บุพเพเนรมิต ๐๒

กระทู้สนทนา
‘บุรุษตระกูลเรา สังเวยเลือดเนื้อและวิญญาณเพื่อการสร้างสรรค์...เจ้าอาด น่าเสียดาย...’

    
น้ำเสียงกังวานวางอำนาจนั้นยังติดหู ใบหน้าซึ่งมักแสดงแต่อาการเฉยชาถือตัวของปู่ปรากฏรอยเศร้าโศกลึกล้ำชวนสะท้อนใจ มือสั่นเทาเอื้อมหมายแตะตัวเขา ทว่าต้องชะงักค้างอยู่แค่นั้นเมื่อเสียงห้วนกระด้างแย้งขึ้น


‘เรื่องงมงายไร้สาระ!’ ดวงตาเรียวเล็กของบิดาเบิกกว้าง ดุดันวาวโรจน์ชนิดที่เขาเองเห็นแล้วยังนึกหวาด ‘ผมจะไม่ยอมให้พ่อขู่เข็ญเฆี่ยนตีอาดเหมือนอย่างที่พ่อทำกับผมเด็ดขาด! อาดจะต้องได้ทำอะไรอย่างที่ใจเขาอยากทำ ไม่ใช่ถูกบังคับ!’


ไม่มีสักหนที่ปู่และบิดาพบหน้ากันแล้วจะเจรจาด้วยสำเนียงภาษารื่นหู หากไม่ด่าทอตอบโต้ ก็มักเหน็บแนมประชดประชัน หรือไม่อย่างนั้นก็มึนตึงนิ่งขึงไปเสียทั้งสองฝ่าย


‘พวกเราไม่เหมือนกับคนทั่วไป เจ้าณุ สิ่งที่แกได้เห็น...ได้ยิน... มันไม่ใช่เพราะประสาทหลอน’ ปู่กล่าวเนิบช้า มุมปากกระตุกขึ้นราวเย้ยเยาะ บิดาขยับตัวร้อนรน เร้นสีหน้าวิตกกังวลไว้ไม่มิด กระนั้นยังมิวายเข่นเขี้ยวสัพยอก


‘คนแก่เพ้อเจ้อ!’


ลมเย็นพร้อมกลิ่นอับเอียนคล้ายกระดาษเก่าชื้นพัดวูบผ่านหน้า ช่วยปลุกอาชากรขึ้นจากภวังค์อดีต ความมืดดำยามราตรีเริ่มแผ่กระแสคุกคามไม่เป็นมิตร เขาล้วงเอาพวงกุญแจรวมสารพัดเครื่องมือพวงใหญ่ออกมาจากกระเป๋ากางเกง แสงจากปากกระบอกไฟฉายพกพาทอดกระทบพื้นไม้เงางาม แม้ไม่สว่างเหมือนแสงจากหลอดไฟฟ้า แต่ก็มากพอให้เขาคลำทางไปตามห้องหับต่างๆ ได้โดยไม่บาดเจ็บหรือทำข้าวของเครื่องใช้ในบ้านแตกหักเสียหายเข้าเสียก่อน


ด้วยกฎเหล็กห้ามผู้ครอบครองต่อเติมหรือดัดแปลงส่วนใดของบ้าน ควบรวมถึงการติดตั้งระบบน้ำระบบไฟสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ดังนั้นบ้านอักษรจึงยังคงบรรยากาศแบบดั้งเดิมไว้ไม่ผิดเพี้ยน อาชากรรู้สึกราวกับว่าตนพลัดหลงเข้าไปในอีกโลกหนึ่ง โลกที่ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยเงื่อนไขแห่งกาลเวลา ทุกอย่างภายในนี้สงบนิ่งเสียจนได้ยินเสียงลมหายใจตัวเอง ยามเท้าเปล่าเปลือยเหยียบย่างลงบนพื้นไม้เรียบลื่นแต่ละก้าว ก่อให้เกิดความรู้สึกอุ่นเสียดซ่านชวนหลากใจ แต่นั่นอาจเป็นผลจากไม้แผ่นหนาซึ่งใช้ปลูกสร้าง อีกทั้งการตอกลิ่มเข้าสลักแนบแน่นแทบผสานเป็นเนื้อเดียว เปรียบเสมือนปราการป้องกันเสียงรบกวนและสภาพอากาศเลวร้ายจากภายนอกได้อย่างเยี่ยมยอด


อาชากรชะลอฝีเท้าเมื่อมองเห็นประตูห้องใหญ่ด้านในสุด อันเป็นห้องทำงานของปู่ ‘ดามพ์ เตชะกฤดาการ’ หรือ ‘จิตต์ประภัส’ นักเขียนนิยายประโลมโลกและจิตรกรผู้เลื่องชื่อลือนามสมัย ๗๐ กว่าปีก่อน


สาเหตุที่ทำให้เขาต้องดั้นด้นมาที่นี่ด้วยตัวเองก็เพราะ ‘แม่แฟนคลับตัวยง’ ของจิตต์ประภัสนั่นแหละ อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดของบุญญารักษ์แล้ว เพื่อไม่ให้เสียเกียรติประวัติ ‘พี่ชายดีเด่น’ เขาจึงต้องหอบสังขารงอมพระรามมาเลือกเฟ้นของขวัญสุดพิเศษให้น้องสาวนอกอุทร แล้วอะไรจะเหมาะไปกว่าการหาต้นฉบับนิยายลายมือปู่สักเรื่อง หรือภาพร่างตัวละครที่ยังไม่มีใครเคยเห็นสักสี่ห้าภาพ ให้บุญญารักษ์ได้นำไปใช้กับเว็บไซต์เผยแพร่ข้อมูลจิตต์ประภัสซึ่งตัวเธอเป็นผู้ดูแลเสียอีกเล่า


ห้าปีที่แล้ว หลังผ่านพ้นเหตุการณ์ที่เขาถูกลอบทำร้ายแทบเอาชีวิตไม่รอด มารดาตัดสินใจแต่งงานใหม่กับคุณสุริยะ รพิลาภา พ่อหม้ายลูกติดเจ้าของค่ายละคร ‘ฮันนี่ซัน’ ผู้ทรงอิทธิพลยิ่งในแวดวงบันเทิง สัมพันธภาพระหว่างอาชากรกับน้องสาวต่างสายเลือดราบรื่นเสียจนต้องระวัง หญิงสาวหัวรั้นเปิดใจยอมรับพี่ชายในระยะเวลาอันสั้น ความนิยมชมชื่นล้นเหลือที่เธอมีให้จิตต์ประภัสนั้นเผื่อแผ่เลยลามมาถึงอาชากรอย่างไม่ต้องสงสัย เหตุด้วยเขาสืบเชื้อสายเตชะกฤดาการ อีกทั้งใบหน้าซึ่งประพิมพ์ประพายคล้ายผู้เป็นปู่ราวโขลกมาจากพิมพ์เดียวกัน บุญญารักษ์มักเทียวป้วนเปี้ยน พูดคุยใกล้ชิดสนิทสนม แม้รู้ดีว่าหญิงสาวบริสุทธิ์ใจรักใคร่เขาอย่างพี่น้อง แต่เพื่อป้องกันคำคนนินทาว่าร้าย อาชากรจึงเรียกเธอติดปากว่า ‘คุณหลุน’ แทนการเรียกเพียงชื่อเล่นลอยๆ แสดงความยกย่องกึ่งสร้างระยะห่างอยู่ในที เขาเอาเรื่องการทำงานเป็นข้ออ้างขอแยกตัวออกมาพักอยู่คอนโดมิเนียมกลางเมืองตามลำพัง นานๆ ครั้งถึงจะแวะไปค้างคืนที่บ้านพ่อเลี้ยงสักหนหนึ่ง


ชายหนุ่มผลักประตูห้องเปิดกว้าง กราดไฟฉายส่องไปทั่วเพื่อสำรวจพื้นที่ภายในคร่าวๆ ก่อนเดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง เมื่อวางกระเป๋าไว้บนเก้าอี้ตัวหนึ่งแล้ว อาชากรจัดแจงจุดตะเกียงเจ้าพายุที่วางประจำโต๊ะเขียนหนังสือกลางห้องและแขวนอยู่ตามมุมต่างๆ แสงสลัวรางค่อยกระจ่างนวลตาขึ้นเป็นลำดับ จนในที่สุดภาพห้องหนังสืออันใหญ่โตโอ่อ่าก็ปรากฏแจ่มชัดแก่สายตาผู้มาเยือน


ห้องใหญ่เต็มไปด้วยชั้นเก็บตำรับตำราสูงจรดเพดานทั้งสี่ด้าน การสร้างชั้นฝังกลืนไปกับผนังห้องทำให้หนังสือนับพันเล่มวางเรียงตามหมวดหมู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยไร้ที่ติ หากจะมีที่รบกวนสายตาเขาหน่อยก็ตรงแผ่นหนังสัตว์จารอักษรโบราณประจำตระกูลซึ่งประดับไว้ทั่วทุกทิศนั่นแหละ ลายเส้นสะบัดพลิ้วเกี่ยวกระหวัดกันอย่างงดงาม ทว่าคนอ่านไม่ออกเช่นเขามองแล้วชวนเวียนหัวตาลายชอบกล


ผู้กำกับหนุ่มนึกเสียดายที่ภูมิความรู้เรื่องภาษาเก่าแก่สิ้นสุดลงเพียงแค่รุ่นปู่ จากคำบอกเล่าของย่าศุภางค์ ภาษาประจำตระกูลสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น โดยบิดาเป็นผู้บอกสอนบุตรชายของตนด้วยปากเปล่าเท่านั้น ไม่มีคู่มือหรือบันทึกวิธีเขียนอ่านฉบับแปลไทยใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าหากสมัยก่อนไม่เกิดเหตุวิวาทบาดหมางระหว่างบิดากับปู่คงดีไม่น้อยเลย ป่านนี้เขาคงพออ่านตำราจารึกภาษาโบราณที่มีอยู่ครึ่งค่อนห้องพวกนี้ออกบ้าง อาจได้ทราบถึงประวัติความเป็นมาของบรรพบุรุษหลายท่าน รวมทั้งภูมิปัญญาด้านงานช่างงานศิลป์ที่สั่งสมบ่มเพาะมาหลายชั่วอายุคน


...แต่เสียดายไปก็เท่านั้น สิ่งที่ผ่านเลยมาแล้วไม่อาจย้อนคืนไปแก้ไขอะไรได้ อาชากรขับไล่ความคิดเปล่าดายออกจากสมอง นึกจดจ่อเพียงสิ่งที่ตั้งใจมาทำคือการหาของขวัญสักชิ้น มือใหญ่ฉวยแฟ้มทะเบียนสิ่งของภายในห้องหนังสือซึ่งตนและมารดาช่วยกันบันทึกไว้เมื่อครั้งได้สิทธิ์ครอบครองบ้านหลังนี้ แผนผังวาดกำกับช่วยให้ค้นหาสิ่งที่ต้องการได้อย่างสะดวกรวดเร็ว เดิมทีอาชากรหมายตานิยายเรื่อง ‘เพลิงปาริชาติ’ ไว้ ทว่าต้นฉบับขาดหายไม่ครบถ้วน เขาจึงลังเลระหว่างภาพร่างนางในวรรณคดี กับงานเขียนอีกสามสี่เรื่อง หลังจากตรองดูอยู่พักใหญ่ สุดท้ายเขาก็เลือกเรื่องสั้น ‘ร้างรัก’ ซึ่งเป็นเรื่องดั้งเดิมของนิยาย ‘เถ้าปรารถนา’ ต้นฉบับนั้นสมบูรณ์ทั้งตัวเล่มและเนื้อหา คะเนแล้วน่าจะเปิดอ่านและสู้แสงแฟลชจ้าของกล้องถ่ายรูปได้โดยไม่ชำรุดหลุดลุ่ยคามือเสียก่อน


พี่ชายดีเด่นบรรจงเก็บของขวัญชิ้นพิเศษลงในกล่องพลาสติกบุผ้าที่เตรียมมาในกระเป๋า ยาแก้แพ้เริ่มออกฤทธิ์พาให้อ่อนเพลียหนังตาหนักอึ้ง อยากล้มตัวลงนอนเต็มแก่ ชายหนุ่มเก็บของชิ้นอื่นกลับเข้าชั้นไม่รอช้า ดับตะเกียงเจ้าพายุตามมุมห้องเหลือไว้แค่ดวงที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ ซึ่งเขาหวังใช้มันนำทางขึ้นชั้นบนแทนไฟฉายอันน้อย กระเป๋าสัมภาระถูกยกขึ้นสะพายไหล่ อาชากรหันหลังเดินดิ่งไปยังประตู


โครม!!


เสียงบางอย่างตกกระแทกพื้นห้องดังลั่นรั้งฝีเท้าเขาให้ชะงักกึก ชายหนุ่มตกใจตัวชาวาบ หายง่วงราวปลิดทิ้งไปวูบหนึ่ง ครั้นตั้งสติได้ก็ถือดวงไฟส่องไปทางต้นเสียง ตรงมุมห้องฝั่งซ้ายมือตำราภาษาโบราณตกลงมาจากชั้นวางยกแถวอย่างน่าพิศวง จู่ๆ ตำราเป็นสิบเล่มตกลงมาพร้อมกันได้อย่างไรล่ะ ...แต่ก็นั่นแหละ อาจเพราะเรียงไว้หมิ่นเหม่หรือไม่อย่างนั้นก็เป็นฝีมือของพวกหนูตัวร้ายที่ออกมาเพ่นพ่าน ใจหนึ่งเขาอยากเดินหนีให้พ้นเสีย แต่อีกใจหนึ่งซึ่งทรงอิทธิพลกว่านึกห่วงว่าตำราเก่าแก่เหล่านั้นจะพับงอเสียหาย


ร่างสูงกำยำสืบเท้ากลับเข้าไปในห้อง ก้มเก็บตำราปกแข็งเล่มหนาหนักขึ้นสำรวจตรวจสภาพแล้วยกเรียงบนชั้นสูงระดับศีรษะดังเดิม ตำราเล่มสีตุ่นถูกจับตั้งตรงแน่วปิดท้ายแถวเป็นที่เรียบร้อย จังหวะเขาชักมือกลับ ปลายนิ้วกรายเข้ากับวัตถุทรงคล้ายห่วงโค้งนูนออกมาจากส่วนกั้นระหว่างแถวซึ่งหนาเป็นคืบ เมื่อลองออกแรงดึงดูก็พบว่ามันคือส่วนห่วงของกล่องไม้ทรงบางแบนน้ำหนักเบาที่ฝังเอาไว้กับชั้นหนังสืออย่างแนบเนียน อาชากรเคยพบกล่องลักษณะนี้ซุกซ่อนอยู่ทั่วไปตามชั้นหนังสือนิยายของปู่ กล่องพวกนั้นส่วนใหญ่ว่างเปล่า บางกล่องแม้จะมีของอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไร เป็นดอกไม้ป่าทับแห้งบ้าง ผ้าปักลายอย่างลวกๆ บ้าง แต่บริเวณชั้นตำราโบราณเขาไม่เคยค้นดูสักที กล่องใบนี้จึงถือว่าเป็นของตกสำรวจโดยแท้


เสียงกุกกักยามเขย่าบ่งชัดว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ภายใน ถ้าโชคดีเขาอาจได้พบหลักฐานสำคัญของต้นตระกูลท่านอื่นบ้างก็ได้ ความสงสัยใคร่รู้พลุ่งรบกวนจิตใจจนยากหักห้าม หากคืนนี้ไม่ได้รู้เห็นทีคงต้องนอนตาค้าง ชายหนุ่มพยายามดึงห่วงไม้เพื่อให้ฝากล่องเปิดออกทว่าไม่เป็นผล ความง่วงงุนก็กลุ้มรุมหนักหน่วงขึ้นทุกที ในเมื่อยังไม่สามารถเปิดกล่องปริศนาได้สำเร็จ เขาจึงจับมันยัดเข้ากระเป๋าเก็บขึ้นห้องนอนไปด้วยเสียเลย


เจ้าของบ้านเดินโผเผขึ้นชั้นบนมุ่งไปยังห้องนอนใหญ่ สติสัมปชัญญะถูกกัดกร่อนไปเกินครึ่ง ความรู้สึกล่องลอยกึ่งจริงกึ่งฝันทว่าใจยังจดจ่ออยู่แต่กล่องใบนั้นมิคลาย อาชากรทิ้งตัวลงนั่งบนฟูกนอนอย่างอ่อนแรง แสงอบอุ่นจากตะเกียงเจ้าพายุสว่างเรืองไปทั่วทั้งห้องกว้างโล่งซึ่งประตูหน้าต่างปิดสนิท ชายหนุ่มยกมือเสยผมหยักศกยุ่งอย่างมุ่งมาด หยิบกล่องไม้วางบนตักแล้วควานเอาพวงเครื่องมือจากกระเป๋ากางเกง เขาเปิดใบมีดเล็กออกงัดง้างที่รอยประกบข้างกล่อง ความอ่อนล้าประกอบกับผิวกล่องลื่นจับไม่ถนัด ผลที่ได้คือปลายมีดเฉี่ยวแฉลบเข้าที่ปลายนิ้วชี้ซ้ายจนเลือดซิบ

“โธ่เว้ย!” คนตาปรือสบถหงุดหงิด ดีที่ฝากล่องเจ้าปัญหาเลื่อนหลุดติดมือมาด้วย มิฉะนั้นเขาคงได้พาลพาโลยกใหญ่ไปกว่านี้แน่ ขณะสายตากำลังจดจ้องสิ่งที่ซ่อนอยู่ในกล่อง ประตูห้องที่งับสนิทพลันเปิดตึงเข้ามาด้วยแรงลมเจือกลิ่นอับเอียนคุ้นจมูก  

.
.
.

(บุพเพเนรมิต : บ้านอักษร ๐๒)

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่