ศาสนาอิสลามห้าม “การข่มขืนกระทำการชำเรา ทาสหญิงหรือ เชลยศึกหญิง”

เนื่องจากการกระทำของ ผู้ก่อการร้ายมุสลิม ISIS และการสอน และการสนับสนุนของ กลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง  มีการอธิบายว่า   อัลกุรอานมี คำสอนที่ อนุมัติให้ มุสลิมชาย มีสัมพันธ์ทางเพศ หรือ การทำ “ซินา” การผิดประเวณี ต่อ “ทาสหญิงหรือ เชลยศึกหญิง” ได้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ได้มีข่าวไปทั่วโลกว่า ผู้ก่อการร้ายมุสลิม ISIS ได้ทำการข่มขืนกระทำชำเรา หญิงเชลยศึกในสงคราม ระหว่าง ซุนนีย์มุสลิมและชีอะตฺมุสลิมในประเทศอิรัคในขณะนี้

      อัลกุรอานได้อธิบายให้มุสลิมทราบว่า ผู้หญิงประเภทใดบ้าง ที่ชายมุสลิมสามารถที่จะแต่งงานเอามาเป็นภรรยาได้และผู้หญิงประเภทใดที่ ชายมุสลิมไม่อาจจะแต่งงานด้วยได้ นอกเหนือไปจากเงื่อนไขในการแต่งงานกับ ผู้ต่างศรัทธาซึ่ง เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างจากเรื่อง ที่จะกล่าวในกระทู้นี้

   เพื่อแสดงความเคารพต่อบิดา อัลกุรอานได้บัญญัติไว้สำหรับชายมุสลิมไว้ดังนี้

  “และจงอย่าสมรสกับบรรดาหญิงที่บิดาของพวกเจ้าได้สมรสมาแล้ว นอกจากที่ได้ผ่านพ้นมาเท่านั้น แท้จริงมันเป็นสิ่งลามกและน่ารังเกียจยิ่ง และเป็นวิถีทางที่ชั่ว (4:22)

    เพื่อเป็นการให้เกียรติและแสดงความเคารพต่อบิดา พระเจ้าไม่อนุญาติให้บุตรชายมุสลิมแต่งงานกับ หรือมีเพศสัมพันธ์กับหญิงผู้เคยเป็นภรรยาของบิดาหลังจากที่บิดาของพวกเขาสิ้นชีวิตไปแล้ว ตามบัญญัติที่ 4:22

   บัญญัติต่อไปคือ บัญญัติที่ 4:23 ซึ่งพระเจ้าได้ทรงกำหนด ระดับของหญิง ที่มีความสัมพันธ์ในครอบครัวและเครือญาติ ที่ชายมุสลิมไม่อาจจะแต่งงานด้วยได้ ซึ่งมีกำหนดข้อห้ามไว้ดังนี้

  “ที่ได้ถูกห้ามแก่พวกเจ้า นั้น คือมารดาของพวกเจ้า  บุตรีของพวก เจ้า พี่น้องหญิงของพวกเจ้า  พี่น้องหญิงแห่งบิดาของพวกเจ้า  และพี่น้องหญิงแห่งมารดาของพวก เจ้า บุตรีของพี่หรือน้องชายของพวก เจ้า บุตรีของพี่หรือน้องหญิงของพวก เจ้า และมารดาของพวกเจ้า ที่ให้นมแก่พวกเจ้า  และพี่น้องหญิงของพวกเจ้า เนื่องจากการดื่มนม และมารดาภรรยาของพวกเจ้า  และลูกเลี้ยงของพวกเจ้า ที่อยู่ในบ้านของพวกเจ้า  จากภรรยาของพวก เจ้าที่พวกเจ้า ได้สมสู่กับนาง แต่ถ้าพวกเจ้า ไม่ได้สมสู่กับนาง ก็ไม่เป็นความบาปใด ๆ แก่พวกเจ้า  และภรรยาของบุตรพวกเจ้า ที่มาจากเชื้อสายของพวกเจ้า  และการที่พวกเจ้า รวมระหว่างหญิงสองพี่น้องไว้ด้วยกัน นอกจากที่ได้ผ่านพ้นไปแล้วเท่านั้น แท้จริงอัลลอฮฺคือพระผู้ทรงอภัย พระผู้ทรงปรานีเสมอ” (4:23)

หญิงเหล่านี้ได้แก่ หญิงที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดได้แก่:

มารดาของตนเอง
ลูกสาวแท้ๆของตนเอง
พี่สาว และ น้องสาวของตนเอง,
พี่สาวน้องสาวของ บิดามารดาของตนเอง
ลูกสาวของพี่น้องที่ร่วมสายโลหิตเดียวกัน
หญิงที่ดื่มนำ้นมร่วมมารดาของตนเอง

     นอกจากหญิงดังที่กล่าวมานี้แล้ว หญิงที่เป็นที่ต้องห้ามในการที่ชายมุสลิม จะแต่งงานด้วยไม่ได้ซึ่งไม่ได้อยู่ในสายเลือดเดียวกันหรือเกิดในครอบครังเดียวกัน,ได้แก่ หญิง อื่นๆที่มีสามีและครอบครัวแล้ว,และกำลังอยู่กินกับสามี

  พระเจ้าได้ทรงบัญญัติไว้อย่างชัดเจนใน อัลกุรอาน บัญญัติที่ 4:24 ว่า, “นอกจากหญิงประเภทต่างๆที่อยู่ภายในบัญญัติ4:22-23แล้ว,หญิงอื่นที่ไม่ได้เป็นสายเลือดหรือเกิดในครอบ ครัวเดียวกัน, ได้แก่ 1.หญิงที่เป็นทาส หรือ 2.หญิงที่ถุกจับเป็นเชลยศึกของสงคราม หญิงสองประเภทนี้ พระเจ้าทรงอนุมัติ ให้ชายมุสลิมมีเพศสัมพันธ์และหาความสุขสำราญทางเพศด้วยได้, แต่ต้องอยู่ ภายใ้ต้เงื่อนไข ที่พระองค์ทรงกำหนดไว้เท่านั้น,นั้นคือการแต่งงาน ไม่มีทางเลือกอื่นใด, มุสลิมชายไม่อาจจะ ถือกรรมสิทธิ์ ความเป็นเจ้าของ ทาส หรือ เจ้าของ เชลยศึกหญิง, มีสัมพันธ์ทางเพศกับบรรดาหญิงเหล่านั้น โดยไม่แต่งงาน นิกะห์ อย่างสามีภรรยาได้

พระเจ้าทรงบัญญัติไว้ว่า,

(นอกจากหญิงอื่นๆที่เป็นที่ต้องห้ามตามที่กล่าวมาแล้ว),และบรรดาหญิงมีสามี,ยกเว้นหญิง(เชลย) ที่มือขวาของพวกเจ้า ครอบครอง, เป็นบัญญัติของอัลลอฮฺที่มีแก่พวกเจ้า  และได้ถูกอนุมัติให้แก่พวกเจ้า ที่นอกเหนือจากนั้น ในการที่พวกเจ้า จะแสวงหามาด้วยทรัพย์ของพวกเจ้า  ในฐานะเป็นผู้สมรส ไม่ใช่ในฐานะผู้ทำผิดประเวณี ดังนั้นหญิงใดที่พวกเจ้า เสพสุขกับนาง ในบรรดาหญิงเหล่านั้น ก็จงให้สินตอบแทนของพวกนางนั้นแก่พวกนาง ตามที่มีกําหนดไว้ และไม่เป็นบาปใด ๆ แก่พวกเจ้า ในสิ่งที่พวกเจ้า ต่างยินยอมกันในสิ่งนั้นหลังจากที่มีกําหนดนั้นขึ้น แท้จริง อัลลอฮ์คือพระผู้ทรงรอบรู้ พระผู้ทรงปรีชาญาณ (4:24)

ในบัญญัติ ที่ 4:24 มีประโยตที่สำคัญที่ต้องการคำอธิบายคือ

1.คำว่า “ยกเว้นหญิง(เชลยศึก) ที่มือขวาของพวกเจ้า ครอบครอง”คำว่า, “ยกเว้น” นี้หมายถึง บรรดาทาสหญิงหรือเชลยศึกหญิงที่กล่าวถึงนั้น, ไม่ได้รวมอยู่ในบรรดาหญิงที่เป็นสายเลือดเดียวกัน และหญิงที่แต่งงานและกำลังอยู่กินกับสามี,สามียังไม่ตายหรือ หย่าร้าง จากกันอย่างถูกต้องตามกฏหมายหรือหลักการของศาสนาอิสลาม

2. ประโยคที่ว่า... كِتَابَ اللّهِ عَلَيْكُمْ ...ในบัญญัตินั้นอธิบายได้ว่า,มันจึงเป็นบัญญัติของ อัลลอฮ์ ซึ่งมีต่อพวกเจ้า, ซึ่งหมายความว่า, ข้อห้ามข้ออนุมัติให้ปฏิบัติ สำหรับมุสลิมจำเป็นที่จะต้องยึดถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด,ดังนั้นจงยึดมั่นอยู่กับหลักบัญญัติในอัลกุรอาน,หนังสือของพระองค์,อย่าฝ่าฝืนและล่วงละเมิดขอบเขตที่พระองค์ทรงกำหนดไว้,และจงยึดมั่นกับบัญญัติของพระองค์อย่างเคร่งครัด

3. ประโยคที่ว่า “ในฐานะเป็นผู้สมรส ไม่ใช่ในฐานะผู้ทำผิดประเวณี”   ข้อนี้ชัดเจนที่สุด ที่แสดงให้เห็นว่า เจ้าของผู้เป็นนายของ ทาสหญิงหรือเชลยศึกหญิง ไม่อาจจะ ร่วมสัมพันธ์ทางเพศกับ นาง ได้ ไม่ว่า จะด้วยการสมยอมของนาง หรือ ถูกบังคับ ข่มขืนกระทำชำเรา โดยที่นางไม่มีทางต่อสู้ หรือ ด้วยความหวาดกลัวก็ตาม, ตามบัญญัติของอัลลอฮ์์ ตามข้อ 2 เป็นสิ่งที่มุสลิมทั้งหญิงชายจะต้องสังวรณ์และจดจำไว้ในหัวใจ

การที่จะเข้าใจอัลกุรอาน บัญญัติที่ 4:24ได้อย่างถูกต้องจะต้องอ่านให้ตลอดทุกๆบัญญัติในบทเดียวกัน และดูความสัมพันธ์ของเรื่องเดียวกันในแต่ละบัญญัติ จะทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ถ้ามุสลิมไม่ยอมศึกษาอัลกุรอานและหาความเข้าใจด้วยตัวเองแล้ว มุสลิมจะตกเป็นเหยื่อของผู้หลอกลวงโดยการอ้างอิงอัลกุรอาน ให้มุสลิมหลงทางไปจากการสอนของอัลลอฮ์  ถ้ามุสลิมผู้ที่ไม่เคยทำความเข้าใจอัลกุรอานด้วยการหาความจริงจากอัลกุรอานเพื่อความรู้ของศาสนาของเราแล้ว ก็ควรที่จะเริ่มต้น ศึกษาได้ตั้งแต่วันนี้ไป ในเดือนรอมฏอนนี้ อัลลอฺฮ์พระองค์เองจะช่วยอธิบายให้เราเข้าใจได้เอง.

อัลกุรอานบัญญัติ ที่ 4:24 นี้ เป็นบัญญัติที่ผู้ที่ไม่หวังดีต่อศาสนาอิสลามและหลักการของศาสนาอิสลาม นำเอาไปสอนและอธิบาย อ้างอิงว่า “อัลกุรอาน อนุมัติให้ชายมุสลิมมีเพศสัมพันธ์ กับ “ทาสหญิงหรือเชลยศึกหญิงที่จับมาจากการชนะสงคราม” ได้โดยไม่ต้องแต่งงาน หรือ มีการนิกะห์ ตามหลักการของศาสนาอิสลาม, หรือ กล่าวตามกฏหมายการสงครามก็คือ อนุมัติให้มี “การข่มขืนกระทำชำเรา ทาสหญิงหรือเชลยศึกหญิงที่จับมาได้ในสงคราม” ได้นั้นเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่