เครื่องเทศ 1 ชนิด ดาวเด่นสรรพคุณล้ำค่า มีฤทธิ์ต้านไวรัส-แบคทีเรีย คนไทยคุ้นเคยดี เป็นที่ต้องการของตลาดโลก
โป๊ยกั๊ก หรือ จันทน์แปดกลีบ เป็นสมุนไพรที่คนไทยรู้จักดี หลายคนคุ้นเคยเพราะเป็นหนึ่งในเครื่องเทศที่ใส่ใน "ไข่พะโล้" เมนูคู่ครัวคนไทย
โป๊ยกั๊ก เป็นไม้ยืนต้นเขียวชอุ่มในตระกูลแมกโนเลีย มีถิ่นกำเนิดในจีนตะวันตกเฉียงใต้และเวียดนาม ให้ผลรูปดาวมีกลิ่นหอม ใช้ทั้งในด้านการปรุงอาหารและการแพทย์ อีกทั้งยังเป็นพืชที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว จึงถูกนำไปใช้เป็นสารแต่งกลิ่นอาหาร เครื่องดื่ม สบู่ น้ำหอม และใช้ดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ของยาต่าง ๆ มีสารสำคัญที่อาจให้ประโยชน์ด้านต้านอนุมูลอิสระ ต้านไวรัส ต้านแบคทีเรีย ต้านเชื้อรา และต้านการอักเสบ
ในป
ประโยชน์ของโป๊ยกั๊ก
1. คุณสมบัติต้านไวรัส
รสคล้ายชะเอมของโป๊ยกั๊กมาจากน้ำมันหอมระเหยโป๊ยกั๊ก ซึ่งมีฤทธิ์ต้านไวรัสสูง มีรายงานว่าโป๊ยกั๊กช่วยป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่บางสายพันธุ์ และมีปริมาณสูงของกรดชิคิมิก ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักในยาต้านไวรัส Tamiflu อย่างไรก็ตาม งานวิจัยด้านฤทธิ์ต้านไวรัสในมนุษย์ยังมีน้อย
2. อาจมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย
การทดลองในห้องปฏิบัติการพบว่า มีประสิทธิภาพต้านเชื้อที่ทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษ เช่น E. coli และ S. aureus รวมถึงมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยป้องกันความเสียหายของเซลล์ในสัตว์ทดลองที่ติดเชื้อ E. coli แต่ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนในมนุษย์
3. อาจมีคุณสมบัติต้านเชื้อรา
งานวิจัยปี 2023 พบว่าสารธรรมชาติในสารสกัดโป๊ยกั๊กช่วยยับยั้งการเติบโตของเชื้อราบนขนมปัง ทำให้เก็บได้นานขึ้น โดยสารเช่น trans-anethole ทำลายเยื่อหุ้มเซลล์ของเชื้อรา
4. อาจช่วยควบคุมน้ำหนัก
งานวิจัยในสัตว์ปี 2022 พบว่า ชาโป๊ยกั๊กขนาด 250–500 มิลลิกรัม มีผลคล้ายยาลดน้ำหนัก orlistat ในหนูที่กินอาหารไขมันและน้ำตาลสูง ทำให้ระดับไตรกลีเซอไรด์ คอเลสเตอรอลรวม และ LDL ลดลง นักวิจัยคาดว่าอาจมาจากสารโพลีฟีนอลที่ช่วยลดการสะสมไขมันและยับยั้งเอนไซม์ย่อยไขมัน แต่ยังไม่มีข้อมูลยืนยันผลในคน
5. ใช้ง่ายในเมนูอาหาร
โป๊ยกั๊กมีรสหวานอุ่นคล้ายกานพลู วางขายทั้งแบบฝักและบด นิยมใช้ในอาหารเอเชีย และเป็นส่วนสำคัญในเครื่องเทศห้ารสของจีน สามารถใส่ในแกง ซุปก๋วยเตี๋ยว เนื้ออบ หรือเครื่องดื่มอย่างชาและไวน์ร้อน เมนูที่คนไทยคุ้นเคยคือ พะโล้
สรรพคุณในตำรายาไทย
ผลใช้ขับลม เป็นยากระตุ้น ขับเสมหะ บำรุงธาตุ แก้ธาตุพิการ อาหารไม่ย่อย แก้ลมกองหยาบ แก้ไอ แก้เกร็ง ต้านเชื้อแบคทีเรีย น้ำมันหอมระเหยมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค คลายกล้ามเนื้อเรียบ แก้ปวดท้อง ขับลม แก้ไอ ขับเสมหะ ขับน้ำนม เพิ่มการไหลเวียนโลหิต น้ำมันหอมระเหยใช้ผสมในยาผงสำหรับแก้หืด และยาสำหรับสัตว์ ใช้ผสมกับชะเอมแก้ไอ ฆ่าเชื้อโรค โดยใช้ประมาณ 1-4 หยด
ทางสุคนธบำบัด ใช้แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยย่อยอาหาร บรรเทาอาการปวดศีรษะในผู้ป่วยไมเกรน บรรเทาอาการปวดข้อรูมาทอยด์ โรคเกาต์ โรคข้ออักเสบ ผล ใช้แต่งกลิ่นอาหาร ยาสีฟัน ยาบ้วนปาก ลูกอม เครื่องดื่ม แต่งกลิ่นยา เป็นเครื่องเทศ
ความเสี่ยง
โป๊ยกั๊กโดยทั่วไปปลอดภัยเมื่อกินในปริมาณน้อย แต่ควรซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ การบริโภคมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการแพ้ผิวหนังรุนแรง และต้องระวัง “โป๊ยกั๊กญี่ปุ่น” (Illicium anisatum) ที่มีสารพิษอนิซาตินซึ่งก่ออาการชักได้ นอกจากนี้มีรายงานว่าโป๊ยกั๊กอาจทำให้ทารกมีอาการมึนเมา และสาร anethole สามารถผ่านทางน้ำนมแม่ได้ จึงไม่ควรใช้ในปริมาณมากระหว่างให้นมบุตร
โป๊ยกั๊ก (Star anise) สามารถนำมาบริโภคได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์และรสชาติที่ต้องการ โดยหลัก ๆ จะใช้เป็น “เครื่องเทศ” มากกว่าการกินตรง ๆ เพราะรสค่อนข้างเข้มและมีกลิ่นแรงแบบชะเอม
วิธีการกินและใช้โป๊ยกั๊ก
ต้มในน้ำซุปหรือเครื่องดื่ม
ใส่โป๊ยกั๊กแบบทั้งดอกลงในน้ำซุป แกง หรือเครื่องดื่ม เช่น ชา โกโก้ หรือไวน์ร้อน (mulled wine)
มักใช้คู่กับอบเชย กานพลู หรือเมล็ดยี่หร่า เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมและความกลมกล่อม
ปรุงอาหารคาว
เป็นส่วนผสมหลักของ พะโล้ และ ผงพะโล้
ใช้ในอาหารจีน เวียดนาม และอินเดีย เช่น ตุ๋นเนื้อ เป็ดพะโล้ หรือ pho (เฝอ)
ใส่ในขนมและเครื่องดื่มหวาน
บดเป็นผงแล้วผสมในเค้ก คุกกี้ หรือขนมปัง
ใส่ในชา ชานม หรือกาแฟ เพื่อเพิ่มรสหอมหวาน
ชงชาโป๊ยกั๊ก : บดหรือใช้ทั้งดอก ต้มกับน้ำร้อน 5–10 นาที สามารถผสมน้ำผึ้งและมะนาวเพื่อช่วยบรรเทาอาการไอหรือเจ็บคอ
ใช้หมักเนื้อสัตว์ : บดโป๊ยกั๊กผสมกับซอสและเครื่องเทศอื่น ๆ หมักเนื้อหมู เนื้อไก่ หรือปลา เพื่อดับกลิ่นคาวและเพิ่มรสชาติ
สหรัฐฯ นำเข้าปีละเป็นหมื่นตัน
ตลาดโป๊ยกั๊กในอเมริกาเหนือ แบ่งตามการใช้งาน กำลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากมีการนำมาใช้เพิ่มขึ้นในหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเครื่องเทศและอุตสาหกรรมยา
โป๊ยกั๊กซึ่งมีเอกลักษณ์ด้านรสชาติ ถูกนำมาใช้หลักในด้านการทำอาหาร เช่น ปรุงรสอาหาร เครื่องดื่ม และชาสมุนไพร ความหลากหลายของการใช้งานทำให้โป๊ยกั๊กกลายเป็นวัตถุดิบสำคัญในเครื่องเทศผสมหลายชนิด ส่งผลให้มีความต้องการสูงทั้งในครัวเรือนและภาคธุรกิจร้านอาหาร
ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันตลาด คือ กระแสนิยมรสชาติแปลกใหม่ และความนิยมอาหารนานาชาติที่เพิ่มขึ้น ทั้งอาหารเอเชีย ตะวันออกกลาง และเมดิเตอร์เรเนียน
นอกจากด้านการปรุงอาหารแล้ว สรรพคุณทางยาของโป๊ยกั๊กยังเป็นที่ยอมรับ ทำให้ความต้องการในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสมุนไพรและสินค้าสุขภาพเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เมื่อ
ตามข้อมูลจากสมาคมพริกไทยและพืชเครื่องเทศเวียดนาม ระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 31 กรกฎาคม 2025 เวียดนามส่งออกโป๊ยกั๊กแล้ว 9,276 ตัน มูลค่ารวม 35.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1,158 ล้านบาท) ตามข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลและแหล่งจัดหาวัตถุดิบอาหารโลก (Tridge) เวียดนาม จีน และอินเดีย เป็น 3 ประเทศผู้ส่งออกโป๊ยกั๊กหลักของโลก โดยเวียดนามและจีนได้เปรียบเพราะมีสภาพธรรมชาติเอื้อต่อการปลูก
นอกจากนี้ โป๊ยกั๊กยังได้รับความนิยมในตลาดยุโรปเช่นเดียวกัน โดยใช้ในผลิตภัณฑ์สุขภาพและเครื่องดื่มสมุนไพร
https://www.sanook.com/news/9834274/
เครื่องเทศ 1 ชนิด ดาวเด่นสรรพคุณล้ำค่า ฤทธิ์ต้านไวรัส-แบคทีเรีย ทั่วโลกต้องการ
รสคล้ายชะเอมของโป๊ยกั๊กมาจากน้ำมันหอมระเหยโป๊ยกั๊ก ซึ่งมีฤทธิ์ต้านไวรัสสูง มีรายงานว่าโป๊ยกั๊กช่วยป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่บางสายพันธุ์ และมีปริมาณสูงของกรดชิคิมิก ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักในยาต้านไวรัส Tamiflu อย่างไรก็ตาม งานวิจัยด้านฤทธิ์ต้านไวรัสในมนุษย์ยังมีน้อย
งานวิจัยปี 2023 พบว่าสารธรรมชาติในสารสกัดโป๊ยกั๊กช่วยยับยั้งการเติบโตของเชื้อราบนขนมปัง ทำให้เก็บได้นานขึ้น โดยสารเช่น trans-anethole ทำลายเยื่อหุ้มเซลล์ของเชื้อรา