ยุทธวิธีทางทหารกับการวางแผนการเงิน

กระทู้สนทนา
จะเรียกว่าเป็นความบังเอิญ ก็น่าจะได้ ที่เช้าวันที่ 22 พ.ค. 2557 ไปสะดุดตากับหนังสือ เกี่ยวกับการบริหารเงินส่วนบุคคลเล่มหนึ่งในห้องสมุดมารวย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชื่อว่า SOLDIER OF FINANCE เขียนโดย เจฟฟ์ โรส
“ทหารแห่งการเงิน” แค่ชื่อเรื่องก็น่าสนใจแล้ว และที่สำคัญผู้เขียนยังเคยเป็นทหารจริงๆ ผ่านสนามรบจริงๆ มาแล้ว
ในสนามรบ ทหารอิรัก คือ ศัตรู และชัยชนะ คือ เป้าหมาย
แต่ในสนามรบทางการเงิน หนี้ เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่ง ขณะที่ ความมั่งคั่ง คือ เป้าหมาย
ก่อนจะไปเป็นทหาร ครอบครัวของเขามีปัญหาทางการเงิน พ่อของเขาเป็นหนี้สินรุงรัง ถูกฟ้องล้มละลาย 2 ครั้ง เขาต้องพักการเรียน ไม่ใช่ว่าไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม แต่เป็นเพราะเขาไม่ได้ใส่ใจที่จะจ่ายค่าเทอมภายในเวลาที่กำหนด
เจฟฟ์ บอกว่า ในช่วงนั้นเขาใช้ชีวิตไร้สาระไปวันๆ จนวันหนึ่งเขาได้ยินเรื่องสวัสดิการทหาร ที่จะทำให้ได้กลับไปเรียนอีกครั้ง เขาจึงสมัครเป็นทหารแห่งกองทัพสหรัฐ และการเป็นทหารเปลี่ยนชีวิตเขาจากวัยรุ่นที่ ผิดพลาดในชีวิตมาเป็นคนที่มีระเบียบวินัย มีเป้าหมายในชีวิต
วันนี้ เจฟฟ์เป็นนักวางแผนการเงินส่วนบุคคล ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาการลงทุน และเป็นกูรูด้านการเงินส่วนบุคคลที่ได้รับความนิยมอีกคนหนึ่งของสหรัฐ
“ไม่ได้หมายความว่า ทุกคนที่มีปัญหาทางการเงินจะต้องมาสมัครเป็นทหาร เพราะแม้จะไม่ได้เป็นทหารก็สามารถนำหลักปฏิบัติของทหารมาใช้ในการวางแผนการเงินได้”
นั่นคือ
1.สร้างวินัยในตัวเอง
2.ฝึกให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ทางการเงินที่จะต้องเผชิญ
3.วางแผนปฏิบัติการ เรียนรู้ และนำไปปฏิบัติ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
ปฏิญาณตน
เจฟฟ์ บอกว่า ชีวิตการเป็นทหารของเขาเริ่มต้นอย่างเป็นทางการหลังจากการกล่าวคำปฏิญาณ
การเป็น “ทหารแห่งการเงิน” ก็ต้องเริ่มจากการให้คำมั่นกับตัวเองว่า เราจะเปลี่ยนแปลงชีวิต เปลี่ยนนิสัยทางการเงิน และเพื่อกระตุ้นตัวเอง เพราะฉะนั้น เราต้องมีคำปฏิญาณของเราเอง
เจฟฟ์ยกตัวอย่างคำปฏิญาณของเขาในฐานะ “ทหารแห่ง การเงิน” ว่า
ข้าพเจ้า เป็นทหารแห่งการเงิน
ข้าพเจ้า เคารพต่อเงิน แต่ไม่ได้บูชาเงิน
ข้าพเจ้า จะควบคุมการเงินของข้าพเจ้า ไม่ให้มันควบคุม ข้าพเจ้า
ข้าพเจ้า จะวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ และปฏิบัติตามแผนที่วางไว้
ข้าพเจ้า พร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งสิ่งที่เป็นไปตามแผน และสิ่งที่ไม่ได้คาดคิด
ข้าพเจ้า พร้อมที่จะเรียนรู้ มีรายได้ ลงทุน และแบ่งปัน
เพราะ ข้าพเจ้า คือ ทหารแห่งการเงิน
คำปฏิญาณของเรา ไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร แต่มันต้องเป็นสิ่งที่เราต้องการ และต้องมีความชัดเจน
นอกจากนี้ เมื่อมีคำปฏิญาณแล้ว เจฟฟ์ บอกว่า จะแค่อ่านเบาๆ ไม่ได้ ต้องตะโกนออกมาดังๆ (ให้เข้มแข็งจริงจังแบบทหารหาญ) เพราะการได้ยินคำพูดที่ออกมาจากปากจะช่วยให้เราจดจำสิ่งที่พูด และคอยเตือนใจเราอยู่เสมอว่า เรามุ่งมั่นตั้งใจจะทำอะไร และเรามีเป้าหมายอย่างไร
เพื่อนร่วมรบ
สำหรับทหารพวกเขาเป็นเหมือนครอบครัว พวกเขาเรียนรู้ที่จะไว้ใจคนอื่น พึ่งพาคนอื่น และในขณะเดียวกัน ก็คอยระวังหลังให้คนอื่นด้วยเช่นกัน
ในสนามรบทางการเงิน เจฟฟ์จึงแนะนำให้เราหา “เพื่อนร่วมรบ” ซึ่งอาจจะเป็นใครก็ได้ที่คิดว่า รู้จักตัวเราดีที่สุด อาจจะเป็น พี่น้อง อาจจะเป็นเพื่อนสนิท หรืออาจจะเป็นใครก็ได้ที่เราเชื่อใจว่า คนคนนั้นจะพูดความจริงกับเราเสมอ แม้ว่าคำพูดพวกนั้นอาจจะทำให้เราไม่พอใจ
เจฟฟ์ บอกว่า เพื่อนร่วมรบอันดับหนึ่งของเขา คือ ภรรยาของเขาเอง เพราะ “เธอเป็นคนที่ผมสามารถพูดคุยได้ด้วยทุกเรื่อง เธอเป็นคนที่รู้จักผมดีที่สุด เธอรู้ว่าเป้าหมายของผมคืออะไร และเธอจะคอยให้กำลังใจเวลาที่ผมผิดหวังหรือเสียใจ”
ในขณะเดียวกัน เจฟฟ์ก็เป็นเพื่อนร่วมรบที่ดีสำหรับภรรยาของเขาเช่นกัน... พวกเขาวางแผนการเงินร่วมกัน
และไม่ใช่แค่การหาเพื่อร่วมรบเท่านั้น แต่ยังต้องรู้ด้วยว่า ใครเป็น “เหยี่ยวสีน้ำเงิน” ซึ่งเจฟฟ์ บอกว่า ถ้าทหารคนไหนไม่ใช่เพื่อนร่วมรบที่ดี ก็จะเรียกพวกเขาว่า “เหยี่ยวสีน้ำเงิน” และชีวิตอาจจะล้มเหลวได้ถ้าไปยกให้คนพวกนี้เป็นเพื่อนร่วมรบ
จริงๆ แล้วเหยี่ยวสีน้ำเงินไม่ใช่คนที่คิดร้ายหรือไม่หวังดีกับเรา เพราะส่วนใหญ่พวกเขาก็รู้ตัวว่า พวกเขากำลังทำผิดอยู่ และบางครั้งพวกเขาก็คือคนในครอบครัวของเรานี่เอง
สำหรับเจฟฟ์ เขาบอกว่า เหยี่ยวสีน้ำเงินในชีวิตเขา คือ พ่อของเขาเอง เพราะพ่อของเขาไม่ใช่แค่มีนิสัยทางการเงินแบบผิดๆ แต่พ่อเขายังพยายามจะแนะนำสิ่งผิดๆ ให้กับเขาอีกด้วย
“เหยี่ยวสีน้ำเงินอาจจะเป็นเพื่อนร่วมงาน เพื่อนสนิท คนในครอบครัว หรือเป็นใครก็ได้ ที่มักจะทำให้เราผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับตัวเอง เช่น ทันทีที่เราบอกว่าจะซื้อเสื้อผ้าให้น้อยลง เหยี่ยว สีน้ำเงินจะชวนเราไปช็อป หรือถ้าเราบอกว่าเราจะไม่กินข้าวนอกบ้าน เหยี่ยวสีน้ำเงินจะชวนเราไปดินเนอร์มื้อใหญ่”
เมื่อรู้แล้วว่าใครบ้างที่เป็นเหยี่ยวสีน้ำเงินในชีวิตเรา ก็พยายามจะใช้เวลากับพวกเขาให้น้อยที่สุด
รู้จักศัตรู
เจฟฟ์ บอกว่า ในการรบ “ข้อมูล” เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด โดยเฉพาะข้อมูลของศัตรู เพราะจะทำให้ผู้บัญชาการรบจะตัดสินใจเลือกใช้ยุทธวิธีใดเพื่อที่จะเอาชนะศัตรูให้ได้
ในชีวิตเรา ศัตรูที่จะมาทำลายอนาคตของเรา คือ หนี้ เพราะฉะนั้น เราต้องกำจัดออกไปให้ได้
ในสนามรบ การรายงานข้อมูลจะมีแบบฟอร์ม ที่เรียกว่า SPOT Report เพื่อจะบอกว่า ข้าศึกอยู่ตรงไหน มีจำนวน เท่าไร กำลังทำอะไร มีอาวุธอะไร แต่สำหรับศัตรูทางการเงิน เจฟฟ์เรียกแบบการรายงานข้อมูลที่เราจำเป็นต้องรู้ว่า SPIT Report
S = Size of the debt (จำนวนหนี้)
P = Payment (ยอดชำระในแต่ละเดือน)
I = Interest rate (อัตราดอกเบี้ย)
T = Type of debt (ประเภทหนี้)
จากนั้นก็จดทั้งหมดนี้ลงในกระดาษ และจะช่วยวิเคราะห์ได้ว่า สถานการณ์หนี้ของเราเป็นอย่างไร หนักหนาแค่ไหน
ถ้าหากมีภาระหนี้มาก เจฟฟ์ บอกว่า ต้องใจเย็นๆ ค่อยๆ แก้ ค่อยๆ จ่าย และจะทำให้สถานการณ์ค่อยๆ ดีขึ้น และผ่านปัญหาไปได้ในที่สุด เหมือนกับการคลานต่ำ (Low Crawl) ที่เป็นการทำให้ตัวเป็นเป้าที่ต่ำที่สุด ลำตัวแนบติดพื้นมากที่สุด และเป็นการเคลื่อนที่แบบช้าๆ โดยใช้เมื่อมีการตรวจการณ์ หรือระดมยิงอย่างหนักจากข้าศึก
กำหนดภารกิจ
การวางแผนการเงินที่ดี ต้องกำหนดเป้าหมาย ทั้งเป้าหมายระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งเจฟฟ์ บอกว่า การตั้งเป้าหมายทางการเงินก็เหมือนกับการกำหนดภารกิจทางทหาร ซึ่งหากต้องการบรรลุภารกิจก็ต้องมี “คำสั่งยุทธการ” (OPORD) ซึ่งในทางการเงินมีอยู่ 7 ขั้นตอน ได้แก่
1.ตั้งชื่อภารกิจ
2.กำหนดรายละเอียดของภารกิจ
3.กำหนดระยะเวลาของภารกิจ
4.ประเมินสถานการณ์ว่า มีจุดอ่อน จุดแข็งอย่างไร
5.วางแผนโจมตี
6.ลงมือปฏิบัติ
7.ทบทวนและปรับแผนหากเพลี่ยงพล้ำ
FRAGO
เพราะไม่มีใครรู้ว่า อนาคตจะเกิดอะไรขึ้น อาจจะต้องการเปลี่ยนแผนกลางทาง ซึ่งเจฟฟ์ บอกว่า ในทางทหารหากมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่ง พวกเขาจะเรียกว่า Fragmentary Order หรือ FRAGO และในทางการเงินเราก็จำเป็นต้องมี FRAGO เช่นกัน
แต่ FRAGO ของเราจะย่อมาจาก Financial Reserve and Goal Fund (FRAGO Fund) ซึ่งจะเป็นเงินที่เตรียมไว้สำหรับ เหตุการณ์ไม่คาดคิด โดยต้องมีให้พอสำหรับค่าใช้จ่ายต่างๆ ใน บ้านอย่างน้อยที่สุด 1 เดือน
เพราะ FRAGO Fund เป็นเงินสำหรับฉุกเฉิน เพราะฉะนั้น ควรจะเก็บไว้ในบัญชีเงินฝาก เพื่อให้เบิกออกมาใช้ได้ง่าย แต่เป็นเพราะบัญชีออมทรัพย์ให้ดอกเบี้ยน้อย เพราะฉะนั้น เจฟฟ์จึงไม่แนะนำให้เก็บเงินไว้ในบัญชีนี้มากเกินไป เพราะเงินที่นอนนิ่งๆ นี้จะเสียโอกาสหาผลตอบแทนจากการลงทุน (แต่ก่อนจะคิดนำเงินไปลงทุน ต้องแน่ใจว่า เงินใน FRAGO Fund เพียงพอแล้ว)
นอกจากนี้ เจฟฟ์ ยังแนะนำว่า แม้ว่าจะเป็นเงินจำนวนไม่มาก แต่ก็ต้องเลือกฝากกับธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยสูง เพื่อให้เงินได้ทำงานบ้าง และไม่ถูกเงินเฟ้อเล่นงานจนทำให้มูลค่าลดลง
เสื้อเกราะป้องกัน
เจฟฟ์ เล่าว่า ท่ามกลางอากาศร้อนในสนามรบที่อิรัก นอกจากต้องใส่เครื่องแบบทหารที่เนื้อผ้าหนาและแบกอาวุธหนักๆ แล้ว พวกเขาต้องสวมเสื้อเกราะที่มีน้ำหนักมากกว่า 7 กก. ไปด้วยทุกครั้ง
แน่นอนว่า เขาไม่ชอบเท่าไร เพราะทั้งหนักและร้อน แต่ก็เป็นสิ่งที่ต้องทำ เพราะมันคือการป้องกันชีวิต เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะอึดอัดรำคาญแค่ไหน ก็ต้องใส่ไว้ตลอดเวลา
เจฟฟ์ เปรียบเทียบว่า การทำประกันก็เหมือนการสวมเสื้อเกราะในสนามรบ เพราะฉะนั้น เขาจึงแนะนำให้ “ทหารแห่งการเงิน” ทำประกันเอาไว้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุ และประกันภัยทรัพย์สิน
แม้ว่าจะเพิ่มความลำบากในการเคลื่อนตัว แต่ก็ทำให้ สบายใจ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่