6 เดือนกับ 20 กิโลที่หายไป... ผมทำได้ คุณก็ทำได้!! ด้วยยาลดน้ำหนักแสนวิเศษ!! (เฮ่ยๆๆ!?!)

…..สวัสดีครับ.....ยิ้ม
     จั่วหัวขนาดนี้อย่าพึ่งกด Report กระทู้นี้นะคร้าบบ ><” ขอโอกาสลองอ่านไปเรื่อยๆก่อนนะครับ แล้วจะรู้ว่ายาลดน้ำหนักของผมไม่ได้เหมือนที่ขายกันตามตลาดโซเชียล... กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของผมบนพันทิป ผิดถูกอย่างไรติติงได้ตลอดเวลาเลยนะครับผม ^^ สาเหตุที่คิดจะตั้งกระทู้ขึ้นมาเพราะ ช่วงนี้ กระแสการลดน้ำหนักมาแรงมาก เห็นได้จากคนเล่น T25 เยอะมากขึ้น และมีคนมารีวิวการลดน้ำหนักตามสไตล์ของตนเองบ่อยๆในพันทิป ซึ่งผมก็เข้ามาแอบดูหลายๆกระทู้ จึงอยากเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจ ให้ใครที่คิดจะเริ่มหรือกำลังลดน้ำหนักลดไขมัน สู้ต่อไปจนถึงวันที่เราบรรลุเป้าหมายตามแต่จะตั้งกันไว้นะครับ...
     ก่อนอื่นขอแนะนำตัวเอง ด้วยภาพผมเองสมัยตอนขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของชีวิต (ด้านน้ำหนัก -..-“ )

…..”มนุษย์หมู” ตนนี้มีที่มาอย่างไร.....
    ด้วยความที่ว่า ผมทำงานเป็นพนักงานบริษัททั่วไป อายุเบญจเพศ และบริษัทที่ผมทำงานตั้งอยู่ติดกับห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ทำให้อุปสรรคในการลิ้มรสของอร่อยนั้นไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด (ผมไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยวกลางคืน ปัญหาอย่างเดียวคือเงินไม่ค่อยมี ฮ่าๆๆ) ทำให้ตลอดระยะเวลากว่า 3 ปีที่ผ่านมา ผมมีความสุขกับการรับประทานมากๆ เรียกได้ว่า บุฟเฟ่ต์แทบจะทุกอาทิตย์ และด้วยงานที่ค่อนข้างหนัก ทำให้ไม่มีเวลาออกกำลังกาย (เป็นข้ออ้างที่ผมคิดขึ้นมาเอง เพราะขี้เกียจ ><”) วันๆก็นั่งโต๊ะพิมพ์คอม ออกไปประชุมกับลูกค้าบ้าง แต่ก็ขับรถส่วนตัวไป พูดง่ายๆว่า แทบไม่ได้ใช้พลังงานอะไรเลย ซ้ำยังทานพลังงานเข้าไป 2 เท่าต่อวันเกือบทุกวัน อย่างเช่น มื้อเที่ยง อาหารจานหลักเสร็จ ต้องต่อด้วยขนม จะเครป โตเกียว น้ำปั่น และอื่นๆอีกมากมาย มื้อเย็นก็หาบุฟเฟ่ต์อร่อยๆทานกับเพื่อนที่ทำงาน จึงไม่แปลกที่น้ำหนักจะขึ้นไปเรื่อยๆ จนวันนึง ผมรู้สึกว่าทำไมกางเกงที่ใส่ถึงอึดอัดจัง… (จริงๆเปลี่ยนมาแล้ว 2 ไซส์) ก็เลยไปลองชั่งน้ำหนักดู... ผลออกมาก็ตะลึงตึงๆ... “99.8 Kg” โอ้วว มาย ก๊าดด !! จำได้ว่าเรียนจบใหม่ๆ ยังแค่ 80 ต้นๆเองอ่ะ T___T
หลังจากนั้นก็เริ่มมีฉายาให้กับผมแปลกๆใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น “น้องกลิ้ง” “รถไถ” และที่ชอบที่สุด... “น้องเงาะโรงเรียน” ทำไมน่ะหรอ??.. ก็เพราะคนมักจะถามว่า “กี่โลร้อยจ๊ะ…” ฮ่าๆๆๆ ผมชอบนะ แต่ตอนนั้นก็หัวเราะเขิลๆไปว่า 3 โลกั๊บ.. 1 โลกั๊บ.. 2 ขีดกั๊บ.. (เสียงค่อยๆเบาลงเรื่อยๆ) จนตอนนี้แหล่ะครับ ผมเริ่มจะตระหนักถึงหลายๆอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในร่างกาย สิ่งที่คนอ้วนอย่างผมและอีกหลายๆคนมักจะเจอก็คือ...
1.    เสื้อผ้า... เสื้อผ้าที่เห็นในรูปข้างบน เล็กสุด XL นะครับ อย่างเสื้อสีดำนี่ ไป XXL เลย กางเกงเคย Peak สุดคือ เอว 44!! ด้วยความที่ว่าเบื่อกับการที่ต้องมาเปลี่ยนไซส์ เลยซื้อเผื่อเลย!! (ยังไม่รู้สึกตัว ฮ่าๆๆ) และผมทำกางเกงขาดบ่อยมาก ด้วยความที่เป็นคนขาใหญ่ กันใหญ่ รวมกับความอ้วน ทำให้มันเทอะทะไปหมด นั่งผิดท่าบางทีก็ แขว่ก!! น้องชายออกมารับลมซะงั้น... -__-“
2.    ขี้ร้อน... คนอ้วนส่วนใหญ่จะขี้ร้อน ผมโดยพื้นฐานเป็นคนขี้ร้อนอยู่แล้ว เหงื่อออกง่าย อะไรนิดอะไรหน่อยก็ร้อน ยิ่งมาอ้วนขนาดนี้ โอ้โห...คูณ 2 เลยครับ เรียกได้ว่าเสื้อนี่ซกๆถ้าต้องเดินตากแดดซัก 5 นาที... ซึ่งเรื่องพวกนี้มันก็จะมาพร้อมกับกลิ่นกายอันไม่พึงประสงค์ และอาชีพของผมเป็นอาชีพที่ต้องติดต่อลูกค้า ทำให้เรื่องพวกนี้ค่อนข้างสำคัญมาก
3.    เหนื่อยง่าย... เนื่องจากต้องแบกรับร่างกายเกือบ 100 กิโล ทำให้การจะทำอะไรแต่อย่างมันเหนื่อยจนรู้สึกไม่อยากจะทำอะไรเลย แค่กวาดบ้าน เช็ดบ้านนี่ก็หอบแล้วครับ... *0*”

     และอื่นๆอีกมากมาย เช่น อาการเจ็บป่วยๆออดๆแอ่กๆ ปวดเมื่อยต่างๆ การหายใจที่ดูจะเร็วกว่าปกติ เงินทองที่ต้องไปประเคนให้กับอาหารซึงอุดมด้วยไขมัน ฮ่าๆ...
     หลังจากประสบพบเจอเรื่องต่างๆนาๆมา ผมก็เริ่มนึกในใจ “มันถึงเวลาแล้ว... ที่เราต้องทำอะไรซักอย่าง...”

…..จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง.....
     ผมเริ่มศึกษาว่า จะทำยังไงถึงจะสามารถลดน้ำหนักได้โดยที่ไม่ล้มเลิกไปซะก่อน ก็ดูจากหลายๆที่ ทั้งในพันทิป Facebook เว็บออกกำลังกายต่างประเทศ สรุปได้ 3 ข้อหลักๆสั้นๆ คือ
1.    เป้าหมาย... การจะทำอะไรซักอย่าง เราต้องกำหนดเป้าหมายให้แน่ชัด และตั้งใจที่จะไปให้ถึงมัน สิ่งที่ตั้งควรเป็นอะไรที่ง่ายๆ แต่ทรงพลัง... บางคนอาจจะตั้ง น้ำหนักต้องลดเท่านี้ๆ กล้ามต้องแบบนี้... แต่สำหรับผม... เป้าหมายของผมสั้นๆครับ... “the New Me” ผมอยากเป็นคนใหม่ คนที่มีสุขภาพดี และแข็งแรง เพราะผมตั้งใจว่า อีก 40 ปีข้างหน้า ผมจะไม่เอาเงินที่ผมลำบากหามาทั้งชีวิตไปให้กับโรงหมอเด็ดขาด ความดัน เบาหวาน ไต หัวใจ ต้องมีสุขภาพที่ดี ผมไม่อยากนอนบนเตียงเพื่อรอให้ลูกหลานมาเยี่ยมครับ และอีกอย่าง ผมกำลังจะไปเรียนต่อต่างประเทศสิ้นปีนี้ ไม่อยากจะขนร่างอ้วนๆขึ้นเครื่องบินไปป่วยที่โน่นครับ
2.    ความรู้... การลดน้ำหนักมีหลายวิธีมากๆๆๆ ผมเองก็ลองผิดลองถูกมาหลายแบบเหมือนกัน เพราะผมไม่เคยเข้าฟิตเนส ไม่เคยมีเทรนเนอร์คอยชี้แนะ อาศัยศึกษาจากคนที่เข้าประสบความสำเร็จ แล้วมาปรับให้เข้ากับตัวเรา
3.    วินัย... เป็นอะไรที่ยากมากที่สุดใน 3 ข้อนี้ เพราะทุกวันนี้ เรามีสิ่งยั่วยุมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเฟรนฟรายด์ลด 50%... ไอศครีมซื้อ 1 แถม 1... หรือเหล่าเพื่อนๆตัวผอม(บางคนก็อ้วน) ที่อัพรูปอาหารชั้นเลิศกันอย่างไม่ขาดสาย... วินัยเป็นตัววัดว่าเราจะสามารถไปถึงเป้าหมายของเราได้จริงๆหรือไม่

.....ว่ากันด้วยเรื่องของ”ยาลดน้ำหนักแสนวิเศษ”.....
    จากที่ได้จั่วหัวไปเรื่องนี้ หลายคนที่อาจจะอ่านแต่หัวข้อก็คงคิดว่า... มาอีกละ พวกขายยาลดน้ำหนัก... พวกหวังทางลัด... ผมอยากจะขอสาบานตรงนี้เลยว่า ตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา ผมไม่เคยแตะอาหารเสริมเคมีแม้แต่ชนิดเดียว (เพราะมันแพง) แล้วถ้าอย่างงั้น... อะไรคือ”ยาลดน้ำหนัก”ของผมกันล่ะ ผมมียาดี 3 ขนานที่หลายๆคนคงทราบดีอยู่แล้วมาแบ่งปันครับ ไปดูข้างล่างกันเล้ย!!...


1.    ยาขนานแรก ชื่อว่า “ออกกำลังกายทลายไขมัน” ...
เวลาทาน : ทานทุกวันจันทร์ – ศุกร์ครับ วันละ 2 เวลา เช้าๆ กับ เย็น
ออกฤทธิ์ : ทำให้ใจเต้นแรง เหงื่อโทรมกาย ปวดเมื่อยในช่วงแรก
     ในช่วงแรกของผม ผมเริ่มจากออกกำลังกายเบาๆ เช่น การเดินเร็วๆ การแกว่งแขน หรือไม่ก็พยายามเคลื่อนไหวร่างกายมากขึ้น จนทำไปได้ซักอาทิตย์ เริ่มรู้สึกว่าไม่ทันใจ เลยซื้อรองเท้าวิ่งมาวิ่งดู... สรุป ขาเดี้ยงครับ เนื่องจากข้อเข่าไม่เคยชินกับการรับแรงกระแทกระดับเกือบ 100 กิโล ก็เลยหาข้อมูลว่า ตอนที่อ้วนมากๆ ให้เลือกการออกกำลังกายที่แรงกระแทกน้อยๆ เช่น ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เป็นต้น เอาน่ะ ลงทุนหน่อย ก็เลยได้เครี่องปั่นจักรยานติดบ้านไว้ 1 เครื่อง สำหรับทั้งบ้าน ก็ค่อยๆเริ่มปั่นจากเบาๆก่อน ปั่นไปเรื่อยๆ ตอนนั้นยังไม่รุ้จัก HIIT จะบอกว่าแค่ 15 นาที เสื้อกางเกงที่ใส่ไม่เหลือความแห้งอยู่ ณ แห่งใด... เต็มไปด้วยเหงื่อ ช่วงแรกผมก็พยายามกัดฟันผ่านไปให้ได้ เชื่อมั้ยครับ แค่ 2 อาทิตย์ ผมรู้สึกแปลกๆ ผมรู้สึกว่าร่างกายมันกระฉับกระเฉงขึ้น รุ้สึกสบายแบบไม่เคยเจอมาก่อน เอาแล้วครับ เริ่มติดใจครับ (ไม่รู้เป็นเพราะอะดีลนาลีนรึเปล่า) ผ่านไปซัก 3 เดือน น้ำหนักลงไป 10 กิโล รู้สึกดีใจมากๆครับ มันเหมือนกับ เราได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะทำได้มาก่อน หลังจากนี้ มันส์ครับ ผมเริ่มโหมมากขึ้น ปั่นอย่างหนักด้วยสูตร HIIT ปั่นวันเว้นวัน มันต้องลงๆ จนร่างกายทรุดไประดับหนึ่ง อาการป่วยเริ่มมา แขนขาเล็กลงแต่ไม่ได้รู้สึกถึงกล้ามเนื้อซักเท่าไหร่ ก็งงๆเหมือนกัน ออกกำลังกายทำไมยังป่วย ทำไมตัวลีบๆแปลกๆ? จึงไปศึกษาเพิ่มเติมว่า มันมีองค์ประกอบหลายอย่างในการออกกำลังกาย ผมจึงเริ่มศึกษาการทำงานเกี่ยวกับกล้ามเนื้อของร่างกาย มัดใหญ่ มัดเล็ก เริ่มมี Weight Training เข้ามาเสริมในเดือนที่ 4 โดยผมซื้อดัมเบลปรับน้ำหนักได้ ข้างละ 10 โล ตอนแรกสุด ผมยกได้แค่ 5 โล คือตกใจตัวเอง คนตัวใหญ่ขนาดนี้ ทำไมมีแรงยกแค่นี้ฟร่ะ!! (ก็ใหญ่เพราะไขมันน่ะนะ) ก็ค่อยๆฝึกมาเรื่อยๆ จน ณ ปัจจุบันยกได้เกิน 10 โลแล้ว ปั่นจักรยานแต่ก่อน 30 นาทีเรียกว่าหายนะระดับมังกร คลานลงจากเครื่อง ตอนนี้ผมสามารถปั่นได้ 45 นาทีด้วย RPM 80+ สลับกับ 50-60 (กึ่งๆ HIIT) ทุกวัน หลังจากศึกษาทุกอย่างมาครบจนหมด ตารางปัจจุบันจะเป็น…
ตอนเช้า - Cardio โดยปั่นจักรยาน 4-5 วัน แล้วแต่วันไหนรู้สึกหมดแรง หรือรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของร่างกายก็พัก
ตอนเย็น – Weight Training ด้วยเล่นสลับกันระหว่าง Upper Body (อก ไหล่ แขน) กับ Lower Body (ขา หลัง ท้อง) วิธีการออกคิดว่าใน Internet น่าจะมีเยอะอยู่แล้ว ต้องจุดนี้ผมคงไม่ได้ลงรายละเอียด เพราะการออกกำลังกาย ต้องปรับให้เข้ากับสภาพร่างกายของเรานะครับ (ส่วนตัวผมเล่นแต่ละ Muscle แค่ 2 ท่า เช่น อกก็มี Compound เป็น Bench Press และมี Isolation เป็น Dumbbell Fly)

เดี๋ยวมาต่อนะครับ ยิ้ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่