แรงงานต่างด้าว นายจ้างควรรู้ก่อนโดนไถ่ส่วยไม่จบไม่สิ้น

วันนี้จะชวนทุกท่านมาลองมองอีกมุมหนึ่งของเรื่องเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าว  ในมุมของผู้ประกอบการรายย่อยดูว่า  มีกฎหมายใดเกี่ยวข้องบ้าง  สำหรับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแรงงานต่างด้าวที่กำลังเป็นปัญหากันอยู่  ก็จะมี พ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2551 ซึ่งเป็นฉบับหลักๆที่ดูแลเรื่องนี้  เนื้อหาด้านในพ.ร.บ. ถ้าใครสนใจรายละเอียดที่ลึกมาเพื่อเอาไปทำรายงานส่งอาจารย์หรือศึกษาเชิงกฎหมายแนะนำให้ไปอ่านในฉบับนั้น  ส่วนของผมจะเขียนเฉพาะที่เกี่ยวกับผู้ประกอบการและผลกระทบทางธุรกิจหรือทางคดีอาญาที่ท่านต้องรู้



การจ้างงานตามกฎหมายฉบับนี้ไม่จำเป็นต้องทำเป็นสัญญจ้างแรงงาน  นั้นคือสามารถจ้างแรงงานกันปากเปล่าได้ในบางกรณี  ตามนิยามของการจ้างงานตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน  ฉะนั้นนายจ้างที่ว่าจ้างคนงานต่างด้าวโดยนายจ้างไม่ได้ไปขึ้นทะเบียนขออนุญาตใช้แรงงานแรงงานต่างด้าวจะมีโทษปรับ ไม่เกิน 10,000 บาท  และหากแรงงานต่างด้าวที่มาทำงานให้นั้นไม่มีใบอนุญาตให้จะมีโทษปรับตามกฎหมายสูงมากโดยปรับตั้งแต่ 10,000 ถึง 100,000 บาท  ต่อคนที่มาทำงานด้วย ย้ำว่าต่อคน  ซึ่งด้วยอัตราค่าปรับที่สูงขนาดนี้ส่งผลให้มีขบวนการตำรวจนอกแถวใช้วิธีเรียกรับส่วยหรือสินบนจากนายจ้างนั้น





ทั้งที่ค่าธรรมเนียนยื่นขออนุญาตใช้งานแรงงานต่างด้าวนั้น เสียค่าธรรมเนียมแบบถูกกฎหมายแค่ปีล่ะ 1,800  บาทเท่านั้นเอง  โดยขั้นตอนก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร  แต่หากใครอยากหาคนทำเรื่องให้ก็ติดต่อมาที่ #ทนายคู่ใจ ได้ หรือขอคำปรึกษาเรื่องการดำเนินการหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับแรงงานต่างด้าว







ผมเองพอมาเริ่มศึกษาด้านแรงงานต่างด้าวก็เพิ่งทราบว่าการขึ้นทะเบียนเหล่าเป็นผลประโยชน์กับทางแรงงานเองเพราะ

1.ค่าจ้างนั้นเท่าคนไทยคือต้องได้รับค่าจ้างขั้นต่ำตามกฎหมาย

2.ต้องได้รับสวัสดิการขั้นตอนตามกฎหมาย(ประกันสังคม,พรบ.เงินทดแทน หากกรณีได้รับบาดเจ็บจากการทำงาน)

3.ได้รับสิทธิทุกอย่างตามที่กฎหมายแรงงานบ้านเราคุ้มครองคนไทย  ต่างด้าวก็จะได้สิทธินั้นทุกอย่างเช่น  เงินชดเชยหากถูกนายจ้างเลิกจ้าง  สามารถฟ้องร้องกรณีการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมได้

4.ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายไทยอย่างเต็มขั้น  ที่สำคัญคือไม่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ได้ง่ายเหมือนแรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย



ที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนั้นเฉพาะกรณีแรงงาน เขมร  พม่า ลาว  ได้รับอนุญาตให้เข้าเมืองโดยถูกกฎหมายเท่านั้นนะครับ  สำหรับคนที่เข้าเมืองโดยไม่ถูกกฎหมายนั้น  เมื่อเกิดปัญหาคดีความขึ้นมักจะถูกผลักดันกลับประเทศไปก่อนจะมีสิทธิฟ้องร้องนายจ้างได้เสมอ  เป็นช่องทางให้นายจ้างบางส่วนใช้ในการเอาเปรียบคนงานต่างด้าว  เช่น   ให้ทำงานไม่จ่ายค่าแรงงานแล้วเรียกตำรวจมาจับส่งกลับประเทศ



นโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)  นั้นทำให้แรงงานต่างด้าวเผ่นกลับประเทศนั้น  ถ้าว่าตามเนื้อหาแล้วเป็นเรื่องน่ากลัวมากที่เราไม่เคยเก็บข้อมูลเลยว่าประเทศเรามีแรงงานหลบหนีเข้าประเทศตั้งมหาศาลขนาดนี้  เจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยไปได้อย่างไร



สำหรับคนงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานในประเทศไทยได้ถูกกฎหมายนั้นจะมีบัตรประจำตัวแรงงานต่างด้าวนั้น  หลักจะมีระบุไว้ชัดว่าได้รับอนุญาตให้ทำงานได้ในพื้นที่ใดบ้าง  สถานที่ทำงานคือที่ใด  นายจ้างชื่ออะไร  ประเภทงานที่ได้รับอนุญาต  ลักษณะงาน  ตำแหน่งหน้าที่  อายุใบอนุญาต  หลักๆที่สำคัญจะมีประมาทนี้ซึ่ง  หากมีใบอนุญาตก็จะไม่ถูกตำรวจดำเนินการเก็บส่วยเอ้ยดำเนินคดีอาญา



ตามที่ศึกษามานั้นเบื้องต้นขึ้นตอนฝ่ายนายจ้างไทยที่ขออนุญาตใช้แรงงานต่างด้าวไม่ยุ่งยากเท่ากับฝ่ายแรงงานต่างด้าวจะมาขออนุญาตทำงานในประเทศไทย  ซึ่งผมจะไม่ขอกล่าวถึงก็แล้วเพราะเกี่ยวข้องกับMOUและมีบริษัทจัดหางานแรงงานต่างด้าวที่ถูกกฎหมายอยู่หลายที่แล้ว  แต่จากการทดลองสุ่มติดต่อไปเพื่อขอคนจ้างงานคนงานต่างด้าวจากบริษัทจัดหางานที่ถูกกฎหมายนั้นจะคิดว่าจัดหางานจากฝ่ายนายจ้างหัวล่ะ 15,000 บาทต่อคนงานหนึ่งคน  ซึ่งผมถือว่าค่อนข้างสูงมากและส่วนใหญ่จะจัดหาเฉพาะงานก่อสร้าง  หรือโรงงาน  และส่วนมากจัดหาขั้นต่ำ 10 คน  ซึ่งผู้ประกอบการSME ถ้าต้องจ่ายเงินถึง 150,000 บาทต่อคนงาน 10 คนตามกฎหมายนั้นก็ถือว่าลงทุนสูง





เมื่อผมลองค้นเรื่องลักษณะงานที่ต่างด้าวจะได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำในไทยได้จะมีงานที่ห้ามทำ 39 อย่าง ได้แค่



     1. งานกรรมกร(ต่อมีมีข้อยกเว้น)

     2. งานกสิกรรรม งานเลี้ยงสัตว์ งานป่าไม้ หรืองานประมง ยกเว้นงานที่ใช้ความชำนาญ งานเฉพาะสาขา หรืองานงานควบคุมดูแลฟาร์ม  หรืองานกรรมกรในเรือประมงทางทะเล    

3. งานก่ออิฐ งานช่างไม้ หรืองานก่อสร้างอื่น    

4. งานแกะสลักไม้    

5. งานขับขี่ยานยนต์ หรืองานขับขี่ยานพาหนะที่ไม่ใช้เครื่องจักรหรือเครื่องกล ยกเว้นงานขับขี่เครื่องบินระหว่างประเทศ    

6. งานขายของหน้าร้าน    

7. งานขายทอดตลาด    

8. งานควบคุม ตรวจสอบหรือให้บริการบัญชี ยกเว้น งานตรวจสอบภายในชั่วคราว    

9. งานเจียระไน หรือขัดเพชรหรือพลอย    

10. งานตัดผม งานดัดผม หรืองานเสริมสวย    

11. งานทอผ้าด้วยมือ  

12. งานทอเสื่อ หรืองานทำเครื่องใช้ด้วยกก หวาย ปอ ฟาง หรือเยื่อไม้ไผ่  

13. งานทำกระดาษสาด้วยมือ  

14. งานทำเครื่องเขิน  

15. งานทำเครื่องดนตรีไทย  

16. งานทำเครื่องถม  

17. งานทำเครื่องทอง เครื่องเงิน หรือเครื่องนาก  

18. งานทำเครื่องลงหิน  

19. งานทำตุ๊กตาไทย  

20. งานทำที่นอนผ้าห่มนวม  

21. งานทำบัตร  

22. งานทำผลิตภัณฑ์จากผ้าไหมด้วยมือ  

23. งานทำพระพุทธรูป  

24. งานทำมีด  

25. งานทำร่มด้วยกระดาษหรือผ้า  

26. งานทำรองเท้า  

27. งานทำหมวก  

28. งานนายหน้า หรืองานตัวแทน ยกเว้น งานนายหน้าหรืองานตัวแทนในธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ  

29. งานในวิชาชีพวิศวกรรม สาขาวิศวกรรมโยธา ที่เกี่ยวกับงานออกแบบและคำนวณ จัดระบบ วิจัย วางโครงการ ทดสอบ ควบคุมการก่อสร้าง หรือให้คำแนะนำ ทั้งนี้ไม่รวมที่ต้องใช้ความชำนาญพิเศษ  

30. งานในวิชาชีพสถาปัตยกรรมที่เกี่ยวกับงานออกแบบเขียนแบบ ประมาณราคา อำนวยการก่อสร้างหรือให้คำแนะนำ  

31. งานประดิษฐ์เครื่องแต่งกาย  

32. งานปั้นหรือทำเครื่องปั้นดินเผา  

33. งานมวนบุหรี่ด้วยมือ  

34. งานมัคคุเทศก์ หรืองานจัดนำเที่ยว  

35. งานเร่ขายสินค้า  

36. งานเรียงตัวพิมพ์อักษรไทยด้วยมือ  

37. งานสาวและบิดเกลียวไหมด้วยมือ  

38. งานเสมียนพนักงานหรืองานเลขานุการ  

39. งานให้บริการทางกฎหมายหรืออรรถคดี  ยกเว้น

ก)      งานปฎิบัติหน้าที่อนุญาโตตุลาการ

ข)      งานว่าต่างแก้ต่างในชั้นอนุญาโตตุลาการ  ถ้ากฎหมายซึ่งใช้บังคับแก่ข้อพิพาทที่พิจารณาโดยอนุญาโตตุลาการนั้นมิใช่กฎหมายไทย  หรือเป็นกรณีที่ไม่ต้องขอบังคับคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการนั้นในราชอาณาจักรไทย  



**หมายเหตุ ตามมติคณะรัฐมนตรี ผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง 3 สัญชาติ (พม่า ลาว และกัมพูชา)  ทำงานได้ 2 อาชีพ คือ 1. งานกรรมกร และ 2. งานรับใช้ในบ้าน



ที่น่าสนสำหรับผมคือข้อ 6 และข้อ 35  ที่ห้ามต่างด้าวทำงานขายของหน้าร้านและห้ามทำงานเร่ขายสินค้า  เพราะทุกวันนี้จะพบต่างด้าวทำงานลักษณะนี้อยู่มิใช่น้อย  อย่างน้อยก็เป็นข้อมูลให้ท่านผู้อ่านทราบถึงว่างานสองประเภทที่เราพบบ่อยๆนั้น “ห้าม” เด็ดขาด  ถ้าพบเห็นคือผิดกฎหมายแน่นอนแจ้งตำรวจจับได้เลย  ถ้าแจ้งตำรวจแล้วไม่จับก็คงต้องแจ้งทหารไปจับแทนตามยุคสมัยนี้



มาดูงานที่กำหนดอนุญาตให้ต่างด้าวทำได้นั้น





1. กรรมกร(ทั่วไป)กรรมกร(ก่อสร้าง)

2. คนสวน

3. เลี้ยงสัตว์ ยกเว้น งานเลี้ยงไหม

4. ช่างปูน

5. ช่างไม้ก่อสร้าง

6. ช่างทาสี

7. ช่างไม้เครื่องเรือน

8. พนักงานซักรีดเสื้อผ้า

9. ช่างตัดเย็บเสื้อผ้า ยกเว้นเสื้อผ้าสตรี

10. พนักงานขายอาหารและเครื่องดื่ม

11. พนักงานผลิตอาหารและเครื่องดื่ม

12. พนักงานขายของหน้าร้าน

13. ช่างซ่อมจักรยาน

14. ช่างซ่อมเบาะรถ

15. ช่างซ่อมตัวถังรถ

16. ช่างซ่อมท่อไอเสียรถ

17. ช่างบัดกรีโลหะแผ่นด้วยมือ

18. ช่างเลื่อยไม้ในโรงงานแปรรูปไม้

19. ช่างซ่อมประตูหน้าต่าง

20. ช่างติดตั้งมุ้งลวด

21. ช่างย้อมผ้า

22. ช่างซ่อมรองเท้า

23. ช่างซ่อมนาฬิกา , ปากกา , แว่นตา

24. ช่างลับมีด

25. ช่างทำกรอบรูป

26. ช่างทำเครื่องทองและเครื่องเงิน

27. ช่างทอถักไหมพรมและทอผ้า ด้วยมือ





เด็กเสิร์ฟอาหารและงานกรรมกรจะอยู่ในหมวดที่อนุญาตให้ต่างด้าวทำได้ครับ  ซึ่งนอกจากต่างด้าวจะต้องขึ้นทะเบียนแล้วยังต้องขออนุญาตประกอบอาชีพกับรัฐไทยด้วย  โดยเสียค่าธรรมเนียมต่อปีไม่เท่ากันตามแต่ละอาชีพ  เมื่อก่อนคนไทยแถวภาคอีสานช่วงหน้าแล้งจะมาทำงานก่อสร้างหารายได้ตอนนี้อาจจะหางานยากขึ้นเพราะต่างด้าวมาทำแข่ง





นอกจากนี้  คนงานต่างด้าวถ้าหาไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดจะถูกผลักดันกลับประเทศทันทีตามนโยบาย

ยุ่งยากดีไหมครับเรื่องของแรงงานต่างด้าว  นี่หยิบมาแค่บางส่วนนะครับ  ไม่ได้พูดถึงเรื่องการลงทุนตาม BOI หรือนิคมอุตสาหกรรม  สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการขอคำปรึกษาด้านกฎหมายสามารถปรึกษากับทนายคู่ใจได้ครับ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่