ความต่างระหว่าง Full Stealth, Semi-Stealth

กระทู้สนทนา
นี่คือคำอธิบายความแตกต่างระหว่าง "สเตลธ์เต็มรูปแบบ" กับ "กึ่งสเตลธ์"
🦇 สเตลธ์เต็มรูปแบบ (Full Stealth)
เรือประเภทนี้ถูกออกแบบมาให้ "เรียบ" ที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยมีเป้าหมายเพื่อ ลดการตรวจจับให้ได้สูงสุด ครับ
* เสากระโดง: จะเป็นแบบ "เสาปิด" (Integrated Mast) คือเป็นโครงสร้างชิ้นเดียวที่เรียบสนิทไปกับตัวเรือ โดยซ่อนเรดาร์และเซ็นเซอร์ทั้งหมดไว้ข้างใน
* อาวุธ: ซ่อนไว้ในตัวเรือทั้งหมด เช่น ท่อยิงแนวดิ่ง (VLS), ตอร์ปิโด, หรือแม้แต่ขีปนาวุธต่อต้านเรือ จะถูกเก็บไว้ใต้ดาดฟ้า หรือหลังแผงปิดที่เรียบไปกับตัวเรือ
* อุปกรณ์อื่นๆ: แม้แต่เรือเล็กหรือแพชูชีพ ก็จะถูก ซ่อนไว้ในช่องด้านข้างตัวเรือ และมีประตูปิดทับอย่างเรียบร้อย
(ตัวอย่าง: ร.ล. ภูมิพลอดุลยเดช, OCEAN-40F)

🛡️ กึ่งสเตลธ์ (Semi-Stealth)
เรือประเภทนี้คือการนำเรือรบมา "ปรับปรุง" ให้ดีขึ้น แต่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อซ่อนตัว 100% โดยมีเป้าหมายเพื่อ ลดการตรวจจับลงบ้าง
* เสากระโดง: มักจะยังใช้ "เสาแบบโครงถัก" (Lattice Mast) ซึ่งเป็นเสาแบบเก่าที่เปิดโล่ง ทำให้เรดาร์ศัตรูตรวจจับได้ง่ายมาก
* อาวุธ: วางอยู่บนดาดฟ้า เช่น แท่นยิงขีปนาวุธต่อต้านเรือ หรือปืนรอง จะวางอยู่แบบเปิดโล่ง ทำให้เกิดจุดสะท้อนเรดาร์จำนวนมาก
* อุปกรณ์อื่นๆ: เรือเล็กและแพชูชีพมักจะ วางอยู่บนดาดฟ้า ไม่ได้ถูกซ่อน
(ตัวอย่าง: Type 056 ของกัมพูชา)

เรือของเมียนมาร์ (พม่า) จัดอยู่ในกลุ่ม "กึ่งสเตลธ์" (Semi-Stealth) ครับ
เรือฟริเกตที่เมียนมาร์ต่อเองทั้งหมด (ร.ล. อองซียา, ชั้น Kyan Sittha และ ร.ล. King Tabinshwehti) มีลักษณะดังนี้:
* จุดที่เป็นสเตลธ์: ออกแบบ ตัวเรือให้ลาดเอียง เพื่อลดการสะท้อนเรดาร์
* จุดที่ "ไม่" เป็นสเตลธ์: ยังคงใช้ "เสากระโดงแบบโครงถัก" (Lattice Mast) และมี อาวุธวางอยู่บนดาดฟ้า (เช่น VLS และปืนรอง) ที่ไม่ได้ถูกซ่อนไว้หลังแผงปิด
ดังนั้น เรือเหล่านี้จึงไม่ถือเป็น "สเตลธ์เต็มรูปแบบ" ครับ



เรือกลุ่ม "กึ่งสเตลธ์" (เช่น Gepard ของเวียดนาม, Kyan Sittha ของเมียนมาร์, Type 056 ของกัมพูชา) ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ "ล่องหน" แต่ถูกออกแบบมาให้ "สร้างความสับสน" บนจอเรดาร์
ศัตรูจะเห็นเรือเหล่านี้มีขนาดการสะท้อน (RCS) เทียบเท่ากับ "เรือประมงพาณิชย์ขนาดใหญ่" หรือ "เรือขนส่งสินค้าชายฝั่ง"
แม้จะมีจุดอ่อนที่ "เสากระโดงแบบโครงถัก" ยังสะท้อนเรดาร์ แต่เป้าหมายทางยุทธวิธีคือ:
* การพรางตัวในฝูงชน: ในน่านน้ำที่การจราจรหนาแน่น ศัตรูจะไม่สามารถแยกแยะได้ทันทีว่าเป้าหมายคือเรือรบ หรือแค่เรือพลเรือน
* การซื้อเวลา: ความสับสนนี้บังคับให้ศัตรูต้องเสียเวลา "พิสูจน์ทราบเป้าหมาย" ซึ่งเปิดโอกาสให้ฝ่ายเรา (ที่ซ่อนตัวอยู่) ชิงโจมตีก่อนได้ครับ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เรือ "สเตลธ์เต็มรูปแบบ" (เช่น ร.ล. ภูมิพลอดุลยเดช) ถูกออกแบบมาให้มีขนาดสะท้อนเรดาร์ (RCS) เล็กสุดขั้ว เทียบเท่ากับ "เรือประมงไม้ลำเล็กๆ" หรือ "เรือสปีดโบ๊ท"
เป้าหมายทางยุทธวิธี ไม่ใช่แค่การ "พรางในฝูงชน" แต่คือ "การจมหายไปกับสัญญาณรบกวน" ครับ
* จมหายใน "Sea Clutter": ลายเซ็นของเรือมีขนาดเล็กพอๆ กับ "คลื่นทะเล" บนจอเรดาร์
* สร้างความสับสน: เจ้าหน้าที่เรดาร์ศัตรูมีแนวโน้มที่จะ "เมินเฉย" คิดว่าเป็นแค่คลื่น, ทุ่นลอย, หรือฝูงนก
* เห็นเมื่อสายไป: ศัตรูจะยืนยันเป้าหมายได้ก็ต่อเมื่อเรือเข้าใกล้ในระยะที่สายเกินไปแล้ว ซึ่งนี่คือความได้เปรียบสูงสุดครับ


ย่อการเปรียบเทียบการเอาตัวรอดในสนามรบ:
* 🛡️ กึ่งสเตลธ์ (Semi-Stealth):
   * เป้าหมาย: การ "ปลอมตัว" (Disguise)
   * การเอาตัวรอด: ศัตรู "เห็น" แต่ "สับสน" คิดว่าเป็นเรือประมงขนาดใหญ่ จึงต้อง "เสียเวลา" เข้ามาตรวจสอบ ความอยู่รอดขึ้นอยู่กับการ "ซื้อเวลา" ก่อนถูกพิสูจน์ทราบ
* 🦇 สเตลธ์เต็มรูปแบบ (Full Stealth):
   * เป้าหมาย: การ "ล่องหน" (Invisibility)
   * การเอาตัวรอด: ศัตรู "ไม่เห็น" หรือ "เมินเฉย" คิดว่าเป็นแค่คลื่นรบกวน (Sea Clutter) ศัตรูจึง "ไม่รู้ตัว" เลยว่ามีภัยคุกคามอยู่ ความอยู่รอดจึงสมบูรณ์กว่ามาก เพราะ "ไม่ถูกตรวจจับ" ตั้งแต่แรก


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่