เรื่องอาจจะยาวสักหน่อย นะครับ ถ้าขี้เกียจอ่าน ไม่เป็นไรข้ามไปเลยครับ
ผมกับแฟน(ภรรยาแหล่ะ) คบกันมา 13 ปี แฟนกัน 8 ปี แต่งงานแล้ว 5 ปี
ตอนที่คบเป็นแฟน เธอเริ่มทำงานแล้ว ผมดูแล้ว ชอบตรงที่ เธอเป็นคนง่ายๆ ไม่แต่งหน้ามาก ทำงาน ลุยๆ สู้ๆ ไม่สำอางค์มาก
ขอข้ามไปเลยจน แต่งงานกัน เราคุยกันเรื่องปลูกบ้าน เรือนหอ เพราะพอดี ทางบ้านเธอซื้อที่เปล่าไว้ เลยกะจะกู้เงินมาปลูก แล้วช่วยกันผ่อน เพราะว่า พอ พ่อแม่ เธอเกษียณ ( เกษียณเอง ทำงานเอกชน ) พ่อแม่เธอจะกลับไปอยู่ ตจว เราก็คงจะอยู่กัน 2 คน เป็นครอบครัว ผมก็ไม่ติดใจอะไร เพราะกะจะซื้อบ้านอยู่แล้ว แต่ความจริง ไม่เป็นไปตามนั้น
เรื่องไม่สบายใจเรื่องแรก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ปัญหานี้ คือ สุดท้าย พ่อแม่เธอไม่ได้ย้ายไปไหน ยังอยู่จน ปัจจุบัน และ ผเอง แทบไม่มีสิทธิ์ทำอะไรในบ้านเลย นอกจากในห้องนอนตัวเองคนเดียว โดยที่น้องสาวเธอรับราชการ ตจว นานๆจะกลับมาทีนึง พ่อแม่เธอ ก็กันห้องไว้ให้ 1 ห้อง ซึ่ง ไม่ได้ช่วยค่าใช้จ่ายอะไรเลย ทำให้ผมเริ่มไม่ค่อยพอใจ แถมตอนนี้ น้องสาวแฟน มีลูก พ่อตาแม่ยาย ก็เอามาเลี้ยงอีก ข้าวของเต็มบ้านไปหมด ค่าน้ำ ค่าไฟ เพิ่มเยอะ เพราะเปิดการ์ตูน เปิดใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า เต็มไปหมด ทั้งวัน
และเมื่อ ปีก่อน ผมเองจะลาออกจากงานประจำ เพื่อมาช่วยงานทางบ้าน ( ทางบ้านมีกิจการเล็กๆ ) เนื่องจาก พ่อผมเองเริ่มอายุเยอะ เป็นงานใช้แรงงาน เลยอยากมาช่วยแบ่งเบาแกบ้าง ( ปกติ ผมจะวางแผนชีวิตไว้ทุกๆ 5 ปีว่าจะทำอะไร ส่วนใหญ่ก็จะได้ตามเป้า หรือใกล้เคียง) ก็ตกลงกับแฟนว่า เธอทำงานประจำอยู่แล้วก็คงไม่มีปัญหา เพราะผมเอง รายได้ที่จะได้จากงานที่บ้าน ก็เยอะพอๆกับเงินเดือนเดิมของผม
ทีนี้ พอผมกำลังจะลาออก แฟนผมเองก็มาบอกว่า จะลาออกเหมือนกัน แต่จะไปขายพวก น้ำชง ขนมครก เสื้อผ้า ขอดูอีกที ผมก็ไม่ได้คัดค้าน อยากจะทำอะไรก็ได้ ขอแค่ทำงานก็พอ ( ผมชอบคนทำงาน เพราะเมื่อก่อน ตอนผมเด็กๆ จนมากๆ จนถึงขนาด ไม่มีเงินซื้อ นม ให้ผมกิน ต้องติดหนี้ ยืมเงินตลอด มันเลยฝังใจผมว่า คนเราต้องทำมาหากิน จะได้ไม่จน )
แต่พอถึงเวลา ไม่เป็นไปตามนั้น
เรื่องไม่สบายใจเรื่องสอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เมื่อเธอลาออกจากงานประจำมา และยังไม่ได้เริ่มทำงานของตัวเอง เธอก็เลยเสนอว่าจะเข้ามาช่วยงานที่บ้านผมไปพลางๆก่อน ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ( แต่ในใจเริ่มกลัว เพราะแม่ผมเคยพูดว่า อย่าให้เมียมาเป็นคุณนายที่บ้านละกัน แม่ไม่ชอบ ) แต่จนถึงปัจจุบัน เธอยังคงมาช่วยงาน เล็กๆน้อยๆ เช่น เก็บเอกสารทางบัญชี ( ไม่ได้เยอะมาก ) ดูเรื่อง เงินเข้า-ออก ในบัญชี ทำตารางค่าใช้จ่าย แถมพักหลังๆ เกิดมาติดซีรี่ย์ เกาหลี ทีนี้ ติดงอมแงม ทั้งวัน ทั้งคืน ( ผมเอง ซื้อ โน้ตบุ้คให้ เพราะเธอบอกว่าจะเอามาทำงาน พ่อผม ซื้อมือถือใหม่ ก็เอาเครื่องเดิมให้ เพราะมันก็ยังใหม่อยู่ เลยทำให้ ซีรี่ย์และ Line ทั้งวันทั้งคืนเลย )
เรื่องไม่สบายใจเรื่องสาม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อย่างที่บอกว่า ตอนนี้ พ่อตาแม่ยาย ไม่ได้กลับไป ตจว ตามที่บอก แกเลยใช้ชีวิตแบบ อยากทำไร ปรับปรุงอะไรในบ้านก็ทำ แต่ คนในบ้านต้องจ่าย ร่วม เช่น ทำหลังคาโรงรถ ก็ให้คนในบ้านช่วยจ่าย ( ก็มีเฉพาะ ผม แฟน พ่อตา แม่ยาย น้องสาวแฟนไม่ต้องออกเพราะไม่ได้อยู่ประจำ เฮ้ออ )
อย่างตอนที่น้องสาวเธอ อยากได้รถ รุ่นหนึ่ง ปีเก่ามากๆ ก็ไปหามา แล้ว ผ่อนไม่ไหว ก็เอาไปขายต่อเพื่อน แล้วเพื่อนผ่อนไม่ไหว ก็เอามาให้ที่บ้าน แฟนผมก็บอกว่าอยากได้ เอาไว้ใช้งาน ( แต่ไป-กลับ ทำงาน ผมไปรับ-ส่งตลอดอยู่แล้ว ) พอไปดูสภาพรถแล้ว ผมบอกว่า ไม่คุ้มหรอก กับราคา แพงเกิน แฟมผมก็ดื้อจะเอาท่าเดียว จนสุดท้าย ผมก็ต้องช่วยเธอผ่อนไป 40% แถมตอนแรก น้องเธอบอกว่า เอาแค่ผ่อนต่อ ไม่เอาเงินที่ดาวน์มา แต่พอเอาเข้าจริง แม่ยายมาบอกว่า น้องสาวแฟนบ่นว่า ไม่มีเงิน เลยอยากได้เงินดาวน์เพิ่มอีก 5หมื่น สุดท้าย ก็เงินผมอีกครึ่งหนึ่ง เซ็งจริง
ล่าสุด กลัวว่าหลานจะตกบ่อน้ำหลังบ้าน เลยคิดจะถม แต่มาบอกแฟนผม ให้มาบอกต่ออีกทีว่า มีค่าใช้จ่ายนะ แฟนผมเองตอนนี้ ไม่มีรายได้ ไม่ว่าค่าอะไร ก็ต้องมาที่ผมคนเดียว ผมเองก็มีหนี้สินส่วนตัว กำลังพยายามปลดหนี้ อยู่เหมือนกัน เลย พันกันไปหมด แถมตอนนี้ จะทำรั้วบ้านใหม่ ก็เริ่มเกริ่นๆมาทางแฟนผมอีกแล้วว่า หลายหมื่นอยู่ แกชอบบอกว่า ที่ทำเนี่ย ไม่ได้ให้ใคร ก็ให้เอ็ง2คนแหล่ะ ( ผมกับแฟน) ผมเลยสวนแฟนไปว่า ถามผมสักคำมั้ยว่า ผมอยากได้บ้านแนวไหน แบบไหน นี่ก็ทั้ง ผ่อน น้ำ ไฟ เนท โทรศัพท์ ไหนจะซื้อของเข้าบ้าน ก็พ่อตาแม่ยายไปช้อป แล้วเอาบิลมาให้ทางเราจ่ายอีกล่ะ พอพูดทีก็ งอล ที เลยไม่พูดและ
ตอนนี้ เวลาเครียดๆก็เลยพยายามจะทำงานให้หนักขึ้น จะได้ไม่คิดฟุ้งซ่าน แต่บางทีก็อดคิดไม่ได้ ว่า แล้วอนาคตจะเป็นอย่างไร เพราะอายุก็เริ่มมากขึ้นทุกวัน คนที่เคยมีไฟในการทำงานสูง ตอนนี้ ไม่มีเหลืออยู่แล้ว
ผมเคยนำเสนอ รับเสื้อผ้ามาขาย เธอก็จะกระตือรือร้น 1-2วัน จากนั้น ผมเองต้องเป็นฝ่ายเริ่ม จนเหนื่อย ไม่ไหว แต่ก็สู้ เพื่อที่รายได้จากตรงนี้ ผมจะได้ให้แฟนเอาไว้ใช้จ่ายส่วนตัวเขาได้ แต่ตอนนี้ เธอไม่ขายแล้ว เพราะเบื่อ
บางทีก็คิดไม่ออก คนในครอบครัวก็ปรึกษาไม่ได้ เพราะทุกคนมักจะมีแต่ปัญหา และผมที่เป็นลูกคนโต ก็ต้องคอยแก้ปัญหาตลอด ( ถึงขนาดโดนฟ้องร้องกันเองในครอบครัว จะเอากันให้ติดคุกเลยก็มี ผมก็ต้องวิ่งเต้น หาทนาย หาที่ปรึษาด้านกฎหมาย ช่วยเหลือ จากที่ไม่เคย ก็ต้องทำให้ได้ )
ตอนนี้ความอดทน สะสมมากขึ้นเรื่อยๆๆๆๆ ไม่รู้ว่าจะ ระเบิดเมื่อไหร่ หากถามว่าทำไมไม่บอกแฟนไปตรงๆ ผมบอกหลายครั้งแล้ว ทั้งตรง และ อ้อมๆ
เธอมักจะบอกว่า เอาน่า เรื่องงานเธอตรงนี้ไม่ต้องห่วง เธอจัดการเอง แล้วก็เงียบหายไป ยังไม่ได้เริ่มจะหางานอะไรทำเป็นจริงเป็นจังสักที
ใครที่อ่านมาจนตรงนี้ ต้องขอบคุณมากนะครับที่ มีความอดทนฟัง อ่าน ที่ผมระบายมา
ใครมีข้อเสนอแนะ แนะนำ หรือตำหนิแนวความคิดผม เต็มที่นะครับ เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่าที่ตัวเองรู้สึก นั้น ถูก หรือ ผิดกันแน่
เครียดเรื่องความเปลี่ยนแปลงของภรรยา อยากขอมาระบายหน่อยนะครับ ( สั่งสอนได้ ถ้าความคิดผมไม่ถูกต้อง )
ผมกับแฟน(ภรรยาแหล่ะ) คบกันมา 13 ปี แฟนกัน 8 ปี แต่งงานแล้ว 5 ปี
ตอนที่คบเป็นแฟน เธอเริ่มทำงานแล้ว ผมดูแล้ว ชอบตรงที่ เธอเป็นคนง่ายๆ ไม่แต่งหน้ามาก ทำงาน ลุยๆ สู้ๆ ไม่สำอางค์มาก
ขอข้ามไปเลยจน แต่งงานกัน เราคุยกันเรื่องปลูกบ้าน เรือนหอ เพราะพอดี ทางบ้านเธอซื้อที่เปล่าไว้ เลยกะจะกู้เงินมาปลูก แล้วช่วยกันผ่อน เพราะว่า พอ พ่อแม่ เธอเกษียณ ( เกษียณเอง ทำงานเอกชน ) พ่อแม่เธอจะกลับไปอยู่ ตจว เราก็คงจะอยู่กัน 2 คน เป็นครอบครัว ผมก็ไม่ติดใจอะไร เพราะกะจะซื้อบ้านอยู่แล้ว แต่ความจริง ไม่เป็นไปตามนั้น
เรื่องไม่สบายใจเรื่องแรก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และเมื่อ ปีก่อน ผมเองจะลาออกจากงานประจำ เพื่อมาช่วยงานทางบ้าน ( ทางบ้านมีกิจการเล็กๆ ) เนื่องจาก พ่อผมเองเริ่มอายุเยอะ เป็นงานใช้แรงงาน เลยอยากมาช่วยแบ่งเบาแกบ้าง ( ปกติ ผมจะวางแผนชีวิตไว้ทุกๆ 5 ปีว่าจะทำอะไร ส่วนใหญ่ก็จะได้ตามเป้า หรือใกล้เคียง) ก็ตกลงกับแฟนว่า เธอทำงานประจำอยู่แล้วก็คงไม่มีปัญหา เพราะผมเอง รายได้ที่จะได้จากงานที่บ้าน ก็เยอะพอๆกับเงินเดือนเดิมของผม
ทีนี้ พอผมกำลังจะลาออก แฟนผมเองก็มาบอกว่า จะลาออกเหมือนกัน แต่จะไปขายพวก น้ำชง ขนมครก เสื้อผ้า ขอดูอีกที ผมก็ไม่ได้คัดค้าน อยากจะทำอะไรก็ได้ ขอแค่ทำงานก็พอ ( ผมชอบคนทำงาน เพราะเมื่อก่อน ตอนผมเด็กๆ จนมากๆ จนถึงขนาด ไม่มีเงินซื้อ นม ให้ผมกิน ต้องติดหนี้ ยืมเงินตลอด มันเลยฝังใจผมว่า คนเราต้องทำมาหากิน จะได้ไม่จน )
แต่พอถึงเวลา ไม่เป็นไปตามนั้น
เรื่องไม่สบายใจเรื่องสอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เรื่องไม่สบายใจเรื่องสาม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนนี้ เวลาเครียดๆก็เลยพยายามจะทำงานให้หนักขึ้น จะได้ไม่คิดฟุ้งซ่าน แต่บางทีก็อดคิดไม่ได้ ว่า แล้วอนาคตจะเป็นอย่างไร เพราะอายุก็เริ่มมากขึ้นทุกวัน คนที่เคยมีไฟในการทำงานสูง ตอนนี้ ไม่มีเหลืออยู่แล้ว
ผมเคยนำเสนอ รับเสื้อผ้ามาขาย เธอก็จะกระตือรือร้น 1-2วัน จากนั้น ผมเองต้องเป็นฝ่ายเริ่ม จนเหนื่อย ไม่ไหว แต่ก็สู้ เพื่อที่รายได้จากตรงนี้ ผมจะได้ให้แฟนเอาไว้ใช้จ่ายส่วนตัวเขาได้ แต่ตอนนี้ เธอไม่ขายแล้ว เพราะเบื่อ
บางทีก็คิดไม่ออก คนในครอบครัวก็ปรึกษาไม่ได้ เพราะทุกคนมักจะมีแต่ปัญหา และผมที่เป็นลูกคนโต ก็ต้องคอยแก้ปัญหาตลอด ( ถึงขนาดโดนฟ้องร้องกันเองในครอบครัว จะเอากันให้ติดคุกเลยก็มี ผมก็ต้องวิ่งเต้น หาทนาย หาที่ปรึษาด้านกฎหมาย ช่วยเหลือ จากที่ไม่เคย ก็ต้องทำให้ได้ )
ตอนนี้ความอดทน สะสมมากขึ้นเรื่อยๆๆๆๆ ไม่รู้ว่าจะ ระเบิดเมื่อไหร่ หากถามว่าทำไมไม่บอกแฟนไปตรงๆ ผมบอกหลายครั้งแล้ว ทั้งตรง และ อ้อมๆ
เธอมักจะบอกว่า เอาน่า เรื่องงานเธอตรงนี้ไม่ต้องห่วง เธอจัดการเอง แล้วก็เงียบหายไป ยังไม่ได้เริ่มจะหางานอะไรทำเป็นจริงเป็นจังสักที
ใครที่อ่านมาจนตรงนี้ ต้องขอบคุณมากนะครับที่ มีความอดทนฟัง อ่าน ที่ผมระบายมา
ใครมีข้อเสนอแนะ แนะนำ หรือตำหนิแนวความคิดผม เต็มที่นะครับ เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่าที่ตัวเองรู้สึก นั้น ถูก หรือ ผิดกันแน่