แท้ที่จริงแล้วปฏิจจสมุปปบาทคือทฤษฎีวัฒนาการนั่นเอง by หลวงปู่เกษม วัดสามแยก
http://www.youtube.com/watch?v=yVwbRFrCL5s
จากนาทีที่ 1.07.55
(พิมพ์แบบสรุปนะครับไม่ได้ครบทุกคำพูด)
คือสัตว์โลก เริ่มจากอวิชชา จากโง่ เริ่มจากโง่อย่างเดียว จิตที่โง่ ไม่มีความฉลาดเลย อยู่แบบใสสะอาดโง่ ๆ นาน น๊าน แสนนาน หนึ่งนาน คือนานจะนับไม่ได้ สองนานคือน๊านนาน สามนานคือน๊านนาน
จน ร้อยนานก็ไม่ใช่ พันนานก็ไม่ใช่ หมื่นนาน ก็ไม่ใช่ แสนนานโน่น น๊านแสนนาน
แล้วมาคิดว่าเราทำไมอยู่อย่างนี้ เราน่าจะมีอะไรดีขึ้นกว่านี้ คือมีจิตดวงเล็กๆเล็กมาก ดวงจิตดวงนั้นเต็มไปหมด ของคนของสัตว์ เล็กๆหลายๆแสนนานจะคิดครั้งนึง ว่าทำไม่เราอยู่แค่นี้ เราน่าจะมีพลังรอบขึ้น
พลังรอบนี้คือวิญญาณัง คือความรู้
จากอวิชชา นิ่งอยู่ หลายแสนนาน แล้วคิดขค้นจนมีการรู้ คือรู้อยู่น๊านแสนนาน
จนเกิดมานามมีรูป รับรู้ขึ้น น๊านแสนนาน
มีนาม มีรูปนี้ หมายถึงเกิดเป็นสัตว์มีความคิดปรุงแต่งแล้ว
แต่ปราศจากตาหู มีแต่ปากกับรูขี้
สัตว์ประเภทนี้เยอะม๊ากมากๆ อยู่ในที่ต่างๆอยู่ในคนในสัตว์ ตามต้นไม้ ในปาก ซอกไส้ซอกพุง ตามน้ำ น้ำจะสะอาดเท่าไรเอามาเชคก็จะเห็น
น๊านแสนนาน มันก็ปรารถนาตัวให้โตขึ้น ถึงระดับมองเห็นได้ ตาเริ่มมองเห็น เช่นแมลงต่างๆ
น๊านแสนนาน จึงจะตัวใหญ่ๆ อย่างพวกใส้เดือน มีแต่รูกินกับขี้ 2 ทาง แล้วอยู่แบบนี้ น๊านแสนนาน จึงเกิดภาวะคิดขึ้นก็อยากรู้ขึ้น ตาก็ปรากฏ
กว่าตาจะปรากฏ ก็นานแสนนาน เท่าที่พูดก็รอบโลก 3 รอบแล้ว แล้วตาที่โผล่ออกมาเห็นไม่ชัด เห็นแต่ขาวดำ
น๊านแสนนาน กว่าจะเป็นสัตว์ที่มีหู น๊านแสนนาน กว่าจะเป็นสัตว์ที่มีฟัน
น๊านแสนนาน เลื้อยไม่ไหว เห็นเค้าวิ่งอยากวิ่งบ้าง เกิดชาติต่อไปได้อีกนิดนึง เกิดชาติต่อไปได้อีกนิดนึง อยากวิ่งเร็วๆบ้าง
น๊านแสนนาน จึงจะได้อัตภาพแบบนั้น
น๊านแสนนาน จึงเป็นสัวต์ สี 4 ขา 2 ขา แต่ละอันนี่ น๊านแสนนาน
น๊านแสนนาน กว่าจะมีกีบมีนิ้ว เป็นลิง เป็นคน
กว่าจะเป็นคน ที่ไม่ใช่ขี้ข้า น๊านแสนนาน กว่าจะบัญชาการได้
น๊านแสนนาน กว่าจะเป็นคน เกิดเป็นคนใหม่ๆ ก็ไม่สมบูรณ์ ไม่มีแขน พอมีแขน ขาไม่สมบูรณ์ พอแขนขาสมบูรณืก็เป็นดาวน์ซินโรม เป็นอัลไซเมอร์ เป็นสมาธิสั้น
น๊านแสนนาน กว่าจะเป็นมนุษย์ผู้สมบูรณ์
เมื่อนานแสนนาน มันยาก เราไม่ควรประมาท มันจะวกกลับไป
เรารู้วิธีคิดย้อนคืนกระแส ความโลภจะลดลง ความโลภจะขาด ราคะลดลง จะเห็นจิดเดิมที่เป็นอวิชชา
1.24.20 แต่นักวิทยาศาสตร์ก็พูดมาจากจุลินทรีย์เหมือนกัน แต่พระพุทธเจ้าพูดจากจักรวาลแตกแล้วดับ พรหมมาเกิด สัตว์เล็กๆน้อยๆท่านไม่ได้อธิบายไปแล้วแล้วตรงนั้น
ท่านอธิบายว่าเหล่ามนุษย์ที่เคยเกิดทั้งหหลายก็เป็นแบบนั้น ที่มาจากร่างของพรหม ผู้ที่เป็นแบบไดก็จะเป็นแบบนั้น
ไม่มีรายละเอียดลงไปอย่างที่เราพูดนี้ แต่นี้ให้รายละเอียดลงไป เป็นที่พอใจไหม
สรุปว่า ก็วิวัฒนาการเป็นสัตว์ชั้นสูงขึ้นไปเรื่อยๆลองฟังดูครับ
คิดเห็นกันอย่างไรครับ
แท้ที่จริงแล้วปฏิจจสมุปปบาทคือทฤษฎีวัฒนาการนั่นเอง by หลวงปู่เกษม วัดสามแยก
http://www.youtube.com/watch?v=yVwbRFrCL5s
จากนาทีที่ 1.07.55
(พิมพ์แบบสรุปนะครับไม่ได้ครบทุกคำพูด)
คือสัตว์โลก เริ่มจากอวิชชา จากโง่ เริ่มจากโง่อย่างเดียว จิตที่โง่ ไม่มีความฉลาดเลย อยู่แบบใสสะอาดโง่ ๆ นาน น๊าน แสนนาน หนึ่งนาน คือนานจะนับไม่ได้ สองนานคือน๊านนาน สามนานคือน๊านนาน
จน ร้อยนานก็ไม่ใช่ พันนานก็ไม่ใช่ หมื่นนาน ก็ไม่ใช่ แสนนานโน่น น๊านแสนนาน
แล้วมาคิดว่าเราทำไมอยู่อย่างนี้ เราน่าจะมีอะไรดีขึ้นกว่านี้ คือมีจิตดวงเล็กๆเล็กมาก ดวงจิตดวงนั้นเต็มไปหมด ของคนของสัตว์ เล็กๆหลายๆแสนนานจะคิดครั้งนึง ว่าทำไม่เราอยู่แค่นี้ เราน่าจะมีพลังรอบขึ้น
พลังรอบนี้คือวิญญาณัง คือความรู้
จากอวิชชา นิ่งอยู่ หลายแสนนาน แล้วคิดขค้นจนมีการรู้ คือรู้อยู่น๊านแสนนาน
จนเกิดมานามมีรูป รับรู้ขึ้น น๊านแสนนาน
มีนาม มีรูปนี้ หมายถึงเกิดเป็นสัตว์มีความคิดปรุงแต่งแล้ว
แต่ปราศจากตาหู มีแต่ปากกับรูขี้
สัตว์ประเภทนี้เยอะม๊ากมากๆ อยู่ในที่ต่างๆอยู่ในคนในสัตว์ ตามต้นไม้ ในปาก ซอกไส้ซอกพุง ตามน้ำ น้ำจะสะอาดเท่าไรเอามาเชคก็จะเห็น
น๊านแสนนาน มันก็ปรารถนาตัวให้โตขึ้น ถึงระดับมองเห็นได้ ตาเริ่มมองเห็น เช่นแมลงต่างๆ
น๊านแสนนาน จึงจะตัวใหญ่ๆ อย่างพวกใส้เดือน มีแต่รูกินกับขี้ 2 ทาง แล้วอยู่แบบนี้ น๊านแสนนาน จึงเกิดภาวะคิดขึ้นก็อยากรู้ขึ้น ตาก็ปรากฏ
กว่าตาจะปรากฏ ก็นานแสนนาน เท่าที่พูดก็รอบโลก 3 รอบแล้ว แล้วตาที่โผล่ออกมาเห็นไม่ชัด เห็นแต่ขาวดำ
น๊านแสนนาน กว่าจะเป็นสัตว์ที่มีหู น๊านแสนนาน กว่าจะเป็นสัตว์ที่มีฟัน
น๊านแสนนาน เลื้อยไม่ไหว เห็นเค้าวิ่งอยากวิ่งบ้าง เกิดชาติต่อไปได้อีกนิดนึง เกิดชาติต่อไปได้อีกนิดนึง อยากวิ่งเร็วๆบ้าง
น๊านแสนนาน จึงจะได้อัตภาพแบบนั้น
น๊านแสนนาน จึงเป็นสัวต์ สี 4 ขา 2 ขา แต่ละอันนี่ น๊านแสนนาน
น๊านแสนนาน กว่าจะมีกีบมีนิ้ว เป็นลิง เป็นคน
กว่าจะเป็นคน ที่ไม่ใช่ขี้ข้า น๊านแสนนาน กว่าจะบัญชาการได้
น๊านแสนนาน กว่าจะเป็นคน เกิดเป็นคนใหม่ๆ ก็ไม่สมบูรณ์ ไม่มีแขน พอมีแขน ขาไม่สมบูรณ์ พอแขนขาสมบูรณืก็เป็นดาวน์ซินโรม เป็นอัลไซเมอร์ เป็นสมาธิสั้น
น๊านแสนนาน กว่าจะเป็นมนุษย์ผู้สมบูรณ์
เมื่อนานแสนนาน มันยาก เราไม่ควรประมาท มันจะวกกลับไป
เรารู้วิธีคิดย้อนคืนกระแส ความโลภจะลดลง ความโลภจะขาด ราคะลดลง จะเห็นจิดเดิมที่เป็นอวิชชา
1.24.20 แต่นักวิทยาศาสตร์ก็พูดมาจากจุลินทรีย์เหมือนกัน แต่พระพุทธเจ้าพูดจากจักรวาลแตกแล้วดับ พรหมมาเกิด สัตว์เล็กๆน้อยๆท่านไม่ได้อธิบายไปแล้วแล้วตรงนั้น
ท่านอธิบายว่าเหล่ามนุษย์ที่เคยเกิดทั้งหหลายก็เป็นแบบนั้น ที่มาจากร่างของพรหม ผู้ที่เป็นแบบไดก็จะเป็นแบบนั้น
ไม่มีรายละเอียดลงไปอย่างที่เราพูดนี้ แต่นี้ให้รายละเอียดลงไป เป็นที่พอใจไหม
สรุปว่า ก็วิวัฒนาการเป็นสัตว์ชั้นสูงขึ้นไปเรื่อยๆลองฟังดูครับ
คิดเห็นกันอย่างไรครับ