บทที่ 2…ฝันที่(อาจ)เป็นจริง
สัมผัสแรกที่วันดีรู้สึกได้เมื่อบานประตูบ้านถูกเปิดออกกว้าง คือ ความรู้สึกชื่นชอบ ถึงแม้จะเป็นบ้านเล็กๆ ไม่ใหญ่โตนัก มีลักษณะเป็นบ้านแฝด มีต้นไม้น้อยใหญ่ให้ร่มเงาอยู่บ้าง จึงทำให้บ้านหลังนี้น่าอยู่เพิ่มมากขึ้น ความสะอาดสอ้านบ่งบอกถึงการได้รับความดูแลเอาใจใส่อย่างดีของเจ้าของบ้านคนเก่า ต่างกับบ้านหลังอื่นๆ ที่เธอเฝ้าตระเวนดูมาแล้วไม่ถ้วน จึงทำให้เธอตกหลุมรักบ้านหลังนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น
"บ้านของเราน่าอยู่ไหมลูก" วันดีหันไปถามลูกสาวที่เดินอยู่ข้างๆ สามี
"บ้านของเราที่ไหนกันคุณ" สามีเอ็ดขึ้นเบาๆ เมื่อภรรยาเอ่ยเต็มปากเต็มคำว่า "บ้านของเรา" เพราะไม่อยากให้ใยไหมลูกสาววัยห้าขวบเข้าใจผิดมากไปกว่านี้
"แหม..ยศล่ะก็" ผู้เป็นภรรยาหันไปหยิกที่ต้นแขนสามีเบาๆ "วันเชื่อว่าอีกไม่นานบ้านหลังนี้ก็จะเป็นของเราสามคน พ่อแม่ลูก จริงไหมคะ คุณวิรัฒน์" วันดีหันไปถามขอความเห็นจากชายหนุ่มชื่อวิรัฒน์
"อ๋อ... แน่นอนครับ ยังไงผมต้องช่วยพวกคุณเต็มที่อยู่แล้ว" วิรัฒน์ซึ่งเป็นนายหน้าซื้อขายบ้านเอ่ยบอกพลางยิ้มร่าในใจ เมื่อถึงนึกค่าคอมมิชชั่นก้อนโตที่เขาจะได้หากขายบ้านหลังนี้
"งั้น วันขอเดินดูห้องหับต่างๆ หน่อยนะคะ"
"เชิญตามสบายครับ"
ยังไม่ทันที่วิรัฒน์จะพูดจบ วันดีก็สาวเท้าก้าวเดินไปยังห้องน้ำทันที ถึงห้องน้ำจะไม่กว้างแต่ก็ยาวพอยืนหมุนตัวส่องกระจกได้สบาย ผนังห้องปูด้วยกระเบื้องสีน้ำตาลครีมตัดกับสีพื้นน้ำตาลเข้ม แลดูเรียบ สะอาดตา ถัดไปเป็นห้องครัวเล็กๆ ขนาดกะทันรัด มีเคาน์เตอร์ตัวยูเข้ากับมุมห้อง ผนังห้องสีเขียวมะนาว ซึ่งเป็นสีที่มีผลต่อจิตใจทำให้เจริญอาหาร วันดีอดคิดไม่ได้ว่า... รสนิยมของเจ้าของบ้านเดิมเข้าท่าไม่เลวทีเดียว
"สีแซ่บโดนใจวันมากเลยคะ" วันดีหันไปบอกสามีที่เดินตามมาห่างๆ กับลูกสาวก่อนเดินเลยไปปิดประตูอีกบานในห้องครัว เพื่อพบกับลานสำหรับซักล้างขนาดย่อมๆ ที่ปูด้วยกระเบื้องสีฟ้า
"เครื่องซักผ้าเอาไว้ตรงนี้นะที่รัก" วันดีไม่วายหันมาบอกสามีอีกครั้ง
"เมื่อไรจะตื่น ฝันกลางวันอีกแล้ว" ยศเอ็ดภรรยาเบาๆ อย่างไม่จริงจังนัก
"ไม่เคยดูรายการ ‘ฝันที่เป็นจริง’ หรือไง" วันดีบอกสามีขณะก้าวขึ้นบันไดไปชั้นสองของบ้าน "ไม่เชื่อคอยดู"
ชั้นสองของบ้านมีห้องนอนอยู่สองห้อง ห้องนอนใหญ่หันไปทางด้านหน้าบ้าน ส่วนห้องนอนเล็กหันไปทางหลังบ้าน และห้องน้ำอยู่ตรงกับบันได
"ว้า! มีแค่สองห้องเองที่รัก ถ้าเรามีลูกอีกคนจะให้อยู่ห้องไหนล่ะ" วันดีหันไปถามสามีที่เมื่อครู่เห็นก้าวตามขึ้นมาติดๆ กับลูก แต่บัดนี้อันตธานหายไปไหนกันหมดแล้ว
"อ้าว... ยศ ใยไหม หายไปไหนกันหมดนะ เห็นตามมาติดๆ" วันดีส่งเสียงเรียกเบาๆ ด้วยความเกรงใจวิรัฒน์ที่รออยู่ชั้นล่าง ...สงสัยจะลงไปแล้ว.... วันดีคิดในใจก่อนจะหมุนลูกบิดประตูห้องนอนใหญ่เปิดออก ห้องนั้นกว้างมากพอสำหรับวางเตียงนอนขนาดหกฟุตได้สบาย ถ้ามีโซฟาเบดสำหรับดูทีวีสักตัวในห้องจะแจ๋วมาก...
ทันใดนั้นห้องที่ค่อนข้างสว่างจากแสงแดดที่เล็ดลอดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง กลับมืดสนิทราวกับตอนกลางคืน อากาศรายรอบตัวแปรเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกอย่างไม่ทันตั้งตัวทั้งๆ ที่เมื่อครู่ยังร้อนอยู่เลย
...มันเกิดอะไรขึ้น... วันดียังไม่กล้าขยับเท้าก้าวเดินไปไหน ถึงจะเป็นห้องโล่งๆ ไม่มีข้าวของอะไรวางเกะกะ แต่ห้องก็มืดจนเธอมองไม่เห็นประตู หญิงสาวยืนรอจนกว่าสายตาจะปรับชินกับความมืดได้จึงหันหลังเดินกลับไปที่ประตูห้อง แต่ต้องพบว่า ประตูห้องปิดตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ยังไม่ทันจะก้าวเดินตรงไปยังประตูบานนั้น เท้าก็ต้องหยุดชะงักลง เมื่อศีรษะของเธอสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างตรงหน้า เธอจำได้แม่นว่าในห้องไม่มีอะไร แล้วนี่ใครเอาอะไรมาวางแขวนห้อยแถวนี้ตอนไหน
วันดีใช้สองมือควานจับสิ่งตรงหน้าอย่างสะเปะสะปะท่ามกลางความมืดสลัว แล้วเธอก็ต้องสะดุ้ง เมื่อสิ่งที่ควานจับได้มีลักษณะเหมือนขาและเท้าคน!
...บ้าสิ เป็นไปได้ไง...
ขณะที่เธอกำลังครุ่นคิด หยดน้ำจากไหนไม่รู้ไหลหยดลงมาใส่บนหน้าผากของเธอสองสามหยด เธอใช้มืดป้ายเช็ดออกแล้วก็พบว่าหยดน้ำนั้นมันเหนียวๆ ข้นๆ เธอไม่กล้าดม.. แต่สมองกลับสั่งให้ดมด้วยความอยากใคร่รู้ ทันทีเมื่อจมูกเริ่มสัมผัสกลิ่นสิ่งนั้น สิ่งต่างๆ ในกระเพาะอาหารแทบจะขย้อนย้อนกลับออกมาจากลำคอ มันเป็นกลิ่นเหม็นคาวชวนพะอืดพะอมเหมือนกับเลือดและน้ำหนองสิ้นดี คิดได้แค่นั้น...หัวใจของเธอแทนหล่นไปอยู่ตาตุ๋ม
...เลือด.... น้ำหนอง....ขาคน
หรือว่า... ตอนนี้หัวใจของเธอเต้นแรงเร็วราวกับคนลั่นกลอง สมองพอได้สติเล็กน้อยจึงค่อยๆ ล่วงหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพาย ก่อนจะกดปุ่มเพื่อส่องแสงสว่างบนหน้าจอโทรศัพท์ไปยังสิ่งนั้นด้วยใจระทึก
แว่บเดียว...ที่เห็นสิ่งตรงหน้า วันดีก็ส่งเสียงกรีดร้องทันที
"กรี๊ดดดดดดดดดดด"
เพราะมันคือ... ขาคนจริงๆ และหยดน้ำนั่นก็เป็นเลือดและน้ำหนองที่ไหลหยดจากลิ้นยาวของซากศพที่ห้อยหัวแขวนอยู่กับเพดาน
ขาทั้งสองข้างของวันดีแข็งจนก้าวไม่ออก ทั้งที่อยากจะวิ่งไปเปิดประตูที่อยู่ห่างไม่ไกลนัก แต่ก็ทำไม่ได้....
เสียงอี๊ดอ้าดอี๊ดอ้าดดังขึ้นท่ามกลางความเงียบจนได้ยินชัดเต็มสองหู เสียงเหมือนกำลังมีใครบีบรัดเสียดสีสิ่งใดอยู่ ยังไม่ทันคิดอะไรต่อ... หัวของซากศพก็หลุดกลิ้งลงตรงหน้า ดวงตากระเด็นหลุดออกจากเบ้าตาที่ลึกโบ๋ ทั้งแสระยิ้มให้เธออย่างสยดสยอง
"กรี๊ดดดดดดดดดดด" วันดีรีบวิ่งไปบิดประตูอย่างสุดแรงอีกครั้ง ที่นี้ได้ผล ประตูห้องเปิดออกกว้าง เธอรีบวิ่งลงไปชั้นล่างอย่างไว
"ยศ ยศ ช่วยวันด้วย ศพๆ มีคนตายในบ้าน" หญิงสาวแหกปากตะโกนลั่นบ้าน วิ่งหน้าตื่นลงไปชั้นล่างจนไม่ทันสังเกตว่าชั้นล่างมีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีใครสักคน ทั้งยศ ใยไหม และวิรัฒน์
หญิงสาวหันรีหันขวามองหาแต่ก็พบกับความว่างเปล่า หรือจะอยู่หน้าบ้านกัน แต่ทำไมไม่เห็นมีใครเข้ามาดูเธอสักคน เสียงตะโกนออกจะดังลั่นบ้าน เธอตัดสินใจรีบก้าวออกจากบ้าน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงตะกุกตะกักจากที่ไหนสักแห่งแว่วมากระทบโสตประสาท
"ยศ... ใยไหม" เธอส่งเสียงเรียกหวังว่าจะเป็นสามีกับลูกสาว แต่ก็ไม่มีเสียงตอบ มีแต่เสียงตะกุกตะกักเหมือนเสียงเล็บกำลังขูดไม้
เสียงนั้นดังอยู่ใกล้ๆ วันดีค่อยๆ ย่องเดินตามหาเสียง ก่อนหยุดบริเวณหัวบันได แล้วเสียงนั้นก็เงียบหายไป เมื่อหญิงสาวพยายามเงี่ยหูฟัง เสียงนั้นก็เงียบ... สงสัยจะหูฝาด เธอบอกกับตัวเองก่อนจะรีบหันหลังกลับ
"...แม่ขา..." เสียงใสแต่เยือกเย็นของใยไหมลูกสาวดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกลทำให้ผู้เป็นแม่ชะงักเท้าลง
"ใยไหม ลูกอยู่ไหน บอกแม่มาสิ" เธอหันรีหันขวามองหาแต่ก็ไม่เห็นลูก
"หนูอยู่ข้างใน..." เสียงใสลากยาวจนน่ากลัว พร้อมเสียงประตูไม้ดังพึ่บพั่บส่งสัญญาณให้ผู้เป็นแม่รับรู้
วันดีหันมองไปที่ห้องใต้บันไดทันที...
"หนูอยู่ในนั่นใช่ไหม"
วันดีถามโดยไม่รีรอคำตอบ รีบสาวเท้าก้าวไปเปิดประตูห้องเล็กๆ ที่อยู่ใต้บันได ซึ่งน่าจะเป็นห้องเก็บของออกทันที
ในห้องเก็บของนั้น วันดีมองไม่เห็นอะไรนอกจากความมืดมิด
"ใยไหมๆ หนูอยู่ไหนลูก ออกมาหาแม่สิ" ผู้เป็นแม่ตะโกนเรียกหาด้วยน้ำเสียงปานจะขาดใจ
เสียงนั้นดึงขึ้นอีกแล้ว วันดีรีบเอาโทรศัพท์มือถือส่องแสงเข้าไปภายในห้องใต้บันได ภายใต้แสงสลัวในห้องวันดีแทบจะโยนโทรศัพท์มือถือทิ้ง ในห้องนั้นไม่มีใยไหม แต่! มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งนั่งกดเข้าคุดคู่อยู่มุมห้อง หากแต่สิ่งที่ทำให้เธอตกใจแทบเสียสติ คือ หยาดเลือดที่ไหลจากเบ้าตา ราวกับคนที่พร่ำร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือด
"...ช่วยหนูด้วย ช่วยหนูด้วย" เด็กผู้ชายส่งเสียงบอกเธอ
วันดีรีบปิดประตูห้องใต้บันไดอย่างแรง ด้วยความตกใจกลัวรีบถอยหลังมายืนตั้งสติอยู่ตรงหัวบันได รู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นเร็วผิดปกติ ดังตึ๊กๆๆ อย่างไม่เป็นจังหวะ ทันใดนั้นเสียงตุ๊บๆ เหมือนเสียงลูกบอลกระเด้งลงบนพื้นดังเป็นจังหวะก็ดังขึ้น เสียงอะไรอีกล่ะ... ยังไม่ทันจะคิดต่อ... เจ้าของเสียงสิ่งของนั้นก็กระเด้งกระทบขั้นบันไดอย่างไวก่อนมาหยุดแทบเท้าหญิงสาว
"กรี๊ดดดดดดดดดดด"
วันดีส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจกลัวสุดขีดทันทีเมื่อเห็นศีรษะของศพที่อยู่ในห้องนอนใหญ่อยู่แน่นิ่งตรงเท้า
..................................
"วันดี ๆ" ยศผู้เป็นสามีเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องจึงรีบวิ่งถลาเข้ามาเขย่าร่างของวันดีให้ตื่นจากภวังค์ร้าย "ตื่นสิ ตื่นๆๆ"
วันดีตื่นขึ้นมาด้วยตื่นตกใจกลัว ที่แท้ก็ความฝัน...ฝันร้าย ฝันที่เหมือนจริงมาก
"วันดีฝันร้ายคะยศ ผีๆ วันดีฝันเห็นผี" เธอพร่ำบอกสามี
"ก็แค่ฝันร้าย ไม่มีอะไรหรอก ฝันร้ายจะกลายเป็นดีนะ" ยศบอกพลางลูบผมอย่างปลอบประโลม
"แต่มันน่ากลัวมากนะยศ ทั้งผีผู้หญิงและผีเด็ก"
"ผมว่าคุณไปอาบน้ำดีกว่าสายมากกว่านะ เดี๋ยวก็ไปโรงเรียนไม่ทันหรอก"
ถึงแม้วันดีจะรีบทำตามอย่างที่ยศบอก แต่อีกใจหนึ่งก็ยังครุ่นคิดถึงฝันร้ายนั่น ...ผีผู้หญิง ผีเด็ก และบ้านหลังนั้น เธอหวังว่าจะเป็นแค่ความฝันเท่านั้น แต่หากรู้ไม่ว่าฝันนั้นอาจเป็นจริงโดยที่เธอไม่ได้ร้องขอต้องการ
วิญญาณพยาบาท # 2
สัมผัสแรกที่วันดีรู้สึกได้เมื่อบานประตูบ้านถูกเปิดออกกว้าง คือ ความรู้สึกชื่นชอบ ถึงแม้จะเป็นบ้านเล็กๆ ไม่ใหญ่โตนัก มีลักษณะเป็นบ้านแฝด มีต้นไม้น้อยใหญ่ให้ร่มเงาอยู่บ้าง จึงทำให้บ้านหลังนี้น่าอยู่เพิ่มมากขึ้น ความสะอาดสอ้านบ่งบอกถึงการได้รับความดูแลเอาใจใส่อย่างดีของเจ้าของบ้านคนเก่า ต่างกับบ้านหลังอื่นๆ ที่เธอเฝ้าตระเวนดูมาแล้วไม่ถ้วน จึงทำให้เธอตกหลุมรักบ้านหลังนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น
"บ้านของเราน่าอยู่ไหมลูก" วันดีหันไปถามลูกสาวที่เดินอยู่ข้างๆ สามี
"บ้านของเราที่ไหนกันคุณ" สามีเอ็ดขึ้นเบาๆ เมื่อภรรยาเอ่ยเต็มปากเต็มคำว่า "บ้านของเรา" เพราะไม่อยากให้ใยไหมลูกสาววัยห้าขวบเข้าใจผิดมากไปกว่านี้
"แหม..ยศล่ะก็" ผู้เป็นภรรยาหันไปหยิกที่ต้นแขนสามีเบาๆ "วันเชื่อว่าอีกไม่นานบ้านหลังนี้ก็จะเป็นของเราสามคน พ่อแม่ลูก จริงไหมคะ คุณวิรัฒน์" วันดีหันไปถามขอความเห็นจากชายหนุ่มชื่อวิรัฒน์
"อ๋อ... แน่นอนครับ ยังไงผมต้องช่วยพวกคุณเต็มที่อยู่แล้ว" วิรัฒน์ซึ่งเป็นนายหน้าซื้อขายบ้านเอ่ยบอกพลางยิ้มร่าในใจ เมื่อถึงนึกค่าคอมมิชชั่นก้อนโตที่เขาจะได้หากขายบ้านหลังนี้
"งั้น วันขอเดินดูห้องหับต่างๆ หน่อยนะคะ"
"เชิญตามสบายครับ"
ยังไม่ทันที่วิรัฒน์จะพูดจบ วันดีก็สาวเท้าก้าวเดินไปยังห้องน้ำทันที ถึงห้องน้ำจะไม่กว้างแต่ก็ยาวพอยืนหมุนตัวส่องกระจกได้สบาย ผนังห้องปูด้วยกระเบื้องสีน้ำตาลครีมตัดกับสีพื้นน้ำตาลเข้ม แลดูเรียบ สะอาดตา ถัดไปเป็นห้องครัวเล็กๆ ขนาดกะทันรัด มีเคาน์เตอร์ตัวยูเข้ากับมุมห้อง ผนังห้องสีเขียวมะนาว ซึ่งเป็นสีที่มีผลต่อจิตใจทำให้เจริญอาหาร วันดีอดคิดไม่ได้ว่า... รสนิยมของเจ้าของบ้านเดิมเข้าท่าไม่เลวทีเดียว
"สีแซ่บโดนใจวันมากเลยคะ" วันดีหันไปบอกสามีที่เดินตามมาห่างๆ กับลูกสาวก่อนเดินเลยไปปิดประตูอีกบานในห้องครัว เพื่อพบกับลานสำหรับซักล้างขนาดย่อมๆ ที่ปูด้วยกระเบื้องสีฟ้า
"เครื่องซักผ้าเอาไว้ตรงนี้นะที่รัก" วันดีไม่วายหันมาบอกสามีอีกครั้ง
"เมื่อไรจะตื่น ฝันกลางวันอีกแล้ว" ยศเอ็ดภรรยาเบาๆ อย่างไม่จริงจังนัก
"ไม่เคยดูรายการ ‘ฝันที่เป็นจริง’ หรือไง" วันดีบอกสามีขณะก้าวขึ้นบันไดไปชั้นสองของบ้าน "ไม่เชื่อคอยดู"
ชั้นสองของบ้านมีห้องนอนอยู่สองห้อง ห้องนอนใหญ่หันไปทางด้านหน้าบ้าน ส่วนห้องนอนเล็กหันไปทางหลังบ้าน และห้องน้ำอยู่ตรงกับบันได
"ว้า! มีแค่สองห้องเองที่รัก ถ้าเรามีลูกอีกคนจะให้อยู่ห้องไหนล่ะ" วันดีหันไปถามสามีที่เมื่อครู่เห็นก้าวตามขึ้นมาติดๆ กับลูก แต่บัดนี้อันตธานหายไปไหนกันหมดแล้ว
"อ้าว... ยศ ใยไหม หายไปไหนกันหมดนะ เห็นตามมาติดๆ" วันดีส่งเสียงเรียกเบาๆ ด้วยความเกรงใจวิรัฒน์ที่รออยู่ชั้นล่าง ...สงสัยจะลงไปแล้ว.... วันดีคิดในใจก่อนจะหมุนลูกบิดประตูห้องนอนใหญ่เปิดออก ห้องนั้นกว้างมากพอสำหรับวางเตียงนอนขนาดหกฟุตได้สบาย ถ้ามีโซฟาเบดสำหรับดูทีวีสักตัวในห้องจะแจ๋วมาก...
ทันใดนั้นห้องที่ค่อนข้างสว่างจากแสงแดดที่เล็ดลอดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง กลับมืดสนิทราวกับตอนกลางคืน อากาศรายรอบตัวแปรเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกอย่างไม่ทันตั้งตัวทั้งๆ ที่เมื่อครู่ยังร้อนอยู่เลย
...มันเกิดอะไรขึ้น... วันดียังไม่กล้าขยับเท้าก้าวเดินไปไหน ถึงจะเป็นห้องโล่งๆ ไม่มีข้าวของอะไรวางเกะกะ แต่ห้องก็มืดจนเธอมองไม่เห็นประตู หญิงสาวยืนรอจนกว่าสายตาจะปรับชินกับความมืดได้จึงหันหลังเดินกลับไปที่ประตูห้อง แต่ต้องพบว่า ประตูห้องปิดตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ยังไม่ทันจะก้าวเดินตรงไปยังประตูบานนั้น เท้าก็ต้องหยุดชะงักลง เมื่อศีรษะของเธอสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างตรงหน้า เธอจำได้แม่นว่าในห้องไม่มีอะไร แล้วนี่ใครเอาอะไรมาวางแขวนห้อยแถวนี้ตอนไหน
วันดีใช้สองมือควานจับสิ่งตรงหน้าอย่างสะเปะสะปะท่ามกลางความมืดสลัว แล้วเธอก็ต้องสะดุ้ง เมื่อสิ่งที่ควานจับได้มีลักษณะเหมือนขาและเท้าคน!
...บ้าสิ เป็นไปได้ไง...
ขณะที่เธอกำลังครุ่นคิด หยดน้ำจากไหนไม่รู้ไหลหยดลงมาใส่บนหน้าผากของเธอสองสามหยด เธอใช้มืดป้ายเช็ดออกแล้วก็พบว่าหยดน้ำนั้นมันเหนียวๆ ข้นๆ เธอไม่กล้าดม.. แต่สมองกลับสั่งให้ดมด้วยความอยากใคร่รู้ ทันทีเมื่อจมูกเริ่มสัมผัสกลิ่นสิ่งนั้น สิ่งต่างๆ ในกระเพาะอาหารแทบจะขย้อนย้อนกลับออกมาจากลำคอ มันเป็นกลิ่นเหม็นคาวชวนพะอืดพะอมเหมือนกับเลือดและน้ำหนองสิ้นดี คิดได้แค่นั้น...หัวใจของเธอแทนหล่นไปอยู่ตาตุ๋ม
...เลือด.... น้ำหนอง....ขาคน
หรือว่า... ตอนนี้หัวใจของเธอเต้นแรงเร็วราวกับคนลั่นกลอง สมองพอได้สติเล็กน้อยจึงค่อยๆ ล่วงหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพาย ก่อนจะกดปุ่มเพื่อส่องแสงสว่างบนหน้าจอโทรศัพท์ไปยังสิ่งนั้นด้วยใจระทึก
แว่บเดียว...ที่เห็นสิ่งตรงหน้า วันดีก็ส่งเสียงกรีดร้องทันที
"กรี๊ดดดดดดดดดดด"
เพราะมันคือ... ขาคนจริงๆ และหยดน้ำนั่นก็เป็นเลือดและน้ำหนองที่ไหลหยดจากลิ้นยาวของซากศพที่ห้อยหัวแขวนอยู่กับเพดาน
ขาทั้งสองข้างของวันดีแข็งจนก้าวไม่ออก ทั้งที่อยากจะวิ่งไปเปิดประตูที่อยู่ห่างไม่ไกลนัก แต่ก็ทำไม่ได้....
เสียงอี๊ดอ้าดอี๊ดอ้าดดังขึ้นท่ามกลางความเงียบจนได้ยินชัดเต็มสองหู เสียงเหมือนกำลังมีใครบีบรัดเสียดสีสิ่งใดอยู่ ยังไม่ทันคิดอะไรต่อ... หัวของซากศพก็หลุดกลิ้งลงตรงหน้า ดวงตากระเด็นหลุดออกจากเบ้าตาที่ลึกโบ๋ ทั้งแสระยิ้มให้เธออย่างสยดสยอง
"กรี๊ดดดดดดดดดดด" วันดีรีบวิ่งไปบิดประตูอย่างสุดแรงอีกครั้ง ที่นี้ได้ผล ประตูห้องเปิดออกกว้าง เธอรีบวิ่งลงไปชั้นล่างอย่างไว
"ยศ ยศ ช่วยวันด้วย ศพๆ มีคนตายในบ้าน" หญิงสาวแหกปากตะโกนลั่นบ้าน วิ่งหน้าตื่นลงไปชั้นล่างจนไม่ทันสังเกตว่าชั้นล่างมีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีใครสักคน ทั้งยศ ใยไหม และวิรัฒน์
หญิงสาวหันรีหันขวามองหาแต่ก็พบกับความว่างเปล่า หรือจะอยู่หน้าบ้านกัน แต่ทำไมไม่เห็นมีใครเข้ามาดูเธอสักคน เสียงตะโกนออกจะดังลั่นบ้าน เธอตัดสินใจรีบก้าวออกจากบ้าน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงตะกุกตะกักจากที่ไหนสักแห่งแว่วมากระทบโสตประสาท
"ยศ... ใยไหม" เธอส่งเสียงเรียกหวังว่าจะเป็นสามีกับลูกสาว แต่ก็ไม่มีเสียงตอบ มีแต่เสียงตะกุกตะกักเหมือนเสียงเล็บกำลังขูดไม้
เสียงนั้นดังอยู่ใกล้ๆ วันดีค่อยๆ ย่องเดินตามหาเสียง ก่อนหยุดบริเวณหัวบันได แล้วเสียงนั้นก็เงียบหายไป เมื่อหญิงสาวพยายามเงี่ยหูฟัง เสียงนั้นก็เงียบ... สงสัยจะหูฝาด เธอบอกกับตัวเองก่อนจะรีบหันหลังกลับ
"...แม่ขา..." เสียงใสแต่เยือกเย็นของใยไหมลูกสาวดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกลทำให้ผู้เป็นแม่ชะงักเท้าลง
"ใยไหม ลูกอยู่ไหน บอกแม่มาสิ" เธอหันรีหันขวามองหาแต่ก็ไม่เห็นลูก
"หนูอยู่ข้างใน..." เสียงใสลากยาวจนน่ากลัว พร้อมเสียงประตูไม้ดังพึ่บพั่บส่งสัญญาณให้ผู้เป็นแม่รับรู้
วันดีหันมองไปที่ห้องใต้บันไดทันที...
"หนูอยู่ในนั่นใช่ไหม"
วันดีถามโดยไม่รีรอคำตอบ รีบสาวเท้าก้าวไปเปิดประตูห้องเล็กๆ ที่อยู่ใต้บันได ซึ่งน่าจะเป็นห้องเก็บของออกทันที
ในห้องเก็บของนั้น วันดีมองไม่เห็นอะไรนอกจากความมืดมิด
"ใยไหมๆ หนูอยู่ไหนลูก ออกมาหาแม่สิ" ผู้เป็นแม่ตะโกนเรียกหาด้วยน้ำเสียงปานจะขาดใจ
เสียงนั้นดึงขึ้นอีกแล้ว วันดีรีบเอาโทรศัพท์มือถือส่องแสงเข้าไปภายในห้องใต้บันได ภายใต้แสงสลัวในห้องวันดีแทบจะโยนโทรศัพท์มือถือทิ้ง ในห้องนั้นไม่มีใยไหม แต่! มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งนั่งกดเข้าคุดคู่อยู่มุมห้อง หากแต่สิ่งที่ทำให้เธอตกใจแทบเสียสติ คือ หยาดเลือดที่ไหลจากเบ้าตา ราวกับคนที่พร่ำร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือด
"...ช่วยหนูด้วย ช่วยหนูด้วย" เด็กผู้ชายส่งเสียงบอกเธอ
วันดีรีบปิดประตูห้องใต้บันไดอย่างแรง ด้วยความตกใจกลัวรีบถอยหลังมายืนตั้งสติอยู่ตรงหัวบันได รู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นเร็วผิดปกติ ดังตึ๊กๆๆ อย่างไม่เป็นจังหวะ ทันใดนั้นเสียงตุ๊บๆ เหมือนเสียงลูกบอลกระเด้งลงบนพื้นดังเป็นจังหวะก็ดังขึ้น เสียงอะไรอีกล่ะ... ยังไม่ทันจะคิดต่อ... เจ้าของเสียงสิ่งของนั้นก็กระเด้งกระทบขั้นบันไดอย่างไวก่อนมาหยุดแทบเท้าหญิงสาว
"กรี๊ดดดดดดดดดดด"
วันดีส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจกลัวสุดขีดทันทีเมื่อเห็นศีรษะของศพที่อยู่ในห้องนอนใหญ่อยู่แน่นิ่งตรงเท้า
"วันดี ๆ" ยศผู้เป็นสามีเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องจึงรีบวิ่งถลาเข้ามาเขย่าร่างของวันดีให้ตื่นจากภวังค์ร้าย "ตื่นสิ ตื่นๆๆ"
วันดีตื่นขึ้นมาด้วยตื่นตกใจกลัว ที่แท้ก็ความฝัน...ฝันร้าย ฝันที่เหมือนจริงมาก
"วันดีฝันร้ายคะยศ ผีๆ วันดีฝันเห็นผี" เธอพร่ำบอกสามี
"ก็แค่ฝันร้าย ไม่มีอะไรหรอก ฝันร้ายจะกลายเป็นดีนะ" ยศบอกพลางลูบผมอย่างปลอบประโลม
"แต่มันน่ากลัวมากนะยศ ทั้งผีผู้หญิงและผีเด็ก"
"ผมว่าคุณไปอาบน้ำดีกว่าสายมากกว่านะ เดี๋ยวก็ไปโรงเรียนไม่ทันหรอก"
ถึงแม้วันดีจะรีบทำตามอย่างที่ยศบอก แต่อีกใจหนึ่งก็ยังครุ่นคิดถึงฝันร้ายนั่น ...ผีผู้หญิง ผีเด็ก และบ้านหลังนั้น เธอหวังว่าจะเป็นแค่ความฝันเท่านั้น แต่หากรู้ไม่ว่าฝันนั้นอาจเป็นจริงโดยที่เธอไม่ได้ร้องขอต้องการ