พบว่าออฟฟิศที่ต่างจังหวัดทำสัญญาเช่าไม่ถูกต้อง ต้องการดำเนินการกับผู้นำมาปล่อยเช่า ควรทำอย่างไร

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆพี่ๆน้องๆในห้องศาลาประชาคม
วันนี้ขอปรึกษาและตั้งกระทู้ที่นี่เป็นครั้งแรกหน่อย ขอรบกวนเวลาทุกท่านช่วยอ่านรายละเอียดและชี้แนะหน่อยนะคะ

เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเช่าช่วงออฟฟิศของบริษัทที่เราทำงานอยู่เองค่ะ

ตอนนี้บริษัทเรา ขอเรียกว่า บริษัท เอส กำลังติดอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการเพิ่มสาขาของบริษัทเข้าไปในระบบของกรมสรรพากร
แต่ยังไม่เรียบร้อย เพราะติดเรื่องเอกสารประกอบของผู้ให้เช่าค่ะ

สาขาของบริษัทนั้นอยู่ที่สมุย แล้วสัญญาเช่าออฟฟิศ ทำในนามบริษัทกับบริษัท คือ ระหว่าง บริษัทเอส กับบริษัทเจที
หลังจากเราลองติดต่อกับสำนักงานสรรพากรหลายครั้ง ทางสท.พท. 18 ที่รับผิดชอบเขตเราก็ขอเอกสาร
เราก็พยายามควานหา ได้สัญญาเช่ามา ได้หนังสือรับรองของบริษัท เจทีมา ได้สำเนาพาสปอร์ตของกรรมการบริษัทเจทีมา (เป็นคนต่างชาติทั้งคู่)
แล้วก็ได้สำเนาทะเบียนบ้าน ซึ่งเป็นเลขที่เดียวกันกับที่ระบุในหนังสือรับรองของบริษัทเราว่าเป็นสำนักงานสาขามา นำมาให้สท.พท. 18
แต่เจ้าหน้าที่พิจารณาแล้ว บอกกับเราว่า ทะเบียนบ้านที่เรานำมาแสดงนั้น มันเป็นทะเบียนบ้านเปล่า
ต้องไปขอหลักฐานการแสดงความครอบครอง เช่น สัญญาซื้อขายห้องๆนี้หรือจดหมายชี้แจงจากบริษัทเจทีมาอีกว่าเขาเป็นเจ้าของ เป็นผู้มีกรรมสิทธิของห้องเลขที่ 10/15 นี้จริง เป็นต้น

เราก็ลองสืบค้นกลับไปดู ปรากฏว่าห้อง 10/15 ที่ทางบ.เจทีเอามาให้เราเช่านั้น เป็นของคนไทยอีกท่าน ชื่อคุณว.
แล้วทางเจที ได้ทำการเช่ามาจากคุณว.ก่อนมาให้เราเช่า พร้อมทั้งแสดงหลักฐานที่เขาทำกับคุณว.ด้วย
แต่เมื่อเราตรวจสอบเอกสารสัญญาเช่าทั้งหมด ปรากฏว่าพบความไม่ชอบดังนี้
1. สัญญาที่ทางเจทีทำกับเราลง ลงวันที่ 18 ก.พ. แต่สัญญาที่เขาทำกับคุณว. เพิ่งทำเมื่อ 23 เม.ษ.
2. ในสัญญาที่คุณว. ทำกับ เจที ระบุเอาไว้ในข้อ 10 ว่า เจทีไม่สามารถนำทรัพย์สินนี้ไปให้เช่าช่วงต่อได้
ยกเว้นว่าคนที่มาเช่า เป็นคู่ค้าทางธุรกิจ แต่ทั้งนี้ จะกระทำดังกล่าวได้ ต้องได้รับการยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากคุณว.ก่อน
ซึ่งคุณว.ไม่เคยออกเอกสารดังกล่าวให้
(เราเพิ่งติดต่อกับคุณว.ได้เมื่ออาทิตย์ก่อนเองค่ะ ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยทราบเรื่องเขามาก่อนเลย แต่เขายืนยันว่า เขาไม่ยินยอม)

อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทเราได้จ่ายเงินค่าเช่าทรัพย์สินเป็นออฟฟิศล่วงหน้าไปแล้ว 2 งวด ซึ่งครอบคลุมการเช่าถึงวันที่ 30 ธันวา 57 นี้
แต่เมื่อดูจากรูปการณ์ เท่ากับว่า ทางเจที ให้ข้อมูลเท็จและปิดบังข้อเท็จจริงแก่เรามาตั้งแต่ต้น

ขอเข้าสู่คำถามนะคะ ดังนี้

1. เมื่อพิจารณาทั้งหมด เท่ากับว่าสัญญาที่เราทำกับเจทีก็ถือเป็นโมฆะไปแล้วใช่ไหมคะ

2. เราสามารถเรียกร้องขอเงินค่าเช่าสำหรับ 6-7 เดือนที่เหลือคืนมาจากเจทีได้หรือไม่

3. ถ้าทำได้ ควรมีกระบวนการอย่างไรในการเรียกร้องเอาเงินคืน

4. ณ ขณะนี้ทราบว่าเราทำผิดเรื่องการแจ้งย้ายเข้าช้า ต้องเสียค่าปรับแน่นอน แต่นอกจากค่าปรับ เรามีสิทธิถูกดำเนินคดีร้ายแรงกว่านี้ไหมคะ

ต้องขอรบกวนขอคำแนะนำด้วยค่ะ
ขอบคุณมากๆสำหรับทุกคำตอบและความคิดเห็นล่วงหน้านะคะ

พาพันขอบคุณ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่