สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
สนใจ ระลึกรู้ลมหายใจเป็นบุญเหรอ
ยังไม่ถูกส่วนนะ ถ้าถูกส่วน กายจะผ่อนคลาย หลับ
แต่ จิตเนี่ยะ จะไม่ลังสงสัยในกุศล ในประโยชน์
ในการเจริญขึ้นของจิต ที่เรียก " ตื่น เบิกบาน " หรือ จิตเป็นพุทธะ
ลองเอาไป พิจารณาเพิ่ม โดยให้สองนัย
นัยแรก ยากหน่อย แต่ รู้ไว ตื่นเร็ว กายผ่อนคลายสุดๆ ไม่มี
กายไหนมากดถ่วงให้รู้สึกว่า จมโลกเด็ดขาด
นัยแรก ให้ระลึกรู้ " การหายใจ " ไม่ใช่ ระลึกลมหายใจ แต่ให้ ระลึก
การหายใจ ที่มันเป็นสิ่งที่เราได้มาตาม ผลบุญ ในกาลก่อนๆ ไม่มีใคร
มาพราก วิบากผล ที่เราควรได้รับ ตราบที่ยังสมควรได้รับ ไปได้
ลองดูนะ ระลึกเห็น " การหายใจ " มันเป็นการทำงานของ กองงาน บาง
อย่างที่แปรไปตาม ปัจจัยการ หากระลึกถูก กายสังขารอื่นๆ จะมี ลมหาย
ใจเป็นบ่อเกิดหมด การเห็น การหายใจ จึงเป็น การเห็น กายในกาย เป็นกายคตาสติ
นัยที่สอง คือ งง เอ อะไรหว่า " การหายใจ " มันจะ งง นะ ว่าให้ดูอะไร ทั้ง
ที่ ร่างกายมันก็ทำงานหายใจให้ดู แต่ งง ไม่รู้ไปดูอะไร เพราะ ต้องการ
สังขารให้ครอบงำจิต อันนี้ก็ ตัณหาเยอะไปหน่อย ให้เปลี่ยนมาดู
" ความพอใจ " ที่เกิดขึ้น จากปฏิปทาใดๆ ก็ตาม ที่เรายกขึ้น พิจารณา
ปฏิปทานั้น พอเราทำได้ผล วันนั้น เราก็เกิด ความพอใจว่าได้ทำ พอทำได้
แล้ว ความพอใจก็เป็นอันได้ตอบสนอง พอได้ตอบสนอง มันก็ดับ
พอปฏิปทาดับ วันหลังก็ อยากใหม่ อยากทำปฏิปทานั้น ไม่ต่างจาก
คนตัณหาจัดสำรเร็จความใคร่ทำ แต่อันนี้บังเอิญเป็น ปฏิปทาที่ห่าง
จากกามมากหน่อย ก็พอสบายไม่เดือดร้อน แต่ถ้า ปฏิปทานั้นมัน
ไปสนองการติดนอน .....พอความพอใจมันดับ สังเกตุดีๆ ปัญญา
หรือ จิตมันจะเตือน ให้ใส่ใจ ฟังธรรมที่เป็นสัมมาทิฏฐิ
เนี่ยะ ให้สังเกต ปัญญาอันยิ่งเอง ที่มันทำงานขึ้นมา หลังจาก พอใจ
มันเกิด มันดับ
ถ้า ปฏิปทาเกิดดับ แล้ว ไม่ยกเห็นว่า จิตตนกำลังเตือนให้ใฝ่ธรรม แล้ว
จะภาวนาม้วนเสื่ออยู่แบบนั้น จิตมันก็รู้ของมันนะว่า ไมเจริญหรอก
แถมความมืด ความหนัก ความหน่วง ความถอยจม ความหงุดหงิด มันจะ
เหมือนมา รออยู่ตรงหน้าบ้าน พร้อม กระโจน กระโฉกโหกหาก เลยหละ
นัยที่สองนี้ จะเห็นว่า ต้องรู้ทุกข์ที่เกิด แล้ว เกิดการดำริหาอุบายนำออก
แล้วจึง ฟัดกัน หาทางเห็นทุกขสัจจ ซึ่งจะยากหน่อย แต่ถ้าเห็น ก็ไวเอาเรื่อง
นัยที่หนึ่งนั้น จะเห็นว่า ต้องรู้สุขที่เกิดจากการพ้นทุกข์ นำออกไปเรื่อยๆ
แล้วอาศัย ระลึกสุข เกิด ดับ เพื่อยึกขึ้นรู้ทุกขสัจจ ไวแบบเนิบๆ
เอาเท่านี้ ประมาณนั้น
ยังไม่ถูกส่วนนะ ถ้าถูกส่วน กายจะผ่อนคลาย หลับ
แต่ จิตเนี่ยะ จะไม่ลังสงสัยในกุศล ในประโยชน์
ในการเจริญขึ้นของจิต ที่เรียก " ตื่น เบิกบาน " หรือ จิตเป็นพุทธะ
ลองเอาไป พิจารณาเพิ่ม โดยให้สองนัย
นัยแรก ยากหน่อย แต่ รู้ไว ตื่นเร็ว กายผ่อนคลายสุดๆ ไม่มี
กายไหนมากดถ่วงให้รู้สึกว่า จมโลกเด็ดขาด
นัยแรก ให้ระลึกรู้ " การหายใจ " ไม่ใช่ ระลึกลมหายใจ แต่ให้ ระลึก
การหายใจ ที่มันเป็นสิ่งที่เราได้มาตาม ผลบุญ ในกาลก่อนๆ ไม่มีใคร
มาพราก วิบากผล ที่เราควรได้รับ ตราบที่ยังสมควรได้รับ ไปได้
ลองดูนะ ระลึกเห็น " การหายใจ " มันเป็นการทำงานของ กองงาน บาง
อย่างที่แปรไปตาม ปัจจัยการ หากระลึกถูก กายสังขารอื่นๆ จะมี ลมหาย
ใจเป็นบ่อเกิดหมด การเห็น การหายใจ จึงเป็น การเห็น กายในกาย เป็นกายคตาสติ
นัยที่สอง คือ งง เอ อะไรหว่า " การหายใจ " มันจะ งง นะ ว่าให้ดูอะไร ทั้ง
ที่ ร่างกายมันก็ทำงานหายใจให้ดู แต่ งง ไม่รู้ไปดูอะไร เพราะ ต้องการ
สังขารให้ครอบงำจิต อันนี้ก็ ตัณหาเยอะไปหน่อย ให้เปลี่ยนมาดู
" ความพอใจ " ที่เกิดขึ้น จากปฏิปทาใดๆ ก็ตาม ที่เรายกขึ้น พิจารณา
ปฏิปทานั้น พอเราทำได้ผล วันนั้น เราก็เกิด ความพอใจว่าได้ทำ พอทำได้
แล้ว ความพอใจก็เป็นอันได้ตอบสนอง พอได้ตอบสนอง มันก็ดับ
พอปฏิปทาดับ วันหลังก็ อยากใหม่ อยากทำปฏิปทานั้น ไม่ต่างจาก
คนตัณหาจัดสำรเร็จความใคร่ทำ แต่อันนี้บังเอิญเป็น ปฏิปทาที่ห่าง
จากกามมากหน่อย ก็พอสบายไม่เดือดร้อน แต่ถ้า ปฏิปทานั้นมัน
ไปสนองการติดนอน .....พอความพอใจมันดับ สังเกตุดีๆ ปัญญา
หรือ จิตมันจะเตือน ให้ใส่ใจ ฟังธรรมที่เป็นสัมมาทิฏฐิ
เนี่ยะ ให้สังเกต ปัญญาอันยิ่งเอง ที่มันทำงานขึ้นมา หลังจาก พอใจ
มันเกิด มันดับ
ถ้า ปฏิปทาเกิดดับ แล้ว ไม่ยกเห็นว่า จิตตนกำลังเตือนให้ใฝ่ธรรม แล้ว
จะภาวนาม้วนเสื่ออยู่แบบนั้น จิตมันก็รู้ของมันนะว่า ไมเจริญหรอก
แถมความมืด ความหนัก ความหน่วง ความถอยจม ความหงุดหงิด มันจะ
เหมือนมา รออยู่ตรงหน้าบ้าน พร้อม กระโจน กระโฉกโหกหาก เลยหละ
นัยที่สองนี้ จะเห็นว่า ต้องรู้ทุกข์ที่เกิด แล้ว เกิดการดำริหาอุบายนำออก
แล้วจึง ฟัดกัน หาทางเห็นทุกขสัจจ ซึ่งจะยากหน่อย แต่ถ้าเห็น ก็ไวเอาเรื่อง
นัยที่หนึ่งนั้น จะเห็นว่า ต้องรู้สุขที่เกิดจากการพ้นทุกข์ นำออกไปเรื่อยๆ
แล้วอาศัย ระลึกสุข เกิด ดับ เพื่อยึกขึ้นรู้ทุกขสัจจ ไวแบบเนิบๆ
เอาเท่านี้ ประมาณนั้น
แสดงความคิดเห็น
+++การกำหนดลมหายใจ ทำสมาธิเพื่อให้หลับ ได้บุญด้วยมั้ยครับ+++
โดยจะนอนทำ ราวๆ20-30นาที แล้วร่างกายก็หลับไปเองโดยปริยาย
ถามว่าจะได้บุญเป็นของแถมมั้ยครับ
ถ้าได้ ได้มากน้อยเพียงใด คร่าวๆประมาณไหน