ชาวตะวันตกที่นับถือพุทธศาสนาคนหนึ่ง ได้เข้าบวชเป็นพระวัดป่านานาชาติ
ในช่วงเข้าพรรษาได้ขอไปจำพรรษาที่วัดหนองป่าพง ซึ่งในช่วงเข้าพรรษา
ท่านอาจารย์ชาจะเน้นการปฏิบัติอย่างอุกฤษ เป็นเวลา สองเดือนเต็ม
ซึ่งทั้งยากลำบาก ทั้งเข้มงวด ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีจิตอ่อนแอ
นอกจากต้องตื่นแต่ตีสาม และนอนสี่ทุ่ม หลังฉันอาหารในศาลาปฏิบัติธรรม
ในเวลากลางวันก็ต้องมาปฏิบัติธรรมร่วมกัน ไม่อนุญาตให้มีการพูดคุยกันเลย
แต่การตื่นตีสามนั้นเป็นสิ่งที่ท่านเลือกได้ ท่านสามารถตื่นเร็วขึ้นก็ได้ถ้าท่านต้องการ แต่ไม่ช้ากว่านั้นแน่นอน!
แค่สามวัน ทั้งเข่าและหลังของพระฝรั่งองค์นั้นก็ทั้งเจ็บทั้งปวดรวดร้าว ไปหมด จากการปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่องแบบนี้
สำหรับชาวตะวันตกด้วยแล้ว ท่านกังวลว่า ท่านจะสามารถอดทนปฏิบัติอย่างนี้ไปได้นานแค่ไหนกัน
อาทิตย์แรกผ่านไป ท่านรู้สึกทนทุกข์ทรมาน ชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าทั้งเดินจงกรม ทั้งนั่งสมาธิ ท่านจะต้องเผชิญกับมันอีกนับเดือน
ผู้ที่เคยผ่านการปฏิบัติมาแล้วย่อมรู้ได้ดีถึงความยากลำบากนี้
ท่านรวบรวมความกำลังใจ กัดฟันอดทนเพื่อจะให้ผ่านไปให้ได้ในแต่ล่ะวันอย่างยากลำบาก
สองอาทิตย์ผ่านไป ท่านคิดว่าร่างกายชาวตะวันตกเช่นท่านไม่ได้เกิดมาเพื่อรับการปฏิบัติที่สุดโหดขนาดนี้
"นี่ไม่ใช่พุทธศาสนา ไม่ใช่ทางสายกลาง" ท่านคิด แล้วท่านก็หันไปมองพระองค์อื่นที่ปฏิบัติธรรมเหมือนท่าน ที่อยู่รอบๆตัว
เห็นท่านทุกองค์ต่างก็กำลังขบฟันแน่นเช่นเดียวกับท่าน แล้วเจ้าความทะนงตนก็ผลักดัน ว่าคนอื่นทำได้ท่านต้องทำได้เช่นกัน
คนอื่นยังไม่ยอมแพ้ จะให้ยอมแพ้จะหน้าไปไว้ไหน ทำให้ท่านผ่านพ้นไปได้อีกหนึ่งอาทิตย์ กลายเป็นสามสัปดาห์
ตลอดเวลาสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่านรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังถูกไฟแห่งความเจ็บปวดเผาผลาญอยู่
มันเกินพอแล้ว ความเจ็บปวดมันมากเกินไป
สิ่งเดียวที่ช่วยบรรเทาความทุกข์ของท่านคือเสียงระฆังใบเล็กบอกเวลาสี่ทุ่ม
ที่ท่านจะได้พักเหยียดร่างกายปวดเมื่อยอ่อนแรงนั้นให้ได้รับการผ่อนคลาย
แต่มันดูเหมือนว่า ทันทีทันใดที่ท่านหลับนั้น เสียงระฆังบอกเวลาตีสามก็ดังขึ้น
ปลุกท่านขึ้นมารับวันใหม่แห่งความเจ็บปวด ทุกทีไป
เมื่อสิ้นสุดของวันที่สามสิบ ท่านผ่านมาได้ครึ่งทางแล้ว ‘มันใกล้จะจบแล้ว’ ท่านคิด
ในครึ่งหลัง วันแต่ละวันช่างดูยาวนานขึ้น และความเจ็บปวดที่เข่าและหลังก็ทวีคูณมากยิ่งขึ้น
หลายๆ ครั้งที่ท่านคิดอยากร้องไห้ในตอนนี้ จนเหลืออีกสามสัปดาห์สุดท้าย มันเกินพอแล้ว
ความเจ็บปวดมันมากเกินไป แต่ถึงกระนั้นท่านก็กัดฟันทน จนเหลืออีกสองอาทิตย์ จนเหลืออีกหนึ่งอาทิตย์สุดท้าย
ในอาทิตย์สุดท้ายนี้ เวลาเคลื่อนผ่านไปอย่างช้ามาก ๆ แม้ว่าท่านจะเคยชินกับการอดทนต่อความเจ็บปวดมาตลอดเจ็ดอาทิตย์
แต่แทนที่มันจะง่ายขึ้น กลับไม่ใช่เลยมันยากขึ้น เพราะความเมื่อยปวดจากการปฏิบัติธรรมที่ทวีความรุนแรง
ท่านคิดว่า ถ้าจะยอมแพ้ตอนนี้ ก็จะเป็นการทรยศต่อความอดทนทั้งหมดที่ท่านได้กระทำมาตลอด
ซึ่งท่านจะต้องทำให้สำเร็จให้จงได้ แม้ว่าความเจ็บปวดมันรู้สึกเหมือนกับจะฆ่าท่านได้ก็ตาม
วันสุดท้าย ท่านตื่นขึ้นเมื่อเสียงระฆังบอกเวลาตีสามของวันที่หกสิบ ท่านกำลังถึงจุดหมายปลายทางแล้ว
ความเจ็บปวดในวันสุดท้ายนี้มันช่างเหลือเชื่อจริงๆ ราวกับว่าความเจ็บปวดที่ผ่านๆ มาจนถึงบัดนี้ มันแค่หยอกล้อท่านเล่นเท่านั้น
แต่เดี๋ยวนี้มันไม่ยั้งอีกต่อไป แม้ว่าจะเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่ชั่วโมง ท่านก็ยังสงสัยว่าท่านจะทำสำเร็จหรือไม่
และแล้วก็เหลือเวลาหกสิบนาทีสุดท้าย ท่านเริ่มวาดภาพทุกๆ สิ่งที่ท่านจะทำนับจากหนึ่งชั่วโมงข้างหน้าที่การปฏิบัติธรรมจะยุติลง
ท่านจะอาบน้ำนานๆ ฉันอาหาร พูดคุย พักผ่อนนอนหลับหย่อนอารมณ์ตามสบาย
แล้วเจ้าความเจ็บปวดก็ขัดจังหวะการวางแผนของท่าน ครอบครองจิตใจทั้งหมดของท่าน
ท่านแอบลืมตาดูนาฬิกาหลายครั้งในช่วงสุดท้ายนี้ ท่านไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เวลามันช่างผ่านไปช้าแสนช้า
อาจถึงเวลาต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่นาฬิกา หรืออาจจะเป็นไปได้ว่า นาฬิกาจะหยุดเดินเพราะถ่านหมด
เมื่อเข็มนาฬิกาบอกเวลาอีกสิบห้านาทีจะถึงเวลาสิ้นสุดการปฏิบัติธรรม ช่วงเวลาสิบห้านาทีสุดท้ายราวกับเป็นช่วงสิบห้านาทีชั่วนิรันดร์
แต่ความเป็นนิรันดรนั้นย่อมถึงจุดจบลงสักวัน ท่านกระหยิ่มในใจ
แล้วมันก็จบลง เสียงระฆังยุติการปฏิบัติธรรมช่างไพเราะเหลือเกิน
กระแสคลื่นแห่งความยินดีแล่นพล่านทั่วร่างกายท่าน ขับเคลื่อนเจ้าความเจ็บปวดให้หายวับเข้าหลังฉากไปเลย
ท่านทำสำเร็จ ท่านจะต้องฉลองให้ตัวเองแล้วล่ะ เอาที่นอนมาเลย!
ท่านอาจารย์ชาตีระฆังอีกครั้งเ รียกความสนใจของทุกคน ท่านมีเรื่องจะประกาศ ท่านพูดว่า
“ครั้งนี้เป็นการปฏิบัติธรรมที่ยอดเยี่ยมมาก พระหลายๆ องค์ก้าวหน้ามาก
มีพระบางองค์ ท่านได้เสนอขอให้ขยายเวลาปฏิบัติธรรมต่อไปอีกสองอาทิตย์
ผมคิดว่ามันเป็นความคิดที่วิเศษมาก ฉะนั้นการปฏิบัติธรรมจะดำเนินต่อไป เชิญนั่งต่อเลย”
พระทุกๆ องค์พับขาของท่านอีกครั้ง และนั่งสมาธินิ่งเพื่อการเริ่มต้นต่ออีกสองอาทิตย์
พระฝรั่งท่านเล่าว่า ท่านไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดในร่างกายของท่านอีกต่อไป
ท่านกำลังพยายามจะคิดให้ออกว่า พระทุเรศองค์ไหนเป็นผู้เสนอให้ต่อเวลา
และคิดว่าเมื่อท่านรู้ว่าเป็นใคร ท่านจะไปทำอะไรพวกท่านเหล่านั้นดี!
ท่านวางแผนร้ายๆ ที่ไม่เหมาะกับสมณะ เตรียมจะจัดการบรรดาพระที่ไม่คิดถึงจิตใจผู้อื่น
ความโกรธของท่านกลบความเจ็บปวดเสียจมมิด ท่านลุแก่โทสะ ท่านโหดเหี้ยม ท่านไม่เคยรู้สึกโกรธมากขนาดนี้มาก่อนเลย
และแล้วเสียงระฆังก็ดังขึ้นอีกครั้ง มันเป็นเวลา"สิบห้านาที"ที่ผ่านไปเร็วที่สุดในชีวิตของท่านทีเดียว
แล้วท่านอาจารย์ก็พูดว่า “การปฏิบัติธรรมเสร็จสิ้นลงแล้ว มีน้ำปานะเตรียมไว้ให้ท่านที่โรงฉัน เชิญตามสบาย เชิญท่านพูดกันได้แล้ว”
พระฝรั่งเบลอไปเลยด้วยความสับสน “ผมคิดว่าเราจะต้องภาวนาต่อไปอีกสองอาทิตย์ แล้วเกิดอะไรขึ้นล่ะนี่?”
พระผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่พูดภาษาอังกฤษได้เห็นพระฝรั่งงง จึงเดินเข้ามาหาด้วยรอยยิ้ม ท่านบอกพระฝรั่งว่า
“อย่าแปลกใจไปเลย ท่านอาจารย์ก็ทำเช่นนี้ทุกทีแหละ!”
https://www.facebook.com/pages/สาขาวัดหนองป่าพง/182989118504002
ชาวตะวันตกที่นับถือพุทธศาสนาคนหนึ่ง ได้เข้าบวชเป็นพระวัดป่านานาชาติ ในช่วงเข้าพรรษาได้ขอไปจำพรรษาที่วัดหนองป่าพง...
ในช่วงเข้าพรรษาได้ขอไปจำพรรษาที่วัดหนองป่าพง ซึ่งในช่วงเข้าพรรษา
ท่านอาจารย์ชาจะเน้นการปฏิบัติอย่างอุกฤษ เป็นเวลา สองเดือนเต็ม
ซึ่งทั้งยากลำบาก ทั้งเข้มงวด ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีจิตอ่อนแอ
นอกจากต้องตื่นแต่ตีสาม และนอนสี่ทุ่ม หลังฉันอาหารในศาลาปฏิบัติธรรม
ในเวลากลางวันก็ต้องมาปฏิบัติธรรมร่วมกัน ไม่อนุญาตให้มีการพูดคุยกันเลย
แต่การตื่นตีสามนั้นเป็นสิ่งที่ท่านเลือกได้ ท่านสามารถตื่นเร็วขึ้นก็ได้ถ้าท่านต้องการ แต่ไม่ช้ากว่านั้นแน่นอน!
แค่สามวัน ทั้งเข่าและหลังของพระฝรั่งองค์นั้นก็ทั้งเจ็บทั้งปวดรวดร้าว ไปหมด จากการปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่องแบบนี้
สำหรับชาวตะวันตกด้วยแล้ว ท่านกังวลว่า ท่านจะสามารถอดทนปฏิบัติอย่างนี้ไปได้นานแค่ไหนกัน
อาทิตย์แรกผ่านไป ท่านรู้สึกทนทุกข์ทรมาน ชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าทั้งเดินจงกรม ทั้งนั่งสมาธิ ท่านจะต้องเผชิญกับมันอีกนับเดือน
ผู้ที่เคยผ่านการปฏิบัติมาแล้วย่อมรู้ได้ดีถึงความยากลำบากนี้
ท่านรวบรวมความกำลังใจ กัดฟันอดทนเพื่อจะให้ผ่านไปให้ได้ในแต่ล่ะวันอย่างยากลำบาก
สองอาทิตย์ผ่านไป ท่านคิดว่าร่างกายชาวตะวันตกเช่นท่านไม่ได้เกิดมาเพื่อรับการปฏิบัติที่สุดโหดขนาดนี้
"นี่ไม่ใช่พุทธศาสนา ไม่ใช่ทางสายกลาง" ท่านคิด แล้วท่านก็หันไปมองพระองค์อื่นที่ปฏิบัติธรรมเหมือนท่าน ที่อยู่รอบๆตัว
เห็นท่านทุกองค์ต่างก็กำลังขบฟันแน่นเช่นเดียวกับท่าน แล้วเจ้าความทะนงตนก็ผลักดัน ว่าคนอื่นทำได้ท่านต้องทำได้เช่นกัน
คนอื่นยังไม่ยอมแพ้ จะให้ยอมแพ้จะหน้าไปไว้ไหน ทำให้ท่านผ่านพ้นไปได้อีกหนึ่งอาทิตย์ กลายเป็นสามสัปดาห์
ตลอดเวลาสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่านรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังถูกไฟแห่งความเจ็บปวดเผาผลาญอยู่
มันเกินพอแล้ว ความเจ็บปวดมันมากเกินไป
สิ่งเดียวที่ช่วยบรรเทาความทุกข์ของท่านคือเสียงระฆังใบเล็กบอกเวลาสี่ทุ่ม
ที่ท่านจะได้พักเหยียดร่างกายปวดเมื่อยอ่อนแรงนั้นให้ได้รับการผ่อนคลาย
แต่มันดูเหมือนว่า ทันทีทันใดที่ท่านหลับนั้น เสียงระฆังบอกเวลาตีสามก็ดังขึ้น
ปลุกท่านขึ้นมารับวันใหม่แห่งความเจ็บปวด ทุกทีไป
เมื่อสิ้นสุดของวันที่สามสิบ ท่านผ่านมาได้ครึ่งทางแล้ว ‘มันใกล้จะจบแล้ว’ ท่านคิด
ในครึ่งหลัง วันแต่ละวันช่างดูยาวนานขึ้น และความเจ็บปวดที่เข่าและหลังก็ทวีคูณมากยิ่งขึ้น
หลายๆ ครั้งที่ท่านคิดอยากร้องไห้ในตอนนี้ จนเหลืออีกสามสัปดาห์สุดท้าย มันเกินพอแล้ว
ความเจ็บปวดมันมากเกินไป แต่ถึงกระนั้นท่านก็กัดฟันทน จนเหลืออีกสองอาทิตย์ จนเหลืออีกหนึ่งอาทิตย์สุดท้าย
ในอาทิตย์สุดท้ายนี้ เวลาเคลื่อนผ่านไปอย่างช้ามาก ๆ แม้ว่าท่านจะเคยชินกับการอดทนต่อความเจ็บปวดมาตลอดเจ็ดอาทิตย์
แต่แทนที่มันจะง่ายขึ้น กลับไม่ใช่เลยมันยากขึ้น เพราะความเมื่อยปวดจากการปฏิบัติธรรมที่ทวีความรุนแรง
ท่านคิดว่า ถ้าจะยอมแพ้ตอนนี้ ก็จะเป็นการทรยศต่อความอดทนทั้งหมดที่ท่านได้กระทำมาตลอด
ซึ่งท่านจะต้องทำให้สำเร็จให้จงได้ แม้ว่าความเจ็บปวดมันรู้สึกเหมือนกับจะฆ่าท่านได้ก็ตาม
วันสุดท้าย ท่านตื่นขึ้นเมื่อเสียงระฆังบอกเวลาตีสามของวันที่หกสิบ ท่านกำลังถึงจุดหมายปลายทางแล้ว
ความเจ็บปวดในวันสุดท้ายนี้มันช่างเหลือเชื่อจริงๆ ราวกับว่าความเจ็บปวดที่ผ่านๆ มาจนถึงบัดนี้ มันแค่หยอกล้อท่านเล่นเท่านั้น
แต่เดี๋ยวนี้มันไม่ยั้งอีกต่อไป แม้ว่าจะเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่ชั่วโมง ท่านก็ยังสงสัยว่าท่านจะทำสำเร็จหรือไม่
และแล้วก็เหลือเวลาหกสิบนาทีสุดท้าย ท่านเริ่มวาดภาพทุกๆ สิ่งที่ท่านจะทำนับจากหนึ่งชั่วโมงข้างหน้าที่การปฏิบัติธรรมจะยุติลง
ท่านจะอาบน้ำนานๆ ฉันอาหาร พูดคุย พักผ่อนนอนหลับหย่อนอารมณ์ตามสบาย
แล้วเจ้าความเจ็บปวดก็ขัดจังหวะการวางแผนของท่าน ครอบครองจิตใจทั้งหมดของท่าน
ท่านแอบลืมตาดูนาฬิกาหลายครั้งในช่วงสุดท้ายนี้ ท่านไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เวลามันช่างผ่านไปช้าแสนช้า
อาจถึงเวลาต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่นาฬิกา หรืออาจจะเป็นไปได้ว่า นาฬิกาจะหยุดเดินเพราะถ่านหมด
เมื่อเข็มนาฬิกาบอกเวลาอีกสิบห้านาทีจะถึงเวลาสิ้นสุดการปฏิบัติธรรม ช่วงเวลาสิบห้านาทีสุดท้ายราวกับเป็นช่วงสิบห้านาทีชั่วนิรันดร์
แต่ความเป็นนิรันดรนั้นย่อมถึงจุดจบลงสักวัน ท่านกระหยิ่มในใจ
แล้วมันก็จบลง เสียงระฆังยุติการปฏิบัติธรรมช่างไพเราะเหลือเกิน
กระแสคลื่นแห่งความยินดีแล่นพล่านทั่วร่างกายท่าน ขับเคลื่อนเจ้าความเจ็บปวดให้หายวับเข้าหลังฉากไปเลย
ท่านทำสำเร็จ ท่านจะต้องฉลองให้ตัวเองแล้วล่ะ เอาที่นอนมาเลย!
ท่านอาจารย์ชาตีระฆังอีกครั้งเ รียกความสนใจของทุกคน ท่านมีเรื่องจะประกาศ ท่านพูดว่า
“ครั้งนี้เป็นการปฏิบัติธรรมที่ยอดเยี่ยมมาก พระหลายๆ องค์ก้าวหน้ามาก
มีพระบางองค์ ท่านได้เสนอขอให้ขยายเวลาปฏิบัติธรรมต่อไปอีกสองอาทิตย์
ผมคิดว่ามันเป็นความคิดที่วิเศษมาก ฉะนั้นการปฏิบัติธรรมจะดำเนินต่อไป เชิญนั่งต่อเลย”
พระทุกๆ องค์พับขาของท่านอีกครั้ง และนั่งสมาธินิ่งเพื่อการเริ่มต้นต่ออีกสองอาทิตย์
พระฝรั่งท่านเล่าว่า ท่านไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดในร่างกายของท่านอีกต่อไป
ท่านกำลังพยายามจะคิดให้ออกว่า พระทุเรศองค์ไหนเป็นผู้เสนอให้ต่อเวลา
และคิดว่าเมื่อท่านรู้ว่าเป็นใคร ท่านจะไปทำอะไรพวกท่านเหล่านั้นดี!
ท่านวางแผนร้ายๆ ที่ไม่เหมาะกับสมณะ เตรียมจะจัดการบรรดาพระที่ไม่คิดถึงจิตใจผู้อื่น
ความโกรธของท่านกลบความเจ็บปวดเสียจมมิด ท่านลุแก่โทสะ ท่านโหดเหี้ยม ท่านไม่เคยรู้สึกโกรธมากขนาดนี้มาก่อนเลย
และแล้วเสียงระฆังก็ดังขึ้นอีกครั้ง มันเป็นเวลา"สิบห้านาที"ที่ผ่านไปเร็วที่สุดในชีวิตของท่านทีเดียว
แล้วท่านอาจารย์ก็พูดว่า “การปฏิบัติธรรมเสร็จสิ้นลงแล้ว มีน้ำปานะเตรียมไว้ให้ท่านที่โรงฉัน เชิญตามสบาย เชิญท่านพูดกันได้แล้ว”
พระฝรั่งเบลอไปเลยด้วยความสับสน “ผมคิดว่าเราจะต้องภาวนาต่อไปอีกสองอาทิตย์ แล้วเกิดอะไรขึ้นล่ะนี่?”
พระผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่พูดภาษาอังกฤษได้เห็นพระฝรั่งงง จึงเดินเข้ามาหาด้วยรอยยิ้ม ท่านบอกพระฝรั่งว่า
“อย่าแปลกใจไปเลย ท่านอาจารย์ก็ทำเช่นนี้ทุกทีแหละ!”
https://www.facebook.com/pages/สาขาวัดหนองป่าพง/182989118504002