สืบเนื่องจากกระทู้ "เป็นร้านค้าแต่ล้อคwifiไม่ให้ลูกค้าใช้ มันใช่หรอครับ" ขอเล่าบ้าง

จากกระทู้นี้ http://pantip.com/topic/32393921
ลองอ่านดูแล้วก็ตลกดีว่าเดี๋ยวนี้ยังมีคนแบบนี้อยู่อีก

ขอเล่าบ้างมีหลายเหตุการณ์เลย
เรื่องแรก
เป็นห้องแถวสองห้องห่างกันประมาณ 5 คูหา ท้งสองห้องเป็นเพื่อนสนิทกันมาก
ห้องแรกมีลูกเรียนหนังสือเลยมีการติดตั้งอินเตอร์เน็ต hispeed ตอนนั้น 6M 590 บาท
ทีนี้พอห้องที่สองรู้ว่าห้องแรกติดอินเตอร์เน็ต ด้วยความเป็นเพื่อนซี้กันจึงอยากร่วมใช้ด้วย
แต่ไม่อยากเสียเงินมาก โดยสมัครใจให้เงิน 300 ก็เลยมาวานให้ผมเดินสายแชร์เน็ตให้
ก่อนลงมือเดินสายผมได้บอกข้อดีข้อเสียของการแชร์ว่าจะมีดีตรงลดค่าใช้จ่ายได้ครึงนึง
แต่จะต้องแลกมากับความเร็วที่ลดลงถ้ามีการแชร์ ทั้งสองบ้านรับได้ ก็ได้จัดการให้ไป
ระหว่างนั้นก็ใช้งานกันไปด้วยที่ทั้งสองห้องมีเด็กนักเรียนที่ต้องใช้อินเตอร์เน็ตทั้งคู่
ปัญหาก็เริ่มเกิด เริ่มจากปัญหาแรกบ้านที่วางอุปกรณ์จะปิดโมเด็มหลังจากเลิกใช้งาน
ทำให้อีกบ้านใช้งานไม่ได้ ต้องคอยมาเดินบอกให้เปิดโมเด็ม ได้รับคำชี้แจงจากห้องแรกว่า
มันเปลืองไฟ ถ้าไม่ได้ใช้แล้วก็จะปิด ถ้าต้องการจะใช้ให้เดินมาบอกแล้วกัน
แรก ๆ อีกห้องก็ใช้วิธีเดินบอกเวลาจะใช้ จนนานวันเข้าเริ่มเกิดปัญหาเริ่มไม่พอใจว่า
เงินก็จ่ายให้แต่ทำไมต้องปิดด้วย ตอนนั้นทั้งสองห้องเริ่มไม่พอใจกัน

ปัญหาที่สอง ด้วยที่คนใช้งานอินเตอร์เน็ตเป็นเด็ก ซึ่งก็ต้องเล่นเกมส์อยู่แล้ว
ปัญหาเน็ตช้าจึงตามมา มีการบ่นว่ากันว่าทำไมช้า รู้งี้ไม่ให้มาร่วมใช้ด้วยหรอก
ส่วนอีกบ้านก็ว่า ถ้ารู้ว่าปัญหามันเยอะอย่างนี้เสียเงินเพิ่มอีกหน่อยดีกว่า

ปัญหาที่สาม ห้องแรกที่ติดเน็ตได้แอบเดินสายไปให้ข้างห้องอีกห้อง เพราะเป็นญาติ
โดยที่ไม่บอกบ้านที่ร่วมแชร์ จนห้องที่ร่วมแชร์มารู้ทีหลังว่าแอบไปให้อีกห้อง
แต่เก็บเงินเขาเท่าเดิม นอกจากจะใช้งานได้ช้าแล้ว ยังเปิดปิดไม่เป็นเวลาอีก
เงินที่จ่ายก็เหมือนถูกโกงเลย จากหารสองกลายเป็นหารสาม จ่าย 300 แต่ได้ใช้ 200

จากนั้นห้องที่ร่วมแชร์ก็ได้บอกเลิกไม่เอาแล้ว แล้วไปติดเอง แล้วบ่นให้ผมฟังว่า
ถ้ารู้ว่าปัญหามันมากขนาดนี้ไม่ทำตั้งแต่แรกแล้ว นี่ขนาดเป็นเพื่อนสนิทกันนะครับ
ยังคิดเล็กคิดน้อยกันได้ขนาดนี้

********************************
เรื่องที่สอง
เป็นเรื่องของการแชร์เน็ตสองบ้านอีกเหมือนกันครับ แต่เรื่องนี้ตลกกว่าคือ
สองบ้านนี้ พ่อเป็นพี่น้องกันโดยสายเลือดครับ แต่ฐานะทางเศรษฐกิจต่างกันมาก
ขอเรียกว่าบ้านจนกับบ้านรวยนะครับ
เริ่มจากบ้านจนมีลูกหลายคนกำลังเป็นวัยรุ่นและชอบเล่นเน็ตกับเกมส์ออนไลน์มาก
รวมถึงพ่อเด็กด้วยอายุเกือบห้าสิบแล้ว แต่ชอบเล่นเกมส์แบบเดียวกันลูกเลย
บ้านนี้ติดอินเตอร์เน็ตโดยไม่ลังเล เพราะใช้งานมากมาย ทั้ง ๆ ที่ฐานะไม่ได้ดีแต่ยอมจ่ายส่วนนี้

ส่วนอีกบ้านค้ือบ้านรวย ได้ยินว่าบ้านน้องชายติดเน็ต จึงเกิดความคิดอยากใช้บ้าง แต่ไม่อยากจ่าย
จึงได้ไปขอโยงสายมา ด้วยที่ว่าเป็นพี่น้องกัน บ้านน้องชายจึงยินดีให้ใช้โดยไม่เรียกร้องเงินใด ๆ
ซึ่งก็มาวานให้ไปเดินสายให้ ก็ได้มีการอธิบายให้รู้ถึงข้อดีข้อเสียเหมือนเคย
บ้านนี้ลูกไม่ได้เล่นเกมส์ครับ แต่เล่นพวกเฟส หาข้อมูลทำรายงาน ลูกเป็นเด็กเรียนทุกคน
ส่วนแม่ชอบดูละคร ดูคลิป เล่นเน็ตทั่วไป เล่นเป็นเวลา ไม่เล่นระห่ำเหมือนบ้านแรก

ปัญหาที่พบก็คือจะพบกับบ้านจน มักจะบ่นว่า เน็ตช้าบ้าง แต่ก็ไม่ได้บ่นไรมาก เพราะเขาเล่นเยอะ
ทั้งโน๊ตบุค มือถือ คอมบ้าน รวมแล้วมากกว่า 7 เครื่อง (ทั้งลูกหลานมาจุกเล่นกัน) ผมแปลกใจมาก
ที่ฐานะทางการเงินก็ไม่ได้ดี แต่ทำไมไอ้เครื่องแบบนี้ทำไมมันสวนทางกับฐานะ

มองสลับกลับไปบ้านรวย ฐานะการเงินดีกว่ามากมาย คอมมีแค่ตัวเดียว มือถือก็ใช้แบบจอดำอยู่เลย
เล่นเป็นเวลา เน้นทางการศึกษา ขนาดอินเตอร์เน็ตยังไม่ยอมติดตั้งเองเลย ผมงงมาก จะเรียกงกหรือประหยัดดี
สองบ้านนี้ก็ใช้กันมาได้หลายปี จนปัจจุบัน บ้านรวยหลังจากลูกเรียนจบก็ติดอินเตอร์เน็ตเองไปแล้ว

นึกถึงสำนวนนึงได้เลย "คนจนใช้ชีวิตแบบคนรวยไม่มีวันรวย คนรวยใช้ชีวิตแบบคนจนไม่มีวันจน"


************************************
เล่าสองเรื่องก่อนครับ สรุปทั้งหมดก็คือถ้าคุณพอจะจ่ายได้ก็จ่ายกันไปเถอะครับ ใช้เอง จ่ายเอง
ปัญหาจะน้อย ดีกว่าต้องไปขอฟรี หรือแม้กระทั่งขอแชร์คนอื่น ขนาดเพื่อนรักยังกลายเป็นเพื่อนชังได้
พี่น้องยังต้องกินใจ มันไม่คุ้มกันหรอกครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่