เมื่อ"เพื่อนรัก" กลายเป็นว่า "รักเพื่อน"

กระทู้นี้เป็นกระทู้แรก หากผิดพลาดอะไร เราขออภัยไว้ ณ ที่นี้นะคะ อาจจะยาวไปนิดนึงนะ

             เรื่องมันเริ่มจาก เมื่อปีที่แล้วเรามีแฟนอยู่คนนึงค่ะ แต่บอกไว้ก่อนเลยนะคะ ว่าแฟนคนนี้เป็นผู้หญิงค่ะ ตอนนั้นเราออกแนวแบบว่าทอมๆ ห้าวๆ แมนๆ ขอเรียกแทนแฟนคนนี้ว่า จิ๊บ นะคะ จิ๊บเป็นรุ่นพี่ คณะเดียวกับเราค่ะ เรากับจิ๊บตัวติดกันมาก อยู่หอเดียวกัน เราคบกับจิ๊บมาประมาณสองปี พักหลังๆ เค้าก็เริ่มเปลี่ยนไป จนมีอยู่วันนึงเค้าก็ขอเลิกเรา ด้วยเหตุผลที่ว่า "ต่อให้เราคบกันต่อไปก็แต่งงานมีลูกไม่ได้อยู่ดี" บอกตรงๆว่าพอจะรู้นะคะว่าเป็นแค่ข้ออ้าง แล้วก็พอจะรู้ด้วยว่าจริงๆแล้ว เค้าก็แอบมีคนใหม่ แล้วหลังจากที่เลิกกันไป เค้าก็ไปคบผู้ชายจริงๆค่ะ ส่วนเราก็ย้ายหอมาอยู่คนเดียว

              ช่วงนั้นเฮิร์ทมาก แบบอยู่ห้องไม่ได้ ถ้าอยู่แล้วจะรู้สึกเหมือนกำลังรอจิ๊บกลับมา ทำอะไรก็นึกถึงเรื่องที่เคยทำด้วยกัน ร้องไห้บ่อยมากกกก ออกไปกินเหล้าแทบทุกวัน  มีอยู่วันนึงเราก็ออกไปกินกับเพื่อน แล้ววันนั้นเราทะเลาะกับเพื่อนอีกคน(เพื่อนคนนี้เป็นผู้ชาย เพื่อนสนิทที่มหาลัยของเรา ส่วนใหญ่เป็นผู้ชายค่ะ) เรื่องจิ๊บค่ะ คือเพื่อนคนนี้เข้าข้างจิ๊บมากค่ะ บางทีเราก็เข้าในนะคะว่าเค้าอาจจะอยากให้เรามองหลายๆมุม แต่อารมณ์ตอนนั้นแบบ แกเป็นเพื่อนชั้นไง แกควรจะเข้าข้างชั้นป้ะ แล้วเราก็เถียงกับเพื่อนคนนี้นานมาก จนลามปามไปเรื่องอื่น เริ่มมีดราม่า ขึ้นเสียง และตบโต๊ะ ตามลำดับ  

              แล้ว "บอล" เพื่อนอีกคนก็ทำหน้าที่ของมัน (คือปกติเวล่มีเรื่องจะคอยห้าม) คือมันนั่งข้างเรา แล้วสิ่งที่มันทำก็คือการ "ดึงเราเข้าไปกอด" กอดนานมากกก แล้วก็อธิบาย(มันอธิบายจริงๆนะ)กับเพื่อนที่เราทะเลาะ ว่าถ้ามันไม่เป็นแบบเรา(ทอม) มันก็ไม่เข้าใจหรอก ตอนนั้นแบบว่ารู้สึกดีมากนะ ซึ้ง แต่ไม่ได้รู้สึกอะไรแบบว่า ชั้นกอดผู้ชายอยู่นะ อันนี้ไม่มี คือเราก็พยายามจะออกมาเถียงต่อนะ แต่มันก็จับหัวเราไว้ คือไม่ยอม เราก็เลยกอดมันต่อไป นานเท่าไรไม่รู้ จนเจ๊เจ้าของร้านมาเก็บเงิน แต่ก่อนจะลุกเราก็แอบกอดมันแรงๆแบบคนที่ขอกำลังใจนะ คืนนั้นก็กลับมานอนปกติ

             แต่วันต่อมานี่สิ คือเราคิดเรื่องนี้ทั้งวันจนแบบเรียนไม่รู้เรื่อง ตอนเย็นวันนั้นที่ไปกินข้าวกับกลุ่มเพื่อนๆ เราก็แอบมองบอล ตอนนั้นรู้สึกมันดูดีขึ้น 15% จนบอลมันถามเราว่า มีไรป่าว 555

             หลังจากวันนั้น เรากับบอลก็เจอกันเกือบทุกวัน คืออารมณ์เราก็แบบเคว้งๆไง เพิ่งเลิกกับแฟนที่เมื่อก่อนตัวติดกัน แล้วยังทะเลาะกับเพื่อนอีก มีบางวันที่เราออกไปกินเหล้าคนเดียว มันก็จะออกมารับ (ร้านที่ไปกินเป็นร้านธรรมดา คนไม่เยอะ แต่ก็แอบอันตราย เพราะทางมันค่อนข้างเปลี่ยว) คือเป็นเพื่อนที่ดีมาก หลับไปแล้วก็ยังลุกมาอยู่เป็นเพื่อน ช่วงที่ได้เจอกันบ่อยๆเลยคือช่วงสอบค่ะ ก็จะไปอ่านหนังสือโต้รุ่งกันสองคน เพราะเรียนด้วยกัน คณะเดียวกัน บางทีก็มีเพื่อนคนอื่นไปด้วย ส่วนวันเรียนธรรมดาจะไม่ค่อยเจอค่ะ เพราะมันชอบตื่นสาย บางทีก็ให้เราโทรปลุก (แต่ก็ไม่ไปอยู่ดี?)  แต่ตอนใกล้สอบมันก้เป็นคนติวนะ มีไปไหนมาไหนกันบ้าง เพราะรสนิยมการกิน การเที่ยวคล้ายๆกัน จนหลังๆ เพื่อนคนอื่นก็เริ่มแซวๆค่ะ

             คือความรู้สึกเรามันเริ่มหวั่นไหวตั้งแต่วันที่มันกอดเราแล้วค่ะ ช่วงแรกๆเรายังร้องไห้เรื่องจิ๊บอยู่ เราเลยคิดว่า ไม่มีอะไรหรอก แค่หวั่นไหว แต่อาจจะเป็นเพราะความใกล้ชิดมั้ง พอคุยกับมัน เรารู้สึกดีมากนะ บางทีรู้สึกเหมือนตัวลอยๆ 555 บางวันก็คิดถึงมันจนแบบ ทำอะไรไม่ถูก แบบฟุ้งซ่านมาก เราก็เลยกลับมาคิดว่านี่เราชอบมันรึเปล่าวะ คือตอนที่อยู่กับมัน เราจะรู้สึกอยากทำตัวเป็นผู้หญิง แบบเป็นเองตามธรรมชาติ ไม่ได้มีการฝืนความรู้สึกแต่อย่างใด  เราก็เลยเริ่มเปลี่ยนตัวเองค่ะ เริ่มไว้ผมยาว แต่งตัวหญิงขึ้น เริ่มใส่กระโปรง แรกๆโดนแซวน่าดู แต่ก็อาศัยความหน้าด้านผ่านมาได้ จนหลังๆทุกคนเริ่มชิน เลยไม่แซวแล้วค่ะ

             อย่างนึงที่เรากับบอลเหมือนกันคือชอบเที่ยว (แม้จะไม่ค่อยมีตัง) หลังจากที่เริ่มไปไหนมาไหนด้วยกันมากขึ้น แล้วก็เริ่มชวนกันไปต่างจังหวัด มีทั้งที่เพื่อนคนอื่นไปด้วย และ "ไปกันสองคน" คือไม่ใช่ไม่ชวนคนอื่นนะคะ แต่โดนเบี้ยว บอลเองก็คงรู้ว่าเราหงุดหงิดที่โดนเบี้ยว เลยพาเราไปแต่โดยดีค่ะ

             ตอนที่ไปด้วยกันสองคนเราไปนอนเต๊นกันค่ะ ไปแค่คืนเดียวเพราะเป็นจังหวัดใกล้ๆไม่มีอะไรมาก ก็เที่ยวๆๆ ตกเย็นก็เป็นหน้าที่บอลทำอาหาร(มาม่าค่ะ คือตอนนั้นเราทำได้นะ แต่อยากให้มันทำ 555) กินเสร็จเอาเสื่อหาปูนอกเต๊นนอนดูดาวกัน ก็คุยกันไปเรื่อยหัวข้อคือ "ตอนเด็กๆเล่นอะไร" คือตอนนั้นแฮปปี้มาก คือนอนใกล้กัน ข้างๆมีลำธารเล็กๆ สายลม แสงดาว คือบอกเลยว่าฟินค่ะ  แต่หลังเข้าเต๊นไปนี่สิ..

            [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

             หลังจากนั้นเราก็ใช้ชีวิตปกติค่ะ จนปิดเทอม (ผ่านไปหนึ่งปีเร็วมาก เล่าแบบสรุปนะคะ) เราก็เป็นเพื่อนสนิทกับบอลมาเรื่อยๆ จนถึงเวลาต้องฝึกงาน เราเลือกฝึกที่จังหวัดติดทะเลแห่งหนึ่ง (แบบชั้นไม่ได้มีบ้านติดทะเล แต่ชั้นรักมัน ชั้นต้องการมันอ่ะ นึกออกมะ ?) กับเพื่อนผู้ชาย และผู้หญิงที่รู้จักกัน ส่วนบอลก็เลือกฝึกอีกจังหวัดใกล้ๆกรุงเทพกับเพื่อนชายอีกคน

              คือช่วงฝึกงานเป็นอะไรที่สนุก เฮฮา แต่เหงา และอึดอัด ด้วย เพราะบริษัทที่เราไปฝึกรับเด็กฝึกงานเยอะมาก ก็จะมีเพื่อนจากสถาบันอื่นเยอะ ที่ฝึกงานก็จะค่อนข้างเฮฮาปาร์ตี้พอสมควร แต่พอกลับบ้าน คือมันเป็นอีกแบบนึงอ่ะ ด้วยความที่เราโลกส่วนตัวสูงพอสมควร และบางทีก็นิสัยไม่ค่อยดี เลยกลายเป็นว่าเราเข้ากับเพื่อนอีกสองคนที่มาด้วยกันไม่ค่อยได้แทน แบบไม่ได้ถึงขั้นทะเลาะกันนะคะ แค่พออึดอัดใจอ่ะ จากที่เราคิดถึงบอลมากอยู่แล้ว เลยกลายเป็นว่าเราอยากคุยเพื่อระบายด้วย เราต้องโทรหาบอลอาทิตย์ละครั้งค่ะ บางทีนอนไม่หลับก็โทรหา เล่านู่นเล่านี่ให้ฟัง บอลก็จะเล่าเรื่องตัวเองเหมือนกันค่ะ มีอยู่ครั้งนึง บอลโทรมาบอกว่าไปกอดรุ่นน้องคนหนึ่งมา แล้วรู้สึกว่าต้องบอกใครซักคน คือจริงๆแล้วบอลมีแฟนค่ะ เป็นรุ่นพี่ ขอเรียกว่า พี่บี นะคะ บอลกับพี่บีคุยๆกันมาตั้งแต่เราคบกับจิ๊บแล้วค่ะ เคยเลิกกันไปครั้งหนึ่ง ด้วยเหตุผลที่ว่า พี่บีเข้าใกล้มันมากเกินไป แต่สุดท้ายก็กลับมาคบอีก ตอนนั้นบอลบอกเราว่า ถ้าคบคนอื่นก็ต้องปรับตัวใหม่อยู่ดี แล้วจะเลิกกันไปให้พี่บีเสียใจทำไม คือบอลบอกว่าน้องแอบชอบบอลเมื่อนานมาแล้วค่ะ ตอนนี้น้องมีแฟนแล้ว แต่น้องมาขอกอด บอลบอกว่ามันหวั่นไหว แต่ไม่กล้าบอกพี่บี เราก็รับฟังค่ะ แอบไม่พอใจนิดนึง แต่ก็พยายามคิดว่า เราไม่มีสิทธิ์นะ ก็มีเรื่องแบบนี้มาเรื่อยๆค่ะ มีแอบชอบน้องอีกคนนึงที่ค่าย สมมุติชื่อ ฟ่าง นะคะ คือการคุยกับมันเนี่ย ทำให้รู้ซึ้งถึงนิสัยผู้ชายเลยว่าเจ้าชู้ขนาดไหน เรื่องน้องฟ่างก็มีเล่ามาเรื่อยๆค่ะ ส่วนใหญ่ก็คุยกันเฉยๆนะ บางทีน้องไม่ค่อยตอบ มันนอยๆก็จะมาบ่นให้ฟัง

              แล้ววันนึงมันก็นอยเรื่องนี้อีก แล้วก็บ่นให้เราฟังอีก เราก็เลยส่งข้อความไปบอกมันว่า "อย่าเพิ่งตายนะ ใครไม่รัก ku ร้ากกก" (เราพูดหยาบกับผู้ชายปกติ) คือตอนนั้นคิดแค่อยากปลอบใจมัน แต่ก่อนส่งก็พยายามคิดนะว่าจะเป็นไรป่าว แต่อีกใจก็แบบ เฮ้ย เพื่อนกันไม่เป็นไรหรอก แล้วเราก็ลืมเรื่องนี้ไป

               หลังฝึกงานเสร็จ เราก็มีไปต่างจังหวัดกันอีก (แต่คราวนี้ไปหลายคน) โปรแกรมก็ยังคงเหมือนเดิม มาม่าเสร็จก็นอนดูดาว แต่สำหรับเรามันมากกว่านั้นไง คือเรารู้สึกตัวเองเลยว่าเราพยายามผลักตัวเองไปใกล้บอล นอนอยู่ข้างกัน มีบางเวลาที่คุยกันอยู่แค่สองคนไม่สนใจชาวบ้าน ก็นอนไปเรื่อยๆจนบางส่วนเริ่มเข้าไปนอนในเต๊น แต่สำหรับเราคือเต๊นมันร้อนมากค่ะ ยังนอนไม่ได้ แต่ข้างนอกก็หนาวไป เลยเอาถุงนอนมาห่มข้างนอก คือถุงนอนมันก็ใหญ่พอจะเผื่อแผ่คนข้างๆได้ เราเลยห่มให้บอลด้วย คือตอนนั้นไม่ได้นอนใกล้กันมากนะ มีสเปซประมานอีกหนึ่งคนนอน แต่ก็พอจะทำให้เราเขิลได้เลยแหละ แล้วซักพักก็มีคนออกมาปลุกให้ไปนอนในเต๊น ซึ่งเราก็บอกให้มันมานอนเต๊นเดียวกับเรา เพราะถ้ามันไม่มาจะกลายเป็นว่าเรานอนกับเพื่อนผู้ชายอีกคนแบบสองต่อสอง คือมาหลายคนเดี๋ยวมันน่าเกลียด (แต่จริงๆก็ข้ออ้าง 555) มันก็นอนกรนเหมือนเดิมอะค่ะ

              ช่วงหลังฝึกงานก็จะมีเพื่อนผู้ชายอีกคนมาคุยกับเราบ่อยๆ แบบแปลกๆด้วย แล้วอยู่ดีๆมันก็มาบอกเราว่า ขอจีบได้ป้ะ เราก็เล่าให้บอลฟัง เพราะตอนนั้นแชทกะบอลอยู่พอดี บอลมันก็ตอบเราว่า"อย่าเอา บอกมันว่าkuห่วง" เราก็แบบ "ห่วงkuหรอ น่ารักอ้ะ" มันก็เปลี่ยนเรื่องคุยค่ะ แล้วซักพักก็ถามเรื่องนี้อีกว่า "ตกลงให้มันจีบได้ยัง บอกยังอ่ะ ว่า ku หวง" พอเราถาม หวงไร มันก็เปลี่ยนเรื่องอีกค่ะ แต่เราก็ไม่ได้ให้เพื่อนคนนั้นจีบนะ

             คือเราก็พอจะเริ่มรู้สึกนะว่าไม่ควรปล่อยให้ตัวเองคิดอะไรเกินเลยอีกต่อไป แต่อีกใจนึงเราก็รู้สึกว่า ก็ไม่ได้มีใครเดือดร้อน คือเราไม่เคยทำอะไรเกินกว่าเพื่อนที่เหมือนจะบริสุทธิ์ใจเลย เพราะเราก็ไม่อยากให้บอลรู้ว่าเราคิดอะไรเหมือนกัน แต่มันก็มีจุดเปลี่ยนค่ะ ที่ทำให้เรารู้สึกว่า ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้จริงๆ

             เรื่องมันเริ่มตอนที่บอลจะบวชค่ะ เพราะช่วงนี้ปิดเทอมยาว เรากับเพื่อน(คนที่เคยทะเลาะกันเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้ดีกันแระ) ก็ตั้งใจจะไปร่วมงานและถือโอกาสไปเที่ยวด้วย เพราะบ้านบอลอยู่แถวทะเล ส่วนเพื่อนคนอื่นไม่ว่างค่ะ แต่แล้วก็มีสายจากเพื่อนอีกคน(ที่รู้จักพี่บี) โทรมาว่า ฝากพี่บีไปด้วย เพราะกลุ่มเพื่อนพี่เค้าที่ตอนแรกจะไปด้วยไม่ไปแล้ว เราก็เออๆโอเค พอกลับมาหอพี่บีก็ส่งข้อความทางเฟซบุ๊คมาค่ะ (แต่ไม่ได้แอดเฟรน) ประมาณว่าขอไปด้วย จะไปยังไง อะไรงี้ แต่พี่เค้าพูดดีนะคะ เราก็ตอบไปพร้อมแอดเฟรน(ซึ่งตอนหลังรู้สึกเสียใจในการกระทำนี้มากๆ)

             จนถึงวันเดินทางก็ไปรถไฟฟรีค่ะ ก็ไม่มีอะไร จนถึงบ้านเพื่อนบอลตอนเย็นๆ ก็ไม่มีโอกาสได้คุยอะไรมากมาย เพราะมันต้องต้อนรับแขก จนวันต่อมาส่งนาคเข้าโบสถ์เสร็จก็กลับ คือทำใจไว้แล้วว่าหนึ่งเดือนนี้น่าจะไม่ได้คุยกัน แต่บอกเลยว่าตลอดเวลาที่เราอยู่กับพี่บีเราทำตัวดีพอสมควร คือเราไม่ได้ชวนคุยอะไรมากมายนะ แต่จะอารมณ์แบบเทคแคร์มากกว่า (ชอบดูแลผุ้หญิง ติดมาตั้งแต่ตอนเป็นทอม)

             แต่มันไม่เหมือนที่เราคิดไว้ เพราะวัดที่บอลไปบวชเนี่ย เป็นวัดแบบไม่เคร่งมากๆ คือมันสามารถพกมือถือ และโทรหาเราได้ เรากับมันเลยโทรคุยกันปกติ ส่วนใหญ่มันจะโทรมา ถามเรื่องทุน เรื่องที่มหาลัย บางทีอึดอัดเรื่องที่วัดก็โทรมาเล่าให้ฟัง จริงๆเราก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก ฟังอย่างเดียว ไม่รู้จะพูดอะไรด้วยซ้ำ แต่เราชอบนะ เราไม่ค่อยชอบคุยโทรศัพท์แต่เราคุยกับมันมากที่สุดแล้ว แถมเรายังชอบเวลาที่เรากับมันเงียบใส่กัน เหมือนเรากำลังสัมผัสกันผ่านความเงียบ แบบตบไหล่ ลูบหัวไรงี้

             จนมาถึงเทศกาลรับปริญญา ซึ่ง จิ๊บแฟนเก่าเรา จะรับในปีนี้ เราก็เลยไปช่วยถือของ เป็นเบ๊ให้ แต่ตอนนั้จิ๊บก็คบกับผุ้ชายอยู่นะคะ แต่ไม่ใช่คนที่คบตอนเลิกกับเรา เป็นเพื่อนในคณะของเค้าอะค่ะ คือจริงๆเรากับจิ๊บถือว่าจบกันด้วยไม่ดีมากๆ แต่หลังจากผ่านเหตุการณ์นั้นมา แล้วเราเริ่มทำใจได้ ก็ทำตัวปกติค่ะ ดูแลเหมือนตอนอยู่ด้วยกัน แค่คิดอะไรเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ก็พยายามมองเค้าในอีกมุมนึง เวลาเดินคุยกันเค้าก็ยังชอบเกาะแขนเราแล้วเล่านู่นนี่ให้ฟังนะคะ ตอนที่ครอบครัวจิ๊บมาเราก็เป็นคนพาไปนู่นไปนี่ เพราะจิ๊บต้องเข้าห้องประชุม หลังรับปริญญาเสร็จ เราก็ไปกินข้าวต่อกับครอบครัวจิ๊บ แต่ตอนที่กลับหอคนเดียว อยู่ดีๆเราก็รู้สึกใจหาย ตอนที่คิดว่าเราคงไม่มีโอกาสได้เจอคุณแม่แล้วก็พี่ๆน้องๆของเค้าอีกแล้ว นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้มานั่งทานข้าวด้วยกัน พอกลับมาถึงหอ เราก็ร้องไห้ค่ะ ตอนนั้นเรารู้สึกอยากคุยกับใครซักคน คือเราก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเราร้องไห้ทำไม เราเลยส่งข้อความไปบอกบอลว่า today I cry

            เรื่องอาจจะเวิ่นเว้อไปหน่อยนะคะ พิมแล้วมันเพลิน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่