คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
ขอร่วมแบ่งปันครับ
กรณีนี้ คงเช่นเดียวกับตัว ฃ ฅ ที่หายไป
รายละเอียดดังนี้ครับ
เมื่อประมาณ ๑๐ ปีมาแล้ว (ขณะที่เขียนนี้คือ พ.ศ.๒๕๔๗) มีคนพูดถึงเรื่อง ฃ กับ ฅ กันมาก จนนักภาษาศาสตร์ที่ศึกษาเรื่องนี้ต้องออกมาช่วยชี้แจง ทั้งๆ ที่เคยเขียนบทความทางวิชาการเผยแพร่มาก่อนหน้านี้กว่า ๒๐ ปีมาแล้ว
นักวิชาการที่ว่านั้นก็คือ ศาสตราจารย์ ดร. คุณหญิงสุริยา รัตนกุล ท่านได้เขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้เป็นครั้งแรกใน วารสารธรรมศาสตร์ ปีที่ ๒ ฉบับที่ ๑ มิถุนายน-ตุลาคม ๒๕๑๕
ต่อมาใน พ.ศ.๒๕๓๗ สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาชนบท มหาวิทยาลัยมหิดล จึงได้นำบทความดังกล่าวมาพิมพ์เป็นเอกสารเล่มเล็กเพื่อเผยแพร่ให้แพร่หลายยิ่งขึ้น
ในขณะนั้นผู้เขียนยังเขียนเรื่องเกี่ยวกับภาษาไทยอยู่ใน สตรีสาร จึงได้นำข้อเขียนของท่านมาเผยแพร่อีกครั้ง
เมื่อมีผู้สงสัยถามมาทาง มติชน อีก ก็ต้องไปค้นเรื่องเก่าที่เคยเขียนมาปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้ทันสมัยอีกครั้ง ดังนี้
หนังสือเล่มนี้ถามปัญหาว่า ถ้าในสมัยปัจจุบัน เราเห็นว่า ฃ กับ ฅ เป็นตัวเกินและสามารถใช้ ข (ไข่) กับ ค (ควาย) แทนได้ทุกที่ ทำไมในสมัยสุโขทัย จึงต้องสร้างตัวอักษรทั้งสองนี้ขึ้นมา หนังสือเล่มนี้ได้พยายามสืบสร้าง (reconstruct) ว่า เสียง ฃ และ ฅ เคยใช้แทนเสียงที่เป็นเสียงเสียดแทรกซึ่งมีฐานกรณ์อันเกิดที่ฐานลิ้นไก่ ซึ่งในสมัยปัจจุบันนี้ยังพบในภาษาไทขาวในประเทศเวียดนาม
กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ เสียง ฃ และ ฅ ในสมัยสุโขทัยนั้นออกเสียงลึกกว่าเสียง ข (ไข่) และ ค (ควาย) เวลาที่ออกเสียง ข (ไข่) และ ค (ควาย) โคนลิ้นแตะที่เพดานอ่อน ส่วน ฃ และ ฅ นั้น โคนลิ้นจะแตะที่ส่วนที่ถัดเพดานอ่อนเข้าไปอีก ซึ่งในปัจจุบันไม่มีเสียงนี้ในภาษาไทยมาตรฐานแล้ว
http://www.royin.go.th/th/knowledge/detail.php?ID=2049
กรณีนี้ คงเช่นเดียวกับตัว ฃ ฅ ที่หายไป
รายละเอียดดังนี้ครับ
เมื่อประมาณ ๑๐ ปีมาแล้ว (ขณะที่เขียนนี้คือ พ.ศ.๒๕๔๗) มีคนพูดถึงเรื่อง ฃ กับ ฅ กันมาก จนนักภาษาศาสตร์ที่ศึกษาเรื่องนี้ต้องออกมาช่วยชี้แจง ทั้งๆ ที่เคยเขียนบทความทางวิชาการเผยแพร่มาก่อนหน้านี้กว่า ๒๐ ปีมาแล้ว
นักวิชาการที่ว่านั้นก็คือ ศาสตราจารย์ ดร. คุณหญิงสุริยา รัตนกุล ท่านได้เขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้เป็นครั้งแรกใน วารสารธรรมศาสตร์ ปีที่ ๒ ฉบับที่ ๑ มิถุนายน-ตุลาคม ๒๕๑๕
ต่อมาใน พ.ศ.๒๕๓๗ สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาชนบท มหาวิทยาลัยมหิดล จึงได้นำบทความดังกล่าวมาพิมพ์เป็นเอกสารเล่มเล็กเพื่อเผยแพร่ให้แพร่หลายยิ่งขึ้น
ในขณะนั้นผู้เขียนยังเขียนเรื่องเกี่ยวกับภาษาไทยอยู่ใน สตรีสาร จึงได้นำข้อเขียนของท่านมาเผยแพร่อีกครั้ง
เมื่อมีผู้สงสัยถามมาทาง มติชน อีก ก็ต้องไปค้นเรื่องเก่าที่เคยเขียนมาปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้ทันสมัยอีกครั้ง ดังนี้
หนังสือเล่มนี้ถามปัญหาว่า ถ้าในสมัยปัจจุบัน เราเห็นว่า ฃ กับ ฅ เป็นตัวเกินและสามารถใช้ ข (ไข่) กับ ค (ควาย) แทนได้ทุกที่ ทำไมในสมัยสุโขทัย จึงต้องสร้างตัวอักษรทั้งสองนี้ขึ้นมา หนังสือเล่มนี้ได้พยายามสืบสร้าง (reconstruct) ว่า เสียง ฃ และ ฅ เคยใช้แทนเสียงที่เป็นเสียงเสียดแทรกซึ่งมีฐานกรณ์อันเกิดที่ฐานลิ้นไก่ ซึ่งในสมัยปัจจุบันนี้ยังพบในภาษาไทขาวในประเทศเวียดนาม
กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ เสียง ฃ และ ฅ ในสมัยสุโขทัยนั้นออกเสียงลึกกว่าเสียง ข (ไข่) และ ค (ควาย) เวลาที่ออกเสียง ข (ไข่) และ ค (ควาย) โคนลิ้นแตะที่เพดานอ่อน ส่วน ฃ และ ฅ นั้น โคนลิ้นจะแตะที่ส่วนที่ถัดเพดานอ่อนเข้าไปอีก ซึ่งในปัจจุบันไม่มีเสียงนี้ในภาษาไทยมาตรฐานแล้ว
http://www.royin.go.th/th/knowledge/detail.php?ID=2049
แสดงความคิดเห็น
เสียง ร. ในภาษาพูดอีกสิบปีจะสาบสูญไปเป็นตำนานหรือเปล่าครับ