ร่วมแชร์ประสบการณ์ การถูกเบี้ยวเงินค่างวดงานในวิชาชีพนักออกแบบ (สถาปนิก)

ก่อนอื่นขอท้าวความก่อนนะครับ ผมประกอบอาชีพสถาปนิกในตอนนี้ ซึ่งอยากจะมาเล่า มาเเชร์ประสบการณ์ที่เคยเจอมา มันเริ่มครั้งแรกตั้งแต่สมัยปี4ซึ่งเป็นประสบการณ์ครั้งแรกสมัยเรียน และครั้งแต่มาก็เป็นรุ่นพี่ที่รุ้จักจ้างทำงานครั้งแรกหักตังค์เพราะเขาส่งงานช้าเลยลดราคาให้ลูกค้าแต่กลับมาหักค่าจ้างผม ซึ่งผมก็คิดในใจว่า มันถูกต้องหรอ ทั้งๆที่เราทำงานส่งตรงตามเวลาตลอด ก็ไม่ว่ากัน ครั้งที่2จ้างเขียนแบบก่อสร้างอีก ซึ่งครั้งนี้เงียบหายไม่จ่ายเลย และผมเพิ่งรู้ว่ารุ่นพี่ของผมอีกคนก็โดนพี่คนนี้เบี้ยวตังค์ค่าจ้างอีก ทุกวันนี้เขาไม่กล้ามองหน้าพวกผมเลย เรื่องนี้ก็ผ่านไป เรื่องต่อมาเป็นเรื่องราว พี่ชายของเพื่อน(ญาติเพื่อน) เป็นผู้รับเหมา จ้างผมทำบีโอคิว ก็ไม่ได้ทำสัญญาจ้างงานไรกัน อาศัยความเชื่อใจ พี่ของเพื่อนเคยเห็นหน้ากันด้วยคุยกันด้วย ก็คิดว่าโอเค พอทำไปครั้งแรกจ่ายตังค์ครับ พอครั้งที่สองวิธีคิดเหมือนเดิม ไม่ได้ต่างจากงานที่2มาก แต่สุดท้ายก็บอกว่าต้องแก้โน้นแก้นี่แก้นั่น ผมก็พร้อมจะแก้นะครับ แต่เขากลับบอกไม่ต้องแล้ว ซึ่งเขาได้ไฟล์งานแล้วด้วย (พลาดไม่น่าไว้ใจคนเลยเรา) ซึ่งทั้ง3ครั้งที่โดนเบี้ยวไป ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่เคารพ สนิท คุ้นเคยกันทั้งนั้น พอมาคนที่สี่ซึ่งผมจะได้นำข้อความที่ได้คุยกันผ่าน Line มาให้ดูนะครับ (ผมไม่ได้ตัดต่อข้อความ เอามาให้ดูกันไปเลย )
      นี่เป็นคำพูดในช่วงการนำเสนอแบบร่างครั้งที่3ซึ่งครั้งนี้ลูกค้าต้องจ่ายงวดที่2ให้กับผมแล้ว แต่เขาบอกว่าอีก2วันจะโอนตังค์ไป ผมก็โอเคยืดหยุ่นแล้วครับ (งานนี้ผมรับเป็นงาน Product Design)

ลูกค้า :: ส่งไฟล์งานซักแบบนึงมาให้พี่ได้มั้ย พี่จะลองไปให้โรงงานผลิตลองเปิดดู ว่าได้หรือเปล่า

ผู้ออกแบบ :: (คิดคำตอบที่สุภาพ) สำหรับไฟล์งานที่จะให้คงจะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญาจ้างงาน สำหรับการรวบรวมไฟล์งานที่ให้ลูกค้าจะเป็นไปในงวดท่ี่4นะครับ หากจบแบบได้แล้ว และช่วงสุดท้ายที่รวบรวมไฟล์งานส่งให้ลูกค้าไฟล์เกิดเสีย ทางเราก็จะแก้ไขไฟล์ให้ เพื่อให้โรงงานได้ทำงานต่อไปได้นะครับ

ลูกค้า :: หรือว่ากลัวผมไม่จ่ายเงินครับ ผมแค่ไม่อยากให้เสียเวลาแค่นั้น

ผู้ออกแบบ :: ไม่ใช่แบบนั้นครับ แต่ผมพยายามทำตามระบบระเบียบที่ผมได้วางไว้ตามข้อกำหนดครับ หากจบแบบเร็วผมว่ามันก็ไม่น่าจะเสียเวลามากนะครับ

ลูกค้า :: (ก็เอาเรื่องอื่นมาพูดเพื่อให้เห็นข้อผิดพลาดขอเรา)

ผู้ออกแบบ :: (พร้อมปรับแก้ไขสำหรับไฟล์งานที่เปิดไมไ่ด้ ไม่คิดหนีแต่พร้อมแก้ไข เพียงแค่บอกมา)

หลังจากที่เขาบอกว่าอีก2วันจะโอนตังค์ไปให้ แล้วเค้าไม่ได้ไฟล์งาน ผมเลยทวงตังค์งวดที่2ไป แต่เห็นเขาอ่านใน Line แล้วก็เงียบไป2วันจากนั้นเขาจึงส่งข้อความมาว่า

ลูกค้า :: สวัสดีครับ (ชื่อผม)
ผมมาลองคิดดูแล้ว ผมว่าสไตล์ในการทำงานของเรา อาจจะมีปัญหา
ในอนาคต เนื่องจากผมต้องการความยืดหยุ่นตัวในการทำงาน แต่(ชื่อผม)ติดขัดเรื่องระเบียบงานที่ทำมาผมขอหยุดเท่านี้

สถาปนิกตัวเล็กๆ ::ได้ครับ แต่รบกวนพี่พีช่วยโอนตังค์สำหรับงวดงานที่2ในการนำเสนอแบบร่างครั้งที่3ให้ผมด้วยนะครับ

ลูกค้า :: เงินที่ผมจ่ายไปตั้งแต่ยังไม่เห็นเนื้องาน
ผมว่าเพียงพอแล้วสำหรับการเสียเวลาของเราทั้งคู่ครับ

สถาปนิกตัวเล็กๆ ::งั้นสรุปว่างวดที่2พี่ไม่จ่ายใช่มั้ยครับ โอเคครับ ผมจะได้รับทราบไว้ครับ ไม่จ่ายก็ไม่เป็นไรครับ อย่างน้อยๆผมก็ได้ทำงานเต็มที่แล้ว ทั้งคิด ทั้งปรับแก้ไขตามความต้องการของลูกค้า ถือว่าผมได้เรียนรู้โลกครับ ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ที่มอบให้นะครับ

ลูกค้า :: เพราะคิดอยู่ในโลกของตัวเอง ด้านของตัวเอง ตั้งกฎเกณฑ์ของตัวเอง
นี่คือสาเหตุของจุดจบ

ลูกค้า:: ไม่นับเรื่องงาน (ชื่อผม)ก็เป็นคนที่โอเคคนนึง
ลูกค้า::ขอบคุณ

ปล.ไม่มีการตัดต่อคำพูดใดๆทั้งนั้น
ปล.2 ผมเชื่อว่านักออกแบบทุกคน ล้วนอยากจะเห็นผลงานของตัวเอง ผมเป็นคนนึงที่เต็มที่กับทุกงาน ถามว่าเสียใจมั้ย ตอบได้แบบยืดอกเลยว่าไม่เสียใจ เพราะผมทำเต็มที่ในทุกช่วงแล้ว ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ อาจจะไม่ใช่เรื่องของการทำงาน เพราะเราทำงานตรงเวลา แต่สำหรับมุมมองลูกค้าอาจจะต้องการความยืดหยุดที่มาก แต่ผมโดนเบี้ยวมาเยอะในกรณีแบบนี้ มันก็ยากที่จะให้เป็นไปตามความต้องการของลูกค้าซะทุกอย่าง ผมเลยต้องยึดตามระเบียบแบบเเผนที่ตั้งไว้ กรณีการขอไฟล์งานไปหลายครั้งที่ลูกค้าเงียบหายไป ซึ่งก็เป็นบทเรียนในครั้งต่อไปว่าไม่ควรให้ เพราะเขาอาจจะเอาไปแล้วชิ่งหายไปได้ อย่างกรณีนี้ลูกค้าแม้จะไม่ได้ไฟล์งานไป แต่เขาก็ได้รูปที่นำเสนอครั้งที่3 ที่ถือว่าสมบูรณ์ที่สุด เขาก็อาจจะเอารูปไปจ้างคนอื่นหรือโรงงานผลิตต่อในราคาที่ถูกกว่า สุดท้ายแล้วจะยังไงก็ช่าง เมื่อทัศนคติการทำงานไม่ตรงกันก็คงจะต้อง โบกมือลากันไป เงินงวดที่2นี้ผมถือว่าผมได้ทำบุญแล้วนะครับ สบายใจที่ได้พูดออกมา สิ่งนี้จะมีประโยชน์หากได้เป็นวิทยาทานแด่หลายๆคน

หลังจากนี้ผมจะคอยดูผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ว่า ถ้าผลิตออกแบบแล้วเค้าจะใช้แบบที่ผมได้ออกแบบมั้ย ถ้าใช่ ผมก็ดีใจนะที่สิ่งที่ผมคิด ผมทำ มันได้ออกสู่ตลาด แม้ว่าสิ่งนั้นจะถูกคนเอาเปรียบไป ผมเชื่อเรื่องกฏแห่งกรรมครับ  "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว"

หมายเหตุ :: ข้อความที่สนทนากันผมได้คัดลอกมาจากเฟสบุคของผมเพื่อตีเเผ่ให้รุ่นน้องหรือคนที่รู้จักได้รู้ เพื่อเป็นวิทยาทานแก่คนอื่นที่อาจจะยังไม่เคยเจอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่