สวัสดีค่ะ
เพลงคะ ไม่เคยได้ตั้งกระทู้ที่มีประโยชน์และมีสาระเลย ต้อนรับวันแม่นะคะ กับเหตุการณ์ที่เจอมาวันนี้
วันนี้ 11/08/2557
เป็นวันก่อนวันแม่วันนึง แม่ของ จขกท เองไม่ได้อยู่ด้วยกัน แม่อยู่ต่างประเทศ ในครอบครัวที่อยู่ปัจจุบันจึงมี พี่ชาย ยาย น้า และตัวเพลงเอง บ้านเราไม่ได้มีฐานะเป็นครอบครัวที่พอมีพอกินเหมือนคนทั่วๆไป เราใช้ชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย ไม่มีอะไรหวือหวา แต่ต้องยอมรับค่ะว่า จขกท กับพี่เป็นคนที่ค่อนข้างใช้เงินเก่ง เมื่อต้องการหรืออยากได้อะไร แค่โทรขอแม่ แม่ก็จะจัดการให้ ได้ตามที่เราต้องการ เราก็ไม่เคยคิดเลยว่าแม่จะเหนื่อย หรือ ได้ของเหล่านั้นมาให้เราลำบากขนาดไหน แม่มีครอบครัวใหม่ที่นู่นคะ น้องชายของ จขกท เอง สองคน คนละพ่อกัน แต่ก็รักกันคะ บ่อยครั้งที่แม่บ่นว่าแม่เหนื่อย แต่เราไม่ได้รู้สึกว่าคำว่า เหนื่อย มันเป็นยังไง เพราะเราไม่ได้ทำงานหาเงินใช้เอง แต่เมื่อสองปีที่ผ่านมา จขกท ขายของเล็กๆ น้อยๆ พอมีเงินใช้เอง โดยที่ไม่ต้องขอแม่ จะมีใช้บ้างเล็กน้อย ปีนึงขอก็ไม่เคยเกิน สี่ห้าพัน
แต่แล้ววันนี้ เมื่อสักครู่ จขกท ต้องไปทำธุระที่ธนาคาร จึงเรียกแท๊กซี่คันนึง เพื่อไปที่ห้างใกล้บ้าน คนขับเป็นผู้หญิง พี่เค้าเป็นคนตัวเล็ก หน้าตายิ้มแย้มค่ะ เมื่อบอกจุดหมายปลายทาง เราก็มีบทสนทนากันเล็กน้อย แต่มันทำให้เราฉุกคิดย้อนกลับไปในอดีตตั้งแต่โตมาได้อย่างจุกสุดๆ
จะเล่าให้ฟังคร่าวๆนะคะ เพราะว่ามันยาวมาก ไม่รู้จะเรียบเรียงยังไง พี่เค้าเป็นคนต่างจังหวัดคะ เป็นหัวหน้าครอบครัว
หย่ากับแฟนมาแล้วห้าปี มีลูกตอนนี้สองคน คนโตอยู่ ม ต้น ส่วนคนเล็กอยู่ ป หก อาศัยอยู่ที่กรุงเทพ กับลูกคนโต
ส่วนคนเล็กอยู่กับแม่และลพี่ชายเค้าที่กำลังป่วย พี่เค้าเล่าว่า เมื่อวานแม่โทรมาบอกให้พาพี่ชายไปหาหมอที่กรุงเทพ เพราะป่วย แต่ไม่ทราบว่าป่วยอะไร
ไม่ได้ถามนะคะ พี่เค้าก็บอกว่า จริงๆพี่ก็อยากไปนะ แต่พี่ไม่มีเงิน วันนี้พี่ขับรถเพิ่งได้ค่าแก๊ส ตอนสิบโมง 140 บาท
เพราะก่อนส่งรถต้องเติมแก๊สให้เต็มก็ประมาณ 135 บาท พี่ไม่กล้ากินข้าวกลัวไม่มีเงินเหลือเติมแก๊ส
จนถึงสี่โมงที่ จขกท ได้ใช้บริการพี่เค้าเนี่ย ยังไม่ได้กินข้าวเลย จิบน้ำตั้งแต่เช้า
พี่เค้าถาม จขกท ว่า โทษนะคะ น้องมีครอบครัวรึยัง กผ้ตอบไปว่ายังคะ กำลังเรียนอยู่
พี่เค้าก็บอกว่า ดีแล้วคะ อย่ามีเลย ถ้าจะมีก็มีให้มันดีๆไปเลย เป็นผู้หญิงนี่ลำบากนะคะ
พี่เคยได้ยินมาว่า ผู้หญิงจริงๆแล้วโครงสร้างแข็งแรงกว่าผู้ชาย เพียงแต่ผู้หญิงเราเนี่ยไม่มีกล้ามเนื้อเหมือนผู้ชาย ไม่งั้นจะอุ้มท้องลูกได้ยังไง ตั้ง เก้าเดือน เราก็ได้แต่พูดว่าคะๆ พี่เค้าก็พูดต่อว่า นี่ลูกพี่ก็โทรมานะ พรุ่งนี้วันแม่ไง เค้าถามว่าพี่จะกลับไปหาเค้าไหม ก็สงสารเค้านะ ใจจริงก็อยากกลับแต่จะบอกลูกยังไงว่าเราไม่มีตังเลย ลูกก็งอแงจะให้กลับ ก็เข้าใจลูก ว่าวันแม่ เพื่อนๆก็ได้อยู่ได้ไปเที่ยวกับแม่ แต่ลูกเราต้องอยู่บ้านเฉยๆ
ไหนจะพี่ชายที่ป่วยอีกแม่พี่ก็พูดว่าให้เอาพี่เข้ามารักษาในกรุงเทพ พี่ก็เครียดอยู่เนี่ย ขนาดเงินจะกินข้าวยังไม่มีเลย พี่ไม่รู้จะพูดกับคนที่บ้านว่ายังไง
แล้วก็ถึงจุดหมายที่ จขกท ต้องลงคะ จขกท ยื่นเงินให้พี่เค้าไป 240 บาท ค่ามิเตอร์จริงๆ 57 บาท
ด้วยที่ว่าเราพอมีเงินแต่ถึงมันจะไม่ได้มีมาก แต่เราก็ไม่เดือดร้อนกลับมาบ้านก็ยังมีข้าวให้กิน ก็ให้ได้เท่าที่มี พี่เค้าก็ขอบอกขอบใจใหญ่
เรายิ้มแล้วบอกว่า หนูมีเงินไม่มากหรอกค่ะ แต่เราแบ่งๆกัน พี่เอาไว้ซื้อข้าวกินกับลูกนะคะ แล้วก็ลงจากรถ
มาถึงตอนนี้ นึกย้อนมองดูตัวเอง เรานับว่าเป็นคนที่โชคดีเอามากๆ ที่บ้านไม่ได้ลำบาก ไม่ต้องอดมื้อกินมื้อ ไม่ต้องดิ้นรนขวนขวาย
มีหน้าที่แค่เรียนหนังสือแค่นั้น แต่แม่ของเราที่ทำงานหนัก บ่นว่าเหนื่อย ว่าท้อ เรากลับไม่คิดถึงคำๆนั้นเลย
รู้แต่ว่าตัวเองอยากได้อะไร ต้องการอะไร คนที่เป็นแม่ก็หามาให้เราได้ มันจุกที่ใจมากๆเลยคะ ทำให้เราฉุกคิดได้ว่า
ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป มีอะไรที่เราจะทำให้แม่แล้วแม่สบายใจ หายเหนื่อย หายท้อบ้าง เราจะทำ และทำมันให้ดีที่สุด
จุดประสงค์ของการตั้งกระทู้ ไม่ต้องการให้ใครยกย่อง สรรเสริญ แต่ที่มาเล่าให้ฟัง เพราะอยากให้ทุกคนได้นึกถึงแม่
ที่แม้ว่าจะอยู่ หรือไม่ได้อยู่กับเราก็ตาม การที่จะหาเงินมาได้แต่ละบาท มันต้องแลกกับร่างกายที่ต้องทรุดโทรมลงเรื่อยๆ
สิ่งของที่เราอยากได้ แลกกับเหนื่อยและแรงกายของแม่ ถ้ามีอะไรที่เราพอจะทำหรือขวนขวายเองได้ เราควรจะทำ ชีวิตคนเราไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ชีวิตเราที่ว่าทุกข์ ยังมีคนที่ทุกข์หนักกว่า วันที่เราเบื่อข้าวที่บ้าน อยากจะไปกินข้าวข้างนอก มีอีกคนที่แม้แต่ข้าวสักเม็ดในบ้านยังไม่มีจะกิน ละครที่ว่าน้ำเน่ายังสู้ชีวิตจริงๆปัจจุบันไม่ได้เลยคะ
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ พิมพ์อะไรตกหล่นบ้าง ขออภัยมา ณ ที่นี้คะ
(วันแม่) ชีวิตจริง ละคร จริงๆแล้วไม่ต่างกันเลย
เพลงคะ ไม่เคยได้ตั้งกระทู้ที่มีประโยชน์และมีสาระเลย ต้อนรับวันแม่นะคะ กับเหตุการณ์ที่เจอมาวันนี้
วันนี้ 11/08/2557
เป็นวันก่อนวันแม่วันนึง แม่ของ จขกท เองไม่ได้อยู่ด้วยกัน แม่อยู่ต่างประเทศ ในครอบครัวที่อยู่ปัจจุบันจึงมี พี่ชาย ยาย น้า และตัวเพลงเอง บ้านเราไม่ได้มีฐานะเป็นครอบครัวที่พอมีพอกินเหมือนคนทั่วๆไป เราใช้ชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย ไม่มีอะไรหวือหวา แต่ต้องยอมรับค่ะว่า จขกท กับพี่เป็นคนที่ค่อนข้างใช้เงินเก่ง เมื่อต้องการหรืออยากได้อะไร แค่โทรขอแม่ แม่ก็จะจัดการให้ ได้ตามที่เราต้องการ เราก็ไม่เคยคิดเลยว่าแม่จะเหนื่อย หรือ ได้ของเหล่านั้นมาให้เราลำบากขนาดไหน แม่มีครอบครัวใหม่ที่นู่นคะ น้องชายของ จขกท เอง สองคน คนละพ่อกัน แต่ก็รักกันคะ บ่อยครั้งที่แม่บ่นว่าแม่เหนื่อย แต่เราไม่ได้รู้สึกว่าคำว่า เหนื่อย มันเป็นยังไง เพราะเราไม่ได้ทำงานหาเงินใช้เอง แต่เมื่อสองปีที่ผ่านมา จขกท ขายของเล็กๆ น้อยๆ พอมีเงินใช้เอง โดยที่ไม่ต้องขอแม่ จะมีใช้บ้างเล็กน้อย ปีนึงขอก็ไม่เคยเกิน สี่ห้าพัน
แต่แล้ววันนี้ เมื่อสักครู่ จขกท ต้องไปทำธุระที่ธนาคาร จึงเรียกแท๊กซี่คันนึง เพื่อไปที่ห้างใกล้บ้าน คนขับเป็นผู้หญิง พี่เค้าเป็นคนตัวเล็ก หน้าตายิ้มแย้มค่ะ เมื่อบอกจุดหมายปลายทาง เราก็มีบทสนทนากันเล็กน้อย แต่มันทำให้เราฉุกคิดย้อนกลับไปในอดีตตั้งแต่โตมาได้อย่างจุกสุดๆ
จะเล่าให้ฟังคร่าวๆนะคะ เพราะว่ามันยาวมาก ไม่รู้จะเรียบเรียงยังไง พี่เค้าเป็นคนต่างจังหวัดคะ เป็นหัวหน้าครอบครัว
หย่ากับแฟนมาแล้วห้าปี มีลูกตอนนี้สองคน คนโตอยู่ ม ต้น ส่วนคนเล็กอยู่ ป หก อาศัยอยู่ที่กรุงเทพ กับลูกคนโต
ส่วนคนเล็กอยู่กับแม่และลพี่ชายเค้าที่กำลังป่วย พี่เค้าเล่าว่า เมื่อวานแม่โทรมาบอกให้พาพี่ชายไปหาหมอที่กรุงเทพ เพราะป่วย แต่ไม่ทราบว่าป่วยอะไร
ไม่ได้ถามนะคะ พี่เค้าก็บอกว่า จริงๆพี่ก็อยากไปนะ แต่พี่ไม่มีเงิน วันนี้พี่ขับรถเพิ่งได้ค่าแก๊ส ตอนสิบโมง 140 บาท
เพราะก่อนส่งรถต้องเติมแก๊สให้เต็มก็ประมาณ 135 บาท พี่ไม่กล้ากินข้าวกลัวไม่มีเงินเหลือเติมแก๊ส
จนถึงสี่โมงที่ จขกท ได้ใช้บริการพี่เค้าเนี่ย ยังไม่ได้กินข้าวเลย จิบน้ำตั้งแต่เช้า
พี่เค้าถาม จขกท ว่า โทษนะคะ น้องมีครอบครัวรึยัง กผ้ตอบไปว่ายังคะ กำลังเรียนอยู่
พี่เค้าก็บอกว่า ดีแล้วคะ อย่ามีเลย ถ้าจะมีก็มีให้มันดีๆไปเลย เป็นผู้หญิงนี่ลำบากนะคะ
พี่เคยได้ยินมาว่า ผู้หญิงจริงๆแล้วโครงสร้างแข็งแรงกว่าผู้ชาย เพียงแต่ผู้หญิงเราเนี่ยไม่มีกล้ามเนื้อเหมือนผู้ชาย ไม่งั้นจะอุ้มท้องลูกได้ยังไง ตั้ง เก้าเดือน เราก็ได้แต่พูดว่าคะๆ พี่เค้าก็พูดต่อว่า นี่ลูกพี่ก็โทรมานะ พรุ่งนี้วันแม่ไง เค้าถามว่าพี่จะกลับไปหาเค้าไหม ก็สงสารเค้านะ ใจจริงก็อยากกลับแต่จะบอกลูกยังไงว่าเราไม่มีตังเลย ลูกก็งอแงจะให้กลับ ก็เข้าใจลูก ว่าวันแม่ เพื่อนๆก็ได้อยู่ได้ไปเที่ยวกับแม่ แต่ลูกเราต้องอยู่บ้านเฉยๆ
ไหนจะพี่ชายที่ป่วยอีกแม่พี่ก็พูดว่าให้เอาพี่เข้ามารักษาในกรุงเทพ พี่ก็เครียดอยู่เนี่ย ขนาดเงินจะกินข้าวยังไม่มีเลย พี่ไม่รู้จะพูดกับคนที่บ้านว่ายังไง
แล้วก็ถึงจุดหมายที่ จขกท ต้องลงคะ จขกท ยื่นเงินให้พี่เค้าไป 240 บาท ค่ามิเตอร์จริงๆ 57 บาท
ด้วยที่ว่าเราพอมีเงินแต่ถึงมันจะไม่ได้มีมาก แต่เราก็ไม่เดือดร้อนกลับมาบ้านก็ยังมีข้าวให้กิน ก็ให้ได้เท่าที่มี พี่เค้าก็ขอบอกขอบใจใหญ่
เรายิ้มแล้วบอกว่า หนูมีเงินไม่มากหรอกค่ะ แต่เราแบ่งๆกัน พี่เอาไว้ซื้อข้าวกินกับลูกนะคะ แล้วก็ลงจากรถ
มาถึงตอนนี้ นึกย้อนมองดูตัวเอง เรานับว่าเป็นคนที่โชคดีเอามากๆ ที่บ้านไม่ได้ลำบาก ไม่ต้องอดมื้อกินมื้อ ไม่ต้องดิ้นรนขวนขวาย
มีหน้าที่แค่เรียนหนังสือแค่นั้น แต่แม่ของเราที่ทำงานหนัก บ่นว่าเหนื่อย ว่าท้อ เรากลับไม่คิดถึงคำๆนั้นเลย
รู้แต่ว่าตัวเองอยากได้อะไร ต้องการอะไร คนที่เป็นแม่ก็หามาให้เราได้ มันจุกที่ใจมากๆเลยคะ ทำให้เราฉุกคิดได้ว่า
ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป มีอะไรที่เราจะทำให้แม่แล้วแม่สบายใจ หายเหนื่อย หายท้อบ้าง เราจะทำ และทำมันให้ดีที่สุด
จุดประสงค์ของการตั้งกระทู้ ไม่ต้องการให้ใครยกย่อง สรรเสริญ แต่ที่มาเล่าให้ฟัง เพราะอยากให้ทุกคนได้นึกถึงแม่
ที่แม้ว่าจะอยู่ หรือไม่ได้อยู่กับเราก็ตาม การที่จะหาเงินมาได้แต่ละบาท มันต้องแลกกับร่างกายที่ต้องทรุดโทรมลงเรื่อยๆ
สิ่งของที่เราอยากได้ แลกกับเหนื่อยและแรงกายของแม่ ถ้ามีอะไรที่เราพอจะทำหรือขวนขวายเองได้ เราควรจะทำ ชีวิตคนเราไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ชีวิตเราที่ว่าทุกข์ ยังมีคนที่ทุกข์หนักกว่า วันที่เราเบื่อข้าวที่บ้าน อยากจะไปกินข้าวข้างนอก มีอีกคนที่แม้แต่ข้าวสักเม็ดในบ้านยังไม่มีจะกิน ละครที่ว่าน้ำเน่ายังสู้ชีวิตจริงๆปัจจุบันไม่ได้เลยคะ
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ พิมพ์อะไรตกหล่นบ้าง ขออภัยมา ณ ที่นี้คะ