เสน่ห์นาคา ภาค 2 ตอนที่ 2 ดอกไม้นำทาง (Nc+)

กระทู้สนทนา
ลิงค์ ตอนที่ 1 http://pantip.com/topic/31782811



Chapter 2 ดอกไม้นำทาง

    ชยะวรมันขับรถมาส่งพันทราเทวีที่คฤหาสน์ของนาง และเมื่อเห็นว่าเป็นเวลาสามทุ่มแล้วเขาจึงทำเพียงแค่ลงจากรถแล้วยืนมองจนนางเดินเข้าตัวคฤหาสน์ จากนั้นเขาจึงกลับเข้ามาในรถแล้วขับออกไป
    ขณะที่กำลังจะเดินขึ้นบันได พันทราเทวีก็รู้สึกเหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่าง ทำให้นางเดินไปยังห้องรับแขก
    เมื่อได้เห็นว่าใครนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก พันทราเทวีก็ใจเต้นแรง ทั้งรู้สึกแปลกใจและตกใจในเวลาเดียวกัน
“พัทติยะ”นางอุทาน สายตามองไปตรงไปที่เขา
“ตกใจมากเหรอ แพทตี้”พัทติยะลุกจากโซฟาและมาเผชิญหน้ากับพันทราเทวีอย่างรวดเร็ว ราวกับสายลมที่พลิ้วไหว
“คุณ ..”นางแทบตั้งสติไม่ทันกับการได้เจอกัน
“ทำไม กลัวสามีอย่างผมจะจับได้เหรอว่าคุณไประเริงรักกับชู้มา”เขาเริ่มจิกกัดทันทีที่ได้เจอหน้ากัน

“คุณไม่ใช่สามีฉัน”พันทราเทวีกล่าวชัดถ้อยชัดคำ
“ออ แปลว่าลืมไปแล้วว่าเราเป็นอะไรกัน สงสัยผมคงไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเองเสียนาน”พัทติยะมองสบตานางนิ่งนาน ริมฝีปากมีรอยยิ้มน้อยๆ
    พันทราเทวีหลบสายตา ไม่อยากมองใบหน้าและรอยยิ้มนั้น ยังไม่อยากกลับไปหวั่นไหวจากความอ่อนแอของตัวเอง
“มาทางไหนก็กลับไปทางนั้น”นางไล่ส่งก่อนจะหันหลังแล้วเดินจากไป แต่มีหรือคนมือไวจะยอมให้จากไปง่ายๆ
    พัทติยะสีหน้ากลับมาเคร่งขรึมอีกครั้ง เมื่อพันทราเทวีเมินใส่ มือของเขาจับมือนางแล้วดึงกลับเข้ามากอดไว้
“เดี๋ยวนี้กล้าไล่เหรอ ทีเมื่อก่อนอ้อนวอนให้อยู่ด้วย ไม่ให้ทิ้งไปไหนไง ทำไมตอนนี้ถึงไล่.. หรือว่า ..สามีใหม่ถึงใจกว่า”พัทติยะถาม
“อย่ามาหยาบคายกับฉัน”พันทราเทวีบอกขณะที่พยายามดิ้นรนออกจากอ้อมกอดของเขา
“ทำไม ทนฟังความจริงไม่ได้หรือไง”พัทติยะรู้สึกเจ็บใจจนอยากจะบีบขย่ำคนตัวเล็กในอ้อมแขนให้แหลกคามือ แต่ที่ทำได้คือ กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นจนร่างกายแทบทุกส่วนของนางแนบสนิทกับร่างของเขา
“ปล่อย”พันทราเทวีพยายามผลักไส และดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากอ้อมแขนที่กระชับแน่นนั้น
“อย่าเล่นตัวนักเลย ของเคยๆ ยังจะทำเป็นไม่เคยไปได้”พัทติยะก้มลงมาสูดดมความหอมตรงซอกคอของนาง
“ฉันบอกให้ปล่อยไง”พันทราเทวีกล่าวขณะที่พยายามเอาตัวออกห่างจากเขา
“อย่าทำกับฉันอย่างนี้ ..ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”นางบอกอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมหยุดการรุกราน
    พัทติยะเงยหน้าขึ้นมาจากซากคอสาวเจ้า แล้วมองสบตาอย่างท้าทาย

“ทำไม จะฆ่าผมหรือไง”เขาถาม
“ฉันสั่งให้ปล่อย คุณก็ต้องปล่อย”พันทราเทวีไม่ตอบ แต่กลับบอกในสิ่งที่ตนต้องการ
“ไม่ปล่อย จะทำไม”พัทติยะยังคงอยากลองดี จึงก้มลงมาจูบที่ริมฝีปากนาง
“อุ๊บ!”พันทราเทวีพยายามเบี่ยงหน้าหนี แต่อีกฝ่ายก็ตามรุกไม่ปล่อย
    สายตานางมองไปเห็นแจกันที่วางอยู่ไม่ไกล จึงยื่นมือไปหยิบ จากนั้นก็ผลักพัทติยะสุดแรง เพื่อให้ห่างออกไปในระยะที่สามารถฟาดแจกันลงไปบนศีรษะเขาพอดี
“เพร้ง!”เสียงแจกันแตกกระจายเมื่อกระแทกเข้ากับจุดสำคัญของใครบางคน
“โอ้ย!”เสียงพัทติยะร้องด้วยความเจ็บปวดพร้อมมือที่ยกขึ้นกุมบริเวณหน้าผาก ซึ่งตอนนี้มีเลือดไหลหยดเป็นทาง

“พัทติยะ”พันทราเทวีตกใจ ไม่คิดว่าจะฟาดแรงจนเขาเลือดตก
“ฉัน ..”นางรีบเดินเข้ามาพยุงเขาไปนั่งบนโซฟา แต่โดนเขาสะบัดมือ ไม่ยอมให้ช่วยพยุง
    เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่อยากให้ยุ่ง พันทราเทวีจึงถอยออกมาเพื่อรักษาระยะห่างไว้
“ฉันเตือนคุณแล้ว ..แต่ไม่ฟังเอง เจอแบบนี้ก็สมน้ำหน้า”ท่าทีเป็นห่วงเมื่อครู่หายไป เหลือไว้แค่ความเย็นชาเช่นเดิม
    พัทติยะมานั่งบนโซฟา แล้วเงยขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความน้อยใจ
“นี่ไม่คิดจะสำนึกผิดเลยหรือไง”เขาถาม
“ฉันผิดตรงไหน นี่ก็บ้านฉัน คุณเป็นผู้บุกรุก แถมยังทำรุ่มร่ามกับฉันอีก ..เจอแค่นี้ยังน้อยไป”น้ำเสียงและสีหน้าของพันทราเทวีราบเรียบจนพัทติยะใจหาย นางทำราวกับเขาไม่มีความสำคัญใด หรือตอนนี้ใจนางแปรเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
    สีหน้าของพัทติยะเศร้าลงทันตาเห็น เขานิ่ง เงียบ ไม่โต้แย้งใดๆ ในใจกำลังคิดใคร่ครวญระดับความสำคัญของตัวเองที่มีต่อนาง
    อาการนิ่งเงียบของเขานั่นเองที่ทำให้พันทราเทวีอดสงสารไม่ได้
“รอเดี๋ยวนะ ฉันจะเอายามาใส่แผลให้”นางบอก
    พัทติยะยังคงนั่งเงียบ ไม่ปฏิกิริยาใด รู้สึกเจ็บราวกับนางกระชากหัวใจออกมาขยี้

    เมื่อเดินกลับมาพร้อมกระเป๋ายาสามัญประจำบ้าน พันทราเทวีก็วางกระเป๋ายาลงบนโต๊ะ ส่วนตัวเองก็นั่งลงบนโซฟาเดียวกับเขา
    พัทติยะยังคงนั่งนิ่งราวโดนสาป ไม่มีการเคลื่อนไหว ไร้การขยับกาย
“แผลสมานแล้ว”พันทราเทวีมองบาดแผลของเขาที่ค่อยๆ จางหายไป
“ในเมื่อไม่มีแผลแล้ว งั้นฉันเช็ดเลือดให้ก็แล้วกัน”นางบอกพร้อมทั้งหยิบสำลีมาชุบน้ำยาล้างแผลเพื่อเช็ดคราบเลือดบนหน้าผากเขา
“แผลภายนอกอาจจะหายแล้ว แต่ตอนนี้ ..ใจผมต่างหากที่มีแผล”พัทติยะพูดขึ้นลอยๆ แต่สามารถทำให้พันทราเทวีถึงกับชะงักมือที่กำลังเช็ดคราบเลือดให้เขา ความรู้สึกที่มีในตอนนี้ ไม่ต่างกันเลย
“แผลในใจคุณแค่เพิ่งเริ่ม แต่แผลในใจฉัน ..กำลังจะตกสะเก็ด”นางพูดให้เขาได้ตระหนักว่าการที่ถูกความรักเล่นงาน รู้สึกเช่นไร
    พัทติยะหันมามองพันทราเทวี ราวกับจะมองลึกให้ถึงใจที่เคยบอบช้ำดวงนั้น
“คุณเองที่เป็นฝ่ายทิ้งฉันไป แล้วทำไมตอนนี้ถึงกลับมายุ่งเกี่ยวกับชีวิตฉันอีก”นางถาม
“นั่นซิ ทำไม ..ผมเองก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน”เขามองพันทราเทวีเนิ่นนานก่อนจะลุกขึ้น แล้วเดินจากไปอย่างเงียบๆ

*¬¬¬¬¬__________________________________________*

    ปักษะหันไปเห็นผู้เป็นเหนือหัวที่เดินเข้ามาในตัวบ้านในสภาพเลือดเปื้อนเสื้อก็รู้สึกตกใจ จึงรีบเข้ามาถาม
“เกิดอะไรขึ้นหรือฝ่าบาท”ปักษะน้ำเสียงเป็นห่วง
“ไม่มีอะไร”พัทติยะตอบขณะที่ถอดเสื้อสูทออก แต่เท้ายังคงเดินต่อไป
“แต่เลือดพวกนี้”ปักษะยังไม่วายซักถาม
“ข้าต้องการอยู่คนเดียวเงียบๆ”พัทติยะตัดบท แล้วเดินขึ้นไปชั้นบนบ้าน
    บอดีการ์ดคนสนิทอย่างปักษะจึงได้แต่หยุดนิ่ง สายตามองตามเจ้านายที่ดูท่าทางซึมๆ เศร้าๆ ราวกับมีเรื่องบางอย่างทุกข์ใจ
“หรือจะโดนพวกฝ่ายใต้เล่นงาน”ปักษะคาดเดา
“แต่จะเป็นไปได้อย่างไร ไม่มีใครรู้ว่าพระองค์เสด็จกลับมาเมืองไทยเสียหน่อย”เมื่อเห็นว่าคิดไปก็ไม่ได้คำตอบ เขาจึงส่ายหน้าให้ตัวเองก่อนจะเดินไปจากตรงนั้น

*¬¬¬¬¬__________________________________________*
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่