เกิดเป็นลูกผู้หญิง ควรเลือกที่จะเรียนอะไร?

ทุกวันนี้สังคมเรียกร้องให้หญิงเเละชายเท่าเทียมกัน เเต่ในความเป็นจริงเเล้ว มันไม่เคยเป็นไปได้ ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากให้เป็น เเต่เพราะเรื่องจริงคือมันเป็นไปไม่ได้จริงๆ

เเต่โบราณนานมา ผู้ชายจะออกทำงานนอกบ้านเป็นหลัก เพราะร่างกายเเข็งเเรงกว่า ส่วนผู้หญิงจะดูเเลบ้านเรือนเเละอบรมบุตรหลานเป็นหลัก ตั้งเเต่สมัยปู่ย่าตายาย บ้านเราก็เป็นเเบบนี้มาโดยตลอด เเละเมื่อมาถึงรุ่นเรา ก็ยังคงเป็นเเบบนี้ เเต่ที่จะเเตกต่างออกไปบ้าง ก็คงจะเป็นเรื่องที่เราไม่ได้อยู่บ้านเลี้ยงลูกอย่างเดียว ในสังคมที่ต้องดิ้นรนอย่างทุกวันนี้ เราจึงต้องช่วยสามีทำงานสร้างรายได้เพื่อครอบครัว

เเต่ไม่ว่าเราจะทำงานนอกบ้านมากมายสักเท่าไรนั้น การดูเเลบ้านเรือนเเละอบรมบุตรหลาน ก็ยังคงเป็นงานหลักของเราอยู่ดี (มาถึงจุดนี้หลายคนคงเถียงว่า ก็เเล้วทำไมไม่ช่วยกันทำ จริงๆเเล้วก็ช่วยกันทำนั่นเเหละค่ะ เเต่ความเรียบร้อยไม่จำเป็นต้องมีสองคนดูเเล)

รอบๆตัวเรามีผู้หญิงหลายคนที่เรียนจบมาสูงเเละทำงานมีรายได้ที่ดีไม่น้อยไปกว่าผู้ชาย เรียกว่าเอาตัวเองรอดได้โดยไม่ต้องพึ่งผู้ชาย หลายคนประสพความสำเร็จมากกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ ยกตัวอย่างคุณหมอประจำตัวของเรา สามีเธอลาออกจากงานมาอยู่บ้านเลี้ยงลูก เพราะเธอมีรายได้มากกว่า เเต่ทั้งนี้เเละทั้งนั้น เธอก็ยังคงต้องจ้างเเม่บ้านมาทำความสะอาดบ้านอยู่ดี เพราะโดยนิสัยผู้ชายส่วนมากเเล้ว จะทำงานบ้านไม่เรียบร้อยเท่าผู้หญิง ซึ่งในทางกลับกัน ถ้าสามีเธอทำงาน เเละเธออยู่บ้านเลี้ยงลูกเอง บ้านเธอก็อาจจะไม่ต้องจ้างใครมาดูเเล

จ้างคนมาดูเเลบ้านจริงๆเเล้วเราก็ทำ(ไม่บ่อย เเต่ก็มีบ้าง) มันไม่ใช่เรื่องเเปลกอะไรสำหรับสังคมยุคนี้ เเต่ถ้าเราทำเองเเละสอนบุตรหลานให้ช่วยกันทำได้ มันย่อมเป็นเรื่องที่ดีกว่า เด็กบางคนโตมาเเม้เเต่กวาดถูบ้านล้างจานหุงข้าวยังทำไม่เป็นเลย เพราะพ่อเเม่ไม่เคยสอน ตลอดชีวิตมีเด็กรับใช้ทำให้ตลอด ทั้งๆที่งานเหล่านี้มันคือพื้นฐานของชีวิต ที่มนุษย์ทุกคนควรจะทำให้เป็น

ตัวเราเองโชคดีที่ได้ดูเเลบ้านเรือนเอง อบรมลูกๆด้วยตัวเอง เเละยังได้ช่วยสามีทำงานสร้างรายได้ โดยไม่มีผลกระทบต่อสิ่งใดๆเลย ผลที่ได้คือบ้านเรือนเราสะอาดเรียบร้อย มีความเป็นส่วนตัว เด็กๆเติบโตมากับสุขภาพจิตที่ดี พวกเค้าเติบโตมาพร้อมๆกับความรักเเละความอบอุ่น พวกเค้ามีความสุขกับชีวิตที่เรียบง่าย เติบโตมาในเเบบที่ความจริงของชีวิตควรจะเป็น

ความสำเร็จในชีวิตเหล่านี้ทำให้เราอดที่จะคิดไปถึงรุ่นลูกไม่ได้ ลูกสาวเราจะมีโอกาสได้ทำในสิ่งที่เราเคยทำไหม เค้าจะได้ดูเเลบ้านเรือนด้วยตัวเองไหม เค้าจะได้อบรมดูเเลลูกๆด้วยตัวเองไหม มันจะมีงานอะไรที่เค้าจะทำได้ไปพร้อมๆกับการเป็นเเม่บ้านที่สมบูรณ์


เราไม่ได้โลกสวยนะ เเต่เรื่องจริงในทุกวันนี้ก็คือ เด็กส่วนมากเติบโตจากสังคมที่ต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบ มีเด็กหลายคนที่เรียกร้องหาความรักนอกบ้านตั้งเเต่อายุยังน้อย เพราะไม่ได้รับความเอาใจใส่เเละอบอุ่นจากในบ้านเพียงพอ เเม้เเต่ลูกหลานของคนที่มีอันจะกินหลายคนยังโตมาพร้อมๆกับความเห็นเเก่ตัว จิตใต้สำนึกต่ำกว่ามาตราฐาน (ส่วนหนึ่งอาจจะเกิดจากพ่อเเม่ไม่มีเวลาอบรม หรือไม่ก็ไม่คิดว่าการปลูกฝังนั้นเป็นไม่ใช่เรื่องสำคัญ)


ลูกสาวเราเรียนจบด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง กำลังจะไปเรียนต่อในระดับมหาลัยที่มีชื่อเสียงในเร็ววันนี้ เรารู้ล่วงหน้าเเล้วว่าในอนาคตเค้าจะมีหน้าที่การงานที่ดี มีหน้ามีตาในสังคม จากความรู้เเละความสามารถของเค้านั้น เราเชื่อว่าเค้าจะสร้างรายได้ดีกว่าผู้ชายหลายๆคน เเต่จิตใต้สำนึกของความเป็นเเม่ก็มีคำถามขึ้นมาว่า เเล้วในด้านชีวิตครอบครัวของเค้าในอนาคตละ ??  เค้าจะเป็นผู้หญิงเก่งเกินผู้ชายจนถึงกับสามีต้องลาออกจากงานมาเลี้ยงดูลูกๆเลยไหม?? เเละถ้าชีวิตเค้าจะลงเอยเเบบนั้นจริงๆ ....เราก็จะไม่ใช่เเม่ที่สมบูรณ์อีกต่อไป เพราะไม่ว่าสังคมจะเรียกร้องสิทธิหรือความเท่าเทียมมากเเค่ไหนก็ตาม ความจริงของมนุษย์ก็คือ เพศหญิงควรที่จะมีบทบาทของความเป็น "เเม่ "  อย่างสมบุรณ์...........

ป.ล. เราคิดต่างจากกระเเสโลก โดยเอาความเป็นจริงบนพื้นฐานของสัตว์โลกเป็นที่ตั้ง ไม่ว่ากันนะคะ ยิ้ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่