เนื้อหาตอนที่ 1: ประเทศไทยเคยมีฝ่ายขวา?
https://pantip.com/topic/43865216?sc=6j99w4T
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
⚡การปฏิเสธการสวมรอยทางปัญญา ⚡
ความขัดแย้งที่ไม่สมมาตรและการพึ่งพาปัญญาชน
การเมืองไทยนับตั้งแต่ พ.ศ. 2475 เป็นต้นมา ถูกขับเคลื่อนโดยความขัดแย้งที่ไม่สมมาตรระหว่าง ชุดความคิดที่มีรูปแบบและตรรกะ กับ อำนาจที่ไร้แก่นทางปรัชญา
เมื่อกลุ่มอำนาจเก่าซึ่งขับเคลื่อนด้วยการรักษาผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม ขาดแกนนำทางปัญญาที่ชัดเจน กลุ่มบุคคลเหล่านี้ จึงจำเป็นต้องพึ่งพา นักวิชาการ หรือ ปัญญาชนสาธารณะ ให้มาสร้างชุดคำอธิบายที่ดูเป็นเหตุเป็นผล เพื่อสนับสนุนและสร้างความชอบธรรมให้แก่การกระทำของตน
ผมขอเน้นย้ำว่า ชุดคำอธิบายที่บรรดานักวิชาการสร้างขึ้นเพื่อรับใช้ชนชั้นปกครองนั้น ไม่ใช่ตรรกะที่แท้จริง แต่เป็นการสร้างความชอบธรรมที่ไร้เหตุผล ซึ่งมีพื้นฐานไม่ต่างจากการ คอร์รัปชันโดยอ้างตรรกะ
II. การวิเคราะห์วาทกรรม การคอร์รัปชันโดยอ้างหลักการตรรกะ
วาทกรรมที่มุ่งเน้นเพื่อรับใช้อำนาจคือ การสวมรอยทางปัญญา ที่อันตรายอย่างยิ่ง
การกระทำของชนชั้นปกครองและอำนาจเก่าถูกขับเคลื่อนด้วย ผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มเท่านั้น การกระทำของ กลุ่มบุคคลเหล่านี้ จึงเป็นเพียง ข้ออ้าง เพื่อสร้างความชอบธรรมที่ปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ และไม่สามารถตีความได้ว่าเกิดจาก ชุดความคิดเชิงปรัชญาที่มีตรรกะ
ดังนั้น การที่นักวิชาการอ้างตนว่าใช้ หลักการทางปัญญา เพื่อสนับสนุนการกระทำที่ขับเคลื่อนด้วยผลประโยชน์เหล่านี้ จึงเท่ากับว่า กลุ่มบุคคลเหล่านี้ ใช้ หลักการทางปัญญาเพื่อรับใช้เป้าหมายที่ไร้หลักการ สิ่งที่ กลุ่มวาทกรรมเหล่านี้ ใช้กล่าวอ้างว่าเป็นเหตุเป็นผลจึงเป็นเพียง วาทกรรมสร้างความชอบธรรม ซึ่งหมายถึงการ คอร์รัปชัน โดยอ้างหลักการตรรกะ เพื่อใช้สร้างความชอบธรรมให้แก่กลุ่มของตน
III. ข้อกำหนดของตรรกะที่แท้จริง
คุณสมบัติหลัก
1. ความสอดคล้องกับเหตุผล (Logical Consistency)
นิยาม การอธิบายหรือชุดความคิดที่สร้างขึ้นต้อง ไม่ขัดแย้งในตัวเอง และ ไม่ขัดแย้งกับข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์
การปฏิเสธในวาทกรรมรับใช้อำนาจ ชุดคำอธิบายที่นักวิชาการสร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนอำนาจเก่ามักนำไปสู่ความขัดแย้งในตัวเอง เช่น การเรียกร้องทหารให้ปฏิวัติโดยอ้างความสงบเรียบร้อย หรือขัดแย้งกับข้อเท็จจริง เช่น การปฏิเสธความล้มเหลวทางการปกครองที่ชัดเจน ทำให้ ล้มเหลว ในการเป็นตรรกะ
2. การเชื่อมโยงสาเหตุและผลลัพธ์ (Causality)
นิยาม การตัดสินใจที่ได้รับการสนับสนุนโดยตรรกะ ต้องสามารถ คาดการณ์ผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ ต่อสาธารณะได้อย่างเป็นระบบและมีเหตุผล
การปฏิเสธในวาทกรรมรับใช้อำนาจเก่า วาทกรรมเหล่านี้ถูกใช้เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม ซึ่งส่งผลเสียต่อสาเหตุและผลลัพธ์เชิงบวกของชาติในระยะยาว การให้เหตุผลของนักวิชาการจึง ขาดตรรกะเชิงสาเหตุ ที่เป็นไปเพื่อส่วนรวม
3. มุ่งไปในทิศทางที่ดีขึ้น (Progressive Orientation)
นิยาม ตรรกะที่แท้จริงต้องมีเป้าหมายในการ สร้างผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อระบบโดยรวม และปัจเจกบุคคลในระยะยาว ไม่ใช่แค่นโยบายมักง่ายเพื่อเรียกคะแนนเสียง
การปฏิเสธในวาทกรรมรับใช้อำนาจ การที่นักวิชาการเหล่านี้สร้างชุดความคิดเพื่อ ปกป้องสถานะเดิม หรือ ถ่วงการพัฒนาเชิงโครงสร้าง ย่อมทำให้ชุดความคิดที่พวกเขานำเสนอ ขาดคุณสมบัติเชิงก้าวหน้า โดยสิ้นเชิง จึงไม่ควรถูกนับเป็นตรรกะที่แท้จริง
สรุป ⚡ การต่อต้านศัตรูทางปัญญา ⚡
วาทกรรมที่นักวิชาการสร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนชนชั้นปกครองและกลุ่มอำนาจเก่า จึงเป็นเพียง การพยายามปลอมหลักการทางปัญญาขึ้นมาโดยไร้รากฐาน ซึ่งขาดคุณสมบัติหลักทั้งสามข้อของตรรกะที่แท้จริง
เมื่อชุดความคิดเหล่านี้ไม่สอดคล้องกับตรรกะเชิงเหตุผล และมีเป้าหมายเพื่อป้องกันความก้าวหน้าของชาติ การดำรงอยู่ของวาทกรรมดังกล่าวจึงเป็นการ ตอกย้ำภาวะสุญญากาศทางตรรกะ ของประเทศไทย
การกระทำของนักวิชาการที่พยายามใช้ ตรรกะปลอม เพื่อสนับสนุนชนชั้นนำที่ไร้อุดมการณ์ จึงเท่ากับเป็นการยืนยันสถานะของ กลุ่มบุคคลเหล่านั้น ว่า #เป็นศัตรูต่อตรรกะที่แท้จริงและความก้าวหน้าของชาติโดยสมบูรณ์
ตอนที่ 2: ภาวะสุญญากาศทางตรรกะในการเมืองไทย ⚡การบิดเบือนของปัญญาชนเพื่ออำนาจ⚡
https://pantip.com/topic/43865216?sc=6j99w4T
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
⚡การปฏิเสธการสวมรอยทางปัญญา ⚡
ความขัดแย้งที่ไม่สมมาตรและการพึ่งพาปัญญาชน
การเมืองไทยนับตั้งแต่ พ.ศ. 2475 เป็นต้นมา ถูกขับเคลื่อนโดยความขัดแย้งที่ไม่สมมาตรระหว่าง ชุดความคิดที่มีรูปแบบและตรรกะ กับ อำนาจที่ไร้แก่นทางปรัชญา
เมื่อกลุ่มอำนาจเก่าซึ่งขับเคลื่อนด้วยการรักษาผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม ขาดแกนนำทางปัญญาที่ชัดเจน กลุ่มบุคคลเหล่านี้ จึงจำเป็นต้องพึ่งพา นักวิชาการ หรือ ปัญญาชนสาธารณะ ให้มาสร้างชุดคำอธิบายที่ดูเป็นเหตุเป็นผล เพื่อสนับสนุนและสร้างความชอบธรรมให้แก่การกระทำของตน
ผมขอเน้นย้ำว่า ชุดคำอธิบายที่บรรดานักวิชาการสร้างขึ้นเพื่อรับใช้ชนชั้นปกครองนั้น ไม่ใช่ตรรกะที่แท้จริง แต่เป็นการสร้างความชอบธรรมที่ไร้เหตุผล ซึ่งมีพื้นฐานไม่ต่างจากการ คอร์รัปชันโดยอ้างตรรกะ
II. การวิเคราะห์วาทกรรม การคอร์รัปชันโดยอ้างหลักการตรรกะ
วาทกรรมที่มุ่งเน้นเพื่อรับใช้อำนาจคือ การสวมรอยทางปัญญา ที่อันตรายอย่างยิ่ง
การกระทำของชนชั้นปกครองและอำนาจเก่าถูกขับเคลื่อนด้วย ผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มเท่านั้น การกระทำของ กลุ่มบุคคลเหล่านี้ จึงเป็นเพียง ข้ออ้าง เพื่อสร้างความชอบธรรมที่ปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ และไม่สามารถตีความได้ว่าเกิดจาก ชุดความคิดเชิงปรัชญาที่มีตรรกะ
ดังนั้น การที่นักวิชาการอ้างตนว่าใช้ หลักการทางปัญญา เพื่อสนับสนุนการกระทำที่ขับเคลื่อนด้วยผลประโยชน์เหล่านี้ จึงเท่ากับว่า กลุ่มบุคคลเหล่านี้ ใช้ หลักการทางปัญญาเพื่อรับใช้เป้าหมายที่ไร้หลักการ สิ่งที่ กลุ่มวาทกรรมเหล่านี้ ใช้กล่าวอ้างว่าเป็นเหตุเป็นผลจึงเป็นเพียง วาทกรรมสร้างความชอบธรรม ซึ่งหมายถึงการ คอร์รัปชัน โดยอ้างหลักการตรรกะ เพื่อใช้สร้างความชอบธรรมให้แก่กลุ่มของตน
III. ข้อกำหนดของตรรกะที่แท้จริง
คุณสมบัติหลัก
1. ความสอดคล้องกับเหตุผล (Logical Consistency)
นิยาม การอธิบายหรือชุดความคิดที่สร้างขึ้นต้อง ไม่ขัดแย้งในตัวเอง และ ไม่ขัดแย้งกับข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์
การปฏิเสธในวาทกรรมรับใช้อำนาจ ชุดคำอธิบายที่นักวิชาการสร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนอำนาจเก่ามักนำไปสู่ความขัดแย้งในตัวเอง เช่น การเรียกร้องทหารให้ปฏิวัติโดยอ้างความสงบเรียบร้อย หรือขัดแย้งกับข้อเท็จจริง เช่น การปฏิเสธความล้มเหลวทางการปกครองที่ชัดเจน ทำให้ ล้มเหลว ในการเป็นตรรกะ
2. การเชื่อมโยงสาเหตุและผลลัพธ์ (Causality)
นิยาม การตัดสินใจที่ได้รับการสนับสนุนโดยตรรกะ ต้องสามารถ คาดการณ์ผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ ต่อสาธารณะได้อย่างเป็นระบบและมีเหตุผล
การปฏิเสธในวาทกรรมรับใช้อำนาจเก่า วาทกรรมเหล่านี้ถูกใช้เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม ซึ่งส่งผลเสียต่อสาเหตุและผลลัพธ์เชิงบวกของชาติในระยะยาว การให้เหตุผลของนักวิชาการจึง ขาดตรรกะเชิงสาเหตุ ที่เป็นไปเพื่อส่วนรวม
3. มุ่งไปในทิศทางที่ดีขึ้น (Progressive Orientation)
นิยาม ตรรกะที่แท้จริงต้องมีเป้าหมายในการ สร้างผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อระบบโดยรวม และปัจเจกบุคคลในระยะยาว ไม่ใช่แค่นโยบายมักง่ายเพื่อเรียกคะแนนเสียง
การปฏิเสธในวาทกรรมรับใช้อำนาจ การที่นักวิชาการเหล่านี้สร้างชุดความคิดเพื่อ ปกป้องสถานะเดิม หรือ ถ่วงการพัฒนาเชิงโครงสร้าง ย่อมทำให้ชุดความคิดที่พวกเขานำเสนอ ขาดคุณสมบัติเชิงก้าวหน้า โดยสิ้นเชิง จึงไม่ควรถูกนับเป็นตรรกะที่แท้จริง
สรุป ⚡ การต่อต้านศัตรูทางปัญญา ⚡
วาทกรรมที่นักวิชาการสร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนชนชั้นปกครองและกลุ่มอำนาจเก่า จึงเป็นเพียง การพยายามปลอมหลักการทางปัญญาขึ้นมาโดยไร้รากฐาน ซึ่งขาดคุณสมบัติหลักทั้งสามข้อของตรรกะที่แท้จริง
เมื่อชุดความคิดเหล่านี้ไม่สอดคล้องกับตรรกะเชิงเหตุผล และมีเป้าหมายเพื่อป้องกันความก้าวหน้าของชาติ การดำรงอยู่ของวาทกรรมดังกล่าวจึงเป็นการ ตอกย้ำภาวะสุญญากาศทางตรรกะ ของประเทศไทย
การกระทำของนักวิชาการที่พยายามใช้ ตรรกะปลอม เพื่อสนับสนุนชนชั้นนำที่ไร้อุดมการณ์ จึงเท่ากับเป็นการยืนยันสถานะของ กลุ่มบุคคลเหล่านั้น ว่า #เป็นศัตรูต่อตรรกะที่แท้จริงและความก้าวหน้าของชาติโดยสมบูรณ์