญผิดแห่งรูปกาย
อ้างอิงจากพระไตรปิฎก
มหาสติปัฏฐานสูตร พระไตรปิฎก เล่ม ๑๐ ทีฆนิกาย มหาวรรค
กายคตาสติสูตร พระไตรปิฎก เล่ม ๑๒ มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
#ธรรมะพิจารณากาย
#อาการ๓๒ของกาย