เพราะเราชนะ

กระทู้สนทนา
ผมเริ่มออกกำลังกายแบบจริงๆจังๆเอาตอนอายุสัก40ปีแล้วละครับ
ก่อนหน้า,ตั้งแต่อายุ18-19-20ปีก็ไม่อะไรเลย..เรียนจบวิทยาลัยก็รับราชการงาน"ครูบ้านนอก"สุดจะกันดารไกลปืนเที่ยง
เหล้าป่า,เหล้าโรง,เหล้าขาว..ถองกันไม่เว้นแต่ละวัน,มันกันระเบิด
หลุดจากชีวิตครูบ้านนอก(ลาออก)เข้ามาใช้ชีวิตคนเมืองกรุงก็ล่อวิสกี้ดีกรีแรงๆแบบเพียวๆน้ำตบตูดนั่นเชียว
ไหนจะบุหรี่ยากาแร๊ตอัดควันมันเข้าไป...รอดตายถึงอายุ40ปีได้ไงหว่า?555

ก็"สติมา..ปัญญาก็เกิด"นั่นแล,เลิกบุหรี่ตอน40-วันแรก"เดินขึ้นเขาสูง"มันเลย,กีโลเดียวแทบจะปอดหลุดออกจากร่าง
แต่เพราะสติเตือนตัวเองว่า"ถ้าแพ้(ความเหนื่อย)ตัวเราเอง..เราจะไม่มีวันทำอะไรสำเร็จ!"..เลยทน-โท๊น-ทนกับความเหนื่อยๆๆเดินมันทุกวัน
ให้มันเหนื่อย,ให้เหงื่อไหล,ให้หายใจหอบๆๆแฮกๆๆ....เพราะได้ปัญญาบอกว่า"เหงื่อที่ออกมาคือมลพิษที่หมักหมมในร่างกายถูกขับออกมา"
ปอด-ที่เราสูดเอาควันจากพืชพิษ(ยาสูบ)เข้าไปๆๆๆตลอดนับสิบๆปี..เรา"หายใจหอบ-หอบอ๊ออกซิเจนเข้าไปฟอกๆๆๆล้างให้ปอดเราสะอาด"
โหย....!!จากวัน-เป็นเดือนๆ-ปีและเป็นสิบๆปีที่เราเดินๆๆเดินขึ้นเขา-เดินเส้นทางเดิมๆทุกวันอย่างไม่รู้เบื่อ..แปลกจัง-เรารักการออกกำลังเข้าแล้ว
สุดยอด!!!

เมื่อ"สติมา-ปัญญาเกิด"เรามีความรู้ถึง"ความรัก"อย่างสุดซึ้งอย่างแรกที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนคือ
"รักตัวเองโคตรๆ"....นี่เราเป็นอะไรของเรานะ,เรียนก็ได้เรียน เรียนจนเป็น"บันฑิต"แปลว่า"ผู้รู้"ร้องไห้แล้ว)
แต่เรากลับเสพ,เรากินอะไรไม่รู้ที่เขาทำมาขายให้เรามึน-มัว-เมา..เราทำร้าย,ทำลายร่างกายและชีวิตเราเองมานับสิบๆปี..บ้าไปแล้ว.
เมื่อความคิดได้กระจ่างแบบนั้น..เราจึงต้องให้ความรักตัวเองก่อนอื่น,เป็นอย่างแรก
เมื่อร่างกายเราโอเค,ทำให้เราแข็งและแกร่งพอที่จะแบ่งปัน,ปกป้องคนในครอบครัว เมีย,ลูกๆได้อย่างสบายใจ
เราไม่ขี้เกียจที่จะทำให้ร่างกายเราแข็งแรง..เราแกร่ง-เราเอาชนะความเหน็ดเหนื่อย.เราไม่ท้อ..เราเก่งมาก ที่ชนะตัวเอง
ในโลกนี้ ในวันหน้า เราจะไม่กลัวอะไรอีก..อุปสรรครุนแรงต่างๆ-เราผ่านฉลุย(เขาสูงและความเหนื่อย)

17-18ปีแล้ว บนเส้นทางเดินขึ้นสูงกลางใจเมืองภูเก็ต  เราอิ่มเอมกับพละกำลังร่างกายเราเอง
เราได้พลังมาจากความมานะพยายามของเราเองล้วนๆ
ข้อเท้าที่เคล็ด..เราก็ซื้อยาหม่องนวดๆบีบๆไม่กี่วัดมันก็หาย
เล็บนิ้วเท้าที่ดำๆช้ำๆแล้วต่อมามันก็หลุดออก..แต่อีกกี่วันร่างดายเราก็สร้าง,งอกขึ้นมาใหม่
เราก็ยังคงเดินๆๆ..วันแต่วันเรารอคอยเวลาบ่ายคล้อย คอยเวลาตะวันเฉียงเบี่ยงองศาให้มีร่มเงาแบ่งเบาแสงแดดแรง
เราจะได้เวลาออกเดินไปพบปะพี่ๆ,เพื่อนๆที่ต่างคนต่างก็มาแข่งกันเหนื่อยหอบเพื่อตัวเองเหมือนที่เราทำ
มันเป็นเหมือนชีวิตประจำวันที่เราขาดการออกกำลังกายไม่ได้เสียแล้ว

ทุกวันนี้..เวลาที่เราเดินถึงยอดเขา เราจับเวลา ทำสถิติแก่ตัวเอง
เป็นสถิติรายวันที่บอกว่า"เออ,วันนี้เราชนะเมื่อวานเว้ย"เมื่อวานใช้เวลาเดินตั้ง24นาที
วันนี้สุดยอด เดินได้21นาที,และหอบไม่มาก
วันนี้เราชนะเมื่อวานแฮะ!!
เก่งจริงๆเลยนิเรา.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่