สวัสดีคะ ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์เข้ามาอ่านความเวิ่นเว้อของเรา
แจกแจงกันก่อนสักนิดนึงว่าเราพึ่งเรียนจบมาได้สองปีครึ่ง แต่ทำงานพิเศษมาตั้งแต่จบม.6เนื่องด้วยปัญหาค่าใช้จ่ายทางบ้านคะ
อายุ18ปุ๊บ ดีใจมาก เริ่มออกหางานพิเศษทำทันที ผ่านเรื่องราวมามากมาย แต่ได้เจ้านายใจดีทั้งหลายที่เรียกใช้งาน(แรงงาน)เมื่อมีโอกาส เพราะทำได้ทุกอย่างตั้งแต่งานพรีเซ้น งานขาย ยันงานแบกหามจับกัง5555
จนในที่สุดก็จบปริญญาสาขาหนึ่งในพวกวิทยาศาสตร์การแพทย์จากมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังมาได้
แรกเริ่มก็แน่นอนคะว่าติดสัญญาต้องทำงานที่โรงพยาบาลรัฐ
เราก็ได้รับคัดเลือกเข้าทำงานในแผนกที่มีแต่คนนอยากได้
แต่ภาวะงานเครียดมากนะ เนื้องานสนุกมาก แต่ความกดดันของสภาพแวดล้อมก็สูงตามไปด้วย สุขภาพเสีย เป็นโรคปวดหลังเรื้อรัง ป่วยเป็นงานอดิเรกบลาๆๆๆ จนสุดท้ายคิดว่าใช้ทุนแล้วออกไปทำที่อื่นก่อนที่จะเปื่อยไปมากกว่านี้ดีกว่า
สุดท้ายไปได้งานอีกจังหวัดนึงซึ่งอยู่คนละจังหวัดกับบ้าน เป็นงานที่ดีได้ฝึกภาษา เงินเดือนดี ไม่ต้องขึ้นเวรบ่ายดึก แต่เนื้องานจะต่างจากโรงพยาบาลโดยสิ้นเชิงคะ เพราะงานนี้เน้นการบริการแขก แต่ก็ยังคงเป็นด้านสุขภาพอยู่นะคะ
ประเด็นคือเริ่มแรกที่เข้ามาทำงานที่นี่ ยอมรับว่าสุขภาพกายและใจดีขึ้นมากคะ เพราะอากาศดี ผู้คนเป็นมิตร ตอนแรกที่ก้าวเข้ามาที่แผนก พี่ๆรุ่นเก่าออกกันหมด้วยเหตุผลต่างๆนานา สุดท้ายเหลือเรา พี่โค และพี่Yซึ่งต่างอยู่กันคนละตำแหน่ง เราเป็นคนไฮเปอร์ อยู่เฉยๆไม่เป็น ค้นคว้านู่นนี่ ทำโน่นคิดนี่ กล้าพรีเซ้นกล้าพูด จนหนึ่งในผู้บริหารแซวเราเล่นๆว่าเราเป็นRising Starของแผนกนี้ เรากะพี่อีกสองคนช่วยกันทำงานอย่างขยันขันแข็งมาตลอด รู้สึกดีมากคะช่วนนั้น รู้สึกเหมือนในที่สุดชั้นก็หาที่ของชั้นเจอแล้ว
สุขภาพที่เคยป่วยบ่อยๆ ไม่แข็งแรง ก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ เริ่มออกกำลังกาย กินอาหารที่ดีขึ้น ดูแลตัวเองมากขึ้น แล้วต่อมาก็เริ่มมีน้องๆคนอื่นตามเข้ามาทำงานมากขึ้น บ้างอายุน้อยกว่า บ้างอายุมากกว่า แต่ทุกคนก็ให้เกียรติเราในระดับนึงเพราะเรามาอยู่ก่อนและเป็นคนสอนงานพวกเขา เป็นคนตัดสินใจหรือชนกับปัญหายากๆ เพราะพี่โคเขาไม่ค่อยชอบชนเวลามีปัญหา อันที่จริงพี่โคอยู่มานานสุดในแผนก แต่ก่อนเคยอยู่อีกแผนกก่อนจะขอย้ายตัวเองมาอยู่ในแผนกที่เราทำอยู่ คนนี้ล่ะคะตัวละครหลักเลย
บุคคลิกพี่โคเป็นคนพูดตรง แต่ข้างในคิดเล็กคิดน้อย ขี้น้อยใจ เป็นคนที่มีความคิดฝังหัวว่าไม่ควรโชว์ออฟให้เด่นเกินหน้าใคร แค่ทำในหน้าที่ตัวเองให้ดีก็พอ ผู้ใหญ่จะต้องเห็นใจเขาในสักวันหนึ่งแน่ๆ อยู่มานานแต่ก้าวไปสู่ตำแหน่งที่สูงกว่านี้เพราะติดที่ไม่มีปริญญา มาสุดทีตำแหน่งโคได้หลายปีแล้ว ที่จริงพี่โคบอกว่าไม่อยากเลื่อนตำแหน่ง เพราะภาระเพิ่ม อยากอยู่ตำแหน่เดิมแต่ให้เจ้านายขึ้นเงินเดือนเยอะๆแทน ในทางปฎิบัตเหมือนพี่โคจะใหญ่ที่สุดในแผนกไปโดยปริยาย ทุกคนให้ความเกรงใจ ยอมช่วยเหลือในคำขอร้องของเขาทุกอย่างแม้เรื่องเล็กๆน้อยๆ เช่น ยอมเดินไปซื้อลูกชิ้นให้ถ้าพี่เขาร้องขอ ยอมนวดให้ถ้าเขาร้องขอ ส่วนเราก็จะเข้าประชุมยากๆให้ เพราะพี่เขาไม่ชอบเข้าประชุม เขามักจะคิดว่าสายตาของหัวหน้าแผนกอื่นดูถูกเขา แรกๆเราก็ดูทีท่าทุกคน คิดว่าพี่เขาเป็นคนตรงๆ เราเลยค่อนข้างวางใจที่จะสนิทชิดเชื้อกับพี่คนนี้ กล้าเล่าให้ฟังทุกเรื่อง สนิทกันมากถึงมากที่สุด พี่เขามีอะไรคับข้องใจเขาก็มาระบายกับเรา เราเลยรู้ว่าเบื้อหน้าที่ดูเป็นคนตรงๆ ที่จริงภายในพี่เขามีอะไรลึกลับซับซ้อนกว่านั้นเยอะ คิดมาก ขี้น้อยใจเจ้านายว่าทำไมไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง ทั้งๆที่วันหยุดยังมาทำงาน ลูกป่วยก็ไม่หยุด มาทำงาน ลูกนอนป่วยอยู่ที่บ้าน ไว้เลิกงานค่อยพาไปหาหมด(แต่คือไม่บอกใคร เจ้านายไม่รู้เรื่อง)
พี่โคอยู่มาที่นี่มาแปดปีแบบความชั่วไม่มี ความดีไม่ปรากฏ ไม่ค่อยมีคนรู้จักถ้าไม่ใช่คนเก่าแก่ เพราะพี่โคไม่ชอบทักใครก่อน เหมือนแบบถ้าแกไม่ทัก ชั้นก็ไม่อยากคุpด้วย เป็นคนหน้าดุ เลยไม่ค่อยเป็นที่รู้จักสักเท่าไหร่
ปีที่แล้วเราได้างวัลพนักงานดีเด่นประจำเดือน รางวัลนี้ได้มาจากการส่งชื่อจากแต่ละแผนก และให้พนักงานทั้งองค์กรโหวต ด้วยความที่เราร่วมกิจกรมกับทางองค์กรบ่อยๆ เจอใครก็ยิ้มไว้ก่อน ไหว้กราดเรียบไม่เว้นแม้แต่ยาม ถือคติว่าสร้างสัมพันธไมตรีที่ดีไว้ก่อน เลยอาจจะเป็นเหตุผลที่ได้รางวัลนี้
พี่โคร่วมแสดงความยินดีเป็นอย่างดี ถ่ายรูปกันสนุกสนาน พี่โคออกจะดีใจด้วยซ้ำที่คนจากแผนกเราได้รางวัล แต่แอบบ่นเบาๆว่าเขาอยู่มาเจ็ดแปดปียังไม่เคยได้เลย อย่างเขาทำดีอะไรไม่มีใครเคยเห็นอยู่แล้ว
เวิ่นมานาน เอาเป็นว่าตัดข้ามช็อตมาเมื่อประมาณสามเดือนที่แล้วนะคะ
พอดีเราจองวันหยุดล่วงหน้าไว้นานมากแล้ว แต่ช่วงที่เราจะลา ดันมีน้องลาออกพร้อมกันสองคน คนเลยขาด ทีนี้เราก็เลยต้องอดลา เราก็ยอม แต่ก็บ่นให้พี่โคฟังในไลน์ว่าที่จริงมันสิทธิ์เรา ถ้าเจ้านายบริหารคนเป็น จะต้องสามารถให้ลูกน้องได้หยุดและงานไม่เสีย เรามีแง่คิดการทำงานว่าเราต้องสามารถทำให้แผนกได้งาน แต่จะต้องไม่ริดรอนสิทธิ์พนักงาน เช่นถ้าเป็นวันหยุดของลูกน้อง หากไม่จำเป็นจริงๆเราไม่ควรกดดันให้เขาต้องมาทำงาน
เช้าวันถัดมาเราก็มาทำงานตามปกติ พยายามปฏิบัติกับพี่โคเหมือนปกติ แต่เราสังเกตุได้ชัดเจนว่าพี่โคดูหมางเมินกับเราไปมาก ถามคำตอบคำ เราก็ไม่ว่ายังไง เพราะว่าเราคิดว่าเขาคงโกรธเราที่เราแสดงทัศนะคติที่ไม่เหมือนเขา ถ้าต้องการสเปช เราก็จะให้สเปชนั้นกับพี่เขา จนกว่าาจะถึงวันที่เราจะกลับมาคุยกันได้ใหม่(คืนนั้นไม่มีคำพูดรุนแรงอะไรกันในไลน์เลยนะคะ เราเลยไม่คาดคิดว่าจะเจอการปฏิบัติแบบนี้จากพี่โค) เราเลยถอยห่างออกมา
แต่เรื่องมันกลับไม่ง่ายอย่างนั้น พี่โคเริ่มดันรุ่นน้องคนนงมาทำงานหลายๆอย่างแทนเรา ตอนแรกเราก็ปล่อยนะ เพราะคิดอย่างอย่างน้อยเราก็เบาตัวขึ้น มีน้องใหม่ๆเข้ามาอีก เราก็มีหน้าที่แค่เทรนน้องใหม่ไป ช่วยงานเบสิกต่างๆไป น้องใหม่คนที่พี่โคดันขึ้นมาได้คุมสเก็ตพนักงาน สั่งของเข้าแผนก ส่งเทรน บลาๆๆๆ ทีนี้น้องใหม่ที่เข้ามาเขาก็คงเริ่มเห็นว่าขั้วอำนาจอยู่ที่ใคร ทุกคนเลยจะดูเกรงใจน้องใหม่คนนั้น กับพี่โคมากกว่าปกติ แต่กับเราไม่เป็นงั้น
ตอนแรกเราก็โทษตัวเองนะ ว่าเราแสดงพาวเวอร์ของการเป็นรุ่นพี่ไม่พอ ใจดีกับน้องๆมากไปหน่อย ไม่ว๊าก ไม่ดูน้องๆ แต่ไปไงมาไงรุ่นน้องตบหัวตบหลังกันเป็นเพื่อนไปเลยคะ เพราะรุ่นเดียวกัน
ทีนี้จุดที่จี๊ดก็คือ ปีนี้เราได้ตำแหน่งพนักงานดีเด่น เราไม่รู้เรื่องหรอกคะ วิ่งตับแลบขึ้นไปรับรางวัลบนเวที แต่เชื่อไหมคะ ไม่มีเพื่อนร่วมงานในแผนกเราพูดแสดงความยินดีกับเราสักคน ยิ่งพี่โคยิ่งไม่พูด ไม่มองหน้าเราเลย เราจี๊ดมากคะเรื่องนี้ มันเป็นจุดที่เราแบบ เฮ้ย ไม่ปกติเกินไปแล้วนะ นี่คือเราไม่ใช่ส่วนหนึ่งของแผนกใช่ไหม น้องคนอื่นดูเหมือนจะเกรงๆพี่โค เลยไม่กล้าพูด
ทุกวันนี้เราเลยยิ่งฝ่อลง ทำงานแบบซังกะตาย ไม่มีกะจิตกะใจทำ เอาแต่มองนาฬิกาให้เลิกงานเร็วๆ โดนรุ่นน้องที่พี่โคดันสั่งงาน เรารู้สึกเยว่าperformanceเราต่ำไปมาก เพราะหมดแรงบันดาลใจ เลิกงานก็ไม่ไปไหนกับคนในแผนก เพราะไม่อยากต้องมานั่งรู้สึกกดดันอีก เขาไปเที่ยวกัน เราไม่ไป ระยะห่างเรากับทุกคนมากขึ้นเรื่อยๆ
เจ้านายที่เคยสนิทสนมกัน ตอนนี้ก็แทบไม่คุยกะเราเหมือนกัน คุยแต่กะพี่โคกะน้องที่พี่โคดัน
เรารู้สึกโดดเดี่ยวมากอ่ะ เวลาประชุมผู้บริหาร เราก็ยังคงโชว์ของอยู่นะคะ แต่พอก้าวกลับเข้ามาในแผนกปุ๊บ จะกลายเป็นคนเงียบๆ ดูเป็นเด็กมีปัญหาไปเลยคะ
เพื่อนๆคิดว่ามันผิดที่เรารึเปล่า ที่เราไม่เข้มแข็งพอ แลโชว์ศักยภาพต่อหน้าน้องๆ เอาแต่ฝ่อลงๆ และเราควรจะเปลี่ยนงานดีไหม กลัวว่าไปที่ใหม่แล้วก็จะเจอปัญหาแบบพี่โคอีก
อาจวกวนนิดนึงนะคะ เพราะที่จริงเรื่องมันเยอะมาก เล่าแปดกระทู้ก็ไม่จบ แต่เราพยายามเล่าแบบย่อๆเอาคะ
ขอบคุณพื้นที่ในพันทิปให้เราได้ระบายนะคะ
รู้สึกท้อใจกับชีวิตทำงานคะ โดนพี่ที่ทำงานเล่นสงครามจิตวิทยาด้วยจนหมดไฟที่จะทำอะไรไปเลยคะ
แจกแจงกันก่อนสักนิดนึงว่าเราพึ่งเรียนจบมาได้สองปีครึ่ง แต่ทำงานพิเศษมาตั้งแต่จบม.6เนื่องด้วยปัญหาค่าใช้จ่ายทางบ้านคะ
อายุ18ปุ๊บ ดีใจมาก เริ่มออกหางานพิเศษทำทันที ผ่านเรื่องราวมามากมาย แต่ได้เจ้านายใจดีทั้งหลายที่เรียกใช้งาน(แรงงาน)เมื่อมีโอกาส เพราะทำได้ทุกอย่างตั้งแต่งานพรีเซ้น งานขาย ยันงานแบกหามจับกัง5555
จนในที่สุดก็จบปริญญาสาขาหนึ่งในพวกวิทยาศาสตร์การแพทย์จากมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังมาได้
แรกเริ่มก็แน่นอนคะว่าติดสัญญาต้องทำงานที่โรงพยาบาลรัฐ
เราก็ได้รับคัดเลือกเข้าทำงานในแผนกที่มีแต่คนนอยากได้
แต่ภาวะงานเครียดมากนะ เนื้องานสนุกมาก แต่ความกดดันของสภาพแวดล้อมก็สูงตามไปด้วย สุขภาพเสีย เป็นโรคปวดหลังเรื้อรัง ป่วยเป็นงานอดิเรกบลาๆๆๆ จนสุดท้ายคิดว่าใช้ทุนแล้วออกไปทำที่อื่นก่อนที่จะเปื่อยไปมากกว่านี้ดีกว่า
สุดท้ายไปได้งานอีกจังหวัดนึงซึ่งอยู่คนละจังหวัดกับบ้าน เป็นงานที่ดีได้ฝึกภาษา เงินเดือนดี ไม่ต้องขึ้นเวรบ่ายดึก แต่เนื้องานจะต่างจากโรงพยาบาลโดยสิ้นเชิงคะ เพราะงานนี้เน้นการบริการแขก แต่ก็ยังคงเป็นด้านสุขภาพอยู่นะคะ
ประเด็นคือเริ่มแรกที่เข้ามาทำงานที่นี่ ยอมรับว่าสุขภาพกายและใจดีขึ้นมากคะ เพราะอากาศดี ผู้คนเป็นมิตร ตอนแรกที่ก้าวเข้ามาที่แผนก พี่ๆรุ่นเก่าออกกันหมด้วยเหตุผลต่างๆนานา สุดท้ายเหลือเรา พี่โค และพี่Yซึ่งต่างอยู่กันคนละตำแหน่ง เราเป็นคนไฮเปอร์ อยู่เฉยๆไม่เป็น ค้นคว้านู่นนี่ ทำโน่นคิดนี่ กล้าพรีเซ้นกล้าพูด จนหนึ่งในผู้บริหารแซวเราเล่นๆว่าเราเป็นRising Starของแผนกนี้ เรากะพี่อีกสองคนช่วยกันทำงานอย่างขยันขันแข็งมาตลอด รู้สึกดีมากคะช่วนนั้น รู้สึกเหมือนในที่สุดชั้นก็หาที่ของชั้นเจอแล้ว
สุขภาพที่เคยป่วยบ่อยๆ ไม่แข็งแรง ก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ เริ่มออกกำลังกาย กินอาหารที่ดีขึ้น ดูแลตัวเองมากขึ้น แล้วต่อมาก็เริ่มมีน้องๆคนอื่นตามเข้ามาทำงานมากขึ้น บ้างอายุน้อยกว่า บ้างอายุมากกว่า แต่ทุกคนก็ให้เกียรติเราในระดับนึงเพราะเรามาอยู่ก่อนและเป็นคนสอนงานพวกเขา เป็นคนตัดสินใจหรือชนกับปัญหายากๆ เพราะพี่โคเขาไม่ค่อยชอบชนเวลามีปัญหา อันที่จริงพี่โคอยู่มานานสุดในแผนก แต่ก่อนเคยอยู่อีกแผนกก่อนจะขอย้ายตัวเองมาอยู่ในแผนกที่เราทำอยู่ คนนี้ล่ะคะตัวละครหลักเลย
บุคคลิกพี่โคเป็นคนพูดตรง แต่ข้างในคิดเล็กคิดน้อย ขี้น้อยใจ เป็นคนที่มีความคิดฝังหัวว่าไม่ควรโชว์ออฟให้เด่นเกินหน้าใคร แค่ทำในหน้าที่ตัวเองให้ดีก็พอ ผู้ใหญ่จะต้องเห็นใจเขาในสักวันหนึ่งแน่ๆ อยู่มานานแต่ก้าวไปสู่ตำแหน่งที่สูงกว่านี้เพราะติดที่ไม่มีปริญญา มาสุดทีตำแหน่งโคได้หลายปีแล้ว ที่จริงพี่โคบอกว่าไม่อยากเลื่อนตำแหน่ง เพราะภาระเพิ่ม อยากอยู่ตำแหน่เดิมแต่ให้เจ้านายขึ้นเงินเดือนเยอะๆแทน ในทางปฎิบัตเหมือนพี่โคจะใหญ่ที่สุดในแผนกไปโดยปริยาย ทุกคนให้ความเกรงใจ ยอมช่วยเหลือในคำขอร้องของเขาทุกอย่างแม้เรื่องเล็กๆน้อยๆ เช่น ยอมเดินไปซื้อลูกชิ้นให้ถ้าพี่เขาร้องขอ ยอมนวดให้ถ้าเขาร้องขอ ส่วนเราก็จะเข้าประชุมยากๆให้ เพราะพี่เขาไม่ชอบเข้าประชุม เขามักจะคิดว่าสายตาของหัวหน้าแผนกอื่นดูถูกเขา แรกๆเราก็ดูทีท่าทุกคน คิดว่าพี่เขาเป็นคนตรงๆ เราเลยค่อนข้างวางใจที่จะสนิทชิดเชื้อกับพี่คนนี้ กล้าเล่าให้ฟังทุกเรื่อง สนิทกันมากถึงมากที่สุด พี่เขามีอะไรคับข้องใจเขาก็มาระบายกับเรา เราเลยรู้ว่าเบื้อหน้าที่ดูเป็นคนตรงๆ ที่จริงภายในพี่เขามีอะไรลึกลับซับซ้อนกว่านั้นเยอะ คิดมาก ขี้น้อยใจเจ้านายว่าทำไมไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง ทั้งๆที่วันหยุดยังมาทำงาน ลูกป่วยก็ไม่หยุด มาทำงาน ลูกนอนป่วยอยู่ที่บ้าน ไว้เลิกงานค่อยพาไปหาหมด(แต่คือไม่บอกใคร เจ้านายไม่รู้เรื่อง)
พี่โคอยู่มาที่นี่มาแปดปีแบบความชั่วไม่มี ความดีไม่ปรากฏ ไม่ค่อยมีคนรู้จักถ้าไม่ใช่คนเก่าแก่ เพราะพี่โคไม่ชอบทักใครก่อน เหมือนแบบถ้าแกไม่ทัก ชั้นก็ไม่อยากคุpด้วย เป็นคนหน้าดุ เลยไม่ค่อยเป็นที่รู้จักสักเท่าไหร่
ปีที่แล้วเราได้างวัลพนักงานดีเด่นประจำเดือน รางวัลนี้ได้มาจากการส่งชื่อจากแต่ละแผนก และให้พนักงานทั้งองค์กรโหวต ด้วยความที่เราร่วมกิจกรมกับทางองค์กรบ่อยๆ เจอใครก็ยิ้มไว้ก่อน ไหว้กราดเรียบไม่เว้นแม้แต่ยาม ถือคติว่าสร้างสัมพันธไมตรีที่ดีไว้ก่อน เลยอาจจะเป็นเหตุผลที่ได้รางวัลนี้
พี่โคร่วมแสดงความยินดีเป็นอย่างดี ถ่ายรูปกันสนุกสนาน พี่โคออกจะดีใจด้วยซ้ำที่คนจากแผนกเราได้รางวัล แต่แอบบ่นเบาๆว่าเขาอยู่มาเจ็ดแปดปียังไม่เคยได้เลย อย่างเขาทำดีอะไรไม่มีใครเคยเห็นอยู่แล้ว
เวิ่นมานาน เอาเป็นว่าตัดข้ามช็อตมาเมื่อประมาณสามเดือนที่แล้วนะคะ
พอดีเราจองวันหยุดล่วงหน้าไว้นานมากแล้ว แต่ช่วงที่เราจะลา ดันมีน้องลาออกพร้อมกันสองคน คนเลยขาด ทีนี้เราก็เลยต้องอดลา เราก็ยอม แต่ก็บ่นให้พี่โคฟังในไลน์ว่าที่จริงมันสิทธิ์เรา ถ้าเจ้านายบริหารคนเป็น จะต้องสามารถให้ลูกน้องได้หยุดและงานไม่เสีย เรามีแง่คิดการทำงานว่าเราต้องสามารถทำให้แผนกได้งาน แต่จะต้องไม่ริดรอนสิทธิ์พนักงาน เช่นถ้าเป็นวันหยุดของลูกน้อง หากไม่จำเป็นจริงๆเราไม่ควรกดดันให้เขาต้องมาทำงาน
เช้าวันถัดมาเราก็มาทำงานตามปกติ พยายามปฏิบัติกับพี่โคเหมือนปกติ แต่เราสังเกตุได้ชัดเจนว่าพี่โคดูหมางเมินกับเราไปมาก ถามคำตอบคำ เราก็ไม่ว่ายังไง เพราะว่าเราคิดว่าเขาคงโกรธเราที่เราแสดงทัศนะคติที่ไม่เหมือนเขา ถ้าต้องการสเปช เราก็จะให้สเปชนั้นกับพี่เขา จนกว่าาจะถึงวันที่เราจะกลับมาคุยกันได้ใหม่(คืนนั้นไม่มีคำพูดรุนแรงอะไรกันในไลน์เลยนะคะ เราเลยไม่คาดคิดว่าจะเจอการปฏิบัติแบบนี้จากพี่โค) เราเลยถอยห่างออกมา
แต่เรื่องมันกลับไม่ง่ายอย่างนั้น พี่โคเริ่มดันรุ่นน้องคนนงมาทำงานหลายๆอย่างแทนเรา ตอนแรกเราก็ปล่อยนะ เพราะคิดอย่างอย่างน้อยเราก็เบาตัวขึ้น มีน้องใหม่ๆเข้ามาอีก เราก็มีหน้าที่แค่เทรนน้องใหม่ไป ช่วยงานเบสิกต่างๆไป น้องใหม่คนที่พี่โคดันขึ้นมาได้คุมสเก็ตพนักงาน สั่งของเข้าแผนก ส่งเทรน บลาๆๆๆ ทีนี้น้องใหม่ที่เข้ามาเขาก็คงเริ่มเห็นว่าขั้วอำนาจอยู่ที่ใคร ทุกคนเลยจะดูเกรงใจน้องใหม่คนนั้น กับพี่โคมากกว่าปกติ แต่กับเราไม่เป็นงั้น
ตอนแรกเราก็โทษตัวเองนะ ว่าเราแสดงพาวเวอร์ของการเป็นรุ่นพี่ไม่พอ ใจดีกับน้องๆมากไปหน่อย ไม่ว๊าก ไม่ดูน้องๆ แต่ไปไงมาไงรุ่นน้องตบหัวตบหลังกันเป็นเพื่อนไปเลยคะ เพราะรุ่นเดียวกัน
ทีนี้จุดที่จี๊ดก็คือ ปีนี้เราได้ตำแหน่งพนักงานดีเด่น เราไม่รู้เรื่องหรอกคะ วิ่งตับแลบขึ้นไปรับรางวัลบนเวที แต่เชื่อไหมคะ ไม่มีเพื่อนร่วมงานในแผนกเราพูดแสดงความยินดีกับเราสักคน ยิ่งพี่โคยิ่งไม่พูด ไม่มองหน้าเราเลย เราจี๊ดมากคะเรื่องนี้ มันเป็นจุดที่เราแบบ เฮ้ย ไม่ปกติเกินไปแล้วนะ นี่คือเราไม่ใช่ส่วนหนึ่งของแผนกใช่ไหม น้องคนอื่นดูเหมือนจะเกรงๆพี่โค เลยไม่กล้าพูด
ทุกวันนี้เราเลยยิ่งฝ่อลง ทำงานแบบซังกะตาย ไม่มีกะจิตกะใจทำ เอาแต่มองนาฬิกาให้เลิกงานเร็วๆ โดนรุ่นน้องที่พี่โคดันสั่งงาน เรารู้สึกเยว่าperformanceเราต่ำไปมาก เพราะหมดแรงบันดาลใจ เลิกงานก็ไม่ไปไหนกับคนในแผนก เพราะไม่อยากต้องมานั่งรู้สึกกดดันอีก เขาไปเที่ยวกัน เราไม่ไป ระยะห่างเรากับทุกคนมากขึ้นเรื่อยๆ
เจ้านายที่เคยสนิทสนมกัน ตอนนี้ก็แทบไม่คุยกะเราเหมือนกัน คุยแต่กะพี่โคกะน้องที่พี่โคดัน
เรารู้สึกโดดเดี่ยวมากอ่ะ เวลาประชุมผู้บริหาร เราก็ยังคงโชว์ของอยู่นะคะ แต่พอก้าวกลับเข้ามาในแผนกปุ๊บ จะกลายเป็นคนเงียบๆ ดูเป็นเด็กมีปัญหาไปเลยคะ
เพื่อนๆคิดว่ามันผิดที่เรารึเปล่า ที่เราไม่เข้มแข็งพอ แลโชว์ศักยภาพต่อหน้าน้องๆ เอาแต่ฝ่อลงๆ และเราควรจะเปลี่ยนงานดีไหม กลัวว่าไปที่ใหม่แล้วก็จะเจอปัญหาแบบพี่โคอีก
อาจวกวนนิดนึงนะคะ เพราะที่จริงเรื่องมันเยอะมาก เล่าแปดกระทู้ก็ไม่จบ แต่เราพยายามเล่าแบบย่อๆเอาคะ
ขอบคุณพื้นที่ในพันทิปให้เราได้ระบายนะคะ