
ผมคบกับภรรยามา11ปีแล้ว
เรามีลูกด้วยกัน2คน
ที่ผ่านมาผมทำแย่ๆกับภรรยามาโดยตลอดผมคบกับเธอตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ตอนนั้นมีทุนที่จะไปศึกษาต่างประเทศซึ่งในขณะนั้นเราคบกันแต่อาจารย์ให้ไปแค่คนเดียว เธอเสียสละให้ผมไปเพราะเธอมองว่าผมเป็นความภาคภูมิใจของเธอ
พอเรียนจบก็มาหางานทำกันและไปสมัครงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งด้วยกันซึ่งเธอสัมภาษณ์ผ่านเป็นลำดับที่1แต่ว่าผมเป็นลำดับที่2 ซึ่งเธอก็เสียาละให้ผมได้งานทำ
แต่ในขณะนั้นนิสัยส่วนตัวผมเป็นคนชอบกินชอบเที่ยว
ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานไม่เป็นไปตามKPIของบริษัทจึงถูกบีบให้ออก
แต่เผอิญว่าจังหวะนั้นภรรยาของผมได้สมัครงานไว้ที่ ตจว. และสัมภาษณ์ผ่าน และผมก็ไปสมัครงานที่ จังหวัดเดียวกับเธอแต่คนละงานก็สัมภาษณ์ผ่านเราจึงไปเริ่มใช้ชีวิตคู่ด้วยกันก่อนแต่งงาน ซึ่งช่วงแรกๆก็เจออุปสรรคมากมาย เราก็พยามยาช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ช่วงนั้นรักกันมากจนกระทั่งผมทำผิดพลาดโดยการถูกคลีนิคแห่งหนึ่งหลอกเอาเงินค่าลบรอยสักไปจำนวน1หมื่นกว่าบาทเธอก็ไม่ขอยืมเงินญาติในส่วนที่ผมโดนหลอกไปนั้นเอามาใช้จ่ายปละตอนนั้นผมก็ประกอบอาชีพเป็นครูอยู่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ตอนนั้นเราไม่ค่อยมีเวลาให้กันเพราะผมเป็นคนขอให้เธอหยุดงานวันธรรมดาเพราะว่าวันเสาร์ผมรับสอนพิเศษ
เวลาเราเริ่มไม่ตรงกันแล้วตอนนั้น
จนความคิดชั่วๆของผมได้ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาในสมอง
โดยการแอบคุยกับผู้หญิงคนหนึ่ง(โดยไม่ได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้งใดๆ)ทั้งๆในขณะที่เธอกำลังตั้งครรภ์ แต่เรื่องนี้ก็จบด้วยดีเพราะผมเลือกที่จะกลับมาหาเธอ แต่ความรู้สึกเธอก็ไม่เหมือนเดิมผมก็เลยเลิกนิสัยเจ้าชู้ และให้ความรักเอาใจใส่ในขณะที่เธอตั้งครรภ์ จนลูกคนแรกคลอดออกมา ช่วงนั้นผมลาออกจาการเป็นครู และกลับมาอยู่ที่บ้านภรรยาเพื่อดูแลลูก แต่ด้วยว่าการที่ไม่ทำงานทั้งคู่มันทำให้ไม่มีเงินมาจุนเจือครอบครัว ผมจึงได้ไปสมัครงานเป็นครูอยู่ในจังหวัดเดียวกันแต่ต่างอำเภอ แล้วผมก็ได้เช่าบ้านหลังหนึ่งไว้เราย้ายครอบครัวมาอยู่ด้วยกันจยกระทั้งผมแพ้ใจตัวเองไปคบกับเพื่อนกินเหล้า ผมกินเหล้ากลับดึกทุกวันและเริ่มใช้ถ่อยคำรุนแรงกับเธอ พูดดูถูกเธอสารพัดอย่าง(พังเพราะเหล้าครั้งที่2)ก็ลาออกจากงาน
ในช่วงนั้นภรรยาผมเธอเริ่มไม่มั่นใจในตัวผมแล้ว ณเวลานั้นเราทะเลาะกันบ่อยมาก จนผมได้ไปสมัครบริษัทจัดหางานเอกชนแห่งหนึ่งภายในจังหวัดที่อาศัยอยู่ ลักษณะงานถือว่าเป็นงานที่ดีเลยก็ว่าได้ แต่แทนที่ผมเลิกงานผมจะกลับไปหาลูกหาเมีย ผมก็ไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานตลอดโดยไม่สนใจลูกและภรรยาเลย ในขณะนั้นเธอตั้งครรภ์ลูกคนที่2 สุดท้ายผมก็พลาดอีกครั้งให้กับเหล้า(พังครั้งที่3)
ตอนนั้นผมต้องดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อหางานหาเงินมาให้ลูก
ผมจึงได้ขอไปทำงานที่โรงงานกับเพื่อนในตำแหน่งล่ามเงินก็ค่อนข้างจะดีในระดับหนึ่งเลยแต่ว่าอยู่ไกลบ้านมากๆช่วงแรกที่ผมไปทำงานคือก็ระหองระแหงกับภรรยาเพราะภรรยาพึ่งคลอดลูกคนที่2ได้เพียงแค่1สัปดาห์ ผมจะต้องไปเริ่มที่ ตจว. ช่วงนั้นทำให้เธอเหมือนรู้สึกถูกทอดทิ้งทะเลาะกันจนถึงขั้นจะทำเรื่องหย่ากันแต่แม่ของภรรยาก็บอกให้เปิดอกคุยกันก็มานั่งเคลียร์กันว่าจะไม่ทะเลาะกันอีกช่วงปีแรกที่ผมทำงานทรมานมากทำงานไปด้วยใช้หนี้ที่ยืมไปด้วยพอเข้าปีที่สองอะไรๆก็เริ่มลงตัวแล้วและเงินปังมากๆ แต่ทว่าผมปรึกษากับทางภรรยาว่าอยากจะย้ายมาอยู่ใกล้บ้าน และผมก็สารภาพกับภรรยาว่าสาเหตุที่แยากกลับมาอยู่ใกล้บ้านเพราะติดหนี้พนันบอลพวกมาเฟีย7หมื่น5พันบาท(ซึ่งชำระไปแล้ว)(ผมเสียดายเงินมากๆ) รอบนี้คือหนักมาก คือพังแบบยับเยินเลยครับ
แต่ภรรยาผมเธอก็ยังให้โอกาสในตัวผม
พผอมสัมภาษณ์ผ่านวานได้งานใกล้บ้านและเงินเดือนสูงขึ้นภรรยาและครอบครัวก็ต่างดีใจกันมากๆคิดว่าจะมีโอกาสได้ใช้ชีวิตที่มีคุณภาพดีขึ้น แต่ทว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัด หัวหน้างานไม่ให้ผ่านโปร ฝันทุกอย่างจึงสลายลงในชั่วพริบตา
ผมก็กลับมาเตะฝุ่นพร้อมกับแบกหนี้ก้อนโตกลับมาบ้านผมจึงตัดพ้อว่าจะขอหย่ากับเธอได้ไหมเพราะว่าผมไม่อยากให้ภรรยาต้องมาชดใช้หนี้แทนเพราะภรรยาผมเธอมีรถยนต์และมอเตอร์ไซต์เป็นสมบัติส่วนตัวผมกลัวถูกยึดถ้าไม่มีเงินจ่ายหนี้ แต่ภรรยาผมก็ยืนหยัดที่จะไม่หย่า
ด้วยความที่ผมเองก็รักภรรยา ไม่อยากให้มาเป็น แพะก็ถามย้ำไปอีกครั้งว่าแน่ใจใช่ไหมภรรยาก็บอกว่าใช่จะไม่หย่าและแม่ของภรรยาก็ให้คำแนะนำต่างถ้าเงินไม่พอจ่ายจะต้องคุยอย่างไรแนะนำเป็นอย่างดี
ในข่วงที่ผมกำลังหางานทุกคนก็ให้กำลังใจผมให้ที่พักพิงผม ภรรยาของผมก็เริ่มหางานทำหลังจากเป็นคุณแม่เลี้ยงลูกแบบFull time ภรรยาผมก็ได้ไปสัมควรงานที่ตนเองอยากได้จนสัมภาษณ์ผ่านและได้ทำงานนั้น
ส่วนตัวผมก็ได้ไปสัมภาษณ์งานใหม่และได้รับเลือกเข้าทำงานแต่ด้วยเงินเดือนที่น้อยผมจึงไม่สามารรับได้
และช่วงนั้นผมตัดพ้อและทะเลาะกับภรรยาบ่อยมากจนผมพูดแย่ๆกับเธอไปว่า"ถ้าเรามันจนเธอก็ไปหาแฟนใหม่ที่มีเงินมาซัพพอร์ตเถอะ เรามันไม่ดีเอง(ก็ไม่ดีจริงๆนั้นแหละ)"
พอพูดประโยคนั้นใส่เธอแล้วผมก็รู้สึกผิดเช่นกันแต่ไม่ได้ขอโทษเธอ ผมรู้สึกเป็นทุกข์ในใจมากจนหวนกลับไปหาดื่มเหล้าอีกครั้งโดยไม่สนใจลูกๆเลยเพราะภรรยาผมเลิกงานดึกทุกวัน
เนื่องจากว่าผมรับในเรื่องเงินเดือนที่มันน้อยลงไม่ได้ผมจึงไปสมัครงานใหม่และสัมภาษณ์และได้เงินเดือนตามที่คาดหวังไว้ ซึ่งตอนนั้นเราทะเลาะกันหนักมากจำเป็นต้องใช้เงิน
และบวกกับเรื่องที่ผมไม่ได้คิดสร้างอนาคตตั้งแต่แรก ภรรยาของผมเธอคงจะหมดความอดทนจริงๆแหละครับ
จุงไล่ผมมออกจากบ้าน ด้วยช่วงนั้นต่างคนต่างใช้อารมณ์ผมก็เลยออกมาครับแล้วผมไม่ได้นึกถึงว่าผมจะเสียสิทธิ์ความเป็นสามีทางหัวใจของเธอแล้ว...
แต่ผมก็พยายามจะตามง้อเธอตลอดทุกอย่างกำลังจะกลับมาในทิศทางที่ดีแต่วันนั้นผมเมาเหล้า(พังรอบที่5เพราะเหล้า)ผมโมโหที่ตอนแรกคุยภรรยาว่าจะส่งเธอไปสอบ ข้าราชการ ตจว. เราตกลงกันแล้วว่าโอเค (ผมก็มาว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้กลับมาคืนดีกัน)แต่กลับกลายเป็นว่าเธอขอไปคนเดียวดีกว่า ผมก็เลยระเบิดอารมณ์ใส่เธอแล้วท้าทายโดยการบอกว่าจะหย่าอีกครั้ง มันเลยทำให้เธอไปรี๊ดแตก เพราะว่าผมเมาและไม่ได้ถามเหตุผลก่อนคือสิ่งที่กำลังจะกลับมาดีกลายเป็นแบบโดมิโน่เลยครับ
คือผมรู้สึกแย่กับตัวเองมากๆเลย
ตอนนี้ผมตั้งใจจะเลิกเหล้าโดยการไปสาบานตนต่อหน้าพระเจ้าในโบสถ์คริสต์ และจะปรับปรุงนิสัยแย่ๆ ทุกอย่าง
ผมอยากขอโอกาสเธออีกครั้งแต่ด้วยความที่เธอโมโหอยู่เธอบอกว่าจะไม่ขอรับผมเป็นสามีอีกแล้วเธอเข็ดแล้ว
ถ้าจะทำตัวดีก็ไปดีที่อื่นที่นี้ไม่เอาแล้ว เธอคงจะหมดกับผมแล้วจริงๆแหละ
เพราะว่าเราจดทะเบียนสมรสกันแล้วก่อนที่ทะเบียน สมรส จะเป็น โมฆะ ผมจะพยายาม ปรับปรุงตัวให้เธอเห็น ผมยังรักเธอสุดหัวใจอยู่และรอบนี้ผมจริงจังมากในการปรับปรุงตัวเอง
พอจะมีวิธีดีๆแนะนำไหมครับ ผมอยากกลับไปทำให้เธอมั่นใจในตัวผมอีกครั้ง
ผมทำผิดกับภรรยาแต่ไม่อยากหย่า อยากปรับปรุงตัว แต่ภรรยาไม่ให้โอกาส
เรามีลูกด้วยกัน2คน
ที่ผ่านมาผมทำแย่ๆกับภรรยามาโดยตลอดผมคบกับเธอตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ตอนนั้นมีทุนที่จะไปศึกษาต่างประเทศซึ่งในขณะนั้นเราคบกันแต่อาจารย์ให้ไปแค่คนเดียว เธอเสียสละให้ผมไปเพราะเธอมองว่าผมเป็นความภาคภูมิใจของเธอ
พอเรียนจบก็มาหางานทำกันและไปสมัครงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งด้วยกันซึ่งเธอสัมภาษณ์ผ่านเป็นลำดับที่1แต่ว่าผมเป็นลำดับที่2 ซึ่งเธอก็เสียาละให้ผมได้งานทำ
แต่ในขณะนั้นนิสัยส่วนตัวผมเป็นคนชอบกินชอบเที่ยว
ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานไม่เป็นไปตามKPIของบริษัทจึงถูกบีบให้ออก
แต่เผอิญว่าจังหวะนั้นภรรยาของผมได้สมัครงานไว้ที่ ตจว. และสัมภาษณ์ผ่าน และผมก็ไปสมัครงานที่ จังหวัดเดียวกับเธอแต่คนละงานก็สัมภาษณ์ผ่านเราจึงไปเริ่มใช้ชีวิตคู่ด้วยกันก่อนแต่งงาน ซึ่งช่วงแรกๆก็เจออุปสรรคมากมาย เราก็พยามยาช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ช่วงนั้นรักกันมากจนกระทั่งผมทำผิดพลาดโดยการถูกคลีนิคแห่งหนึ่งหลอกเอาเงินค่าลบรอยสักไปจำนวน1หมื่นกว่าบาทเธอก็ไม่ขอยืมเงินญาติในส่วนที่ผมโดนหลอกไปนั้นเอามาใช้จ่ายปละตอนนั้นผมก็ประกอบอาชีพเป็นครูอยู่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ตอนนั้นเราไม่ค่อยมีเวลาให้กันเพราะผมเป็นคนขอให้เธอหยุดงานวันธรรมดาเพราะว่าวันเสาร์ผมรับสอนพิเศษ
เวลาเราเริ่มไม่ตรงกันแล้วตอนนั้น
จนความคิดชั่วๆของผมได้ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาในสมอง
โดยการแอบคุยกับผู้หญิงคนหนึ่ง(โดยไม่ได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้งใดๆ)ทั้งๆในขณะที่เธอกำลังตั้งครรภ์ แต่เรื่องนี้ก็จบด้วยดีเพราะผมเลือกที่จะกลับมาหาเธอ แต่ความรู้สึกเธอก็ไม่เหมือนเดิมผมก็เลยเลิกนิสัยเจ้าชู้ และให้ความรักเอาใจใส่ในขณะที่เธอตั้งครรภ์ จนลูกคนแรกคลอดออกมา ช่วงนั้นผมลาออกจาการเป็นครู และกลับมาอยู่ที่บ้านภรรยาเพื่อดูแลลูก แต่ด้วยว่าการที่ไม่ทำงานทั้งคู่มันทำให้ไม่มีเงินมาจุนเจือครอบครัว ผมจึงได้ไปสมัครงานเป็นครูอยู่ในจังหวัดเดียวกันแต่ต่างอำเภอ แล้วผมก็ได้เช่าบ้านหลังหนึ่งไว้เราย้ายครอบครัวมาอยู่ด้วยกันจยกระทั้งผมแพ้ใจตัวเองไปคบกับเพื่อนกินเหล้า ผมกินเหล้ากลับดึกทุกวันและเริ่มใช้ถ่อยคำรุนแรงกับเธอ พูดดูถูกเธอสารพัดอย่าง(พังเพราะเหล้าครั้งที่2)ก็ลาออกจากงาน
ในช่วงนั้นภรรยาผมเธอเริ่มไม่มั่นใจในตัวผมแล้ว ณเวลานั้นเราทะเลาะกันบ่อยมาก จนผมได้ไปสมัครบริษัทจัดหางานเอกชนแห่งหนึ่งภายในจังหวัดที่อาศัยอยู่ ลักษณะงานถือว่าเป็นงานที่ดีเลยก็ว่าได้ แต่แทนที่ผมเลิกงานผมจะกลับไปหาลูกหาเมีย ผมก็ไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานตลอดโดยไม่สนใจลูกและภรรยาเลย ในขณะนั้นเธอตั้งครรภ์ลูกคนที่2 สุดท้ายผมก็พลาดอีกครั้งให้กับเหล้า(พังครั้งที่3)
ตอนนั้นผมต้องดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อหางานหาเงินมาให้ลูก
ผมจึงได้ขอไปทำงานที่โรงงานกับเพื่อนในตำแหน่งล่ามเงินก็ค่อนข้างจะดีในระดับหนึ่งเลยแต่ว่าอยู่ไกลบ้านมากๆช่วงแรกที่ผมไปทำงานคือก็ระหองระแหงกับภรรยาเพราะภรรยาพึ่งคลอดลูกคนที่2ได้เพียงแค่1สัปดาห์ ผมจะต้องไปเริ่มที่ ตจว. ช่วงนั้นทำให้เธอเหมือนรู้สึกถูกทอดทิ้งทะเลาะกันจนถึงขั้นจะทำเรื่องหย่ากันแต่แม่ของภรรยาก็บอกให้เปิดอกคุยกันก็มานั่งเคลียร์กันว่าจะไม่ทะเลาะกันอีกช่วงปีแรกที่ผมทำงานทรมานมากทำงานไปด้วยใช้หนี้ที่ยืมไปด้วยพอเข้าปีที่สองอะไรๆก็เริ่มลงตัวแล้วและเงินปังมากๆ แต่ทว่าผมปรึกษากับทางภรรยาว่าอยากจะย้ายมาอยู่ใกล้บ้าน และผมก็สารภาพกับภรรยาว่าสาเหตุที่แยากกลับมาอยู่ใกล้บ้านเพราะติดหนี้พนันบอลพวกมาเฟีย7หมื่น5พันบาท(ซึ่งชำระไปแล้ว)(ผมเสียดายเงินมากๆ) รอบนี้คือหนักมาก คือพังแบบยับเยินเลยครับ
แต่ภรรยาผมเธอก็ยังให้โอกาสในตัวผม
พผอมสัมภาษณ์ผ่านวานได้งานใกล้บ้านและเงินเดือนสูงขึ้นภรรยาและครอบครัวก็ต่างดีใจกันมากๆคิดว่าจะมีโอกาสได้ใช้ชีวิตที่มีคุณภาพดีขึ้น แต่ทว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัด หัวหน้างานไม่ให้ผ่านโปร ฝันทุกอย่างจึงสลายลงในชั่วพริบตา
ผมก็กลับมาเตะฝุ่นพร้อมกับแบกหนี้ก้อนโตกลับมาบ้านผมจึงตัดพ้อว่าจะขอหย่ากับเธอได้ไหมเพราะว่าผมไม่อยากให้ภรรยาต้องมาชดใช้หนี้แทนเพราะภรรยาผมเธอมีรถยนต์และมอเตอร์ไซต์เป็นสมบัติส่วนตัวผมกลัวถูกยึดถ้าไม่มีเงินจ่ายหนี้ แต่ภรรยาผมก็ยืนหยัดที่จะไม่หย่า
ด้วยความที่ผมเองก็รักภรรยา ไม่อยากให้มาเป็น แพะก็ถามย้ำไปอีกครั้งว่าแน่ใจใช่ไหมภรรยาก็บอกว่าใช่จะไม่หย่าและแม่ของภรรยาก็ให้คำแนะนำต่างถ้าเงินไม่พอจ่ายจะต้องคุยอย่างไรแนะนำเป็นอย่างดี
ในข่วงที่ผมกำลังหางานทุกคนก็ให้กำลังใจผมให้ที่พักพิงผม ภรรยาของผมก็เริ่มหางานทำหลังจากเป็นคุณแม่เลี้ยงลูกแบบFull time ภรรยาผมก็ได้ไปสัมควรงานที่ตนเองอยากได้จนสัมภาษณ์ผ่านและได้ทำงานนั้น
ส่วนตัวผมก็ได้ไปสัมภาษณ์งานใหม่และได้รับเลือกเข้าทำงานแต่ด้วยเงินเดือนที่น้อยผมจึงไม่สามารรับได้
และช่วงนั้นผมตัดพ้อและทะเลาะกับภรรยาบ่อยมากจนผมพูดแย่ๆกับเธอไปว่า"ถ้าเรามันจนเธอก็ไปหาแฟนใหม่ที่มีเงินมาซัพพอร์ตเถอะ เรามันไม่ดีเอง(ก็ไม่ดีจริงๆนั้นแหละ)"
พอพูดประโยคนั้นใส่เธอแล้วผมก็รู้สึกผิดเช่นกันแต่ไม่ได้ขอโทษเธอ ผมรู้สึกเป็นทุกข์ในใจมากจนหวนกลับไปหาดื่มเหล้าอีกครั้งโดยไม่สนใจลูกๆเลยเพราะภรรยาผมเลิกงานดึกทุกวัน
เนื่องจากว่าผมรับในเรื่องเงินเดือนที่มันน้อยลงไม่ได้ผมจึงไปสมัครงานใหม่และสัมภาษณ์และได้เงินเดือนตามที่คาดหวังไว้ ซึ่งตอนนั้นเราทะเลาะกันหนักมากจำเป็นต้องใช้เงิน
และบวกกับเรื่องที่ผมไม่ได้คิดสร้างอนาคตตั้งแต่แรก ภรรยาของผมเธอคงจะหมดความอดทนจริงๆแหละครับ
จุงไล่ผมมออกจากบ้าน ด้วยช่วงนั้นต่างคนต่างใช้อารมณ์ผมก็เลยออกมาครับแล้วผมไม่ได้นึกถึงว่าผมจะเสียสิทธิ์ความเป็นสามีทางหัวใจของเธอแล้ว...
แต่ผมก็พยายามจะตามง้อเธอตลอดทุกอย่างกำลังจะกลับมาในทิศทางที่ดีแต่วันนั้นผมเมาเหล้า(พังรอบที่5เพราะเหล้า)ผมโมโหที่ตอนแรกคุยภรรยาว่าจะส่งเธอไปสอบ ข้าราชการ ตจว. เราตกลงกันแล้วว่าโอเค (ผมก็มาว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้กลับมาคืนดีกัน)แต่กลับกลายเป็นว่าเธอขอไปคนเดียวดีกว่า ผมก็เลยระเบิดอารมณ์ใส่เธอแล้วท้าทายโดยการบอกว่าจะหย่าอีกครั้ง มันเลยทำให้เธอไปรี๊ดแตก เพราะว่าผมเมาและไม่ได้ถามเหตุผลก่อนคือสิ่งที่กำลังจะกลับมาดีกลายเป็นแบบโดมิโน่เลยครับ
คือผมรู้สึกแย่กับตัวเองมากๆเลย
ตอนนี้ผมตั้งใจจะเลิกเหล้าโดยการไปสาบานตนต่อหน้าพระเจ้าในโบสถ์คริสต์ และจะปรับปรุงนิสัยแย่ๆ ทุกอย่าง
ผมอยากขอโอกาสเธออีกครั้งแต่ด้วยความที่เธอโมโหอยู่เธอบอกว่าจะไม่ขอรับผมเป็นสามีอีกแล้วเธอเข็ดแล้ว
ถ้าจะทำตัวดีก็ไปดีที่อื่นที่นี้ไม่เอาแล้ว เธอคงจะหมดกับผมแล้วจริงๆแหละ
เพราะว่าเราจดทะเบียนสมรสกันแล้วก่อนที่ทะเบียน สมรส จะเป็น โมฆะ ผมจะพยายาม ปรับปรุงตัวให้เธอเห็น ผมยังรักเธอสุดหัวใจอยู่และรอบนี้ผมจริงจังมากในการปรับปรุงตัวเอง
พอจะมีวิธีดีๆแนะนำไหมครับ ผมอยากกลับไปทำให้เธอมั่นใจในตัวผมอีกครั้ง