อย่าง
DTAC เจอข่าวหุ้น
TRUE กับข่าวประมูล 4G จาก 129 ลงมา 17% เหลือ 107 อุ๊แม่จ้าว นี่มันยิ่งกว่ารัฐประหารสะอีก
รึ
RS ได้เงินจาก กสทช 427 ล้าน เกือบเท่า กำไรสะสม
476.47 ล้านบาท ข่าวดีชัดๆ แต่หุ้นกลับลงเอาลงเอา นี่มันอัลไลลกัน
หลายๆท่านอาจจะไม่ได้มีเงินลงทุนเป็นจำนวนมาก และ ไม่อาจรับความเสี่ยงที่เกิดจากตลาดที่ผันผวนมากๆได้
อย่างหนึ่งก็เพราะเงินลงทุนที่มีอยู่น้อยนั้น ก็เป็นเงินออมที่เหลือมาจากการใช้จ่ายในแต่ละเดือนอยู่แล้ว
หากเอาเงินออมมาลงทุนหุ้นทั้งหมด ก็กลัวว่าจะเสียหมดและจะไม่มีเงินออมเลย ไม่อยากจะเสี่ยง
ในความเป็นจริงแล้ว การออมหุ้นทุกๆเดือน หรือการทำ
Dollar Cost Averaging (DCA) นั้นเป็นเทคนิคที่น่าสนใจมากๆเลยทีเดียว
1. เหตุผลแรกก็คือ การซื้อหุ้นโดยไม่เกี่ยงราคา ด้วยจำนวนเงินเท่าเดิม ในทุกๆเดือน
จะไม่ใช่การตัดสินใจที่ "แย่ที่สุด" เสมอ แถมจะเป็นการตัดสินที่ "ดีกว่า" ซื้อหุ้นที่ราคาเฉลี่ย"เสมอ" อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น
ใช้เงิน 10000 บาท ซื้อหุ้นที่ราคา 10 บาท จะได้หุ้นทั้งหมด 1000 หุ้น
ใช้เงิน 10000 บาท ซื้อหุ้นที่ราคา 9 บาท จะได้หุ้นทั้งหมด 1111 หุ้น
ใช้เงิน 10000 บาท ซื้อหุ้นที่ราคา 8 บาท จะได้หุ้นทั้งหมด 1250 หุ้น
จะสังเกตเห็นว่า เรามีหุ้นที่ราคา 8 บาทเป็นจำนวนมากที่สุด
แปลว่าตัว weight ราคา ที่ราคาต่ำที่สุด จะมีเป็นจำนวนมากที่สุด "เสมอ" ราคาเฉลี่ยของเราจะค่อนไปที่ราคาแปดบาท มากกว่า เก้าบาท
ในขณะที่ถ้าซื้อหุ้นที่ราคา 9 บาท ด้วยเงิน 30000 บาท เราจะได้หุ้นทั้งหมด 3333 หุ้น ซึ่งน้อยกว่าการซื้อแบบ DCA ที่ 3361 หุ้น
จากตัวอย่างแม้ผลลัพธ์จะดีกว่าไม่มาก แต่หากเราเพิ่ม period เป็น 10 ครั้ง เป็น 20 ครั้ง ผลลัพธ์ก็จะยิ่งแตกต่างกันอย่างชัดเจนมากขึ้น
2. เหตุผลที่สองก็คือ DCA จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า การซื้อครั้งเดียวเป็นส่วนใหญ่ ทั้งในกรณี down trends และ sideways เช่น
ราคาหุ้นเริ่มแรก 10 บาท ไป 9 บาท ไป 10 บาท จะเห็นว่าการซื้อครั้งแรกเพียงครั้งเดียว จะไม่ได้กำไรจากการขึ้นลงแบบ sideways
แต่ด้วยระบบ DCA จะมีเงินที่เข้าซื้อในช่วง 9 บาท และได้กำไรเมื่อหุ้นกลับมาสิบบาทในครั้งต่อๆไปอยู่
3. DCA ไม่ต้องสำรองเงินไว้ล่วงหน้า ไม่จำเป็นต้องมีเงินต้นที่สูง เมื่อเปรียบเทียบกับระบบอื่นๆเช่น
KZM ที่จะต้องแบ่งเงินเป็นไว้ล่วงหน้าเพื่อเล่นเป็น zoneๆ
หรือระบบที่ หุ้นลงให้ทยอยขาย หากขึ้นให้ทยอยซื้อ
หรือ ระบบที่ซื้อครั้งเดียว จะซื้อถัวเมื่อต่อเมื่อลงมามากๆ
หรือ เล่นกราฟ ที่รอจังหวะเข้าซื้อ
ซึ่งระบบเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ต้องสำรองเงินสดไว้ เพื่อจะได้มีเงินเมื่อถึงจังหวะซื้อ
4. DCA บังคับให้เราต้องเล่นหุ้นในระยะยาว ไม่ใช้อารมณ์ในการซื้อขาย เพราะการเข้าซื้อแต่ละครั้งมีกำหนดเวลาที่แน่นอน
แม้ว่าหุ้นขึ้นลงแรงอย่างไร ระบบก็บังคับเราแบบกลายๆ ด้วยกฏที่ง่ายๆ ให้ไม่ซื้อไม่ขาย
DCA แม้ว่าจะมีประโยชน์มากมาย เหมาะสำหรับคนต้องการออมเงิน แต่ก็ไม่ใช่วิธีที่สร้างผลกำไรได้ มากที่สุด
เราควรเลือกระบบการลงทุนที่เหมาะสมกับเรามากที่สุดนะครับ
ขอให้ทุกท่านโชคดี
โชคดี บางตัวขึ้น บางตัวลง ไม่เห็นมีเหตุผลซักกะติ๊ดด
รึ RS ได้เงินจาก กสทช 427 ล้าน เกือบเท่า กำไรสะสม 476.47 ล้านบาท ข่าวดีชัดๆ แต่หุ้นกลับลงเอาลงเอา นี่มันอัลไลลกัน
หลายๆท่านอาจจะไม่ได้มีเงินลงทุนเป็นจำนวนมาก และ ไม่อาจรับความเสี่ยงที่เกิดจากตลาดที่ผันผวนมากๆได้
อย่างหนึ่งก็เพราะเงินลงทุนที่มีอยู่น้อยนั้น ก็เป็นเงินออมที่เหลือมาจากการใช้จ่ายในแต่ละเดือนอยู่แล้ว
หากเอาเงินออมมาลงทุนหุ้นทั้งหมด ก็กลัวว่าจะเสียหมดและจะไม่มีเงินออมเลย ไม่อยากจะเสี่ยง
ในความเป็นจริงแล้ว การออมหุ้นทุกๆเดือน หรือการทำ Dollar Cost Averaging (DCA) นั้นเป็นเทคนิคที่น่าสนใจมากๆเลยทีเดียว
1. เหตุผลแรกก็คือ การซื้อหุ้นโดยไม่เกี่ยงราคา ด้วยจำนวนเงินเท่าเดิม ในทุกๆเดือน
จะไม่ใช่การตัดสินใจที่ "แย่ที่สุด" เสมอ แถมจะเป็นการตัดสินที่ "ดีกว่า" ซื้อหุ้นที่ราคาเฉลี่ย"เสมอ" อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น
ใช้เงิน 10000 บาท ซื้อหุ้นที่ราคา 10 บาท จะได้หุ้นทั้งหมด 1000 หุ้น
ใช้เงิน 10000 บาท ซื้อหุ้นที่ราคา 9 บาท จะได้หุ้นทั้งหมด 1111 หุ้น
ใช้เงิน 10000 บาท ซื้อหุ้นที่ราคา 8 บาท จะได้หุ้นทั้งหมด 1250 หุ้น
จะสังเกตเห็นว่า เรามีหุ้นที่ราคา 8 บาทเป็นจำนวนมากที่สุด
แปลว่าตัว weight ราคา ที่ราคาต่ำที่สุด จะมีเป็นจำนวนมากที่สุด "เสมอ" ราคาเฉลี่ยของเราจะค่อนไปที่ราคาแปดบาท มากกว่า เก้าบาท
ในขณะที่ถ้าซื้อหุ้นที่ราคา 9 บาท ด้วยเงิน 30000 บาท เราจะได้หุ้นทั้งหมด 3333 หุ้น ซึ่งน้อยกว่าการซื้อแบบ DCA ที่ 3361 หุ้น
จากตัวอย่างแม้ผลลัพธ์จะดีกว่าไม่มาก แต่หากเราเพิ่ม period เป็น 10 ครั้ง เป็น 20 ครั้ง ผลลัพธ์ก็จะยิ่งแตกต่างกันอย่างชัดเจนมากขึ้น
2. เหตุผลที่สองก็คือ DCA จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า การซื้อครั้งเดียวเป็นส่วนใหญ่ ทั้งในกรณี down trends และ sideways เช่น
ราคาหุ้นเริ่มแรก 10 บาท ไป 9 บาท ไป 10 บาท จะเห็นว่าการซื้อครั้งแรกเพียงครั้งเดียว จะไม่ได้กำไรจากการขึ้นลงแบบ sideways
แต่ด้วยระบบ DCA จะมีเงินที่เข้าซื้อในช่วง 9 บาท และได้กำไรเมื่อหุ้นกลับมาสิบบาทในครั้งต่อๆไปอยู่
3. DCA ไม่ต้องสำรองเงินไว้ล่วงหน้า ไม่จำเป็นต้องมีเงินต้นที่สูง เมื่อเปรียบเทียบกับระบบอื่นๆเช่น
KZM ที่จะต้องแบ่งเงินเป็นไว้ล่วงหน้าเพื่อเล่นเป็น zoneๆ
หรือระบบที่ หุ้นลงให้ทยอยขาย หากขึ้นให้ทยอยซื้อ
หรือ ระบบที่ซื้อครั้งเดียว จะซื้อถัวเมื่อต่อเมื่อลงมามากๆ
หรือ เล่นกราฟ ที่รอจังหวะเข้าซื้อ
ซึ่งระบบเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ต้องสำรองเงินสดไว้ เพื่อจะได้มีเงินเมื่อถึงจังหวะซื้อ
4. DCA บังคับให้เราต้องเล่นหุ้นในระยะยาว ไม่ใช้อารมณ์ในการซื้อขาย เพราะการเข้าซื้อแต่ละครั้งมีกำหนดเวลาที่แน่นอน
แม้ว่าหุ้นขึ้นลงแรงอย่างไร ระบบก็บังคับเราแบบกลายๆ ด้วยกฏที่ง่ายๆ ให้ไม่ซื้อไม่ขาย
DCA แม้ว่าจะมีประโยชน์มากมาย เหมาะสำหรับคนต้องการออมเงิน แต่ก็ไม่ใช่วิธีที่สร้างผลกำไรได้ มากที่สุด
เราควรเลือกระบบการลงทุนที่เหมาะสมกับเรามากที่สุดนะครับ
ขอให้ทุกท่านโชคดี