กระทู้ต่อไปนี้ จะพาท่านย้อนเวลาไปสู่ดินแดนยุคดึกดำบรรพ์ของโลกใบนี้
ซึ่งท่านจะได้ไปสัมผัสกับโลกยุคบรรพกาล ที่เราได้แต่ศึกษามาเป็นเวลากว่า 4 พันล้านปี
ในกระทู้ชุดนี้ จะกล่าวถึงเฉพาะสิ่งมีชีวิตที่เคยมีอยู่ในแต่ละยุคสมัยทั้ง 14 ยุคเท่านั้น
ของเชิญท่านดำดิ่งไปกับการคาดคะเน และหลักฐานฟอสซิลที่ถูกค้นพบได้ในปัจจุบันกันเลยครับ
ถ้าพร้อมแล้ว...ก็เลื่อนเมาส์ลงมาเลย
สารบัญ
ยุคที่ 1... Archean
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://pantip.com/topic/32096010
ยุค Proterozoic
คือยุคที่อยู่ในช่วงระหว่าง 2.5 พันล้านปี ถึง 542 ล้านปีที่แล้ว
ถ้ากล่าวว่า ในยุคที่ 1 คือยุคจุดเริ่มต้นของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว ที่อาศัยแยกกันเป็นอิสระ
ในยุคที่ 2 นี้ จุลินทรีย์ได้ครองโลกเรียบร้อยแล้ว ผลจากกิจกรรมของจุลินทรีย์ที่สังเคราะห์แสงได้ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญแก่โลก โดยจะปรากฎ ปริมาณออกซิเจน ในรูปแบบต่างๆ ทั้งในอากาศและมหาสมุทธ
ในยุคนี้ยังมี stromatrolites ของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวอยู่ แต่จะมีจุลินทรีย์ที่เกาะกลุ่มร่วมกันอยู่ มากกว่า 1 เซลล์ เพื่อความอยู่รอด โดยเซลล์แต่ละเซลล์ก็จะเริ่มมีบทบาทหน้าที่เป็นของตัวเอง แตกต่างกันไป เช่น Cyanobacteria Algae Protozoa และ sponges
Cyanobacteria
Algae
Protozoa
sponges
ในยุคนี้ถือว่าอุณหภูมิโดยทั่วไปจะเย็นลงไปมาก ประมาณ 40 องศาเซลเซียส (ปัจจุบัน อุณหภูมิห้อง เท่ากับ 25 c)
เราจะพบสิ่งมีชีวิตได้ในบริเวณรอบๆชายฝั่ง ซึ่งในพื้นที่ปัจจุบันก็คือ ทวีปแอนตาร์กติกา ตอนใต้ของแอฟริกา ตอนใต้ของอินเดีย และทางทิศตะวันตกของออสเตรเลีย
ยุค proterozoic นี้ เริ่มมีการเพิ่มขึ้นของปริมาณก๊าซคาร์บอนไดร์ออกไซด์ อย่างต่อเนื่อง แต่จะมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาในยุคที่ 3
โดยยุคนี้ต้องเผชิญกับภาวะเรือนกระจก มาหลายล้านปีเลยทีเดียว
Red Algae
อย่างในรูปบนที่พบอยู่บนผิวหน้าของทะเลสาบ Magadi เคนย่า นี้ มักจะพบอยู่ตามผิวมหาสมุทธ ของยุค proterozoic เช่นกัน
grypania
คือ สิ่งมีชีวิต eukaryote ชนิดแรกของโลก (จุลินทรีย์ที่มีนิวเคลียส และอวัยวะอื่นๆ ในเซลล์เดียว)
Bangiomorpha
โดยนักวิทยาศาสตร์ให้ความเห็นว่า เจ้าตัวนี้ คือ สกุลสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ที่เก่าแก่ที่สุด เท่าที่เคยมีการจดบันทึกมา พบครั้งแรกที่ แถบอาร์กติก แคนาดา
dickinsonia
คือสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง คล้ายฟองน้ำในปัจจุบัน
Gunflintia
คือ จุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจน ถือว่าเป็นฟอสซิลชิ้นแรกๆที่มีการขุดค้นพบของสายพันธุ์ประเภทนี้ มีส่วนช่วยในการปลดปล่อยออกซิเจนสู่ชั้นบรรยากาศ
eoentophysalis
คือ จุลินทรีย์ที่มีหน้าที่เช่นเดียวกับ cyanobacteria และ Gunflintia
torridonophycus
คือ Algae ชนิดหนึ่ง ที่จะสร้างถุงมาห่อหุ้มตัวเองเพื่อป้องกันความเย็น ไม่ให้ตัวแห้ง และป้องกันการขาดออกซิเจน ซึ่งจะต้องใช้เวลาอีกพันล้านปี กว่าจะทำให้สาหร่ายนี้วิวัฒน์เป็นสีเขียว
melanocyrillium
คือ สิ่งมีชีวิตที่คล้าย อะมีบา ในปัจจุบัน กล่าวคือมันจะมี นิวเคลียส ไมโทคอนเดรีย ผนังเซลล์ที่ยืดหยุ่นได้ และเท้าเทียมเพื่อเอาไว้กินสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
แต่จะมีเปลือกหุ้มด้านนอก เอาไว้ป้องกันจากศัตรู และสภาวะตัวแห้งได้
megasphaera
คือ แบคทีเรียที่ออกซิไดซ์ซัลเฟอร์ได้ ซึ่งแหวกแนวไปจากจุลินทรีย์ชนิดอื่นๆ โดยนักวิทยาศาสตร์ก็ยังถกเถียงกันอยู่ว่ามันมีความสัมพันธ์มาจากอะไร แล้วบางทีเจ้าสิ่งนี้ก็อาจจะเป็น ไข่ ตัวอ่อนสัตว์ หรือตัวอ่อนของฟองน้ำ ก็ได้
protospongia
คือ ฟองน้ำที่มีการพัฒนาโครงสร้างให้ซับซ้อนขึ้น เป็นโครงข่ายของเซลล์ ซึ่งจะถูกวิวัฒนาการไปเป็นสัตว์ในอนาคต
charnia
ในปี ค.ศ. 1957 เด็กนักเรียนชื่อ Roger Mason ค้นพบฟอสซิลเจ้าตัวนี้ เป็นครั้งแรกที่ Leicestershire England มันถูกสรุปว่า คือ Algae ชนิดหนึ่ง ที่เป็นบรรพบุรุษของ Sea pen ในยุคปัจจุบัน มันมีรูปร่างที่คล้ายขนนก มีก้านที่ทำมุม 45 องศา เป็นแกนแนวตั้ง มันมีขนาดตั้งแต่ 0.15-2 เมตร ปัจจุบันสามารถไปขุดหามันได้ที่ ประเทศ อังกฤษ ออสเตรเลีย แคนาดา และรัสเซีย
Sea pen ในยุคปัจจุบัน
cyclomedusa
มีขนาดตั้งแต่ 2.5-30 เซนติเมตร พบครั้งแรกในปี ค.ศ. 1946 ที่ประเทศออสเตรเลีย มันมีลักษณะเป็นฝาครอบคล้ายแมงกะพรุนมาก แต่จะไม่มีหนวดด้านใต้ลำตัวเท่านั้น
aspidella
มีขนาด 0.1-5 เซนติเมตร พบในปี ค.ศ. 1872 มีลักษณะเป็นแผ่นๆคล้ายกับตัวด้านบน
yelovichnus
เป็นฟอสซิลปริศนาอีกชนิดนึง มันมีลักษณะเป็นปล้องๆ คล้ายหนอน หรือ พวก mollusk(หอย หอยทาก หมึก) แต่หลักฐานที่พบในขระนี้ยังไม่สมบูรณ์พอที่จะชี้ชัดได้แน่นอน แต่ก็ต้องยอมรับว่า มันคือบรรพบุรุษของสัตว์ข้อปล้องแน่นอน
parvancorina
คือสัตว์ที่มีเปลือกหุ้มอยู่ด้านบน มีขารยางค์อยู่ด้านล่าง (ให้จินตนาการไปถึง แมงดาทะเล) โดยเปลือกหุ้มส่วนหัวจะแข็งแรงเป็นพิเศษ
tribrachidium
มีรูปร่างคล้ายแผ่นซีดี ด้านบนมีแกนหมุนที่แตกต่างกันไปแบบสมมาตร มีขนาดแค่ 2-5 เซนติเมตรเท่านั้น
spriggina
มันมีขนาดประมาณ 3 เซนติเมตร มันมีลัการะคล้ายหนอน ที่ท่องเที่ยวไปตามพื้นมหาสมุทธ มันคือบิดาของสัตว์ตระกูล อาร์โทพอด ทั้งหมด
ส่วนหัวจะทู่คล้ายเกือกม้า ส่วนหางจะแหลมเรียว ลำตัวจะแบ่งข้อเป็นส่วนๆได้ประมาณ 40 แถว มีรูปร่างที่สมมาตร โดยจากหลักฐานฟอสซิลที่พบ
ปรากฎว่า ผิวหนังของเจ้าตัวนี้ยังคงอ่อนนุ่มอยู่ ก่อนที่จะพัฒนาเป็นเกราะแข็งในยุคถัดไป
ยุค Preterozoic นี้คืออีกก้าวหนึ่งของจุลินทรีย์ โดยจะมาการจับกลุ่มอยู่ร่วมกัน จนกลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ในที่สุด จะเห็นว่าสิ่งมีชีวิตไม่มีกระดูกสันหลังเหล่านี้ คือต้นบรรพบุรุษของ หอย หนอน สัตว์ที่มีเปลือกหนา สัตว์ข้อปล้อง และสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังในยุคถัดไป
ยุคที่ 3 คือยุค cambrian ที่จะกล่าวถึงในกระทู้ถัดไปนั้น ท่านจะได้เข้าไปสู่ในช่วงที่โลกมีปริมาณก๊าซคาร์บอนไดร์ออกไซด์ในบรรยากาศมากที่สุด ตั้งแต่มีการกำเนิดโลกเป็นต้นมา ซึ่งจะทำให้สิ่งมีชีวิตในยุคที่ 3 นี้ มีรูปร่างที่พิลึก พิศดาร ดั่งหลุดออกมาจากหนังไซไฟ อวกาศ ก็มิปาน
โปรดติดตามตอนต่อไปครับ
ขอบคุณครับ
[มหากาพย์กระทู้ชุด][เรามาย้อนเวลาไปดูสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์กันเถอะ][ยุคที่2/14][ยุค Proterozoic][เชิญด้านในครับ]
ซึ่งท่านจะได้ไปสัมผัสกับโลกยุคบรรพกาล ที่เราได้แต่ศึกษามาเป็นเวลากว่า 4 พันล้านปี
ในกระทู้ชุดนี้ จะกล่าวถึงเฉพาะสิ่งมีชีวิตที่เคยมีอยู่ในแต่ละยุคสมัยทั้ง 14 ยุคเท่านั้น
ของเชิญท่านดำดิ่งไปกับการคาดคะเน และหลักฐานฟอสซิลที่ถูกค้นพบได้ในปัจจุบันกันเลยครับ
ถ้าพร้อมแล้ว...ก็เลื่อนเมาส์ลงมาเลย
สารบัญ
ยุคที่ 1... Archean [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ยุค Proterozoic
คือยุคที่อยู่ในช่วงระหว่าง 2.5 พันล้านปี ถึง 542 ล้านปีที่แล้ว
ถ้ากล่าวว่า ในยุคที่ 1 คือยุคจุดเริ่มต้นของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว ที่อาศัยแยกกันเป็นอิสระ
ในยุคที่ 2 นี้ จุลินทรีย์ได้ครองโลกเรียบร้อยแล้ว ผลจากกิจกรรมของจุลินทรีย์ที่สังเคราะห์แสงได้ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญแก่โลก โดยจะปรากฎ ปริมาณออกซิเจน ในรูปแบบต่างๆ ทั้งในอากาศและมหาสมุทธ
ในยุคนี้ยังมี stromatrolites ของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวอยู่ แต่จะมีจุลินทรีย์ที่เกาะกลุ่มร่วมกันอยู่ มากกว่า 1 เซลล์ เพื่อความอยู่รอด โดยเซลล์แต่ละเซลล์ก็จะเริ่มมีบทบาทหน้าที่เป็นของตัวเอง แตกต่างกันไป เช่น Cyanobacteria Algae Protozoa และ sponges
Cyanobacteria
Algae
Protozoa
sponges
ในยุคนี้ถือว่าอุณหภูมิโดยทั่วไปจะเย็นลงไปมาก ประมาณ 40 องศาเซลเซียส (ปัจจุบัน อุณหภูมิห้อง เท่ากับ 25 c)
เราจะพบสิ่งมีชีวิตได้ในบริเวณรอบๆชายฝั่ง ซึ่งในพื้นที่ปัจจุบันก็คือ ทวีปแอนตาร์กติกา ตอนใต้ของแอฟริกา ตอนใต้ของอินเดีย และทางทิศตะวันตกของออสเตรเลีย
ยุค proterozoic นี้ เริ่มมีการเพิ่มขึ้นของปริมาณก๊าซคาร์บอนไดร์ออกไซด์ อย่างต่อเนื่อง แต่จะมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาในยุคที่ 3
โดยยุคนี้ต้องเผชิญกับภาวะเรือนกระจก มาหลายล้านปีเลยทีเดียว
Red Algae
อย่างในรูปบนที่พบอยู่บนผิวหน้าของทะเลสาบ Magadi เคนย่า นี้ มักจะพบอยู่ตามผิวมหาสมุทธ ของยุค proterozoic เช่นกัน
grypania
คือ สิ่งมีชีวิต eukaryote ชนิดแรกของโลก (จุลินทรีย์ที่มีนิวเคลียส และอวัยวะอื่นๆ ในเซลล์เดียว)
Bangiomorpha
โดยนักวิทยาศาสตร์ให้ความเห็นว่า เจ้าตัวนี้ คือ สกุลสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ที่เก่าแก่ที่สุด เท่าที่เคยมีการจดบันทึกมา พบครั้งแรกที่ แถบอาร์กติก แคนาดา
dickinsonia
คือสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง คล้ายฟองน้ำในปัจจุบัน
Gunflintia
คือ จุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจน ถือว่าเป็นฟอสซิลชิ้นแรกๆที่มีการขุดค้นพบของสายพันธุ์ประเภทนี้ มีส่วนช่วยในการปลดปล่อยออกซิเจนสู่ชั้นบรรยากาศ
eoentophysalis
คือ จุลินทรีย์ที่มีหน้าที่เช่นเดียวกับ cyanobacteria และ Gunflintia
torridonophycus
คือ Algae ชนิดหนึ่ง ที่จะสร้างถุงมาห่อหุ้มตัวเองเพื่อป้องกันความเย็น ไม่ให้ตัวแห้ง และป้องกันการขาดออกซิเจน ซึ่งจะต้องใช้เวลาอีกพันล้านปี กว่าจะทำให้สาหร่ายนี้วิวัฒน์เป็นสีเขียว
melanocyrillium
คือ สิ่งมีชีวิตที่คล้าย อะมีบา ในปัจจุบัน กล่าวคือมันจะมี นิวเคลียส ไมโทคอนเดรีย ผนังเซลล์ที่ยืดหยุ่นได้ และเท้าเทียมเพื่อเอาไว้กินสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
แต่จะมีเปลือกหุ้มด้านนอก เอาไว้ป้องกันจากศัตรู และสภาวะตัวแห้งได้
megasphaera
คือ แบคทีเรียที่ออกซิไดซ์ซัลเฟอร์ได้ ซึ่งแหวกแนวไปจากจุลินทรีย์ชนิดอื่นๆ โดยนักวิทยาศาสตร์ก็ยังถกเถียงกันอยู่ว่ามันมีความสัมพันธ์มาจากอะไร แล้วบางทีเจ้าสิ่งนี้ก็อาจจะเป็น ไข่ ตัวอ่อนสัตว์ หรือตัวอ่อนของฟองน้ำ ก็ได้
protospongia
คือ ฟองน้ำที่มีการพัฒนาโครงสร้างให้ซับซ้อนขึ้น เป็นโครงข่ายของเซลล์ ซึ่งจะถูกวิวัฒนาการไปเป็นสัตว์ในอนาคต
charnia
ในปี ค.ศ. 1957 เด็กนักเรียนชื่อ Roger Mason ค้นพบฟอสซิลเจ้าตัวนี้ เป็นครั้งแรกที่ Leicestershire England มันถูกสรุปว่า คือ Algae ชนิดหนึ่ง ที่เป็นบรรพบุรุษของ Sea pen ในยุคปัจจุบัน มันมีรูปร่างที่คล้ายขนนก มีก้านที่ทำมุม 45 องศา เป็นแกนแนวตั้ง มันมีขนาดตั้งแต่ 0.15-2 เมตร ปัจจุบันสามารถไปขุดหามันได้ที่ ประเทศ อังกฤษ ออสเตรเลีย แคนาดา และรัสเซีย
Sea pen ในยุคปัจจุบัน
cyclomedusa
มีขนาดตั้งแต่ 2.5-30 เซนติเมตร พบครั้งแรกในปี ค.ศ. 1946 ที่ประเทศออสเตรเลีย มันมีลักษณะเป็นฝาครอบคล้ายแมงกะพรุนมาก แต่จะไม่มีหนวดด้านใต้ลำตัวเท่านั้น
aspidella
มีขนาด 0.1-5 เซนติเมตร พบในปี ค.ศ. 1872 มีลักษณะเป็นแผ่นๆคล้ายกับตัวด้านบน
yelovichnus
เป็นฟอสซิลปริศนาอีกชนิดนึง มันมีลักษณะเป็นปล้องๆ คล้ายหนอน หรือ พวก mollusk(หอย หอยทาก หมึก) แต่หลักฐานที่พบในขระนี้ยังไม่สมบูรณ์พอที่จะชี้ชัดได้แน่นอน แต่ก็ต้องยอมรับว่า มันคือบรรพบุรุษของสัตว์ข้อปล้องแน่นอน
parvancorina
คือสัตว์ที่มีเปลือกหุ้มอยู่ด้านบน มีขารยางค์อยู่ด้านล่าง (ให้จินตนาการไปถึง แมงดาทะเล) โดยเปลือกหุ้มส่วนหัวจะแข็งแรงเป็นพิเศษ
tribrachidium
มีรูปร่างคล้ายแผ่นซีดี ด้านบนมีแกนหมุนที่แตกต่างกันไปแบบสมมาตร มีขนาดแค่ 2-5 เซนติเมตรเท่านั้น
spriggina
มันมีขนาดประมาณ 3 เซนติเมตร มันมีลัการะคล้ายหนอน ที่ท่องเที่ยวไปตามพื้นมหาสมุทธ มันคือบิดาของสัตว์ตระกูล อาร์โทพอด ทั้งหมด
ส่วนหัวจะทู่คล้ายเกือกม้า ส่วนหางจะแหลมเรียว ลำตัวจะแบ่งข้อเป็นส่วนๆได้ประมาณ 40 แถว มีรูปร่างที่สมมาตร โดยจากหลักฐานฟอสซิลที่พบ
ปรากฎว่า ผิวหนังของเจ้าตัวนี้ยังคงอ่อนนุ่มอยู่ ก่อนที่จะพัฒนาเป็นเกราะแข็งในยุคถัดไป
ยุค Preterozoic นี้คืออีกก้าวหนึ่งของจุลินทรีย์ โดยจะมาการจับกลุ่มอยู่ร่วมกัน จนกลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ในที่สุด จะเห็นว่าสิ่งมีชีวิตไม่มีกระดูกสันหลังเหล่านี้ คือต้นบรรพบุรุษของ หอย หนอน สัตว์ที่มีเปลือกหนา สัตว์ข้อปล้อง และสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังในยุคถัดไป
ยุคที่ 3 คือยุค cambrian ที่จะกล่าวถึงในกระทู้ถัดไปนั้น ท่านจะได้เข้าไปสู่ในช่วงที่โลกมีปริมาณก๊าซคาร์บอนไดร์ออกไซด์ในบรรยากาศมากที่สุด ตั้งแต่มีการกำเนิดโลกเป็นต้นมา ซึ่งจะทำให้สิ่งมีชีวิตในยุคที่ 3 นี้ มีรูปร่างที่พิลึก พิศดาร ดั่งหลุดออกมาจากหนังไซไฟ อวกาศ ก็มิปาน
โปรดติดตามตอนต่อไปครับ
ขอบคุณครับ