สวัสดีวันแม่ค่า

วันนี้หญิงนำ Japanese Deco Roll Cake สำหรับคุณแม่ของทุกคนมาฝากค่ะ
ไม่ได้ตั้งกระทู้ใน Pantip นานมากๆ แต่ก็นึกได้ว่า Pantip เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้หญิงอยากทำขนมค่ะ
เค้กตัวนี้ ขอบอกว่าตั้งใจทำมากๆ ค่ะ ด้วยสาเหตุที่ไม่อยากเสียเงินเรียน เลยหาข้อมูลและเทสต์สูตรเอง ลองผิดลองถูกฝึกทำกว่า 10 ครั้งถึงจะออกมาเป็นรูปร่างได้แบบนี้ (ถ้าใครอยากประหยัดเวลา แนะนำให้ไปเรียนค่ะ คุณครูดีๆ เค้าได้ผ่านช่วงลองผิดลองถูก พร้อมที่จะถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้เราแล้ว (ส่วนเรียนที่ไหนก็ Google เลยค่ะ อยากได้สูตรถูกใจก็ลองซื้อมาชิมก่อนเรียนก็ได้ ^^)
ย้อนกลับไปที่ฝึกทำ Japanese Deco Roll Cake ครั้งแรกเมื่อหลายเดือนก่อน ผล คือ ลายไม่ติด ม้วนแล้วแตก หญิงมองมันสักพักแล้วก็ทิ้งลงถังขยะทันที

(หลายคนที่ทำขนมคงเคยเจอประสบการณ์นี้กันทุกคน) แต่แฟนที่น่ารักของหญิงก็บอกว่า "อย่าทิ้งนะ เก็บไว้ให้เรา เราอยากกินเค้กชิ้นแรกที่แกทำทุกอัน" ซึ้งมากค่ะ ^//^ แต่หญิงก็กลัวการเค้กนี้ไปเลย
จนมาเมื่อเดือนก่อนค่ะ นึกฮึดสู้ขึ้นมา บอกกับตัวเองว่าต้องทำสำเร็จให้ได้ โดยมีวันแม่เป็น Deadline แต่ยังขี้งกไม่ยอมเสียตังไปเรียน 555
ก่อนทำก็เริ่มหาข้อมูลจนตาแฉะ มึนไปหมด ทั้งสูตรของญี่ปุ่น ฝรั่ง และไทย พอเริ่มมั่นใจก็ลงมือทำค่ะ
ครั้งแรกก็มีปัญหาบ้าง นึกถึงคำพูดที่ว่า “ทำเค้กครั้งแรก อย่าหวังว่าจะสำเร็จ แต่ถ้ามันสำเร็จก็ดีใจซะ” พอเจอกับปัญหาก็ต้องกลับไปหาข้อมูลใหม่ แล้วก็ลองทำ ลองเทสต์ดู
บางครั้งก็ร้องไห้นะคะ

แต่แค่แปปเดียว (ช่างเป็นผู้หญิงที่ขี้แงจริงๆ) ว่าทำไมมันไม่สำเร็จสักที เนื้อขนมที่ดูเหมือนจะดีแล้ว แต่ก็ยังมันไม่ถูกใจเรา ... แล้วก็เริ่มข้อมูลใหม่ ตอนนั้นเกิดอยากเรียนพวก Cake Structure ที่เดียวเลยค่ะ
แต่ขอให้เชื่อนะคะว่า ภาพที่เราเห็นคนอื่นเค้าประสบความสำเร็จ เบื้องหลังเค้าผ่านอุปสรรคและความยากลำบากมากแค่ไหน (เริ่มดราม่าล่ะ ^^)
พอทำไปเกือบ 10 รอบก็ได้สูตรเนื้อเค้กและลายที่ชอบ และก็ได้ผลอกมาอย่างในรูปภาพค่ะ
(ดังนั้น ใครที่ทำเค้กตัวไหนอยู่และยังไม่สำเร็จ อย่าเพิ่งท้อนะคะ หาข้อมูลและข้อผิดพลาดของตัวเราเองให้เจอ ถามว่าหาจากไหน Google ค่ะ หรือไม่ก็ไปเรียน เมื่อมีปัญหาก็ปรึกษาครูค่ะ ^^)
พอทำไปให้หลายคนชิมก็บอกว่า เค้กอร่อยมาก โดยเฉพาะครีมสดที่ดูไม่เหมือนใคร ทานแล้วไม่เลี่ยน ฟังแล้วดีใจสุดๆ ปลื้มปริ่มมากๆ ค่ะ
แอบบอกว่า หญิงเลือกใช้เป็นครีมสดแท้ 100% ค่ะ เพราะคิดว่ามันอร่อยและดีต่อสุขภาพมากกว่าค่ะ
โดยสูตรครีมสดที่ใช้ก็ผสมผสานระหว่างครู 2 ท่านที่ไปเรียนมาค่ะ ทำให้นึกถึงอีกคำพูดที่ว่า เราไม่ควรมีครูคนเดียว เพราะการได้ความรู้จากหลายๆ ที่ มันมีประโยชน์กับเรามากค่ะ


ป.ล. มีเกร็ดความรู้เกี่ยวกับครีมสดแท้จากกระทู้เก่า ใน Pantip มาฝากด้วยค่ะ ต้องขอขอบคุณอ.พรหล้ามากๆ
http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/D3201375/D3201375.html
ขอยกข้อความบางส่วนมานะคะ
***
ครีมแบ่งออกตาม % ของไขมันค่ะ โดยมาตรฐานของ WHO ได้แบ่งครีมออกเป็นประเภทต่าง ๆ ตาม % ไขมันอย่างต่ำดังนี้
1. Cream หรือ Single Cream 18%
2. Half Cream 10-18%
3. Double Cream 45%
4. Whipping Cream 28%
5. Heavy Whipping Cream 35%
ส่วนครีมแบบก้อนที่มีไขมัน 55% นั้นคือครีมที่เรียกว่า Clotted cream ครีมประเภทนี้ไม่เคยเห็นมีขายในเมืองไทย (อาจจะยังไม่เจอเองนะคะ) เป็นครีมพื้นเมืองของอังกฤษและสก๊อตแลนด์ค่ะ แม้แต่ในอเมริกาก็ไม่ค่อยเจอ ทำจากครีมนำมาระเหยน้ำออกในกระทะแบนจนเหลือแต่ได้ไขมันที่แตกตัวลอยเป็นสีเหลือง ๆ แล้วทำไขมันให้ตกตะกอนจับตัวเป็นก้อน
คำว่าครีมข้น น่าจะแปลมาจาก Thick Cream เป็นชื่อเรียก Heavy Whipping Cream ที่มักใช้ในอเมริกา
คำว่าครีมแท้ เป็นคำเรียกครีมที่มีส่วนผสมของไขมันนมเท่านั้น ครีมบางชนิดจะใช้ไขมันพืชทดแทนบางส่วนหรือทั้งหมด ซึ่งจะมีราคาถูกกว่าครีมแท้ค่ะ เช่นครีมเทียมที่ใช้ทำเบเกอร์รี่แบบผง หรือครีมเทียมที่ใช้ใส่กาแฟ
คำว่าครีมสด มักจะใช้เรียกครีมที่ผ่านการฆ่าเชื้อโดยวิธีพาสเจอร์ไรส์ ที่ความร้อน 72 C เวลา 15 วินาที หรือ 63 C เวลา 30 นาที วิธีนี้ครีมต้องเก็บรักษาในที่เย็นเท่านั้น
คำว่าครีมแท้ชนิดธรรมดาสเตอร์ไรส์ แปลว่า ครีมที่มีแต่ส่วนผสมของไขมันนม (ครีมจากนมวัวไม่ผสมไขมันพืช) ชนิดธรรมดาคือ Single Cream หรือเรียกว่า Cream เฉย ๆ และสเตอร์ริไรส์แสดงว่าเป็นครีมที่ผ่านการฆ่าเชื้อแบบสเตอร์ริไรส์ชึ่งจะต้องให้ความร้อนที่ 110-120 C นาน 10-20 นาที ในภาชนะปิด (ส่วนใหญ่เป็นกระป๋อง) วิธีนี้ครีมสามารถเก็บรักษาไว้ได้ที่อุณหภูมิห้องธรรมดา แต่จะมีกลิ่นรสเปลี่ยนแปลงไปจากครีมสดค่อนข้างมากค่ะ
***
คำถาม >> ขณะตีครีมให้ขึ้นฟู จำเป็นไหมที่จะต้องนำครีมไปแช่เย็นก่อน หรือทำให้เนื้อครีมมีความเย็นก่อนตี และขณะตี
ครีมต้องเย็นค่ะ ถึงจะจับตัวกันและดักอากาศได้ เพราะไขมันที่รวมกันเป็นไขมันนมมีหลายประเภท และมีจุดหลอมเหลวต่างกัน อุณหภูมิห้องธรรมดา (ของบ้านเรา) จะทำให้ครีมอยู่ในสภาพที่เหลวเกินไป จับตัวกันเพื่อดักอากาศได้ไม่ดี ทำให้ไม่ฟู
ตามหนังสือสอนทำอาหารทั่วไปจะบอกให้แช่ครีมให้เย็นก่อนจึงนำมาตี โดยชามและที่ตีก็ต้องเย็นด้วย แต่จริง ๆ แล้วสิ่งที่ต้องการคือให้ไขมันของครีมอยู่ในสภาพที่แข็ง (สภาพของแข็งมากกว่าของเหลว) เพื่อจะได้จับอากาศได้ดีค่ะ ดังนั้นถ้าไม่ได้แช่ครีมไว้ให้เย็นก็ให้ความเย็นกับครีมในขณะตีก็ได้ ที่มักจะทำเองคือแช่ครีมให้เย็นในช่องธรรมดาของตู้เย็นแล้วเอามาตีโดยใช้ชามสองใบซ้อนกัน ใบนอกใส่น้ำแข็ง คนครีมเล็กน้อยแล้วก็เริ่มตีค่ะ
***
ส่วนตัวหญิงเคยเรียนทำไอศกรีมกับอ.พรหล้าเมื่อปีที่แล้วค่ะ แต่ก็ยังไม่ได้เคยทำไอครีมสักที แต่ความรู้บางส่วนที่ได้รับจากอ. มีประโยชน์ต่อการเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพบางตัวในการทำเค้กมากค่ะ


คราวหน้ามีโอกาสจะมาลงเรื่องราวและภาพขนมที่หญิงทำใน 1 ปีที่ผ่านมานะคะ เผื่อจะได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่อยากทำขนมค่ะ เพราะ Pantip เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้หญิงอยากทำขนมค่ะ
ตอนนี้หญิงก็ไม่ได้เก่งมากนะคะ ทำเป็นแต่เค้กบ้านๆ ธรรมดาๆ แต่ก็รู้จุดอ่อนของตัวเองแล้ว ตอนนี้เลยพยายามฝึกทำเค้กให้หลากหลายมากขึ้นค่ะ ^^


แถมเค้กให้อีกก้อนค่ะ Soft Coffee Cake ที่อยู่ในช่วงเทสต์สูตร ซึ่งหญิงทำให้แม่วันอาทิตย์ที่ผ่านมาค่ะ
ตอนถ่ายรูป แม่เร่งสุดๆ อยากกินมากๆ มีโมโหด้วยไม่ได้กินสักที พอถ่ายเสร็จก็รีบเอาไปให้แม่แล้วบอกแม่ว่า “อ่ะ ของขวัญวันแม่” พอแม่กินเสร็จก็บ่นว่า “ตัดให้ชิ้นใหญ่ไปนะ” 555
Happy Mother’s Day นะคะ

Japanese Deco Roll Cake สำหรับคุณแม่ค่ะ <3
ไม่ได้ตั้งกระทู้ใน Pantip นานมากๆ แต่ก็นึกได้ว่า Pantip เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้หญิงอยากทำขนมค่ะ
เค้กตัวนี้ ขอบอกว่าตั้งใจทำมากๆ ค่ะ ด้วยสาเหตุที่ไม่อยากเสียเงินเรียน เลยหาข้อมูลและเทสต์สูตรเอง ลองผิดลองถูกฝึกทำกว่า 10 ครั้งถึงจะออกมาเป็นรูปร่างได้แบบนี้ (ถ้าใครอยากประหยัดเวลา แนะนำให้ไปเรียนค่ะ คุณครูดีๆ เค้าได้ผ่านช่วงลองผิดลองถูก พร้อมที่จะถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้เราแล้ว (ส่วนเรียนที่ไหนก็ Google เลยค่ะ อยากได้สูตรถูกใจก็ลองซื้อมาชิมก่อนเรียนก็ได้ ^^)
ย้อนกลับไปที่ฝึกทำ Japanese Deco Roll Cake ครั้งแรกเมื่อหลายเดือนก่อน ผล คือ ลายไม่ติด ม้วนแล้วแตก หญิงมองมันสักพักแล้วก็ทิ้งลงถังขยะทันที
จนมาเมื่อเดือนก่อนค่ะ นึกฮึดสู้ขึ้นมา บอกกับตัวเองว่าต้องทำสำเร็จให้ได้ โดยมีวันแม่เป็น Deadline แต่ยังขี้งกไม่ยอมเสียตังไปเรียน 555
ก่อนทำก็เริ่มหาข้อมูลจนตาแฉะ มึนไปหมด ทั้งสูตรของญี่ปุ่น ฝรั่ง และไทย พอเริ่มมั่นใจก็ลงมือทำค่ะ
ครั้งแรกก็มีปัญหาบ้าง นึกถึงคำพูดที่ว่า “ทำเค้กครั้งแรก อย่าหวังว่าจะสำเร็จ แต่ถ้ามันสำเร็จก็ดีใจซะ” พอเจอกับปัญหาก็ต้องกลับไปหาข้อมูลใหม่ แล้วก็ลองทำ ลองเทสต์ดู
บางครั้งก็ร้องไห้นะคะ
แต่ขอให้เชื่อนะคะว่า ภาพที่เราเห็นคนอื่นเค้าประสบความสำเร็จ เบื้องหลังเค้าผ่านอุปสรรคและความยากลำบากมากแค่ไหน (เริ่มดราม่าล่ะ ^^)
พอทำไปเกือบ 10 รอบก็ได้สูตรเนื้อเค้กและลายที่ชอบ และก็ได้ผลอกมาอย่างในรูปภาพค่ะ
(ดังนั้น ใครที่ทำเค้กตัวไหนอยู่และยังไม่สำเร็จ อย่าเพิ่งท้อนะคะ หาข้อมูลและข้อผิดพลาดของตัวเราเองให้เจอ ถามว่าหาจากไหน Google ค่ะ หรือไม่ก็ไปเรียน เมื่อมีปัญหาก็ปรึกษาครูค่ะ ^^)
พอทำไปให้หลายคนชิมก็บอกว่า เค้กอร่อยมาก โดยเฉพาะครีมสดที่ดูไม่เหมือนใคร ทานแล้วไม่เลี่ยน ฟังแล้วดีใจสุดๆ ปลื้มปริ่มมากๆ ค่ะ
แอบบอกว่า หญิงเลือกใช้เป็นครีมสดแท้ 100% ค่ะ เพราะคิดว่ามันอร่อยและดีต่อสุขภาพมากกว่าค่ะ
โดยสูตรครีมสดที่ใช้ก็ผสมผสานระหว่างครู 2 ท่านที่ไปเรียนมาค่ะ ทำให้นึกถึงอีกคำพูดที่ว่า เราไม่ควรมีครูคนเดียว เพราะการได้ความรู้จากหลายๆ ที่ มันมีประโยชน์กับเรามากค่ะ
ป.ล. มีเกร็ดความรู้เกี่ยวกับครีมสดแท้จากกระทู้เก่า ใน Pantip มาฝากด้วยค่ะ ต้องขอขอบคุณอ.พรหล้ามากๆ
http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/D3201375/D3201375.html
ขอยกข้อความบางส่วนมานะคะ
***
ครีมแบ่งออกตาม % ของไขมันค่ะ โดยมาตรฐานของ WHO ได้แบ่งครีมออกเป็นประเภทต่าง ๆ ตาม % ไขมันอย่างต่ำดังนี้
1. Cream หรือ Single Cream 18%
2. Half Cream 10-18%
3. Double Cream 45%
4. Whipping Cream 28%
5. Heavy Whipping Cream 35%
ส่วนครีมแบบก้อนที่มีไขมัน 55% นั้นคือครีมที่เรียกว่า Clotted cream ครีมประเภทนี้ไม่เคยเห็นมีขายในเมืองไทย (อาจจะยังไม่เจอเองนะคะ) เป็นครีมพื้นเมืองของอังกฤษและสก๊อตแลนด์ค่ะ แม้แต่ในอเมริกาก็ไม่ค่อยเจอ ทำจากครีมนำมาระเหยน้ำออกในกระทะแบนจนเหลือแต่ได้ไขมันที่แตกตัวลอยเป็นสีเหลือง ๆ แล้วทำไขมันให้ตกตะกอนจับตัวเป็นก้อน
คำว่าครีมข้น น่าจะแปลมาจาก Thick Cream เป็นชื่อเรียก Heavy Whipping Cream ที่มักใช้ในอเมริกา
คำว่าครีมแท้ เป็นคำเรียกครีมที่มีส่วนผสมของไขมันนมเท่านั้น ครีมบางชนิดจะใช้ไขมันพืชทดแทนบางส่วนหรือทั้งหมด ซึ่งจะมีราคาถูกกว่าครีมแท้ค่ะ เช่นครีมเทียมที่ใช้ทำเบเกอร์รี่แบบผง หรือครีมเทียมที่ใช้ใส่กาแฟ
คำว่าครีมสด มักจะใช้เรียกครีมที่ผ่านการฆ่าเชื้อโดยวิธีพาสเจอร์ไรส์ ที่ความร้อน 72 C เวลา 15 วินาที หรือ 63 C เวลา 30 นาที วิธีนี้ครีมต้องเก็บรักษาในที่เย็นเท่านั้น
คำว่าครีมแท้ชนิดธรรมดาสเตอร์ไรส์ แปลว่า ครีมที่มีแต่ส่วนผสมของไขมันนม (ครีมจากนมวัวไม่ผสมไขมันพืช) ชนิดธรรมดาคือ Single Cream หรือเรียกว่า Cream เฉย ๆ และสเตอร์ริไรส์แสดงว่าเป็นครีมที่ผ่านการฆ่าเชื้อแบบสเตอร์ริไรส์ชึ่งจะต้องให้ความร้อนที่ 110-120 C นาน 10-20 นาที ในภาชนะปิด (ส่วนใหญ่เป็นกระป๋อง) วิธีนี้ครีมสามารถเก็บรักษาไว้ได้ที่อุณหภูมิห้องธรรมดา แต่จะมีกลิ่นรสเปลี่ยนแปลงไปจากครีมสดค่อนข้างมากค่ะ
***
คำถาม >> ขณะตีครีมให้ขึ้นฟู จำเป็นไหมที่จะต้องนำครีมไปแช่เย็นก่อน หรือทำให้เนื้อครีมมีความเย็นก่อนตี และขณะตี
ครีมต้องเย็นค่ะ ถึงจะจับตัวกันและดักอากาศได้ เพราะไขมันที่รวมกันเป็นไขมันนมมีหลายประเภท และมีจุดหลอมเหลวต่างกัน อุณหภูมิห้องธรรมดา (ของบ้านเรา) จะทำให้ครีมอยู่ในสภาพที่เหลวเกินไป จับตัวกันเพื่อดักอากาศได้ไม่ดี ทำให้ไม่ฟู
ตามหนังสือสอนทำอาหารทั่วไปจะบอกให้แช่ครีมให้เย็นก่อนจึงนำมาตี โดยชามและที่ตีก็ต้องเย็นด้วย แต่จริง ๆ แล้วสิ่งที่ต้องการคือให้ไขมันของครีมอยู่ในสภาพที่แข็ง (สภาพของแข็งมากกว่าของเหลว) เพื่อจะได้จับอากาศได้ดีค่ะ ดังนั้นถ้าไม่ได้แช่ครีมไว้ให้เย็นก็ให้ความเย็นกับครีมในขณะตีก็ได้ ที่มักจะทำเองคือแช่ครีมให้เย็นในช่องธรรมดาของตู้เย็นแล้วเอามาตีโดยใช้ชามสองใบซ้อนกัน ใบนอกใส่น้ำแข็ง คนครีมเล็กน้อยแล้วก็เริ่มตีค่ะ
***
ส่วนตัวหญิงเคยเรียนทำไอศกรีมกับอ.พรหล้าเมื่อปีที่แล้วค่ะ แต่ก็ยังไม่ได้เคยทำไอครีมสักที แต่ความรู้บางส่วนที่ได้รับจากอ. มีประโยชน์ต่อการเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพบางตัวในการทำเค้กมากค่ะ
คราวหน้ามีโอกาสจะมาลงเรื่องราวและภาพขนมที่หญิงทำใน 1 ปีที่ผ่านมานะคะ เผื่อจะได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่อยากทำขนมค่ะ เพราะ Pantip เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้หญิงอยากทำขนมค่ะ
ตอนนี้หญิงก็ไม่ได้เก่งมากนะคะ ทำเป็นแต่เค้กบ้านๆ ธรรมดาๆ แต่ก็รู้จุดอ่อนของตัวเองแล้ว ตอนนี้เลยพยายามฝึกทำเค้กให้หลากหลายมากขึ้นค่ะ ^^
แถมเค้กให้อีกก้อนค่ะ Soft Coffee Cake ที่อยู่ในช่วงเทสต์สูตร ซึ่งหญิงทำให้แม่วันอาทิตย์ที่ผ่านมาค่ะ
ตอนถ่ายรูป แม่เร่งสุดๆ อยากกินมากๆ มีโมโหด้วยไม่ได้กินสักที พอถ่ายเสร็จก็รีบเอาไปให้แม่แล้วบอกแม่ว่า “อ่ะ ของขวัญวันแม่” พอแม่กินเสร็จก็บ่นว่า “ตัดให้ชิ้นใหญ่ไปนะ” 555