นี่คือคำอธิบายความแตกต่างระหว่าง "สเตลธ์เต็มรูปแบบ" กับ "กึ่งสเตลธ์"
🦇 สเตลธ์เต็มรูปแบบ (Full Stealth)
เรือประเภทนี้ถูกออกแบบมาให้ "เรียบ" ที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยมีเป้าหมายเพื่อ ลดการตรวจจับให้ได้สูงสุด ครับ
* เสากระโดง: จะเป็นแบบ "เสาปิด" (Integrated Mast) คือเป็นโครงสร้างชิ้นเดียวที่เรียบสนิทไปกับตัวเรือ โดยซ่อนเรดาร์และเซ็นเซอร์ทั้งหมดไว้ข้างใน
* อาวุธ: ซ่อนไว้ในตัวเรือทั้งหมด เช่น ท่อยิงแนวดิ่ง (VLS), ตอร์ปิโด, หรือแม้แต่ขีปนาวุธต่อต้านเรือ จะถูกเก็บไว้ใต้ดาดฟ้า หรือหลังแผงปิดที่เรียบไปกับตัวเรือ
* อุปกรณ์อื่นๆ: แม้แต่เรือเล็กหรือแพชูชีพ ก็จะถูก ซ่อนไว้ในช่องด้านข้างตัวเรือ และมีประตูปิดทับอย่างเรียบร้อย
(ตัวอย่าง: ร.ล. ภูมิพลอดุลยเดช, OCEAN-40F)
🛡️ กึ่งสเตลธ์ (Semi-Stealth)
เรือประเภทนี้คือการนำเรือรบมา "ปรับปรุง" ให้ดีขึ้น แต่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อซ่อนตัว 100% โดยมีเป้าหมายเพื่อ ลดการตรวจจับลงบ้าง
* เสากระโดง: มักจะยังใช้ "เสาแบบโครงถัก" (Lattice Mast) ซึ่งเป็นเสาแบบเก่าที่เปิดโล่ง ทำให้เรดาร์ศัตรูตรวจจับได้ง่ายมาก
* อาวุธ: วางอยู่บนดาดฟ้า เช่น แท่นยิงขีปนาวุธต่อต้านเรือ หรือปืนรอง จะวางอยู่แบบเปิดโล่ง ทำให้เกิดจุดสะท้อนเรดาร์จำนวนมาก
* อุปกรณ์อื่นๆ: เรือเล็กและแพชูชีพมักจะ วางอยู่บนดาดฟ้า ไม่ได้ถูกซ่อน
(ตัวอย่าง: Type 056 ของกัมพูชา)
เรือของเมียนมาร์ (พม่า) จัดอยู่ในกลุ่ม "กึ่งสเตลธ์" (Semi-Stealth) ครับ
เรือฟริเกตที่เมียนมาร์ต่อเองทั้งหมด (ร.ล. อองซียา, ชั้น Kyan Sittha และ ร.ล. King Tabinshwehti) มีลักษณะดังนี้:
* จุดที่เป็นสเตลธ์: ออกแบบ ตัวเรือให้ลาดเอียง เพื่อลดการสะท้อนเรดาร์
* จุดที่ "ไม่" เป็นสเตลธ์: ยังคงใช้ "เสากระโดงแบบโครงถัก" (Lattice Mast) และมี อาวุธวางอยู่บนดาดฟ้า (เช่น VLS และปืนรอง) ที่ไม่ได้ถูกซ่อนไว้หลังแผงปิด
ดังนั้น เรือเหล่านี้จึงไม่ถือเป็น "สเตลธ์เต็มรูปแบบ" ครับ
เรือกลุ่ม "กึ่งสเตลธ์" (เช่น Gepard ของเวียดนาม, Kyan Sittha ของเมียนมาร์, Type 056 ของกัมพูชา) ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ "ล่องหน" แต่ถูกออกแบบมาให้ "สร้างความสับสน" บนจอเรดาร์
ศัตรูจะเห็นเรือเหล่านี้มีขนาดการสะท้อน (RCS) เทียบเท่ากับ "เรือประมงพาณิชย์ขนาดใหญ่" หรือ "เรือขนส่งสินค้าชายฝั่ง"
แม้จะมีจุดอ่อนที่ "เสากระโดงแบบโครงถัก" ยังสะท้อนเรดาร์ แต่เป้าหมายทางยุทธวิธีคือ:
* การพรางตัวในฝูงชน: ในน่านน้ำที่การจราจรหนาแน่น ศัตรูจะไม่สามารถแยกแยะได้ทันทีว่าเป้าหมายคือเรือรบ หรือแค่เรือพลเรือน
* การซื้อเวลา: ความสับสนนี้บังคับให้ศัตรูต้องเสียเวลา "พิสูจน์ทราบเป้าหมาย" ซึ่งเปิดโอกาสให้ฝ่ายเรา (ที่ซ่อนตัวอยู่) ชิงโจมตีก่อนได้ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ถ้าเรามองเรือกลุ่ม "กึ่งสเตลธ์" ที่เหลือในอาเซียน (เช่น Gepard 3.9 ของเวียดนาม, Kyan Sittha ของเมียนมาร์, Type 056 ของกัมพูชา, หรือ Diponegoro ของอินโดนีเซีย)
เป้าหมายในการออกแบบของเรือกลุ่มนี้ คือการลดขนาดการสะท้อนเรดาร์ (RCS) ลงจากเรือรบปกติ
ดังนั้น บนจอเรดาร์ของศัตรู เรือเหล่านี้จะไม่ "สว่างจ้า" เหมือนเรือรบขนาด 3,000-4,000 ตันในยุคเก่า แต่จะถูกลดขนาดลงมาจนเกิด "ความสับสน" (Ambiguity) ครับ
บนจอเรดาร์ เรือเหล่านี้จะมีขนาดการสะท้อน (RCS) ใกล้เคียงกับ:
"เรือประมงพาณิชย์ขนาดใหญ่" (Large Fishing Trawler) หรือ "เรือขนส่งสินค้าชายฝั่งขนาดเล็ก" (Small Coastal Freighter)
นี่คือเหตุผลและความสำคัญในทางยุทธวิธีครับ:
* จุดอ่อนที่ยังคงอยู่ (Lattice Masts): สาเหตุที่มันไม่ "หายไป" จากจอเรดาร์ ก็เพราะเรือกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ (เช่น Gepard, Kyan Sittha, Type 056) ยังคงใช้ "เสากระโดงแบบโครงถัก" ซึ่งเป็นจุดสะท้อนเรดาร์ชั้นดี
* เป้าหมายคือการ "พรางตัวในฝูงชน":
* ในน่านน้ำยุทธศาสตร์อย่างอ่าวไทย หรือทะเลจีนใต้ ซึ่งเต็มไปด้วยเรือประมงและเรือสินค้าหลายพันลำ การที่เรือรบมีขนาดเรดาร์ "ใกล้เคียง" กับเรือพลเรือนเหล่านั้น ถือเป็นความได้เปรียบมหาศาล
* เจ้าหน้าที่เรดาร์ของศัตรูจะไม่สามารถชี้ชัดได้ในทันทีว่า "จุด" นั้นคือเรือรบ หรือเป็นแค่เรือประมงที่วิ่งอยู่
* ซื้อเวลา (Buying Time):
* ความสับสนนี้บังคับให้ศัตรูต้อง "เสียเวลา" ในการพิสูจน์ทราบเป้าหมาย (Positive Identification) เช่น ต้องส่งเครื่องบินลาดตระเวนมาดู หรือต้องใช้เรดาร์ขั้นสูงเพื่อจำแนก
* ในขณะที่ศัตรูกำลังลังเล เรือ "กึ่งสเตลธ์" เหล่านี้ก็สามารถ "เห็น" ศัตรู (ที่กำลังเปิดเรดาร์ค้นหา) และเตรียมชิงโจมตีก่อนได้ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สำหรับเรือ "พรางตัวเต็มรูปแบบ" (Full Stealth) (เช่น ร.ล. ภูมิพลอดุลยเดช, ชั้น Formidable, หรือ MEKO A-200) เป้าหมายของพวกเขาคือการลดขนาดสะท้อนเรดาร์ (RCS) ลงให้สุดขั้วครับ
บนจอเรดาร์ของศัตรู เรือฟริเกตสเตลธ์เต็มรูปแบบขนาด 3,000-4,000 ตัน จะมีขนาดการสะท้อนเท่ากับ:
"เรือประมงไม้ลำเล็กๆ" (a small wooden fishing boat) หรือ "เรือสปีดโบ๊ท" (a speedboat)
นี่คือจุดที่ "สเตลธ์เต็มรูปแบบ" ก้าวข้าม "กึ่งสเตลธ์" ไปอีกขั้นอย่างสิ้นเชิงครับ:
เป้าหมายไม่ใช่แค่ "พรางในฝูงชน" แต่คือ "การจมหายไปกับสัญญาณรบกวน"
* การจมหายใน "Sea Clutter":
ในสภาพทะเลจริง โดยเฉพาะเมื่อมีคลื่นลม จอเรดาร์จะเต็มไปด้วย "จุดรบกวน" เล็กๆ จำนวนมากที่เกิดจากคลื่นทะเลสะท้อนกลับ (เรียกว่า Sea Clutter) เรือสเตลธ์เต็มรูปแบบถูกออกแบบมาให้มี "ลายเซ็น" (RCS) เล็กพอๆ กับสัญญาณรบกวนเหล่านี้
* ความสับสนของผู้ปฏิบัติงาน:
เจ้าหน้าที่เรดาร์ของศัตรูอาจเห็น "จุดเล็กๆ" วูบวาบบนจอ แต่พวกเขามีแนวโน้มสูงที่จะ เมินเฉย (Dismiss) ว่ามันเป็นแค่ "คลื่น" "ทุ่นลอย" หรือ "ฝูงนก" ไม่ใช่เรือรบขนาดมหึมาที่ติดอาวุธหนัก
* "เห็นเมื่อสายไป":
ศัตรูจะ "ไม่สามารถ" ยืนยันเป้าหมายได้เลย จนกว่าเรือสเตลธ์จะเข้าใกล้ในระยะที่ "ใกล้มากๆ" ซึ่ง ณ จุดนั้น ก็คือสายเกินไปแล้ว และนั่นคือความได้เปรียบทางยุทธวิธีที่แท้จริงครับ
เรือ "สเตลธ์เต็มรูปแบบ" (เช่น ร.ล. ภูมิพลอดุลยเดช) ถูกออกแบบมาให้มีขนาดสะท้อนเรดาร์ (RCS) เล็กสุดขั้ว เทียบเท่ากับ "เรือประมงไม้ลำเล็กๆ" หรือ "เรือสปีดโบ๊ท"
เป้าหมายทางยุทธวิธี ไม่ใช่แค่การ "พรางในฝูงชน" แต่คือ "การจมหายไปกับสัญญาณรบกวน" ครับ
* จมหายใน "Sea Clutter": ลายเซ็นของเรือมีขนาดเล็กพอๆ กับ "คลื่นทะเล" บนจอเรดาร์
* สร้างความสับสน: เจ้าหน้าที่เรดาร์ศัตรูมีแนวโน้มที่จะ "เมินเฉย" คิดว่าเป็นแค่คลื่น, ทุ่นลอย, หรือฝูงนก
* เห็นเมื่อสายไป: ศัตรูจะยืนยันเป้าหมายได้ก็ต่อเมื่อเรือเข้าใกล้ในระยะที่สายเกินไปแล้ว ซึ่งนี่คือความได้เปรียบสูงสุดครับ
ย่อการเปรียบเทียบการเอาตัวรอดในสนามรบ:
* 🛡️ กึ่งสเตลธ์ (Semi-Stealth):
* เป้าหมาย: การ "ปลอมตัว" (Disguise)
* การเอาตัวรอด: ศัตรู "เห็น" แต่ "สับสน" คิดว่าเป็นเรือประมงขนาดใหญ่ จึงต้อง "เสียเวลา" เข้ามาตรวจสอบ ความอยู่รอดขึ้นอยู่กับการ "ซื้อเวลา" ก่อนถูกพิสูจน์ทราบ
* 🦇 สเตลธ์เต็มรูปแบบ (Full Stealth):
* เป้าหมาย: การ "ล่องหน" (Invisibility)
* การเอาตัวรอด: ศัตรู "ไม่เห็น" หรือ "เมินเฉย" คิดว่าเป็นแค่คลื่นรบกวน (Sea Clutter) ศัตรูจึง "ไม่รู้ตัว" เลยว่ามีภัยคุกคามอยู่ ความอยู่รอดจึงสมบูรณ์กว่ามาก เพราะ "ไม่ถูกตรวจจับ" ตั้งแต่แรก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ยอดเยี่ยมครับ นี่คือการเปรียบเทียบความได้เปรียบในการเอาตัวรอดในสนามรบของทั้งสองแบบ
สรุปสั้นๆ คือ: "สเตลธ์เต็มรูปแบบ" มีโอกาสรอดสูงกว่า "กึ่งสเตลธ์" อย่างเทียบไม่ติด ครับ
เป้าหมายของทั้งสองแบบแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง:
* กึ่งสเตลธ์: เป้าหมายคือ "การปลอมตัว" (Disguise)
* สเตลธ์เต็มรูปแบบ: เป้าหมายคือ "การล่องหน" (Invisibility)
นี่คือการเปรียบเทียบเชิงลึกครับ:
🛡️ กึ่งสเตลธ์ (Semi-Stealth)
(ขนาดบนเรดาร์ = เรือประมงขนาดใหญ่)
ความได้เปรียบ: "การซื้อเวลา" (Buying Time)
เรือกึ่งสเตลธ์จะ "ถูกตรวจพบ" บนจอเรดาร์ของศัตรูครับ ศัตรู "เห็น" เป้าหมาย แต่เกิด "ความสับสน" และ "ความลังเล"
* สถานการณ์ของศัตรู: เจ้าหน้าที่เรดาร์เห็น "จุด" ที่มีขนาดเท่าเรือประมง เขาไม่สามารถตัดสินใจยิงอาวุธราคาแพงได้ทันที เพราะนั่นอาจเป็นเรือพลเรือน
* สิ่งที่ศัตรูต้องทำ: ศัตรูต้อง "เสียเวลา" และ "ทรัพยากร" (เช่น ส่งโดรน หรือเครื่องบินลาดตระเวน) เพื่อเข้ามา "พิสูจน์ทราบเป้าหมาย" (Positive Identification) ให้แน่ใจว่านั่นคือเรือรบ
* การเอาตัวรอด: ความอยู่รอดของเรือกึ่งสเตลธ์ขึ้นอยู่กับว่า "ศัตรูมีเวลาพอที่จะเข้ามาตรวจสอบหรือไม่" ถ้าศัตรูไม่มีเวลา (เช่น อยู่ในภาวะสงครามชุลมุน) เรือก็อาจจะรอด แต่ถ้าศัตรูมีเวลาส่งเครื่องบินมาดู เรือก็จะถูกเปิดโปงทันที
สรุป: มันคือการ "ยืดเวลา" ก่อนที่จะถูกโจมตีครับ
🦇 สเตลธ์เต็มรูปแบบ (Full Stealth)
(ขนาดบนเรดาร์ = เรือประมงไม้เล็กๆ หรือ สัญญาณรบกวน)
ความได้เปรียบ: "การล่องหน" (Invisibility)
เรือสเตลธ์เต็มรูปแบบจะ "ไม่ถูกตรวจพบ" บนจอเรดาร์ของศัตรู (หรือถูกเมินเฉย) ศัตรู "ไม่รู้" ว่ามีภัยคุกคามอยู่ตรงนั้นเลย
* สถานการณ์ของศัตรู: เจ้าหน้าที่เรดาร์ "ไม่เห็นอะไรเลย" นอกจากสัญญาณรบกวนจากคลื่นทะเล (Sea Clutter) เขาจะสันนิษฐานว่าพื้นที่นั้น "ปลอดภัย"
* สิ่งที่ศัตรูต้องทำ: ศัตรู "ไม่ทำอะไร" เพราะเขาไม่รู้ว่ามีเป้าหมายให้ค้นหา
* การเอาตัวรอด: ความอยู่รอดของเรือสเตลธ์เต็มรูปแบบนั้นสมบูรณ์แบบมากในระยะไกล เพราะศัตรู "ไม่สามารถโจมตีในสิ่งที่มองไม่เห็นได้" ศัตรูจะรู้ตัวก็ต่อเมื่อเรือสเตลธ์เข้าใกล้ในระยะที่สายเกินไปแล้ว หรือเป็นฝ่ายยิงอาวุธออกมาก่อน
สรุป: มันคือการ "ไม่เปิดโอกาส" ให้ศัตรูเริ่มกระบวนการโจมตีตั้งแต่แรกครับ
เปรียบเทียบตรงๆ
* กึ่งสเตลธ์ ถูกศัตรู "เห็น" แต่ศัตรู "ไม่แน่ใจ" --- การอยู่รอดขึ้นอยู่กับ "ความสับสน"
* สเตลธ์เต็มรูปแบบ ศัตรู "ไม่เห็น" และ "ไม่รู้ตัว" --- การอยู่รอดขึ้นอยู่กับ "การซ่อนตัว" ที่สมบูรณ์กว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เรือรบที่ "สเตลธ์เต็มรูปแบบ" (Full Stealth) ที่ทันสมัยที่สุดและปฏิบัติการจริงในกองทัพเรือจีน (PLAN) ในปัจจุบันคือ เรือพิฆาตชั้น Type 055 (Renhai-class) ครับ
นี่คือจุดที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจาก Type 054A (ที่เป็น "กึ่งสเตลธ์") ที่เราคุยกัน:
ในขณะที่ Type 054A ยังคงใช้ "เสากระโดงแบบโครงถัก" ที่ล้าสมัย...
เรือพิฆาต Type 055 ถูกออกแบบมาให้เป็น "สเตลธ์เต็มรูปแบบ" ตามหลักการเดียวกับเรือตะวันตกยุคใหม่ทุกประการครับ:
* เสากระโดงแบบปิด (Integrated Mast): นี่คือจุดที่ชัดเจนที่สุด Type 055 ใช้เสากระโดงแบบปิดที่เรียบสนิท ซ่อนเรดาร์ AESA และระบบสื่อสารทั้งหมดไว้ภายใน
* พื้นผิวเรียบ (Clean Superstructure): การออกแบบตัวเรือและโครงสร้างส่วนบน (Superstructure) ถูกขัดเกลาให้ "เรียบ" ที่สุด ลดมุมสะท้อนเรดาร์
* การซ่อนอาวุธ: อาวุธหลัก (VLS 112 ท่อยิง) ถูกติดตั้งแบบฝังเรียบไปกับดาดเรือ และมีการซ่อนอุปกรณ์อื่นๆ (เช่น ท่อยิงตอร์ปิโด, จุดจอดเรือเล็ก) ไว้หลังแผงปิด
ดังนั้น Type 055 จึงจัดอยู่ในกลุ่ม "สเตลธ์เต็มรูปแบบ" อย่างไม่ต้องสงสัย และเป็นหนึ่งในเรือรบผิวน้ำที่ทรงพลังและล้ำสมัยที่สุดในโลกในปัจจุบันครับ
ความต่างระหว่าง Full Stealth, Semi-Stealth
🦇 สเตลธ์เต็มรูปแบบ (Full Stealth)
เรือประเภทนี้ถูกออกแบบมาให้ "เรียบ" ที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยมีเป้าหมายเพื่อ ลดการตรวจจับให้ได้สูงสุด ครับ
* เสากระโดง: จะเป็นแบบ "เสาปิด" (Integrated Mast) คือเป็นโครงสร้างชิ้นเดียวที่เรียบสนิทไปกับตัวเรือ โดยซ่อนเรดาร์และเซ็นเซอร์ทั้งหมดไว้ข้างใน
* อาวุธ: ซ่อนไว้ในตัวเรือทั้งหมด เช่น ท่อยิงแนวดิ่ง (VLS), ตอร์ปิโด, หรือแม้แต่ขีปนาวุธต่อต้านเรือ จะถูกเก็บไว้ใต้ดาดฟ้า หรือหลังแผงปิดที่เรียบไปกับตัวเรือ
* อุปกรณ์อื่นๆ: แม้แต่เรือเล็กหรือแพชูชีพ ก็จะถูก ซ่อนไว้ในช่องด้านข้างตัวเรือ และมีประตูปิดทับอย่างเรียบร้อย
(ตัวอย่าง: ร.ล. ภูมิพลอดุลยเดช, OCEAN-40F)
🛡️ กึ่งสเตลธ์ (Semi-Stealth)
เรือประเภทนี้คือการนำเรือรบมา "ปรับปรุง" ให้ดีขึ้น แต่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อซ่อนตัว 100% โดยมีเป้าหมายเพื่อ ลดการตรวจจับลงบ้าง
* เสากระโดง: มักจะยังใช้ "เสาแบบโครงถัก" (Lattice Mast) ซึ่งเป็นเสาแบบเก่าที่เปิดโล่ง ทำให้เรดาร์ศัตรูตรวจจับได้ง่ายมาก
* อาวุธ: วางอยู่บนดาดฟ้า เช่น แท่นยิงขีปนาวุธต่อต้านเรือ หรือปืนรอง จะวางอยู่แบบเปิดโล่ง ทำให้เกิดจุดสะท้อนเรดาร์จำนวนมาก
* อุปกรณ์อื่นๆ: เรือเล็กและแพชูชีพมักจะ วางอยู่บนดาดฟ้า ไม่ได้ถูกซ่อน
(ตัวอย่าง: Type 056 ของกัมพูชา)
เรือของเมียนมาร์ (พม่า) จัดอยู่ในกลุ่ม "กึ่งสเตลธ์" (Semi-Stealth) ครับ
เรือฟริเกตที่เมียนมาร์ต่อเองทั้งหมด (ร.ล. อองซียา, ชั้น Kyan Sittha และ ร.ล. King Tabinshwehti) มีลักษณะดังนี้:
* จุดที่เป็นสเตลธ์: ออกแบบ ตัวเรือให้ลาดเอียง เพื่อลดการสะท้อนเรดาร์
* จุดที่ "ไม่" เป็นสเตลธ์: ยังคงใช้ "เสากระโดงแบบโครงถัก" (Lattice Mast) และมี อาวุธวางอยู่บนดาดฟ้า (เช่น VLS และปืนรอง) ที่ไม่ได้ถูกซ่อนไว้หลังแผงปิด
ดังนั้น เรือเหล่านี้จึงไม่ถือเป็น "สเตลธ์เต็มรูปแบบ" ครับ
เรือกลุ่ม "กึ่งสเตลธ์" (เช่น Gepard ของเวียดนาม, Kyan Sittha ของเมียนมาร์, Type 056 ของกัมพูชา) ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ "ล่องหน" แต่ถูกออกแบบมาให้ "สร้างความสับสน" บนจอเรดาร์
ศัตรูจะเห็นเรือเหล่านี้มีขนาดการสะท้อน (RCS) เทียบเท่ากับ "เรือประมงพาณิชย์ขนาดใหญ่" หรือ "เรือขนส่งสินค้าชายฝั่ง"
แม้จะมีจุดอ่อนที่ "เสากระโดงแบบโครงถัก" ยังสะท้อนเรดาร์ แต่เป้าหมายทางยุทธวิธีคือ:
* การพรางตัวในฝูงชน: ในน่านน้ำที่การจราจรหนาแน่น ศัตรูจะไม่สามารถแยกแยะได้ทันทีว่าเป้าหมายคือเรือรบ หรือแค่เรือพลเรือน
* การซื้อเวลา: ความสับสนนี้บังคับให้ศัตรูต้องเสียเวลา "พิสูจน์ทราบเป้าหมาย" ซึ่งเปิดโอกาสให้ฝ่ายเรา (ที่ซ่อนตัวอยู่) ชิงโจมตีก่อนได้ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เรือ "สเตลธ์เต็มรูปแบบ" (เช่น ร.ล. ภูมิพลอดุลยเดช) ถูกออกแบบมาให้มีขนาดสะท้อนเรดาร์ (RCS) เล็กสุดขั้ว เทียบเท่ากับ "เรือประมงไม้ลำเล็กๆ" หรือ "เรือสปีดโบ๊ท"
เป้าหมายทางยุทธวิธี ไม่ใช่แค่การ "พรางในฝูงชน" แต่คือ "การจมหายไปกับสัญญาณรบกวน" ครับ
* จมหายใน "Sea Clutter": ลายเซ็นของเรือมีขนาดเล็กพอๆ กับ "คลื่นทะเล" บนจอเรดาร์
* สร้างความสับสน: เจ้าหน้าที่เรดาร์ศัตรูมีแนวโน้มที่จะ "เมินเฉย" คิดว่าเป็นแค่คลื่น, ทุ่นลอย, หรือฝูงนก
* เห็นเมื่อสายไป: ศัตรูจะยืนยันเป้าหมายได้ก็ต่อเมื่อเรือเข้าใกล้ในระยะที่สายเกินไปแล้ว ซึ่งนี่คือความได้เปรียบสูงสุดครับ
ย่อการเปรียบเทียบการเอาตัวรอดในสนามรบ:
* 🛡️ กึ่งสเตลธ์ (Semi-Stealth):
* เป้าหมาย: การ "ปลอมตัว" (Disguise)
* การเอาตัวรอด: ศัตรู "เห็น" แต่ "สับสน" คิดว่าเป็นเรือประมงขนาดใหญ่ จึงต้อง "เสียเวลา" เข้ามาตรวจสอบ ความอยู่รอดขึ้นอยู่กับการ "ซื้อเวลา" ก่อนถูกพิสูจน์ทราบ
* 🦇 สเตลธ์เต็มรูปแบบ (Full Stealth):
* เป้าหมาย: การ "ล่องหน" (Invisibility)
* การเอาตัวรอด: ศัตรู "ไม่เห็น" หรือ "เมินเฉย" คิดว่าเป็นแค่คลื่นรบกวน (Sea Clutter) ศัตรูจึง "ไม่รู้ตัว" เลยว่ามีภัยคุกคามอยู่ ความอยู่รอดจึงสมบูรณ์กว่ามาก เพราะ "ไม่ถูกตรวจจับ" ตั้งแต่แรก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้