ผมพึ่งจะเลิกกะแฟนที่คบมาประมาณ 6-7 ปีได้ 1 อาทิตย์ครับ แต่ผมเองมีข้อข้องใจเลยอยากถามความคิดเห็นคุณผู้หญิงน่ะครับ
ท้าวความนิดนึง ผมรู้จักกะแฟนคนนี้ที่ทำงานเดียวกัน เมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว ตอนที่พึ่งรู้จักกันตอนนั้นเธอมีแฟนอยู่แล้วและแฟนเธออยู่เมืองนอก เธอรอแฟนเธอมาเป็น 4-5 ปีจนเธอท้อเพราะไม่มีวี่แววว่าเค้าจะกลับมาถาวรเลย (เค้ากลับมาปีละหนอย่างเก่ง) จนกะทั่งเธอเริ่มเปิดใจมองดูคนอื่นไว้บ้าง ถ้าหากว่าไปกันได้เธอก็จะบอกเลิกกะทางโน้น ตอนผมรู้จักเธอใหม่ๆ ผมประทับใจที่เธอ "ซื่อสัตย์" กะแฟนมากเลยอยากลองคบดูเผื่อเธอจะตัดสินใจที่จะคบผมแทน พอคบได้ราวๆ 3 เดือนเราไปกันได้ดีและเธอยอมมีไรกะผมด้วย ตอนนั้นผมมั่นใจว่าเธอเลือกผมแน่ๆแล้วเพราะเราเจอกันตลอดไปรับส่งตลอดไปเที่ยว ตจว 2ต่อ2 แต่ผ่านไปอีก 4-5 เดือนพอแฟนเมืองนอกเธอจะกลับมาอีกเดือนให้หลังจู่ๆเธอจะมาเลิกกะผม นั่นคือครั้งแรกที่ผมช๊อคเพราะเรามากันไกลมากแล้ว แต่พอ 1 เดือนผ่านไปแฟนเค้ากลับ เธอยอมกลับมาคบผมเพราะเห็นว่าผมรักเธอมาก และเธอยอมบอกเลิกทางนู้น เพราะระหว่างที่เธออยู่กะเค้าตอนที่เค้ากลับมา เธอรู้สึกว่าผู้ชายไม่ได้แคร์เธอมากเท่าไหร่ ผมดีใจและเราได้คบกันจริงจัง
จากนั้นมาอีก 2-3 เดือนก็เริ่มรู้จักที่บ้านเธอเป็นครอบครัวคนจีนหัวโบราณมากๆ แต่สรุปคือที่บ้านเค้าไม่ชอบผมโดยเหตุผลหลักๆว่า ผมทำงานประจำ ไม่ใช่ลูกคนจีนมีกิจการ (แม่เค้าเป็นหลัก) และคนบ้านนี้ negative ทั้งบ้านครับ (บ้านเค้าด่ากันเองแรงๆ และหยาบคายเป็นประจำ) แต่เราก็พยายามจะผ่านมันไปเผื่อให้เค้ายอมรับวันนึง เวลาผ่านไปมีอย่างนึงที่ผมมีปัญหามานานนั่นก็คือหนี้ รายรับผมเยอะ แต่รายจ่ายผมใกล้เคียงกันเลย เหตุเพราะวินัยทางการเงินและดวงไม่ดี (เช่นโดนโกงไปหลายรอบ) พอเธอรู้เธอเริ่มกังวล (เพราะไม่เคยเจอเรื่องนี้เท่าไหร่ ส่วนผมภาระเยอะเพราะตัวคนเดียวตั้งแต่จบมาก็ไม่มีเงินใช้และไม่มีบ้านอยู่ต้องดิ้นรนเองและดูแลแม่ด้วย) แต่เธอก็พยายามให้ยืมเงินช่วยเหลือ (ผมไม่ได้ขอยืมนะครับ) เพื่อให้ผมไปหมุนได้ อยู่มาวันนึงเรามีความเห็นร่วมกันว่าอยากซื้อบ้านและตัดสินใจซื้อโดยกู้ร่วม โดยที่เธอเสนอจะช่วยออกหมื่นนึง และผม 2หมื่น3 ตอนนั้นก็ยังพอประคองมาได้ถึงแม้จะมีหนี้อยู่บ้าง แต่เราอยากมีบ้านเพราะอย่างน้อยแม่เค้าจะได้สบายใจว่าลูกสาวจะได้มีบ้านอยู่หากแต่งกันไป แต่อยู่มาวันนึงเราเข้าใจผิดเรื่องกู้ตกแต่งกะ bank ทำให้ผมเสียสภาพคล่องไปเยอะ ตอนนั้นผมเริ่มเครียดและตัดสินใจจะขายรถเพื่อรักษาบ้าน เพราะผมลงเงินลงแรงและเวลาไปมากและบ้านมันราคาขึ้นรถซื้อเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เธออยากให้ขายบ้านทิ้งเลยทั้งๆที่ผมทุ่มลงไปมากแล้ว ตอนนั้นเราทะเลาะกันแรงจนถึงขั้นเลิกลา ผ่านไป 1 วันผมไปง้อแต่เธอไม่ OK ผมเสียใจมาก แต่เดิมผมเข้าใจว่าเราเลิกกันเพราะผมมักโมโหแรงเวลาโกรธ แต่แล้วผมก็ต้องมาช๊อครอบ 2 ว่าเหตุผลจริงๆที่เลิกกันคือเธอแอบชอบพอกะผู้ชายคนนึงลับหลังและมักเอาเรื่องของผมไปปรึกษาคนๆนี้ ไอ้คนนี้นี้มีเมียอยู่แล้วและเป็นคนปากหวาน มันแอบจีบและเริ่มขู่แฟนผมว่าถ้าไม่ขายบ้าน bank ต้องมาเล่นแฟนผมวันนึงเพราะจ่ายไม่ไหวแน่นอน ผมเลยถึงบางอ้อว่าทำไมเธอถึงขยั้นขยอนัก และที่ทะเลาะกันบ่อยๆในเรื่องอื่นเพราะไปฟังไอ้คนนี้มานี่เอง สรุปเค้าเชื่อคนอื่นที่ปากหวาน มากกว่าแฟนตัวเอง จนมาทะเลาะและเลิกกันไป ในตอนที่เลิกกันผมรู้ความเป็นไปของเธอเพราะได้เห็นข้อมูลที่เค้า chat กัน ไม่น่าเชื่อว่าแฟนผมถึงขั้นไปมีอะไรกับเค้าทั้งๆที่ไอ้นั่นมีภรรยาอยู่แล้ว! ผ่านไป 2-3 เดือนแฟนผมก็โดนไอ้นั่นไม่เหลียวแล พูดง่ายๆก็คือโดนหลอกฟันแล้วทิ้งนั่นเอง เธอเสียใจมากและตอนนั้นเธอก็ไม่เหลือใครเลย
ต่อมาในวันเกิดผมเธอ BB มา Happy Birthday ผม ด้วยความที่ผมไม่ได้เจอกันนานแล้วผมก็ขอบคุณและนัดเจอกันอีกครั้ง (แต่ผมรู้เรื่องราวของเธอมาโดยตลอดและสงสารเธอด้วย) เธอเริ่มอยากกลับมาหาผมแต่ตอนนั้นผมไม่ได้อยากกลับไป (ผมไม่เคยบอกเธอเรื่องที่ผมรู้มาตลอด) แต่เธอเริ่มเข้ามาในชีวิตมากขึ้น เธอเสียใจที่ไม่เชื่อใจผมในอดีตให้มากพอ และอยากให้ผมกลับมาเหมือนเดิม มีอยู่คำนึงที่เธอพูดแล้วผมเริ่มใจอ่อนก็คือ ต่อไปไม่ว่าอะไรจะเป็นยังไงเธอก็ไม่ได้แคร์ ขอเพียงผมยังรักแค่นี้เธอก็มีความสุขแล้ว พอเห็นว่าเธอยังรักผมขนาดนี้บวกกับความสงสาร ผมเลยใจอ่อนและกลับมาคบกันต่อ คราวนี้เราคบกันมายาวเลยอีก 4 ปี ตอนนั้นบ้านก็ยังอยู่และเธอไม่เคยมีปัญหากะ bank ตามที่ไอ้นั่นเคยขู่และผมไม่ได้ให้เธอออกค่าบ้านที่กู้ร่วมกันมาตั้งแต่ที่เลิกกันไปจนถึงปัจุบัน แต่ระหว่างทางก็มีปัญหาเกิดขึ้นกับทางผม อยู่ๆผมต้องตกงาน ถึง 2 ครั้งกะสองบริษัท และโดนโกงอีก ผมกู้เงินจากที่นึงเพื่อมาจ่ายหนี้เพียงเพราะต้องการ "รักษา credit" (คำๆนี้แหล่ะที่ทำให้ผมตกนรกวงเวียนหนี้มานานมากๆๆๆ) เธอเองต้องเฝ้ารอว่าเมื่อไหร่ผมจะมีเงินมาขอเธอสักที จนช่วงนึงเธอคงกังวลมากจนต้องแอบไปคุยกะผู้ชายคนนึง แต่ผมดันบังเอิญไปรู้เลยขอเลิก เธอร้องไห้มากมายกลางห้างจนผมต้องยอมเพื่อให้เธอหาย แต่เนื่องจากเรื่องยังไปไม่ถึงไหนผมเลยให้อภัยและยังคบต่อจนมาถึงทุกวันนี้ (อีกเกือบ 2-3 ปี) แต่เรื่องหนี้ผมนี่สิยังไม่จบ ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมายอมรับว่าได้ไปใช้เงินเที่ยว ตปท (ถูกๆ) และ กินอะไรอร่อยๆบ้าง เพราะผมอยากให้เธอได้มีความสุขบ้างระหว่างทางซึ่งเธอเองก็มีความสุขด้วย แต่พอวันดีคืนดีเธอก็จะขุดคุ้ยเอาเรื่องในอดีตที่ผมใช้เงินเก่งและมาว่าผม ทั้งๆที่ผมและเธอได้เคยตกลงร่วมกันไปแล้ว (แต่เธอจะมาบอกว่าลึกๆแล้วไม่เห็นด้วย แต่ก็ยอมเพราะอยากให้ผมมีความสุข) จริงๆผมเคยคุยกันแล้วว่าบอกกันตรงๆได้ แต่เธอมีปัญหาอยู่อย่างนึงนั่นคือไม่เคยจำอะไรที่เคยสัญญากันไว้ได้เท่าไหร่
ชีวิตดำเนินมาจนปัจุบัน ผมเริ่มที่จะไม่ไหวกับหนี้และสงสารแฟนที่ยังไม่สามารถไปขอเค้าได้ ตอนหลังเราปรึกษาและตกลงกันว่าจะขายบ้านเสียเพราะถ้าขายได้ หนี้ผมแทบจะเป็นศูนย์เลยและเราเริ่มต้นกันใหม่ได้ตราบที่ยังรักและเชื่อใจกันอยู่ ผมได้งานใหม่ด้วยและรายได้กลับเข้าที่เข้าทางแล้ว มิหนำซ้ำเรายังค้นพบทางออกที่ดีในการปลดหนี้ทั้งหมดอีกต่างหาก ผมยอม "เสียเครดิตและไม่รักษาเครดิต" อีกต่อไปซึ่งหนี้ผมเริ่มทยอยหมดเป็นลำดับ แต่เนื่องจากยอดยังสูงจึงต้องเก็บเงินไปเรื่อยๆ แต่ก็ประกาศขายบ้านอยู่ตลอดเวลา เพราะหากขายได้ก็ชีวิตเปลี่ยนทันที เธอเข้าใจและยินดีที่จะรอเพราะเห็นว่าตอนนี้เราเริ่มมาถูกทางแล้ว แต่ระหว่างทางเราก็ยังคงมีการทะเลาะกันอีกเป็นระยะโดยเฉพาะเธอกล่าวหาว่าวินัยการใช้เงินผมยังไม่ดีพอ ทั้งๆที่ผมใช้เงินช่วงหลังๆก็แทบจะเป็นเรื่อง "กิน" อย่างเดียวเลย (ซึ่งผมกันเงินตรงนี้ไว้ต่างหากแล้ว และเธอก็เคย OK แล้ว) และที่สำคัญเธอชอบมากดดันเรื่องหนี้ผมเช่น "ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าเธอจะสร้างหนี้ได้พอๆกับครอบครัวชั้นทั้งครอบครัวรวมกัน" ซึ่งผมได้เคยอธิบายถึงเหตุผลเป็นสิบๆรอบ (e.g. พยายามรักษา Credit, ลงทุนโดนโกง, ตกงาน 2 รอบ, ฯลฯ) แต่เธอก็ไม่เคยจำได้ อธิบายตัวเลขนิดนึงนะครับ หนี้ผมประมาณ 3 ล้าน รายรับผมหักลบแล้วคือ แสนสอง ผมหัก 2 หมื่นไว้กินไว้เดินทาง ที่เหลืออีกแสนนำไปชำระหนี้ทั้งหมด สมมุติว่าผมไม่สามารถขายบ้านได้ ผมต้องเก็บเงินไปประมาณ 30 เดือนกว่าจะปลดหนี้และกว่าจะเก็บเงินแต่งงานได้ (แต่เราก็มีบ้านอยู่) ผมอายุ 38 แต่เธอพึ่งย่าง 34 ประกาศขายมาครึ่งปียังขายไม่ได้เลยให้นายหน้ามาช่วยขาย แนวโน้มก็ดีขึ้น ผมเคยบอกเธอว่าถ้าขายได้ผมอาจจะกันเงินประมาณ 30% มาจัดงานแต่งเพราะเธอจะได้ไม่ต้องรอนาน เธอไม่พูดอะไรมาก แต่อยู่มาวันนึงเธอก็มาชวนผมทะเลาะอีก หาว่าเจอเพื่อนกินเบียร์ไวน์ทุกอาทิตย์ (ทั้งที่จริงมันไม่ใช่และหลายๆครั้งเพื่อนก็เลี้ยงและถ้าแชร์กันก็ตกไม่เกิน 4-5 ร้อย และผมก็ได้อธิบายไปแล้ว แถมกินที่บ้านด้วย ลืมบอกไปเราไม่ได้อยูด้วยกันนะครับ ผมอยู่คนเดียวตลอดเป็นปีๆ เพื่อนมาเยือนผมก็ดีใจ) แต่เธอไม่พอใจซึ่งสุดท้ายแล้วก็เป็นเรื่องเดิมอีกตามเคยนั่นคือเรื่องเงิน ทั้งๆที่ผมก็กินอยู่ในงบ 20,000 ต่อเดือนที่เธอได้เคย OK ไปแล้ว (จริงๆหักแล้ว ผมเหลือใช้เดือนละ 13,000) จนผมไม่ไหวและสุดท้ายเราก็เลิกกัน เธอบอกว่าเธอไม่เห็นอนาคตถ้าหากผมยังใช้เงินแบบนี้และผมคิดจะทำงานกินเงินเดือนอีกนานเท่าไหร่เธออายุ 34 แล้วอีก 2 ปีจะมีลูกลำบากแล้วเพราะผู้หญิงอายุเยอะจะมีลูกยาก ฯลฯ หลังจากเลิกกันผมเอะใจว่าเธอได้แอบคุยกะใครอีกไม๊ ปรากฎว่ามีจริงๆแต่เพิ่งไม่นาน (ราวๆ อาทิตย์นึงก่อนเลิกกัน) ผมคาดว่าหนึ่งในสาเหตุก็คงเป็นเรื่องนี้ด้วยถึงแม้ผมคิดว่าน้ำหนักอาจจะไม่เยอะเท่าเรื่องหนี้ผม
สรุปผมยอมเลิกกะเธอโดยที่หลักๆแล้วเพราะผมไม่มีปัญญามาขอเธอแต่งงานได้ เพราะถ้าบ้านขายไม่ได้ผมก็ต้องเก็บเงินเพื่อไปขอ และเธอก็ไม่ Happy ถ้าจะมาจัดงานทั้งๆที่เป็นหนี้ ถึงแม้ว่ามันเห็นภาพแล้วว่าหนี้จะหมดยังไง ผมรู้สึกว่าผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอทุกข์ และไม่มีความสุขจึงยอมปล่อยเธอไป แต่ในใจผมรู้สึกว่าผมทำดีที่สุดแล้ว แต่แฟนผมไม่เคยเข้าใจ คิดแต่ว่าผมใช้เงินเก่ง ทั้งๆที่เคยอธิบายแล้วว่าผมเคยเจออะไรบ้างในอดีต และเธอก็แอบคุยกะผู้ชายคนอื่นอีกซึ่งผมรู้แต่ไม่ได้พูด แต่ที่แน่ๆ ภาพผู้หญิงคนนึงที่เราเคยคิดว่า "ซื่อสัตย์" ในตอนแรกมันไม่หลงเหลือเลย คำพูดที่เคยว่าจะฟ่าฟันไปด้วยกัน สุดท้ายเอาเข้าจริงก็ไม่ใช่ ผมใช้เงินหาความสุขด้านกินเที่ยวบ้างในงบเพราะทุกครั้งต้องการอยากให้เธอมีความสุขไปด้วย (ซึ่งเธอมี) แต่เธอก็มาว่าผมทีหลังว่าใช้เงินเก่ง (ทั้งๆที่อยู่ในงบ) ผมรู้สึกว่าเธอเอาเรื่องเงินเป็นที่ตั้งเสมอ มากกว่าจะดีใจที่เห็นผมมีความสุขเล็กๆน้อยๆบ้าง ผมเองไม่ได้ขออะไรมากกว่าใครสักคนที่รักและเข้าใจเพียงแค่นั้น ....
ผมอยากรู้ว่าในสายตาผู้หญิง ถ้าเจอผู้ชายอย่างผมและสถาณการณ์อย่างผม เป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงเค้าต้องเลิกเพราะว่าเราไม่มีอนาคตภายในระยะเวลาและเงินที่กำหนดหรือเปล่าครับ? ผมจะได้เข้าใจความรู้สึกผู้หญิงสมัยนี้ ผมเพียงแค่คิดว่าหากผมรักใครและวันนึงคนๆนั้นต้องมามีปัญหาหลายอย่างซึ่งไม่ได้เกิดจากความเจตนาของเค้า ผมคงไม่มีวันทิ้งเค้าไปไหนตราบที่เค้ายังรักเราอยู่เสมอ เพราะวันนึงมันก็ต้องผ่านไปได้ ....
และในมุมมองคนส่วนใหญ่ความคิดผมถูกผิดยังไงรบกวน comment ด้วยนะครับ
ยาวหน่อยแต่อยากให้เห็นภาพน่ะครับ ขอบคุณทุกๆความคิดเห็นล่วงหน้าด้วยนะครับ
เรื่องราวผมกะแฟนที่พึ่งเลิกกัน อยากขอความคิดเห็นมากครับ
ท้าวความนิดนึง ผมรู้จักกะแฟนคนนี้ที่ทำงานเดียวกัน เมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว ตอนที่พึ่งรู้จักกันตอนนั้นเธอมีแฟนอยู่แล้วและแฟนเธออยู่เมืองนอก เธอรอแฟนเธอมาเป็น 4-5 ปีจนเธอท้อเพราะไม่มีวี่แววว่าเค้าจะกลับมาถาวรเลย (เค้ากลับมาปีละหนอย่างเก่ง) จนกะทั่งเธอเริ่มเปิดใจมองดูคนอื่นไว้บ้าง ถ้าหากว่าไปกันได้เธอก็จะบอกเลิกกะทางโน้น ตอนผมรู้จักเธอใหม่ๆ ผมประทับใจที่เธอ "ซื่อสัตย์" กะแฟนมากเลยอยากลองคบดูเผื่อเธอจะตัดสินใจที่จะคบผมแทน พอคบได้ราวๆ 3 เดือนเราไปกันได้ดีและเธอยอมมีไรกะผมด้วย ตอนนั้นผมมั่นใจว่าเธอเลือกผมแน่ๆแล้วเพราะเราเจอกันตลอดไปรับส่งตลอดไปเที่ยว ตจว 2ต่อ2 แต่ผ่านไปอีก 4-5 เดือนพอแฟนเมืองนอกเธอจะกลับมาอีกเดือนให้หลังจู่ๆเธอจะมาเลิกกะผม นั่นคือครั้งแรกที่ผมช๊อคเพราะเรามากันไกลมากแล้ว แต่พอ 1 เดือนผ่านไปแฟนเค้ากลับ เธอยอมกลับมาคบผมเพราะเห็นว่าผมรักเธอมาก และเธอยอมบอกเลิกทางนู้น เพราะระหว่างที่เธออยู่กะเค้าตอนที่เค้ากลับมา เธอรู้สึกว่าผู้ชายไม่ได้แคร์เธอมากเท่าไหร่ ผมดีใจและเราได้คบกันจริงจัง
จากนั้นมาอีก 2-3 เดือนก็เริ่มรู้จักที่บ้านเธอเป็นครอบครัวคนจีนหัวโบราณมากๆ แต่สรุปคือที่บ้านเค้าไม่ชอบผมโดยเหตุผลหลักๆว่า ผมทำงานประจำ ไม่ใช่ลูกคนจีนมีกิจการ (แม่เค้าเป็นหลัก) และคนบ้านนี้ negative ทั้งบ้านครับ (บ้านเค้าด่ากันเองแรงๆ และหยาบคายเป็นประจำ) แต่เราก็พยายามจะผ่านมันไปเผื่อให้เค้ายอมรับวันนึง เวลาผ่านไปมีอย่างนึงที่ผมมีปัญหามานานนั่นก็คือหนี้ รายรับผมเยอะ แต่รายจ่ายผมใกล้เคียงกันเลย เหตุเพราะวินัยทางการเงินและดวงไม่ดี (เช่นโดนโกงไปหลายรอบ) พอเธอรู้เธอเริ่มกังวล (เพราะไม่เคยเจอเรื่องนี้เท่าไหร่ ส่วนผมภาระเยอะเพราะตัวคนเดียวตั้งแต่จบมาก็ไม่มีเงินใช้และไม่มีบ้านอยู่ต้องดิ้นรนเองและดูแลแม่ด้วย) แต่เธอก็พยายามให้ยืมเงินช่วยเหลือ (ผมไม่ได้ขอยืมนะครับ) เพื่อให้ผมไปหมุนได้ อยู่มาวันนึงเรามีความเห็นร่วมกันว่าอยากซื้อบ้านและตัดสินใจซื้อโดยกู้ร่วม โดยที่เธอเสนอจะช่วยออกหมื่นนึง และผม 2หมื่น3 ตอนนั้นก็ยังพอประคองมาได้ถึงแม้จะมีหนี้อยู่บ้าง แต่เราอยากมีบ้านเพราะอย่างน้อยแม่เค้าจะได้สบายใจว่าลูกสาวจะได้มีบ้านอยู่หากแต่งกันไป แต่อยู่มาวันนึงเราเข้าใจผิดเรื่องกู้ตกแต่งกะ bank ทำให้ผมเสียสภาพคล่องไปเยอะ ตอนนั้นผมเริ่มเครียดและตัดสินใจจะขายรถเพื่อรักษาบ้าน เพราะผมลงเงินลงแรงและเวลาไปมากและบ้านมันราคาขึ้นรถซื้อเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เธออยากให้ขายบ้านทิ้งเลยทั้งๆที่ผมทุ่มลงไปมากแล้ว ตอนนั้นเราทะเลาะกันแรงจนถึงขั้นเลิกลา ผ่านไป 1 วันผมไปง้อแต่เธอไม่ OK ผมเสียใจมาก แต่เดิมผมเข้าใจว่าเราเลิกกันเพราะผมมักโมโหแรงเวลาโกรธ แต่แล้วผมก็ต้องมาช๊อครอบ 2 ว่าเหตุผลจริงๆที่เลิกกันคือเธอแอบชอบพอกะผู้ชายคนนึงลับหลังและมักเอาเรื่องของผมไปปรึกษาคนๆนี้ ไอ้คนนี้นี้มีเมียอยู่แล้วและเป็นคนปากหวาน มันแอบจีบและเริ่มขู่แฟนผมว่าถ้าไม่ขายบ้าน bank ต้องมาเล่นแฟนผมวันนึงเพราะจ่ายไม่ไหวแน่นอน ผมเลยถึงบางอ้อว่าทำไมเธอถึงขยั้นขยอนัก และที่ทะเลาะกันบ่อยๆในเรื่องอื่นเพราะไปฟังไอ้คนนี้มานี่เอง สรุปเค้าเชื่อคนอื่นที่ปากหวาน มากกว่าแฟนตัวเอง จนมาทะเลาะและเลิกกันไป ในตอนที่เลิกกันผมรู้ความเป็นไปของเธอเพราะได้เห็นข้อมูลที่เค้า chat กัน ไม่น่าเชื่อว่าแฟนผมถึงขั้นไปมีอะไรกับเค้าทั้งๆที่ไอ้นั่นมีภรรยาอยู่แล้ว! ผ่านไป 2-3 เดือนแฟนผมก็โดนไอ้นั่นไม่เหลียวแล พูดง่ายๆก็คือโดนหลอกฟันแล้วทิ้งนั่นเอง เธอเสียใจมากและตอนนั้นเธอก็ไม่เหลือใครเลย
ต่อมาในวันเกิดผมเธอ BB มา Happy Birthday ผม ด้วยความที่ผมไม่ได้เจอกันนานแล้วผมก็ขอบคุณและนัดเจอกันอีกครั้ง (แต่ผมรู้เรื่องราวของเธอมาโดยตลอดและสงสารเธอด้วย) เธอเริ่มอยากกลับมาหาผมแต่ตอนนั้นผมไม่ได้อยากกลับไป (ผมไม่เคยบอกเธอเรื่องที่ผมรู้มาตลอด) แต่เธอเริ่มเข้ามาในชีวิตมากขึ้น เธอเสียใจที่ไม่เชื่อใจผมในอดีตให้มากพอ และอยากให้ผมกลับมาเหมือนเดิม มีอยู่คำนึงที่เธอพูดแล้วผมเริ่มใจอ่อนก็คือ ต่อไปไม่ว่าอะไรจะเป็นยังไงเธอก็ไม่ได้แคร์ ขอเพียงผมยังรักแค่นี้เธอก็มีความสุขแล้ว พอเห็นว่าเธอยังรักผมขนาดนี้บวกกับความสงสาร ผมเลยใจอ่อนและกลับมาคบกันต่อ คราวนี้เราคบกันมายาวเลยอีก 4 ปี ตอนนั้นบ้านก็ยังอยู่และเธอไม่เคยมีปัญหากะ bank ตามที่ไอ้นั่นเคยขู่และผมไม่ได้ให้เธอออกค่าบ้านที่กู้ร่วมกันมาตั้งแต่ที่เลิกกันไปจนถึงปัจุบัน แต่ระหว่างทางก็มีปัญหาเกิดขึ้นกับทางผม อยู่ๆผมต้องตกงาน ถึง 2 ครั้งกะสองบริษัท และโดนโกงอีก ผมกู้เงินจากที่นึงเพื่อมาจ่ายหนี้เพียงเพราะต้องการ "รักษา credit" (คำๆนี้แหล่ะที่ทำให้ผมตกนรกวงเวียนหนี้มานานมากๆๆๆ) เธอเองต้องเฝ้ารอว่าเมื่อไหร่ผมจะมีเงินมาขอเธอสักที จนช่วงนึงเธอคงกังวลมากจนต้องแอบไปคุยกะผู้ชายคนนึง แต่ผมดันบังเอิญไปรู้เลยขอเลิก เธอร้องไห้มากมายกลางห้างจนผมต้องยอมเพื่อให้เธอหาย แต่เนื่องจากเรื่องยังไปไม่ถึงไหนผมเลยให้อภัยและยังคบต่อจนมาถึงทุกวันนี้ (อีกเกือบ 2-3 ปี) แต่เรื่องหนี้ผมนี่สิยังไม่จบ ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมายอมรับว่าได้ไปใช้เงินเที่ยว ตปท (ถูกๆ) และ กินอะไรอร่อยๆบ้าง เพราะผมอยากให้เธอได้มีความสุขบ้างระหว่างทางซึ่งเธอเองก็มีความสุขด้วย แต่พอวันดีคืนดีเธอก็จะขุดคุ้ยเอาเรื่องในอดีตที่ผมใช้เงินเก่งและมาว่าผม ทั้งๆที่ผมและเธอได้เคยตกลงร่วมกันไปแล้ว (แต่เธอจะมาบอกว่าลึกๆแล้วไม่เห็นด้วย แต่ก็ยอมเพราะอยากให้ผมมีความสุข) จริงๆผมเคยคุยกันแล้วว่าบอกกันตรงๆได้ แต่เธอมีปัญหาอยู่อย่างนึงนั่นคือไม่เคยจำอะไรที่เคยสัญญากันไว้ได้เท่าไหร่
ชีวิตดำเนินมาจนปัจุบัน ผมเริ่มที่จะไม่ไหวกับหนี้และสงสารแฟนที่ยังไม่สามารถไปขอเค้าได้ ตอนหลังเราปรึกษาและตกลงกันว่าจะขายบ้านเสียเพราะถ้าขายได้ หนี้ผมแทบจะเป็นศูนย์เลยและเราเริ่มต้นกันใหม่ได้ตราบที่ยังรักและเชื่อใจกันอยู่ ผมได้งานใหม่ด้วยและรายได้กลับเข้าที่เข้าทางแล้ว มิหนำซ้ำเรายังค้นพบทางออกที่ดีในการปลดหนี้ทั้งหมดอีกต่างหาก ผมยอม "เสียเครดิตและไม่รักษาเครดิต" อีกต่อไปซึ่งหนี้ผมเริ่มทยอยหมดเป็นลำดับ แต่เนื่องจากยอดยังสูงจึงต้องเก็บเงินไปเรื่อยๆ แต่ก็ประกาศขายบ้านอยู่ตลอดเวลา เพราะหากขายได้ก็ชีวิตเปลี่ยนทันที เธอเข้าใจและยินดีที่จะรอเพราะเห็นว่าตอนนี้เราเริ่มมาถูกทางแล้ว แต่ระหว่างทางเราก็ยังคงมีการทะเลาะกันอีกเป็นระยะโดยเฉพาะเธอกล่าวหาว่าวินัยการใช้เงินผมยังไม่ดีพอ ทั้งๆที่ผมใช้เงินช่วงหลังๆก็แทบจะเป็นเรื่อง "กิน" อย่างเดียวเลย (ซึ่งผมกันเงินตรงนี้ไว้ต่างหากแล้ว และเธอก็เคย OK แล้ว) และที่สำคัญเธอชอบมากดดันเรื่องหนี้ผมเช่น "ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าเธอจะสร้างหนี้ได้พอๆกับครอบครัวชั้นทั้งครอบครัวรวมกัน" ซึ่งผมได้เคยอธิบายถึงเหตุผลเป็นสิบๆรอบ (e.g. พยายามรักษา Credit, ลงทุนโดนโกง, ตกงาน 2 รอบ, ฯลฯ) แต่เธอก็ไม่เคยจำได้ อธิบายตัวเลขนิดนึงนะครับ หนี้ผมประมาณ 3 ล้าน รายรับผมหักลบแล้วคือ แสนสอง ผมหัก 2 หมื่นไว้กินไว้เดินทาง ที่เหลืออีกแสนนำไปชำระหนี้ทั้งหมด สมมุติว่าผมไม่สามารถขายบ้านได้ ผมต้องเก็บเงินไปประมาณ 30 เดือนกว่าจะปลดหนี้และกว่าจะเก็บเงินแต่งงานได้ (แต่เราก็มีบ้านอยู่) ผมอายุ 38 แต่เธอพึ่งย่าง 34 ประกาศขายมาครึ่งปียังขายไม่ได้เลยให้นายหน้ามาช่วยขาย แนวโน้มก็ดีขึ้น ผมเคยบอกเธอว่าถ้าขายได้ผมอาจจะกันเงินประมาณ 30% มาจัดงานแต่งเพราะเธอจะได้ไม่ต้องรอนาน เธอไม่พูดอะไรมาก แต่อยู่มาวันนึงเธอก็มาชวนผมทะเลาะอีก หาว่าเจอเพื่อนกินเบียร์ไวน์ทุกอาทิตย์ (ทั้งที่จริงมันไม่ใช่และหลายๆครั้งเพื่อนก็เลี้ยงและถ้าแชร์กันก็ตกไม่เกิน 4-5 ร้อย และผมก็ได้อธิบายไปแล้ว แถมกินที่บ้านด้วย ลืมบอกไปเราไม่ได้อยูด้วยกันนะครับ ผมอยู่คนเดียวตลอดเป็นปีๆ เพื่อนมาเยือนผมก็ดีใจ) แต่เธอไม่พอใจซึ่งสุดท้ายแล้วก็เป็นเรื่องเดิมอีกตามเคยนั่นคือเรื่องเงิน ทั้งๆที่ผมก็กินอยู่ในงบ 20,000 ต่อเดือนที่เธอได้เคย OK ไปแล้ว (จริงๆหักแล้ว ผมเหลือใช้เดือนละ 13,000) จนผมไม่ไหวและสุดท้ายเราก็เลิกกัน เธอบอกว่าเธอไม่เห็นอนาคตถ้าหากผมยังใช้เงินแบบนี้และผมคิดจะทำงานกินเงินเดือนอีกนานเท่าไหร่เธออายุ 34 แล้วอีก 2 ปีจะมีลูกลำบากแล้วเพราะผู้หญิงอายุเยอะจะมีลูกยาก ฯลฯ หลังจากเลิกกันผมเอะใจว่าเธอได้แอบคุยกะใครอีกไม๊ ปรากฎว่ามีจริงๆแต่เพิ่งไม่นาน (ราวๆ อาทิตย์นึงก่อนเลิกกัน) ผมคาดว่าหนึ่งในสาเหตุก็คงเป็นเรื่องนี้ด้วยถึงแม้ผมคิดว่าน้ำหนักอาจจะไม่เยอะเท่าเรื่องหนี้ผม
สรุปผมยอมเลิกกะเธอโดยที่หลักๆแล้วเพราะผมไม่มีปัญญามาขอเธอแต่งงานได้ เพราะถ้าบ้านขายไม่ได้ผมก็ต้องเก็บเงินเพื่อไปขอ และเธอก็ไม่ Happy ถ้าจะมาจัดงานทั้งๆที่เป็นหนี้ ถึงแม้ว่ามันเห็นภาพแล้วว่าหนี้จะหมดยังไง ผมรู้สึกว่าผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอทุกข์ และไม่มีความสุขจึงยอมปล่อยเธอไป แต่ในใจผมรู้สึกว่าผมทำดีที่สุดแล้ว แต่แฟนผมไม่เคยเข้าใจ คิดแต่ว่าผมใช้เงินเก่ง ทั้งๆที่เคยอธิบายแล้วว่าผมเคยเจออะไรบ้างในอดีต และเธอก็แอบคุยกะผู้ชายคนอื่นอีกซึ่งผมรู้แต่ไม่ได้พูด แต่ที่แน่ๆ ภาพผู้หญิงคนนึงที่เราเคยคิดว่า "ซื่อสัตย์" ในตอนแรกมันไม่หลงเหลือเลย คำพูดที่เคยว่าจะฟ่าฟันไปด้วยกัน สุดท้ายเอาเข้าจริงก็ไม่ใช่ ผมใช้เงินหาความสุขด้านกินเที่ยวบ้างในงบเพราะทุกครั้งต้องการอยากให้เธอมีความสุขไปด้วย (ซึ่งเธอมี) แต่เธอก็มาว่าผมทีหลังว่าใช้เงินเก่ง (ทั้งๆที่อยู่ในงบ) ผมรู้สึกว่าเธอเอาเรื่องเงินเป็นที่ตั้งเสมอ มากกว่าจะดีใจที่เห็นผมมีความสุขเล็กๆน้อยๆบ้าง ผมเองไม่ได้ขออะไรมากกว่าใครสักคนที่รักและเข้าใจเพียงแค่นั้น ....
ผมอยากรู้ว่าในสายตาผู้หญิง ถ้าเจอผู้ชายอย่างผมและสถาณการณ์อย่างผม เป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงเค้าต้องเลิกเพราะว่าเราไม่มีอนาคตภายในระยะเวลาและเงินที่กำหนดหรือเปล่าครับ? ผมจะได้เข้าใจความรู้สึกผู้หญิงสมัยนี้ ผมเพียงแค่คิดว่าหากผมรักใครและวันนึงคนๆนั้นต้องมามีปัญหาหลายอย่างซึ่งไม่ได้เกิดจากความเจตนาของเค้า ผมคงไม่มีวันทิ้งเค้าไปไหนตราบที่เค้ายังรักเราอยู่เสมอ เพราะวันนึงมันก็ต้องผ่านไปได้ ....
และในมุมมองคนส่วนใหญ่ความคิดผมถูกผิดยังไงรบกวน comment ด้วยนะครับ
ยาวหน่อยแต่อยากให้เห็นภาพน่ะครับ ขอบคุณทุกๆความคิดเห็นล่วงหน้าด้วยนะครับ