สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ชื่อจ๋อมแจ๋มค่ะ อายุ 20ปี อีก 2 วันจะ 21แล้ว เย้!
ปกติแจ๋มไม่ค่อยอ่าน หรือติดตามพันทิปมากเท่าไหร่ค่ะ อ่านแค่เวลามีเพื่อนแชร์ตามฟสบุ๊คบ้างอะไรบ้าง แต่เหตุผลที่ตัดสินใจอยากเขียนกระทู้นี้ขึ้นมาก็เพราะอยากจะแชร์ประสบการณ์ เรื่องราวชีวิตการลดน้ำหนักให้ได้อ่านกัน และอยากเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ไม่ได้เกิดมาโชคดี หุ่นดี ขายาว ผอมเพรียว ตั้งแต่เกิด แต่อยากให้รู้ว่าถ้าเราพยายามแล้ว เราสามารถเลือกได้ว่าเราอยากเป็นแบบไหน (:
แจ๋มเสียเวลาไปกับการที่น้ำหนักเด้งขึ้นๆลงๆ ไปประมาณ 7 กว่าปีได้ ลองมาทุกวิธี ไม่ว่าจะ สูตรอาหาร 7วัน, 3วัน, Cambridge Diet, Herbal life, Reductil (ยาลดความอ้วน), Slim up, Spasha และอีกเยอะแยะมากมายยย สรุปแล้วลด นน.มากกว่า 10กก. มา 2 รอบแล้วค่ะ เหนื่อยใช่เล่นเลย ก็มีบ้างที่เลิกล้มความพยายาม คิดว่าพอแล้ว ไม่เอาแล้ว เหนื่อยแล้ว แต่พอเห็นคนอื่นๆแล้วก็อิจฉา อยากเป็นคนปกติกับเขาบ้าง ไม่อยากโดนเรียกว่าคนอ้วนต่อไป o:
มาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ แจ๋มเป็นเด็กอ้วนตั้งแต่เล็กๆเลยค่ะ แม่เล่าให้ฟังว่ากินนมขวด 8oz. ครั้งละ 2 ขวด ชอบกินของทอด ขนม นม เนย มันหมู น้ำหวาน ทุกๆอย่างที่อ้วน ชอบหมดเลยค่ะ d:
ตอนป.3 ในขนาดที่เพื่อนๆในห้องหนักกันประมาณ 30-40 กก.ต้นๆ แจ๋มก็ปาไป 55กก. แล้วค่ะ โดนล้อว่า ฮิปโป ช้างน้ำ ไอ้อ้วน เป็นปกติ แต่ก็ไม่ได้รุนแรงถึงกับไม่อยากไปโรงเรียน แจ๋มเรียนอยู่โรงเรียนเล็กๆค่ะ เพื่อนๆพี่ๆน่ารัก ล้อเล่นๆตามประสาเด็กๆ แต่ก็มีน้อยใจบ้าง แอบเก็บไปคิดบ้างนะ แต่ก็ไม่เป็นไร ก็เราอ้วนจริงนี้หนาาา
แม่แจ๋มก็พยามเตือนตลอดเวลาว่าให้กินน้อยๆหน่อย เด่วโตขึ้นอยากสวยแล้วมันจะลดยาก ไอ้เราก็ไม่เชื่อ บอกว่า ไม่เอาอะจะกิน! ไม่ได้อยากสวยซะหน่อย! (ดื้อมากกกก) แม่ถึงกับห้ามไม่ให้กินขนม ลดปริมาณอาหาร จนแม่บอกว่าแจ๋มกลายเป็นเด็กตะกละ พอได้อาหารมาจะไม่ยอมให้ใครแตะต้องเพราะกลัวไม่ได้กิน แม่เลยให้กลับไปกินเหมือนเดิมตามใจอยาก ป.6 นน. 68กก. เริ่มคิดถึงคำที่แม่เคยพูดไว้เลยยย เริ่มคิดอยากจะสวยแล้วค่ะ เลยพยายามลดกินแป้ง กินแต่กับข้าว ไม่กินน้ำหวาน น้ำอัดลม แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะก็ยังกินอาหารอ้วนๆอยู่ดี ตอนม.1แจ๋มหนักขึ้นไปถึง 72 กก.เลยค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่าตอนม.1 ไปถ่ายรูปรวมรุ่นกับเพื่อนๆค่ะ พอได้รูปกลับมาถึงกลับไม่อยากมองตัวเองในรูป ไม่กล้าโชว์รูปให้ใครดู มองตัวเองแล้วเหมือนยักษ์ ในหมู่เพื่อนๆ ไม่ได้เว่อไปนะคะ ลองคิดดู เด็นคนนึงที่หนัก 73 สูงแค่ 160ซม. ท่ามกลางหมู่เพื่อนๆที่หนักแค่ 40 ต้นๆ คือมันเด่นมากกกก เริ่มคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ไม่ไว้แล้ว ทุกคืนก่อนนอนแจ๋มจำได้เลยว่าจะไหว้พระแล้วขอพรว่า ขอให้วันนึงเราผอม เหมือนคนปกติเค้าบ้าง )': ไม่อยากอ้วนอีกต่อไปแล้ว
หลังจากนั้นแจ๋มก็ขอแม่ไปสมัครฟิตเนสค่ะ ไปทุกวันเลย พอเลิกเรียนก็จะกลับบ้าน กินข้าว แล้วก็ออกไปฟิตเนศ ตั้งแต่ประมาณ 5 6 โมงเย็น ถึงประมาณ 3 4 ทุ่ม ส่วนมากจะเข้าคลาสเป็นส่วนใหญ่ค่ะ เต้น body Jam, Combat, Spinning บ้าง แล้วเริ่มกินอาหารแบบผิดๆ คือกินน้อยๆ แต่กินตามใจฉัน อย่างเช่น ถ้าอยากกินไอติมก็จะยอมอดข้าวเพื่อกินไอติม อดข้าวเย็นบ้าง ข้าวเช้าบ้าง ยอมรับว่านน.ลดจริงๆ ร่วมกับการออกกำลังกายไปด้วย ประมาณ 4 เดือน ลดเหลือประมาณ 65 กก. (อาจจะดูเหมือนเยอะนะคะ แต่ยิ่งนน.เยอะยิ่งลดเร็ว) หลังจากนั้นพอร่างกายเริ่มชินกับการเปลี่ยนแปลง นน.ก็เริ่มไม่ขยับ จนแม่ยอมจ้างครูฝึกให้ พี่เค้าช่วยพลักดันให้เราออกกำลังกาย วิ่งวันละเป็น ชั่วโมงๆ แล้วยังเล่นเหวตต่ออีก ภายในประ 3-4 เดือน นน.ก็ลดลงมาถึง 57กก. ช่วงนั้นดีใจมากๆ คิดว่าในทีสุดก็ทำได้ สัญญากับตัวเองว่าชีวิตนี้จะไม่กลับไปอ้วนอีกแล้ว ใส่เสื้อผ้าคนปกติได้แล้ว ดีใจสุดๆ !

หลังจากที่ นน.ลดลงมาแล้ว ก็ยังคงไปฟิตเนสอยู่ค่ะ แต่ความพยายามที่มีก็เริ่มหายไป เริ่มที่จะขี้เกียจ ไม่ออกกำลังกายอย่างหนักเหมือนเดิม กับอย่างที่บอกไว้คือ ยังคงกินอาหารแบบผิดๆอยู่ ทำให้นน. ค่อยๆเพิ่มขึ้นมาคงตัวอยู่ที่ 62 กก. แต่ก็ปลอบใจตัวเองว่า คงเป็นเพราะร่างเราถูกสร้างมาให้ นน.เท่านี้แหละ เป็นคนกระดูกใหญ่ เราไม่อ้วนแล้วซะหน่อย ไม่เป็นไหร่หรอก คงไว้เท่านี้แล้วกัน (:
แต่เหตุเกิดขึ้นเมื่อแจ๋มดันสอบได้ไปแลกเปลี่ยนที่ประเทศ คอสตาริก้า 1ปีเต็มๆ ที่ไม่มีเครื่องชั่งนน. กินเหมือนคนปกติทั่วไป เค้ากินไรกัน เราก็กินอย่างนั้น ก็รู้สึกกางเกงรัดๆนะ แต่ก็คิดว่าคงไม่ได้อ้วนขึ้นมาก ถามคนรอบข้างเค้าก็บอกว่าเราไม่อ้วน พอกลับมาไทยเท่านั้นหละ ถึงกับจะเป็นลมหงายหลัง เมื่อตราช่างขึ้นเลข 73 TwT กลับมาจุดเดิม... เห้ออออ เราคิดว่าเพราะเราออกกำลังกายแล้ว นน.ไม่น่าจะขึ้นมาง่ายขนาดนี้ แต่มันโยโย่จริงๆค่ะ
คราวนี้นน.ลงง่ายหน่อย เพราะมันเพิ่มขึ้นภายในแค่ 1 ปี ไม่เหมือนกับครั้งแรกที่สะสมมาตั้งแต่เด็ก กลับมากินอาหารไทย แปปเีนวจาก 73 ก็เหลือ 67 แต่ด้วยความใจร้อนเลยขอแม่กินยาลดความอ้วน ลดไปประมาณ 3 กิโลค่ะ พร้อมกับทำ Spa sha ต่อด้วย slim up ยาลดความอ้วนเปลี่ยนแจ๋มให้กลายเป็นคนซึมๆเบื่ออาหาร คลื่นไส้ตลอดเวลา เรารู้ตัวเร็วเลยเลิกกิน แล้วกลับไปสู่วิธีกินน้อยเหมือนเดิม ค่อยๆลดอาหาร กินของอ้วนๆที่ชอบ แต่น้อยๆ ใช้เวลา 3 ปีจาก ม.6 ถึง ปี 2 นน.ลดลงไปเหลื่อ 62- 63 เหมือนเดิมค่ะ ตรงจุดที่เราคิดว่า (เชื่อว่า) คงลงไปไม่ได้น้อยกว่านี้แล้ว
ปี 2012 พอแจ๋มกลับมาจาก work and Travel ที่เมกา ด้วยบาดแผลทางจิตใจนิดหน่อย (ฮือออ...เศร้า T0T) ทำให้แจ๋มมีกำลังใจ และคิดได้ว่า ไม่! นี้ไม่ใช้ปลายทางของเรา เราต้องทำได้มากกว่านี้สิ อยากสวย! (ณ ตอนนั้นอยากทำให้เค้าเสียดายที่ทิ้งเรา ): ) จำได้เลยว่ามีคืนนึงนั้นค้นรูปคนหุ่นดีๆ ค้นวิธีออกกำลังกาย วิธีกินอย่างถูกต้อง ตามเว็ปต่าง
วันรุ่นขึ้น แจ๋มตื่นมาออกกำลังกายแต่ 6 โมงเช้า งดแป้ง งดน้ำตาล กินคลีน แบบสุดๆ อาหารสดทั้งหมด ถ้าทำก็มีแต่ต้ม ไม่ก็นึ่ง โยเกิดทำเอง เรียกได้ว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยค่ะ แจ๋มว่ายน้ำวันละ ไป-กลับ 40 รอบ ถ้าไม่ได้ว่ายก็จะวิ่งแทน แจ๋มทำอย่างนี้ไป 3 เดือนแบบไม่รู้สึกทรมารเลย กลับรู้สึกว่าชีวิตดีขึ้นด้วยซ้ำ ตื่นมาทุกเช้าจะรู้สึกสดชื้นมีพลัง แฮปปี้สุดๆ เจอหน้าใครๆก็มีแต่คนทักว่าผอมลง ยิ่งได้คำชมยิ่งมีกำลังใจอยากทำต่อไป ตอนนั้นแจ๋มลดลงมาเหลื่อ 57กก.ค่ะ (:
แต่และแล้วก็เกิดเรื่องขึ้นอีกเมื่อวันนึงแจ๋มนัดไปกินพิซซ่ากับเพื่อนๆ เราก็กินตามปกติ ไม่ได้กินเยอะอะไร แต่พอกลับมาถึงบ้านเท่านั้นแหละ ออกมาจากทางที่มันเข้าไปหมดเลย o:
ด้วยความที่ร่างกายได้รับแต่อาหารคลีนสุดๆมานาน มันจึงไม่รับสิ่งแปลกปลอมเลย นี้ทำให้แจ๋มรู้ว่าเราไม่ปกติ เคร่งเกินไป ต้องหย่อนลงบ้างแล้วววว (ร่างกายติส มากเบยยย เข้าใจยากจิง!)
“กินของอ้วนมื้อเดียวไม่ได้ทำให้เราอ้วน แต่กินคลีนแค่มื้อเดียวก็ไม่ได้ทำให้เราผอมเช่นกัน”
พอเริ่มหาจุดสมดุลของการกินที่ดีได้แล้ว (กินแต่ของดีมีประโยชน์ แต่กินเยอะๆ) นน.ก็ลดลงไปเองเรื่อยๆ จนถึง 55กก. แจ๋มยังคงออกกำลังกายเหมือนเดิม ช่วงนั้นจะวิ่งรอบมหาลัยตอนเย็นทุกวัน ประมาณ วันละ 4km นน.คงที่ที่ 55-56 ค่ะ
พิสูจน์แล้วด้วยว่าพอไม่ได้ออกกำลังกายเลย แต่ยังกินคลีนเป็นหลักๆ นน.ก็ไม่ขึ้นเลย แจ๋มไปทำงานที่ Disney World 3 เดือน ไม่ได้ออกกำลังกาย แถมกลับมาเรียนหนัก ไม่ได้ออกกำลังกายมาเกือบๆปี นน.ก็ไม่เพิ่มขึ้นเลย (: นี้ทำให้เห็นว่าการออกกำลังกายเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นค่ะ สำคัญที่สุกคือการเลือกกินอาหารที่ดีค่ะ
ตอนนี้เริ่มกลับมาออกกายแล้วค่ะ เดือนนี้ครบรอบ 3 ปีที่เริ่มกินคลีน

ไม่ใช่ว่าไม่กินขนมหรืออาหารข้างนอกเลยนะคะ กินเหมือนกัน แต่ถ้ามีโอกาสจะพยายามทำกินเองเป็นส่วนใหญ่ ทั้งขนมและอาหารค่ะ ออ... กินมังสวิรัติมาได้ประมาณ 7 เดือนแล้วด้วยค่ะตอนนี้ (ยังกินอาหาร ทะเลอยู่นะ ฮุฮุ)
กำลังเล่น T25 ด้วยค่ะ เข้า Alpha อาทิตที่ 5 แล้ว

เป๋าหมายตอนนี้อยากมี กล้ามหน้าท้อง
ตัวอย่างอาหารนะคะ
ตัวอย่างอาหารบางส่วนที่กินนะคะ ขออนุญาติไม่ลงรายละเอียดนะ รู้สึกว่ายาวไปแล้ว แล้วก็ช่วงนี้เห็นว่ามีกระทู้ดีๆ เกี่ยวกับการกินคลียเยอะเลย น่าจะพอรู้กันแล้วเนอะ
เด่วจะเบื่อกันซะก่อน แต่ยังไงถ้าอยากได้รายละเอียดเรื่องอาหาร กิจวัตรประจำวันต่างๆ เด่วค่อยว่ากันเนอะ
แจ๋มรู้ว่าตอนนี้ถ้าเทียบกับคนอื่นๆรุ่นเดียวกัน เราก็ยังถือว่าอวบอยู่ หุ่นยังไมfu่เหมือนคนอื่น
แต่ที่อยากแชร์ประสบการณ์ก็เพราะอยากเป็นกำลังใจให้ทุกคนจริงๆค่ะ ทุกคนที่ผ่านอะไรมาเหมื่อนๆกัน แจ๋มรู้ว่ามันเหนื่อย ใครไม่เคยอ้วน หรือไม่ได้เกิดมาอ้วนไม่เข้าใจหรอก อยากให้สู้ไปด้วยกันนะคะ
ถามตัวเองว่าพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงหรือยัง เพราะการที่จะลดน้ำหนัก แล้วคุมไว้ไม่ให้ขึ้นอีกเลยนั้นเราต้องเปลี่ยนจริงๆ ไม่ใช่อยากจะลดนน. แล้วคุมอาหารแค่เป็นช่วงๆ ทำแบบนั้นไป พอกลับไปกินเหมือนเดิมวันนึงนน.ก็จะกลับมาอยู่ดี
พยามกินของดีมีประโยช์กันดีกว่า แล้วให้รางวัลตัวเองบ้างอะไรบ้าง เพื่อสุขภาพที่ดีทั้งภายในและภายนอกนะคะ

แจ๋มยังไม่ถึงเป๋าหมายเหมือนกัน แต่จะพยายามต่อไป
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณพี่สาวคนสวยที่ให้ยืมแอคเค้าในการโพสกระทู้นี้นะคะ
เจ้าของอมยิ้ม: กระทู้นี้เป็นกระทู้ฝากค่ะ ของน้องสาวเราเอง ที่ผ่านมาน้องพยายามมากจริงๆ ผิดๆ ถูกๆ ลองมั่วๆ
จนได้พบวิธีที่สำเร็จจริงๆ ใช้แล้วเห็นผลจริงๆ ก็แค่ 2 ปีเองค่ะ ฉะนั้น อยากให้กำลังใจทุกคนนะคะ
ว่าอย่าขี้เกียจไปพึ่งยาลดความอ้วน หรือ อดอาหารเลยค่ะ มาออกกำลังกาย ทานอาหารดีๆ แทนดีกว่า !!
ปล. มีคำถามอะไร หรือขอสูตรอะไร ถามได้นะคะ
ไว้จะไปบอกน้องให้เอาสูตรมาแชร์/มาตอบข้อซักถามเน้อ
(บอกเลยค่ะ น้องคนนี้ร้องเพลงเพราะ ทำอาหารเก่ง สวย ฉลาด เป็นปีศาจมากค่ะ เก่งทุกสิ่ง !)
**[Before-After] 8 ปี กับการลดน้ำหนักผิดวิธี โยโย่ 2 ครั้ง และ สุดท้าย ! ฉันก็ทำได้ บ๊ายบาย 17 โล**
ปกติแจ๋มไม่ค่อยอ่าน หรือติดตามพันทิปมากเท่าไหร่ค่ะ อ่านแค่เวลามีเพื่อนแชร์ตามฟสบุ๊คบ้างอะไรบ้าง แต่เหตุผลที่ตัดสินใจอยากเขียนกระทู้นี้ขึ้นมาก็เพราะอยากจะแชร์ประสบการณ์ เรื่องราวชีวิตการลดน้ำหนักให้ได้อ่านกัน และอยากเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ไม่ได้เกิดมาโชคดี หุ่นดี ขายาว ผอมเพรียว ตั้งแต่เกิด แต่อยากให้รู้ว่าถ้าเราพยายามแล้ว เราสามารถเลือกได้ว่าเราอยากเป็นแบบไหน (:
แจ๋มเสียเวลาไปกับการที่น้ำหนักเด้งขึ้นๆลงๆ ไปประมาณ 7 กว่าปีได้ ลองมาทุกวิธี ไม่ว่าจะ สูตรอาหาร 7วัน, 3วัน, Cambridge Diet, Herbal life, Reductil (ยาลดความอ้วน), Slim up, Spasha และอีกเยอะแยะมากมายยย สรุปแล้วลด นน.มากกว่า 10กก. มา 2 รอบแล้วค่ะ เหนื่อยใช่เล่นเลย ก็มีบ้างที่เลิกล้มความพยายาม คิดว่าพอแล้ว ไม่เอาแล้ว เหนื่อยแล้ว แต่พอเห็นคนอื่นๆแล้วก็อิจฉา อยากเป็นคนปกติกับเขาบ้าง ไม่อยากโดนเรียกว่าคนอ้วนต่อไป o:
มาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ แจ๋มเป็นเด็กอ้วนตั้งแต่เล็กๆเลยค่ะ แม่เล่าให้ฟังว่ากินนมขวด 8oz. ครั้งละ 2 ขวด ชอบกินของทอด ขนม นม เนย มันหมู น้ำหวาน ทุกๆอย่างที่อ้วน ชอบหมดเลยค่ะ d:
ตอนป.3 ในขนาดที่เพื่อนๆในห้องหนักกันประมาณ 30-40 กก.ต้นๆ แจ๋มก็ปาไป 55กก. แล้วค่ะ โดนล้อว่า ฮิปโป ช้างน้ำ ไอ้อ้วน เป็นปกติ แต่ก็ไม่ได้รุนแรงถึงกับไม่อยากไปโรงเรียน แจ๋มเรียนอยู่โรงเรียนเล็กๆค่ะ เพื่อนๆพี่ๆน่ารัก ล้อเล่นๆตามประสาเด็กๆ แต่ก็มีน้อยใจบ้าง แอบเก็บไปคิดบ้างนะ แต่ก็ไม่เป็นไร ก็เราอ้วนจริงนี้หนาาา
แม่แจ๋มก็พยามเตือนตลอดเวลาว่าให้กินน้อยๆหน่อย เด่วโตขึ้นอยากสวยแล้วมันจะลดยาก ไอ้เราก็ไม่เชื่อ บอกว่า ไม่เอาอะจะกิน! ไม่ได้อยากสวยซะหน่อย! (ดื้อมากกกก) แม่ถึงกับห้ามไม่ให้กินขนม ลดปริมาณอาหาร จนแม่บอกว่าแจ๋มกลายเป็นเด็กตะกละ พอได้อาหารมาจะไม่ยอมให้ใครแตะต้องเพราะกลัวไม่ได้กิน แม่เลยให้กลับไปกินเหมือนเดิมตามใจอยาก ป.6 นน. 68กก. เริ่มคิดถึงคำที่แม่เคยพูดไว้เลยยย เริ่มคิดอยากจะสวยแล้วค่ะ เลยพยายามลดกินแป้ง กินแต่กับข้าว ไม่กินน้ำหวาน น้ำอัดลม แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะก็ยังกินอาหารอ้วนๆอยู่ดี ตอนม.1แจ๋มหนักขึ้นไปถึง 72 กก.เลยค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่าตอนม.1 ไปถ่ายรูปรวมรุ่นกับเพื่อนๆค่ะ พอได้รูปกลับมาถึงกลับไม่อยากมองตัวเองในรูป ไม่กล้าโชว์รูปให้ใครดู มองตัวเองแล้วเหมือนยักษ์ ในหมู่เพื่อนๆ ไม่ได้เว่อไปนะคะ ลองคิดดู เด็นคนนึงที่หนัก 73 สูงแค่ 160ซม. ท่ามกลางหมู่เพื่อนๆที่หนักแค่ 40 ต้นๆ คือมันเด่นมากกกก เริ่มคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ไม่ไว้แล้ว ทุกคืนก่อนนอนแจ๋มจำได้เลยว่าจะไหว้พระแล้วขอพรว่า ขอให้วันนึงเราผอม เหมือนคนปกติเค้าบ้าง )': ไม่อยากอ้วนอีกต่อไปแล้ว
หลังจากนั้นแจ๋มก็ขอแม่ไปสมัครฟิตเนสค่ะ ไปทุกวันเลย พอเลิกเรียนก็จะกลับบ้าน กินข้าว แล้วก็ออกไปฟิตเนศ ตั้งแต่ประมาณ 5 6 โมงเย็น ถึงประมาณ 3 4 ทุ่ม ส่วนมากจะเข้าคลาสเป็นส่วนใหญ่ค่ะ เต้น body Jam, Combat, Spinning บ้าง แล้วเริ่มกินอาหารแบบผิดๆ คือกินน้อยๆ แต่กินตามใจฉัน อย่างเช่น ถ้าอยากกินไอติมก็จะยอมอดข้าวเพื่อกินไอติม อดข้าวเย็นบ้าง ข้าวเช้าบ้าง ยอมรับว่านน.ลดจริงๆ ร่วมกับการออกกำลังกายไปด้วย ประมาณ 4 เดือน ลดเหลือประมาณ 65 กก. (อาจจะดูเหมือนเยอะนะคะ แต่ยิ่งนน.เยอะยิ่งลดเร็ว) หลังจากนั้นพอร่างกายเริ่มชินกับการเปลี่ยนแปลง นน.ก็เริ่มไม่ขยับ จนแม่ยอมจ้างครูฝึกให้ พี่เค้าช่วยพลักดันให้เราออกกำลังกาย วิ่งวันละเป็น ชั่วโมงๆ แล้วยังเล่นเหวตต่ออีก ภายในประ 3-4 เดือน นน.ก็ลดลงมาถึง 57กก. ช่วงนั้นดีใจมากๆ คิดว่าในทีสุดก็ทำได้ สัญญากับตัวเองว่าชีวิตนี้จะไม่กลับไปอ้วนอีกแล้ว ใส่เสื้อผ้าคนปกติได้แล้ว ดีใจสุดๆ !
หลังจากที่ นน.ลดลงมาแล้ว ก็ยังคงไปฟิตเนสอยู่ค่ะ แต่ความพยายามที่มีก็เริ่มหายไป เริ่มที่จะขี้เกียจ ไม่ออกกำลังกายอย่างหนักเหมือนเดิม กับอย่างที่บอกไว้คือ ยังคงกินอาหารแบบผิดๆอยู่ ทำให้นน. ค่อยๆเพิ่มขึ้นมาคงตัวอยู่ที่ 62 กก. แต่ก็ปลอบใจตัวเองว่า คงเป็นเพราะร่างเราถูกสร้างมาให้ นน.เท่านี้แหละ เป็นคนกระดูกใหญ่ เราไม่อ้วนแล้วซะหน่อย ไม่เป็นไหร่หรอก คงไว้เท่านี้แล้วกัน (:
แต่เหตุเกิดขึ้นเมื่อแจ๋มดันสอบได้ไปแลกเปลี่ยนที่ประเทศ คอสตาริก้า 1ปีเต็มๆ ที่ไม่มีเครื่องชั่งนน. กินเหมือนคนปกติทั่วไป เค้ากินไรกัน เราก็กินอย่างนั้น ก็รู้สึกกางเกงรัดๆนะ แต่ก็คิดว่าคงไม่ได้อ้วนขึ้นมาก ถามคนรอบข้างเค้าก็บอกว่าเราไม่อ้วน พอกลับมาไทยเท่านั้นหละ ถึงกับจะเป็นลมหงายหลัง เมื่อตราช่างขึ้นเลข 73 TwT กลับมาจุดเดิม... เห้ออออ เราคิดว่าเพราะเราออกกำลังกายแล้ว นน.ไม่น่าจะขึ้นมาง่ายขนาดนี้ แต่มันโยโย่จริงๆค่ะ
คราวนี้นน.ลงง่ายหน่อย เพราะมันเพิ่มขึ้นภายในแค่ 1 ปี ไม่เหมือนกับครั้งแรกที่สะสมมาตั้งแต่เด็ก กลับมากินอาหารไทย แปปเีนวจาก 73 ก็เหลือ 67 แต่ด้วยความใจร้อนเลยขอแม่กินยาลดความอ้วน ลดไปประมาณ 3 กิโลค่ะ พร้อมกับทำ Spa sha ต่อด้วย slim up ยาลดความอ้วนเปลี่ยนแจ๋มให้กลายเป็นคนซึมๆเบื่ออาหาร คลื่นไส้ตลอดเวลา เรารู้ตัวเร็วเลยเลิกกิน แล้วกลับไปสู่วิธีกินน้อยเหมือนเดิม ค่อยๆลดอาหาร กินของอ้วนๆที่ชอบ แต่น้อยๆ ใช้เวลา 3 ปีจาก ม.6 ถึง ปี 2 นน.ลดลงไปเหลื่อ 62- 63 เหมือนเดิมค่ะ ตรงจุดที่เราคิดว่า (เชื่อว่า) คงลงไปไม่ได้น้อยกว่านี้แล้ว
ปี 2012 พอแจ๋มกลับมาจาก work and Travel ที่เมกา ด้วยบาดแผลทางจิตใจนิดหน่อย (ฮือออ...เศร้า T0T) ทำให้แจ๋มมีกำลังใจ และคิดได้ว่า ไม่! นี้ไม่ใช้ปลายทางของเรา เราต้องทำได้มากกว่านี้สิ อยากสวย! (ณ ตอนนั้นอยากทำให้เค้าเสียดายที่ทิ้งเรา ): ) จำได้เลยว่ามีคืนนึงนั้นค้นรูปคนหุ่นดีๆ ค้นวิธีออกกำลังกาย วิธีกินอย่างถูกต้อง ตามเว็ปต่าง
วันรุ่นขึ้น แจ๋มตื่นมาออกกำลังกายแต่ 6 โมงเช้า งดแป้ง งดน้ำตาล กินคลีน แบบสุดๆ อาหารสดทั้งหมด ถ้าทำก็มีแต่ต้ม ไม่ก็นึ่ง โยเกิดทำเอง เรียกได้ว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยค่ะ แจ๋มว่ายน้ำวันละ ไป-กลับ 40 รอบ ถ้าไม่ได้ว่ายก็จะวิ่งแทน แจ๋มทำอย่างนี้ไป 3 เดือนแบบไม่รู้สึกทรมารเลย กลับรู้สึกว่าชีวิตดีขึ้นด้วยซ้ำ ตื่นมาทุกเช้าจะรู้สึกสดชื้นมีพลัง แฮปปี้สุดๆ เจอหน้าใครๆก็มีแต่คนทักว่าผอมลง ยิ่งได้คำชมยิ่งมีกำลังใจอยากทำต่อไป ตอนนั้นแจ๋มลดลงมาเหลื่อ 57กก.ค่ะ (:
แต่และแล้วก็เกิดเรื่องขึ้นอีกเมื่อวันนึงแจ๋มนัดไปกินพิซซ่ากับเพื่อนๆ เราก็กินตามปกติ ไม่ได้กินเยอะอะไร แต่พอกลับมาถึงบ้านเท่านั้นแหละ ออกมาจากทางที่มันเข้าไปหมดเลย o:
ด้วยความที่ร่างกายได้รับแต่อาหารคลีนสุดๆมานาน มันจึงไม่รับสิ่งแปลกปลอมเลย นี้ทำให้แจ๋มรู้ว่าเราไม่ปกติ เคร่งเกินไป ต้องหย่อนลงบ้างแล้วววว (ร่างกายติส มากเบยยย เข้าใจยากจิง!)
“กินของอ้วนมื้อเดียวไม่ได้ทำให้เราอ้วน แต่กินคลีนแค่มื้อเดียวก็ไม่ได้ทำให้เราผอมเช่นกัน”
พอเริ่มหาจุดสมดุลของการกินที่ดีได้แล้ว (กินแต่ของดีมีประโยชน์ แต่กินเยอะๆ) นน.ก็ลดลงไปเองเรื่อยๆ จนถึง 55กก. แจ๋มยังคงออกกำลังกายเหมือนเดิม ช่วงนั้นจะวิ่งรอบมหาลัยตอนเย็นทุกวัน ประมาณ วันละ 4km นน.คงที่ที่ 55-56 ค่ะ
พิสูจน์แล้วด้วยว่าพอไม่ได้ออกกำลังกายเลย แต่ยังกินคลีนเป็นหลักๆ นน.ก็ไม่ขึ้นเลย แจ๋มไปทำงานที่ Disney World 3 เดือน ไม่ได้ออกกำลังกาย แถมกลับมาเรียนหนัก ไม่ได้ออกกำลังกายมาเกือบๆปี นน.ก็ไม่เพิ่มขึ้นเลย (: นี้ทำให้เห็นว่าการออกกำลังกายเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นค่ะ สำคัญที่สุกคือการเลือกกินอาหารที่ดีค่ะ
ตอนนี้เริ่มกลับมาออกกายแล้วค่ะ เดือนนี้ครบรอบ 3 ปีที่เริ่มกินคลีน
กำลังเล่น T25 ด้วยค่ะ เข้า Alpha อาทิตที่ 5 แล้ว
ตัวอย่างอาหารนะคะ
ตัวอย่างอาหารบางส่วนที่กินนะคะ ขออนุญาติไม่ลงรายละเอียดนะ รู้สึกว่ายาวไปแล้ว แล้วก็ช่วงนี้เห็นว่ามีกระทู้ดีๆ เกี่ยวกับการกินคลียเยอะเลย น่าจะพอรู้กันแล้วเนอะ
เด่วจะเบื่อกันซะก่อน แต่ยังไงถ้าอยากได้รายละเอียดเรื่องอาหาร กิจวัตรประจำวันต่างๆ เด่วค่อยว่ากันเนอะ
แจ๋มรู้ว่าตอนนี้ถ้าเทียบกับคนอื่นๆรุ่นเดียวกัน เราก็ยังถือว่าอวบอยู่ หุ่นยังไมfu่เหมือนคนอื่น
แต่ที่อยากแชร์ประสบการณ์ก็เพราะอยากเป็นกำลังใจให้ทุกคนจริงๆค่ะ ทุกคนที่ผ่านอะไรมาเหมื่อนๆกัน แจ๋มรู้ว่ามันเหนื่อย ใครไม่เคยอ้วน หรือไม่ได้เกิดมาอ้วนไม่เข้าใจหรอก อยากให้สู้ไปด้วยกันนะคะ
ถามตัวเองว่าพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงหรือยัง เพราะการที่จะลดน้ำหนัก แล้วคุมไว้ไม่ให้ขึ้นอีกเลยนั้นเราต้องเปลี่ยนจริงๆ ไม่ใช่อยากจะลดนน. แล้วคุมอาหารแค่เป็นช่วงๆ ทำแบบนั้นไป พอกลับไปกินเหมือนเดิมวันนึงนน.ก็จะกลับมาอยู่ดี
พยามกินของดีมีประโยช์กันดีกว่า แล้วให้รางวัลตัวเองบ้างอะไรบ้าง เพื่อสุขภาพที่ดีทั้งภายในและภายนอกนะคะ
แจ๋มยังไม่ถึงเป๋าหมายเหมือนกัน แต่จะพยายามต่อไป
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณพี่สาวคนสวยที่ให้ยืมแอคเค้าในการโพสกระทู้นี้นะคะ
เจ้าของอมยิ้ม: กระทู้นี้เป็นกระทู้ฝากค่ะ ของน้องสาวเราเอง ที่ผ่านมาน้องพยายามมากจริงๆ ผิดๆ ถูกๆ ลองมั่วๆ
จนได้พบวิธีที่สำเร็จจริงๆ ใช้แล้วเห็นผลจริงๆ ก็แค่ 2 ปีเองค่ะ ฉะนั้น อยากให้กำลังใจทุกคนนะคะ
ว่าอย่าขี้เกียจไปพึ่งยาลดความอ้วน หรือ อดอาหารเลยค่ะ มาออกกำลังกาย ทานอาหารดีๆ แทนดีกว่า !!
ปล. มีคำถามอะไร หรือขอสูตรอะไร ถามได้นะคะ
ไว้จะไปบอกน้องให้เอาสูตรมาแชร์/มาตอบข้อซักถามเน้อ
(บอกเลยค่ะ น้องคนนี้ร้องเพลงเพราะ ทำอาหารเก่ง สวย ฉลาด เป็นปีศาจมากค่ะ เก่งทุกสิ่ง !)