เสน่ห์นาคา Nc

กระทู้สนทนา


เสน่ห์นาคา ความเดิมจากภาคที่ แล้ว

บทที่ ๒๓ คู่หมั้นตัวน้อย

๑๐ ปี ผ่านไป

    ครอบครัวของพัทติยะและครอบครัวของชยะวรมันนัดกันมาเที่ยวทะเล ซึ่งการนัดพบปะกันของทั้งสองครอบครัวจะมีขึ้นทุกๆ สามเดือน ซึ่งเป็นอย่างนี้เรื่อยมานับสิบปีแล้ว
    การพบกันนอกจากจะทำให้สนมสนมผูกพัน ยังมีจุดประสงค์อีกอย่างคือ ให้ลูกของทั้งสองฝ่าย ซึ่งเป็นคู่หมั้นคู่หมายได้รักและห่วงใยกัน
ทว่า ดูเหมือนความฝันของพวกเขายังไกลห่างความจริง เพราะสายน้ำ หรือ ลูกโซ่ ซึ่งเป็นโอรสของพัทติยะและพันทราเทวี ไม่ชอบให้ใครบังคับ จึงพยายามต่อต้านการหมั้นหมายของเขากับมัทนา ..ซึ่งเป็นธิดาของชยะวรมันกับอัปสร

“ลูกโซ่”พัทติยะเรียกก่อนจะออกคำสั่ง “ตามไปดูน้องมัทหน่อย”
“ครับ ท่านพ่อ”สายน้ำเดินออกมาด้วยอาการเซ็งๆ เบื่อผู้หญิงที่ไม่เก่งอะไรสักอย่าง นอกจากร้องไห้ เจ้าน้ำตา ..เขาไม่ชอบผู้หญิงอ่อนแอ แต่ทำไมต้องมาเจอคู่หมั้นตามแบบที่ตัวเองไม่ต้องการ หรือสวรรค์จะกลั่นแกล้งให้เขาต้องทนทุกข์
    สายน้ำมองเด็กหญิงวัยห้าขวบซึ่งอ่อนกว่าเขาห้าปี แล้วถอนหายใจ

“พี่โซ่ พี่โซ่ มาเล่นก่อปราสาททรายด้วยกันไหมคะ”มัทนาหันมาเห็นจึงถามขึ้น
“เล่นเป็นเด็กๆ”สายน้ำพูดขึ้นมาลอยๆ
“ก็น้องยังเด็กอยู่นี่ พี่โซ่เองก็ยังเด็ก”มัทนาพูดขณะที่สนใจอยู่กับการก่อกองทราย
“ทำไมแอบหนีมาเล่นคนเดียว มันอันตราย”เขาบ่นน้อยๆ ขณะที่เดินเข้าไปใกล้มากขึ้น
“ก็น้องชวนพี่โซ่แล้ว แต่พี่โซ่ไม่ยอมมา”เธอชี้แจง
“พี่เลี้ยงออกเยอะแยะ ทำไมไม่ชวน”สายน้ำถามอย่างหงุดหงิดใจที่ต้องตามมาดูแล
“ก็น้องอยากได้เพื่อนเล่นวัยเดียวกันนี่ ผู้ใหญ่ไม่เข้าใจเด็กๆ เท่ากับเด็กด้วยกัน”มัทนากล่าว
“รู้ได้ไงว่าว่าพี่จะเข้าใจมากกว่า”เขาไม่พูดเปล่า ใช้เท้าเตะปราสาทของเธอพัง
“พี่โซ่”มัทนามองปราสาทที่พังไปด้วยความเสียใจ เธออุตส่าห์นั่งก่อมันขึ้นมา แต่เขากลับทำลายเพียงชั่วพริบตา “ปราสาทของน้อง”
    มัทนาน้ำตาไหล เสียใจเมื่อสิ่งที่ตัวเองสร้าง ถูกทำลายไปต่อหน้าต่อตา
“อะไรกัน แค่นี้ก็ร้องไห้ อย่าขี้แยได้ไหม พี่ไม่ชอบ”สายน้ำไม่พอใจ
    มัทนาเช็ดน้ำตา พร้อมทั้งพยายามจะกลั้นอาการสะอื้น ทว่า น้ำตากลับหยดลงมาอย่างไม่สามารถห้ามได้
“บ้าจริง”เขาเมินหน้า ไม่อยากมองน้ำตาใคร เพราะมันจะทำให้ใจอ่อน
“เลิกร้องได้แล้ว”สายน้ำเดินจากไป แต่เพียงไม่กี่อึดใจก็หันกลับมา และได้เห็นมัทนาเช็ดน้ำตาครั้งแล้วครั้งเล่า สายตาเธอมองปราสาทอย่างเสียดาย
“ให้มันได้อย่างนี้”เขาเดินกลับมา จากนั้นก็นั่งลงก่อปราสาทให้

“พี่โซ่จะช่วยน้องก่อปราสาทเหรอคะ”มัทนาถามทั้งน้ำตา
“แล้วเห็นพี่ทำอะไรอยู่ล่ะ”สายน้ำถาม ขณะที่ใช้มือกวาดทรายเข้ามากองไว้
“พี่โซ่ใจดีที่สุดเลย”สาวน้อยยิ้มให้
“เหอะ!”เขาส่ายหน้า ราวกับจะต่อว่ามัทนา ‘เจ็บแล้วไม่จำ’
“โตขึ้นขอให้โง่อย่างนี้ตลอดไปเหอะ ผู้ชายคงชอบ”สายน้ำพูด “เมื่อถึงเวลาก็ขอให้แต่งงานไปกับคนอื่นซะ พี่จะได้ไม่ต้องทุกข์กับผู้หญิงแบบนี้”
“พี่โซ่ว่าน้องโง่เหรอคะ”มัทนาถามด้วยแววตาใสซื่อ น่ารักน่าหยิก
    สายน้ำหันมา และได้พบดวงตากลมโตที่มองเขาตาแป๋ว นั่นเองที่ทำให้เขาใจสั่นๆ อย่างบอกไม่ถูก
“ก็ ..”สายน้ำเหมือนคนพูดไม่เป็น
“น้องไม่โง่นะคะ”มัทนาแก้ต่างให้ตัวเอง
“น่าเบื่อ น่ารำคาญ”พูดจบเขาก็ลุกขึ้น แล้วเดินจากไป โดยไม่หันกลับมามองอีก
“ทำไมพี่โซ่ต้องทำให้น้องเสียใจตลอดเลย”เธอพูดกับตัวเอง ก่อนจะตั้งหน้าก่อกองทรายที่เขาก่อค้างไว้ให้เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น
*¬¬¬¬¬__________________________________________*
    พันทราเทวียืนมองเหตุการณ์ระหว่างลูกชายกับคู่หมั้นตัวน้อยแล้วก็เหนื่อยใจ ไม่อยากคิดว่าอนาคตของทั้งคู่จะเป็นอย่างไร หากโตขึ้นแล้วต้องแต่งงานกัน
“มองอะไรอยู่”พัทติยะเดินเข้ามาสมทบ สายตามองตามไปยังจุดที่พันทราเทวีมอง
“ลูกเราเอานิสัยคุณมาหมดเลยจริงๆ ทั้งปากร้าย เอาแต่ใจ ฉันยังกลัวอยู่เลยว่าลูกมัทจะเอาเขาไว้ได้ไหม”นางถอนหายใจออกมา
“ผู้หญิงแบบลูกมัทนี่ล่ะ ที่มัดใจลูกชายเราได้”พัทติยะเข้าใจลูกชายตัวเองดี
“ส่วนลูกมัทก็ได้นิสัยอัปสราและเสด็จพี่มา เลยไม่มีพิษสงใดๆ ที่จะขับเขี้ยวกับลูกเรา”พันทราเทวีเห็นแล้วว่าคงต้องลุ้นกันเหนื่อย สำหรับความรักของคู่นี้

“คุยอะไรกันอยู่คะ”เสียงของอัปสรดังมาแต่ไกล
“พี่กำลังยืนมองลูกๆ อยู่”พันทราเทวีหันกลับมามองอัปสรกับชยะวรมันที่เดินเข้ามาสมทบ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”อัปสรมองไปเห็นลูกสาวตัวเองนั่งก่อกองทรายอยู่ตามลำพัง ขณะที่สายน้ำกำลังเดินกลับเข้ามาด้วยสีหน้าบึ้งตึง

    เมื่อเห็นผู้ใหญ่ยืนมองมา เขาก็พยายามปรับสีหน้าให้ดีขึ้น
“ลูกขอขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะครับ”สายน้ำบอก
“จ้ะ”อัปสรยิ้มให้ เพราะรู้ดีว่าเขาคงผิดใจกับมัทนามาอีกแล้ว แต่ก็ไม่ได้ถือสา จึงไม่อยากให้สายน้ำไม่สบายใจ หากผู้ใหญ่เข้าไปยุ่งเรื่องของเด็กๆ มากจนเกินไป

*¬¬¬¬¬__________________________________________*

    เมื่อถึงเวลาอาหารเย็นทุกคนได้รวมกันที่โต๊ะอาหาร ซึ่งเป็นลานกลางแจ้ง สามารถเห็นบรรยากาศของทะเลยามเย็น
“ตอนนี้ก็อยู่พร้อมหน้ากันแล้ว”พันทราเทวีมองไปยังลูกชายตัวเองก่อนจะพูด “มีเรื่องของลูกโซ่ที่อยากจะบอกให้เสด็จพี่กับอัปสรารู้”
“ ..”ชยะวรมันและอัปสรหันมองกันอย่างสงสัย ก่อนจะหันไปมองพันทราเทวีอย่างตั้งใจฟัง
“คือ ..เราคิดว่าจะส่งลูกโซ่ไปเรียนต่อที่อเมริกา”พันทราเทวีมองพัทติยะก่อนจะพูด “ก็เลยอยากจะถามความเห็นเสด็จพี่กับอัปสรา ว่าจะคิดเห็นเช่นไร”
“พี่ว่าเป็นความคิดที่ดีทีเดียว เพราะลูกโซ่เป็นผู้ชาย อีกทั้งเฉลียวฉลาด ทันคน แล้วอนาคตยังต้องเข้ามาบริหารธุรกิจอีก พี่คิดว่าเขาสมควรจะไป”ชยะวรมันสนับสนุน
“แต่น้องยังเกรงว่า ประเทศเสรีอย่างอเมริกา จะทำให้ลูกโซ่ปีกกล้าขาแข็ง แล้วเรื่องหมั้นหมายระหว่างลูกมัทจะมีปัญหา”พันทราเทวีกังวลล่วงหน้า
“น้องอย่าห่วงไปเลย หากลูกโซ่กับลูกมัทเกิดมาเพื่อคู่กัน อย่างไรก็คงหนีกันไม่พ้น แต่หากทั้งสองไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นเนื้อคู่ ต่อให้เราจับพวกเขามัดร่วมหอ ก็ไม่เป็นผล”ชยะวรมันมั่นใจในเรื่องบุพเพสันนิวาส และพรหมลิขิต

“เอาอย่างนี้ดีไหม หากโตขึ้นแล้วลูกโซ่พบใครอื่นที่ถูกใจ เรื่องหมั้นหมายกับลูกมัทก็ให้ยกเลิกไป”อัปสรเสนอ
“อืม ..แบบนั้นก็ดีเหมือนกัน”ชยะวรมันเห็นด้วย
“แต่ว่า ..”พันทราเทวีมองไปยังมัทนาที่กำลังทานอาหาร ด้วยความรักความเอ็นดู “ก็ได้ ถ้าถึงเวลานั้นแล้วลูกโซ่และลูกมัทไม่ได้รักกัน เรื่องหมั้นหมายก็สามารถยกเลิกได้”
“ดีใจไหมลูกมัท ถ้าไม่ต้องแต่งงานกับพี่โซ่”พัทติยะหันมาถามมัทนา ซึ่งเขารักเหมือนลูก
“ค่า”สาวน้อยไม่ได้ตั้งใจฟัง จึงขานรับไปอย่างนั้น
“เหอะ!”สายน้ำมองมัทนาอย่างเจ็บใจ “ใครเขาอยากแต่งงานกับตัว”
    เขาเลื่อนจานออกห่าง จากนั้นก็ลุกจากเก้าอี้
“ลูกอิ่มแล้ว”พูดจบสายน้ำก็เดินเข้าไปในตัวบ้านด้วยความหงุดหงิดใจ
    นั่นเองที่ทำให้พวกผู้ใหญ่มองกันอย่างมีความหวัง เพราะจากท่าทางหงุดหงิดของสายน้ำ แสดงให้เห็นว่าไม่พอใจเท่าไหร่ หากการหมั้นต้องยกเลิก

*¬¬¬¬¬__________________________________________*

โปรดติดตามต่อ ภาค ๓
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่