ประเทศยังปฏิวัติ ผมว่าจะปฏิวัติญาติพี่น้องบ้าง(กระทู้อัดอั้น)

กระทู้คำถาม
ขอระบายหน่อย แบบอัดอั้นมานาน

ประเทศยังต้องปฏิวัติเลย
เราเองก็ต้องปฏิวิติ

จิงๆเราคิดมาเป็นปีๆๆๆๆ ตั้งแต่คราวนู้นแล้ว
ทำไมเราไม่กลับมาทำอะไรที่เราถนัด
แต่ไปเชื่อคำสั่งว่า ห้ามขายของ ทำให้เรานิ่งๆแบบนี้มา2ปี

มานึกถึงตอนนั้น เราลงทุนครั้งแรกแค่พันเดียว
พันเดียวจริงๆ ผมยังเสียดายเลยว่าตอนนั้นน่าจะเก็บเงิน
แต่ช่างมัน ล้มแล้วลุกใหม่ได้ ตอนนี้ก็ไม่เดือดร้อน อยู่ตัวแล้ว

ต่างคนต่างมุม

ญาติเราทุกคน เขาทำงานในระบบ ความภูมิใจของเรา เขามองว่าสิ่งที่เราทำมันไม่ใช่ มองว่าเราไม่ได้เรื่อง มีความคิดต่างกันสุดขั้วกับเรา แต่กับ ครอบครัวเพื่อนที่เขาให้คำปรึกษานั่นครอบครัวค้าขาย ปัจจุบันเขามีอพาร์ทเมนท์ เสือนอนกิน เขากลับมองเราเก่ง แต่กับญาติพี่น้องเราเขาก็ทำงานงกๆ

นี่แหละเกิดมาครอบครัวกินเงินเดือนทั้งบ้าน ไม่มีใครมีความคิดฉีกออกไปเลย ถึงเดือนมีเงินเดือนออก สิ้นปีมีโบนัส แค่นั้นแหละ
เราก็เล่าแทบตายญาติเขาไม่เชื่อว่าตอนนั้นเราทำขายของออนไลน์รายได้มันดีจริงๆ

ผมยังจำได้เลย นั่งเล่นเกมส์อยู่ ลูกค้าโทรมา ผมโอนไปแล้วนะครับ 1000 พรุ่งนี้ส่งของให้ด้วยนะครับ
ตี1โทรมาออเดอร์ นั่งจดออเดอร์ เช้ามาโอนเงิน 1500 - 2000
ไปนั่งดูหนังที่ลิโด้อยู่ปิดเครื่อง พอเปิดเครื่อง โอนมา 500 800
อีเมลลูกค้าประจำอย่างเดียว 100 กว่าคน ขาจรอีก5-6ร้อย
คือเราได้สัมผัสไง

พอเราอธิบาย แล้วเขาก็ว่าเราด่าเรา ไม่เชื่อที่เราพูด
เราก็มาคิด เออ เขาไม่ได้สัมผัสแบบนอนๆอยู่เงินเข้าบัญชี

เขาไม่เคยสัมผัสมัน
เขาสัมผัสแต่ เจ้านายสั่งมาต้องทำให้เสร็จ วันนี้มีประชุม อะไรแบบนี้

ตอนนั้นแฮปปีมาก ไม่ต้องยุ่งกับใครเลยไม่มีใครสั่ง ไม่มีใครด่า โอนมาแพ็คของส่งไป ให้เลขอีเอ็มเอส จบ

แต่ก็แน่ล่ะ ญาติเราเขาชอบดูถูกพ่อค้าแม่ค้า
มีอยู่ทีนึง เห็นคนแต่งตัวไม่ดี ก็ไปบอกว่ายายแม่ค้าตลาดสด
เอางี้ เราว่าแม่ค้าขายข้าวแกง ขายวันนึงต้องมี2-3พัน
หักทุนแล้ว ได้ 1000-1500
แม่ค้าข้าวแกงแถวบ้านเรา ขายคนเดียว เลี้ยงลูกเลี้ยงหลานเป็นขโยงได้

เราได้ยินวันนั้นขึ้นเลยนะ แต่ไม่พูดแค่นั้นเอง ค้าขายแล้วเป้นไง แม่ค้าพ่อค้าแล้วเป้นไง

ญาติเราเขาพยายามบอกว่าเราไม่ประสบความสำเร็จเพราะเราล้ม เหตุปัจจัยที่ล้มคือโดนจับ
(ตอนนั้นขายของก็อป ระเมิดลิขสิทธิ์) แต่ก็ทำมาหลายปีนะ 5-6ปีได้
และ ตอนทำ ผมเช่าหออยู่กับแฟน(ตอนนั้นคบกันอยู่) ถ้าอยู่บ้าน คงไม่ได้ทำหรอก
และ 2ปีแรกที่ทำผมโกหกด้วยว่าทำงานที่มหาลัยแห่งนึง แล้วความลับแตก
ขนาดอยู่คนละบ้าน พวกเขาก็ยังชอบโทรมาบ่น มาด่าเรื่องนี้
ตอนนั้นผมก็อึดอัน พวกคุณเป้นอะไรมาก มายุ่งอะไรกับผมนักหนาเนี่ย

พอโดนตร.จับ พ่อผมวิ่งหานายตำรวจ
ไม่โดนดำเนินคดี แต่เสียไปหลายอยู่ (เงินประกันก็เงินผมนั้นแหละ ใช่เงินพวกเขาที่ไหน แล้วเขาเดือดร้อนอะไร)
ผมเลยมาอยู่บ้าน ตอนแรกที่โดนจับ จะทำร้านกาแฟ(ก้อยังไม่คิดไปทำเงินเดือนอีก)
ทำห้องหน้าบ้าน (บ้านเป็นตึกแถว) ติดกระจก ติดแอร์ และก็เจ๊ง คราวนี้หมด หมดตัวจริงๆ
ผมไอเดียเกิดเสมอ ผมก็เอาห้องนั้นแหละ ให้คนอื่นเช่า เพราะมันติดกระจก ติดแอร์ อยู่ริมถนน เดือนละ9000
ยังมิวายโดนด่าว่า เอาบ้านให้เขาเช่ากินสมบัติเก่า
ผมไม่สน ผมบอกถ้าไม่ให้เช่า เอาเงินมาให้ผมเดือนละ 9000 มะ

ทำไมเขาลูกอีช่างติจังนะ รู้และ ทำไมไม่ไปไกลกว่านี้ซักที
เพราะคิดแค่มุมเดิมๆ ให้คนเช่าอหังสา เขาเรียกว่าให้เงินทำงานแทน คิดแล้วก็ปี๊ดอีกและ
คราวนี้ผมก็จากมีเงินกินใช้เดือนนึงเกินครึ่งแสน เหลือ9000 ก็ต้องปรับตัวล่ะ
ผมโดนห้ามขายอะไรทั้งนั้น ให้รองาน เขาจะฝากเข้าองค์กรใหญ่ให้ ถ้ามีเปิดสอบ
ผมยังแอบเอาของ เอานาฬิกามาขาย พยายามเอาของแท้แบบเซกั้นแฮนด์ เกรดพวกจีช็อก คาสิโอ้ เอามาชิ้นๆไป
ขายได้ก็ไปซื้อชิ้นใหม่มา ก็ได้อาทิตย์ละ2-3เรือน ตอนนี้ผมหมุนเวียน(รวมค่าเช่าบ้าน) ก็ประมาณ12000-15000 ผมก็คิดๆๆๆ อยากกลับไปขายของจัง ถ้ากลับมาทำ บ้านแตกแน่ (ผมคิดว่าเปลี่ยนจากขายของก็อปมาขายของมือสองแทน คงไม่โดนจับ)


เพราะความคิดพวกเขา คิดว่าเราว่าไม่ได้เรื่อง ที่เราทำมันไม่มีดีอยู่แล้วนี่ จะแคร์ไปทำไม

เขาพูดให้ตายก็เปลี่ยนความคิดเราไม่ได้
เพราะเราเคยสัมผัสนี่ นอนๆอยู่มีคนโอนตังมา และทุกวันด้วย สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ญาติเราเขาถามว่า อ้าวถ้าได้เงินแบบนั้น ไม่มีเงินเก็บล่ะ ก็ผมก็โทษใครไม่ได้ โทษตัวเอง ก็ เที่ยวทุกวัน แอบไปเที่ยว ออน. วันเว้นวัน ซื้อแบรนด์เนมใส่ กินของแพง แถม โดนผู้หญิงหลอกแdg พอเราล้มแม่มเลิกเลย หมดเงินแบบ เออ ช่างมัน เป็นบทเรียนเว้ย ตอนนี้รู้และว่าเราต้องบริหารยังไง จะไม่ให้ประวัติซ้ำรอย

ญาติเราก็อคติกันทุกคน  พูดคำเดียว งานเราไม่มั่นคง จะขายไปจนตายเหรอ
ถ้าขายได้วันละ2000+ ก็ขายไปจนตายแหละ
เชื่อมะ ญาติเราพยายามพูดให้ตายยังไงก็ไม่เชื่อ
ตอนนั้นที่ยังขายอยู่ ลูกค้าโทรมา เรายังพูดดังๆต่อหน้าให้ญาติเราได้ยิน
"โอนมา1500ใช่มั้ยครับ ครับ พรุ่งนี้ส่งให้ครับ"
"ขอรหัส EMS ใช่มั้ยครับ โอเคครับ"
อะไรแบบเนี้ย

มาคิดเป็นเดือนๆ หลายเดือน และ แล้วเราจะนิ่งอยู่ทำไม
คิดแต่ไม่ทำมันก็อยู่แค่ความคิด เขาบอกให้รองานก็รอเหรอ
แล้วถ้าเราเข้าระบบเมื่อไหร่ ยิ้มเหมือนติดคุกทันที
เพราะเราจบเกรดไม่สูง คณะธรรมดาๆ จาก ราชภัฏ
ที่จริงที่สอบม.ดังไม่ได้
ใครๆก็ว่าผมฉลาดนะ แต่ไม่ตั้งใจเรียน คือ ตอนเรียนเอาแค่พอผ่านพอ
เพราะตอนเรียนคิดว่าจบมาจะลงทุนทำอะไรเอง วุฒิคงไม่สำคัญ
และ ตอนนี้ผมก็มองว่ามันไม่สำคัญเหมือนเดิม
ที่จริงผมเป็นคนหงอกับญาติพี่น้อง คือ เขาให้เรียนให้จบน่ะ555+
ถ้าทำงานตอนนี้ ปีหน้าผมจะ30แล้ว ก็แก่แล้ว ช้ากว่าคนอื่น
ผมไม่เคยทำงานกินเงินเดือนมาก่อนเลย
ไปเป็นพนักงานก็เป็นพนักงานธรรมดาๆ
จริงๆผมพยายามพูดปากเปียกปากแฉะ เราสาธยายว่าเราทำอะไรได้บ้างนั้น

ญาติเราเคยด่าเราว่า ความสามารถแบบนี้ใช้กับงานในองค์กรไม่ได้หรอก
เออ ใช่ ความสามารถที่เราถนัด ไม่จำเป็น ทำงานองค์กร อย่างธุรการก็แค่ word Excel Powerpoint All in one ก็พอแล้วมั้ง
เขียนโปรแกรม สร้างเว๊บ ทำSEO สกิลสำรวจตลาด หาของมาขาย คงไม่ได้ใช้
เขาก็ให้เราปิ๊งไอเดียนะ เออ ถ้ามันไม่ใช่ความสามารถทางเรา
เราไม่ชอบ ทำแล้วไม่คิดว่ารุ่ง จะทำทำไม
มาล้มลุกคลุกคลานใหม่ดีกว่า ไม่ต้องพิสูจน์อะไรแล้ว
ทุกวันนี้ก็ไม่ได้ขอใครกิน
เพราะความคิดมันคนละละแบบกันอยู่แล้ว คิดไม่เหมือนกันก็ไม่มีอะไรจะคุย
แล้วถ้าเราทำงานที่เขาฝากให้
ถ้าเราอยากกลับมาทำอะไรของตัวเอง เกิดลาออก ก็โดนด่าอีก
ก็คนมันไม่ชอบ
จะกินค่าเช่าบ้าน และ ขายนาฬิกานิดหน่อยเนี่ยนะ
ทำไมเราไม่ขายจิงๆจังๆล่ะ
เริ่มใหม่ได้ ทุนตอนนี้เก็บเริ่มมีและ
เรามีความสามารถด้านนี้ ก็ใช้ด้านนี้

ใครไม่ยอมรับ ใครอคติ ช่างมัน
ต่อไปนี้ไม่ไปต่อล้อต่อเถียงด้วยและ

และ อีกอย่าง
ผมว่านะ การที่เราฟังใครมากๆ มันทำให้เราไม่เดิน
เพราะ ลูกอีช่างติ เนี่ยแหละทำเราไขว้เขว
ดังนั้นต่อไปนี้ ไม่ฟังใครและ ไม่ปรึกษาใครด้วย
เราจะทำ เจ๊งก็ทำใหม่ คิดใหม่ ทำไปทำไป
ยิ้มต้องจับอะไรได้ดีสักอย่างล่ะน่า

และ ตอนนี้ถ้าทำที่บ้าน เขาเห้นเราไปส่งของทีละ10กล่อง
เขาต้องไม่ชอบแน่ๆ ผมก้คิดนะ ย้ายไปเช่าห้องอยู่ดีมั้ย

และ ในเมื่อพวกเขาอคติกันทำยังไงให้พวกเขายอมรับเราได้

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่