คือเราเป็นมุสลิมโดยบิดา มารดา แต่จะเป็นมุสลิมโดยแท้จริงก็ช่วงประมาณ มอสี่ มอห้าละมั่ง
ท่านอาจจะส่งสัยว่าทำไม เราถึงบอกแบบนี้
เอาละมาเข้าเรื่องกัน เราเป็นมุสลิมที่อยู่เติบโตมาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แน่นอนว่า สภาพแวดล้อม รวมถึงวิถีชีวิตย่อมอยู่กับภาวะที่เอื้ออำนวยต่อการเป็นมุสลิมที่ครบถ้วนสมบูรณ์แบบ แต่ท่านรู้มั้ยตลอดเวลาที่เราโตมา มักมีสิ่งต่างๆที่เราเริ่มไม่เข้าใจ เราเริ่มเรียนตาดีกา ซึ่งจะเป็นชั้นเรียนระดับต้นที่ปลูกฝั่งอบรมเรื่องราวพื้นฐานต่างๆของการเป็นมุสลิม แต่จะเป็นในเรื่องของการปฏิบัติ โอเคอย่างที่ทราบกันดีว่าครูสอนศาสนาจะเริ่มปลูกฝั่งการปฏิบัติก่อนการศรัทธา อาจเป็นเพราะว่าเด็กยังไม่อาจเข้าใจอะไรที่ลึกซึ้งได้ เหมือนการสอนเรื่องละหมาด เด็กจะมีความเข้าใจว่า ถ้าไม่ละหมาดก็จะโดนครูดุว่า หรือโดนพ่อแม่ตี แต่ไม่เข้าใจว่าละหมาดทำไม กรูจะดูการตูน อะไรประมาณนี้ แต่คงไม่ใช่แต่เด็กหรอกมั่ง เราเหนหลายคนก็ไม่ได้แยแสว่าจะละหมาดทำไม เข้านรกแล้วไง คือ เรากำลังจะบอกว่า มันเป็นเรื่องที่ยากพอควรแก่การเข้าใจ และเข้าถึงแก่นแท้ของการเป็นอิสลาม
เราจะขอยกตัวอย่างในเรื่องของการละหมาดก็แล้วกัน ตอนนั้นอยู่ปอสองจำได้ว่าครูสอนเรื่องการเตาบัต เรายังเด็กแต่ค่อนข้างกลัวสุดโต่งกับคำขู่ที่ว่าหากทำบาปคุณจะเข้านรก ช่วงนั้นเราแอบทำสิ่งไม่ดีนิดนึง รุ้สึกผิดบาปมากพอครูสอนเลยเกบไปฝันว่าตัวเองถูกทรมาณในกระทะนมร้อน คือจินตการของเดกนะช่วงนั้นกลัวมากรีบเตาบัตแบบเดกๆ ละหมาดอะไรก็ไม่รุ เริ่มเปนแค่นั้นเองพอสบายใจเราก็ลืม
พอเวลาผ่านไประหว่างนั้นเราก็เรียนรู้ไปเรื่อยๆครูก็สอนทำโน่นทำนี้ คือเราเรียนรร.เอกชนสอนศสานาอิสลามคือมันเปนระบบเรียนควบสายศาสนาสามัญ เราหัวดีทางสามัญมากกว่าศาสนา เพราะว่าเราไม่ถนัดภาษามลายูเท่าไหร่ อาหรับยิ่งแล้วใหญ่ ทำให้เวลาเรียนจึงไม่เข้าใจ และมักจะงงเวลาครูสอนเสมอ แต่ก็ไม่กล้าถาม เพราะไม่รุจะถามอะไร อายเพื่อนด้วยเด่วเพื่อนหาว่ากระแดะ เราอยากกลมกลืนอะนะ ลืมบอกไปว่าที่บ้านเราพูดไทยเยอะ เพราะพ่อเป็นคนกรุงเทพ แต่เราพูดมลายูได้แต่จะบอกไงดีละภาษาที่ใช้ในหนังสือเป็นภาษามลายูทางการพอครูอธิบายเป็นภาษาที่ไม่ค่อยชินหูเท่าไหร่ เวลาเรียนก็เลยเหมือนฟังหูซ้ายทะลุหูขวา แต่พอเป็นสายสามัญเราทำได้ดีตลอด พอสายศาสนาเนี่ยเอาไม่อยู่จริงเรียนไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ค่อยถาม
เอาละอยู่มาช่วงนึงช่วงนั้นเป็นช่วงที่สอบเยอะๆ คือเราตั้งชีวิตไว้กับสายสามัญเกินไป สายศาสนาไม่อยู่ในสายตาเลย (พอตรูเรียนไม่รู้เรื่อง ตรูก็ไม่สนไม่แลแล้ว) มุ่งมั่นตั้งมั่นกับสายสามัญเพียงอย่างเดียว ศาสนาไม่ศึกษาเอาแต่ขอดุอาร์์ i wanna be นั้นนี้ลูกเดี่ยว ขนาดละหมาดเราก็ขอแต่เรื่องของวัตถุ นึกถึงช่วงนั้นเรารู้สึกแย่มากๆ แต่ไม่รู้ยังไงนะ พอเราละหมาดมากๆ หมายถึงว่าเรามีการเพิ่มละหมาดสุนัตตลอด ตื่นมาตะฮัจยุดทุกค่ำคืน กรุอ่านไม่ขาด คือเราไม่ใช่ประเภทอ่านอย่างเดียวเราต้องอ่านฉบับแปลไปด้วย คือมันเปลี่ยนความรู้สึกจริงๆจากที่เราเอาแต่ขอวัตถุมันกลายเป็นอะไรที่จับต้องไม่ได้ท่านคงรู้ว่าคืออะไร จนเราปฏิบัติมากๆเราถึงกับฝันว่าเหนท่านนบี เหนท่านกำลังละหมาดหันหลังให้ มันรุสึกปลื้มปริ่ม ขนลุกซู่ เราเอาเรืองนี้ไปเล่าให้พ่อฟัง ลืมบอกไปว่าพ่อเราก็เปนบุคคลที่ศึกษาศาสนามาเยอะเหมือนกันเอ่อ แกจบสายศาสนาอะนะ แกบอกว่ามันน่าจะเปนเรื่องที่ดี แกบอกว่าสิ่งที่เรากระทำสิ่งที่เราปฏิบัติมันเริ่มถูกทางแล้ว แล้วก็ถามเราว่า ละหมาดทำไม? หลายๆคนอาจตอบว่าถ้าไม่ทำตายไปก็จะตกนรก เดี่ยวพระเจ้าทรงกริ้ว ก็เค้าบอกว่าให้ทำก็ต้องทำ เราจำไม่ได้ว่าช่วงนั้นประโยคที่พูดนั้นเป็นแบบไหนประมาณว่าคำตอบของเราคือ เพราะเป็นคำสั่งใช้ที่พระองค์ใช้ทดสอบบ่าวของพระองค์ว่าจะปฏิบัติตามไหม ใช้ทดสอบว่าเราเหมาะสมที่จะไปอยู่ในสวรรค์หรือเปล่า และเป็นช่องทางที่จะให้บ่าวของพระองค์ขอในสิ่งที่ต้องการ โดยที่พระองค์ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากเราเลย เพราะพระองค์มีแต่ให้ ให้ ให้ คือคำตอบของเราช่วงนั้นค่อนข้างถูกใจพ่อเราพอสมควร ช่วงนั้นเราคิดว่าเราเปนมุสลิมอย่างแท้จริง
หลังจากนั้นจนถึงวันนี้เราก็ศึกษาศาสนาเรื่อยๆเริ่มรู้ว่าเรื่องศาสนามันมีอธิบายเป็นภาษาไทยด้วย เราเริ่มหาหนังสืออ่าน เราสืบค้นข้อมูลทางอินเตอรเนต จนมาถึงจุดหนึ่งเราไม่สามารถเข้าใจได้อีกแล้ว ปกติแล้วคำถามศาสนาเรามักจะศึกษาด้วยตัวเองก่อนไม่เข้าใจถามพ่อ แต่มันมีอยู่หลายๆเรื่องที่เราไม่สามารถเข้าใจได้ถึงแม้ว่าพ่อจะอธิบายแล้ว อย่างเช่น คำถามที่ว่า ทำไมถึงเชื่อว่ามีพระเจ้าองค์เดียว ด้วยว่าเราอยู่ในประเทศไทยก็ดูหนังแบบมีพระเจ้าหลายองค พระพิรุณ พระอะไรที่มีหน้าที่ในแต่ละด้านแตกต่างกันไป ซึ่งในตรงนี้พ่อเราสามารถอธิบายได้ว่า หากว่ามีพระเจ้าหลายองค์ลองคิดดูสิว่าการบริหารจักรวาลจะวุ่นวายหรือเปล่า ลองคิดดูสิหากว่ามีหลายองคระบบต่างๆจะไม่มีการรวนเชียวหรือ ดูอย่างระบบสุริยจักรวาลสิ ทำไมมันถึงไม่ชนกัน การจัดวางระบบต่างๆ ไม่มีผิดเพี้ยน มันบ่งบอกว่าเกิดจากผู้ทรงอำนาจเพียงผู้เดียว พอเรื่องแบบนี้เราสามารถเข้าใจได้นะ คือพอเราศึกษามากๆเรารู้สึกถึงจุดๆหนึ่งเราเริ่มไม่เข้าใจในสิ่งที่เราปฏิบัติเพราะเราเริ่มงงว่าทำไมหลักการทางศาสนาต่างๆมันต่างกัน เช่น ในเรื่องของซุนนะ กับชีอะ แล้วในซุนนะ ก็มีการตีความแบ่งเป็นสี่สำนักอีก ไม่พูดถึงที่แตกแขนงออกไปมากกว่านี้นะ คือเราเริ่มคิด ว่าถ้าหลักการปฏิบัติต่างๆมันต่างกันเนี้ย แล้วใครจะเป็นผู้ถูกเลือกให้เข้าสวรรค์กันแน่ มันจะมีผู้ปฏิบัติตามซุนนะ ชีอะ แล้วยังมีวะห์บี ที่ต่างก็โต้เถียงกันว่าหลักการของใครถูกต้องกว่ากัน บางประเทศถึงกับต้องฆ่าแกงกันทั้งๆที่เป็นมุสลิมด้วยกัน...ไม่เข้าใจ เราเริ่มสงสัยว่าจุดที่ทำให้เราเดินไปในทางถูกต้องมันอยู่ตรงไหนกันแน่ แล้วมันจะมีอีกในเรื่องของการจินตการเรื่องลักษณะของพระเจ้าเราห้ามตัวเองไม่ให้คิดไม่ได้ทั้งๆที่ห้ามคิด ในเรื่องสิ่งที่อยู่เหนือจินตการที่เรามักคิดจินตการตามบางซูเราะที่อธิบายไว้ว่าพระเจ้าอยู่บนบัลลังบัลลังเป็นยังไง พระเจ้าหน้าตาเปนไงเราจินตการตลอดเลย ซึ่งสิ่งๆนี้เราไม่ควรกระทำ เราเคยถามพ่อแล้วพ่อยกซูเราะหนึ่งประมาณว่า พระองค์ได้ให้เรารู้ในสิ่งที่เราควรรู้ สิ่งที่เราไม่รู้เช่นจินตการเกี่ยวกับลักษณะของพระองค์ เรื่องโลกก่อนที่เราจะปฏิสนธิเปนยังไง เรื่องของวิญญาน ก็อย่าไปจินตการไม่งั้นเราก็จะอยากรู้ไม่มีที่สิ้นสุด มันอาจทำให้เราบ้าได้ แต่เราห้ามตัวเองไม่ได้ไง
คือท่านผู้รู้คะพอเป็นอย่างนี้แล้ว เราควรทำอย่างไรต่อไปดีคะ กลัวตกมุรตัด(ศาสนา)นะคะ ประเด็นก็คือทางเดินไหนคือทางเดินที่ถูกต้องแล้วคะ คือผู้ถูกเลือกให้เปนชาวสวรรค์ เราเป็นชาวซุนนะถือมัซฮับชาฟีอีย์ พอเดินตามหลักการไปอยู่ๆก็มีคนที่บอกว่าทางเดินที่เราเดินอยู่มันผิด แล้วของเค้าคือถูก คือเราไม่เข้าใจอะคะ เกิดคำถามว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้คุณแน่ใจว่าคุณจะเป็นผู้ถูกเลือก เพราะเราๆก็ต่างปฏิบัติตนจากกรุอ่านและฮาดิษ จากการตีความเท่านั้น ไม่มีใครสามารถที่จะหยั่งรู้เหตุการณอยู่ในเหตการณในช่วงเวลานั้นสักคน จะถูกจะผิดพระองค์เท่านั้นคือผู้ตัดสิน แล้วสงครามที่เกิดขึ้นคือ?
หากแต่ละคนปฏิบัติตามสายที่ตัวเองเลือกก็ไม่น่าก้าวก่ายกันและกันนะคะ เพราะมันเปนเพียงวิธีการไม่ใช่หรือ ไม่รุนะ เพราะสุดท้ายมันก็มีสองทางที่เราจะพบคือสวรรคและนรก
ถามผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญศาสนาอิสลาม เราอยากรู้ว่าเรากำลังหลงทางหรือเปล่า ช่วยดึงเราขึ้นมาที
ท่านอาจจะส่งสัยว่าทำไม เราถึงบอกแบบนี้
เอาละมาเข้าเรื่องกัน เราเป็นมุสลิมที่อยู่เติบโตมาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แน่นอนว่า สภาพแวดล้อม รวมถึงวิถีชีวิตย่อมอยู่กับภาวะที่เอื้ออำนวยต่อการเป็นมุสลิมที่ครบถ้วนสมบูรณ์แบบ แต่ท่านรู้มั้ยตลอดเวลาที่เราโตมา มักมีสิ่งต่างๆที่เราเริ่มไม่เข้าใจ เราเริ่มเรียนตาดีกา ซึ่งจะเป็นชั้นเรียนระดับต้นที่ปลูกฝั่งอบรมเรื่องราวพื้นฐานต่างๆของการเป็นมุสลิม แต่จะเป็นในเรื่องของการปฏิบัติ โอเคอย่างที่ทราบกันดีว่าครูสอนศาสนาจะเริ่มปลูกฝั่งการปฏิบัติก่อนการศรัทธา อาจเป็นเพราะว่าเด็กยังไม่อาจเข้าใจอะไรที่ลึกซึ้งได้ เหมือนการสอนเรื่องละหมาด เด็กจะมีความเข้าใจว่า ถ้าไม่ละหมาดก็จะโดนครูดุว่า หรือโดนพ่อแม่ตี แต่ไม่เข้าใจว่าละหมาดทำไม กรูจะดูการตูน อะไรประมาณนี้ แต่คงไม่ใช่แต่เด็กหรอกมั่ง เราเหนหลายคนก็ไม่ได้แยแสว่าจะละหมาดทำไม เข้านรกแล้วไง คือ เรากำลังจะบอกว่า มันเป็นเรื่องที่ยากพอควรแก่การเข้าใจ และเข้าถึงแก่นแท้ของการเป็นอิสลาม
เราจะขอยกตัวอย่างในเรื่องของการละหมาดก็แล้วกัน ตอนนั้นอยู่ปอสองจำได้ว่าครูสอนเรื่องการเตาบัต เรายังเด็กแต่ค่อนข้างกลัวสุดโต่งกับคำขู่ที่ว่าหากทำบาปคุณจะเข้านรก ช่วงนั้นเราแอบทำสิ่งไม่ดีนิดนึง รุ้สึกผิดบาปมากพอครูสอนเลยเกบไปฝันว่าตัวเองถูกทรมาณในกระทะนมร้อน คือจินตการของเดกนะช่วงนั้นกลัวมากรีบเตาบัตแบบเดกๆ ละหมาดอะไรก็ไม่รุ เริ่มเปนแค่นั้นเองพอสบายใจเราก็ลืม
พอเวลาผ่านไประหว่างนั้นเราก็เรียนรู้ไปเรื่อยๆครูก็สอนทำโน่นทำนี้ คือเราเรียนรร.เอกชนสอนศสานาอิสลามคือมันเปนระบบเรียนควบสายศาสนาสามัญ เราหัวดีทางสามัญมากกว่าศาสนา เพราะว่าเราไม่ถนัดภาษามลายูเท่าไหร่ อาหรับยิ่งแล้วใหญ่ ทำให้เวลาเรียนจึงไม่เข้าใจ และมักจะงงเวลาครูสอนเสมอ แต่ก็ไม่กล้าถาม เพราะไม่รุจะถามอะไร อายเพื่อนด้วยเด่วเพื่อนหาว่ากระแดะ เราอยากกลมกลืนอะนะ ลืมบอกไปว่าที่บ้านเราพูดไทยเยอะ เพราะพ่อเป็นคนกรุงเทพ แต่เราพูดมลายูได้แต่จะบอกไงดีละภาษาที่ใช้ในหนังสือเป็นภาษามลายูทางการพอครูอธิบายเป็นภาษาที่ไม่ค่อยชินหูเท่าไหร่ เวลาเรียนก็เลยเหมือนฟังหูซ้ายทะลุหูขวา แต่พอเป็นสายสามัญเราทำได้ดีตลอด พอสายศาสนาเนี่ยเอาไม่อยู่จริงเรียนไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ค่อยถาม
เอาละอยู่มาช่วงนึงช่วงนั้นเป็นช่วงที่สอบเยอะๆ คือเราตั้งชีวิตไว้กับสายสามัญเกินไป สายศาสนาไม่อยู่ในสายตาเลย (พอตรูเรียนไม่รู้เรื่อง ตรูก็ไม่สนไม่แลแล้ว) มุ่งมั่นตั้งมั่นกับสายสามัญเพียงอย่างเดียว ศาสนาไม่ศึกษาเอาแต่ขอดุอาร์์ i wanna be นั้นนี้ลูกเดี่ยว ขนาดละหมาดเราก็ขอแต่เรื่องของวัตถุ นึกถึงช่วงนั้นเรารู้สึกแย่มากๆ แต่ไม่รู้ยังไงนะ พอเราละหมาดมากๆ หมายถึงว่าเรามีการเพิ่มละหมาดสุนัตตลอด ตื่นมาตะฮัจยุดทุกค่ำคืน กรุอ่านไม่ขาด คือเราไม่ใช่ประเภทอ่านอย่างเดียวเราต้องอ่านฉบับแปลไปด้วย คือมันเปลี่ยนความรู้สึกจริงๆจากที่เราเอาแต่ขอวัตถุมันกลายเป็นอะไรที่จับต้องไม่ได้ท่านคงรู้ว่าคืออะไร จนเราปฏิบัติมากๆเราถึงกับฝันว่าเหนท่านนบี เหนท่านกำลังละหมาดหันหลังให้ มันรุสึกปลื้มปริ่ม ขนลุกซู่ เราเอาเรืองนี้ไปเล่าให้พ่อฟัง ลืมบอกไปว่าพ่อเราก็เปนบุคคลที่ศึกษาศาสนามาเยอะเหมือนกันเอ่อ แกจบสายศาสนาอะนะ แกบอกว่ามันน่าจะเปนเรื่องที่ดี แกบอกว่าสิ่งที่เรากระทำสิ่งที่เราปฏิบัติมันเริ่มถูกทางแล้ว แล้วก็ถามเราว่า ละหมาดทำไม? หลายๆคนอาจตอบว่าถ้าไม่ทำตายไปก็จะตกนรก เดี่ยวพระเจ้าทรงกริ้ว ก็เค้าบอกว่าให้ทำก็ต้องทำ เราจำไม่ได้ว่าช่วงนั้นประโยคที่พูดนั้นเป็นแบบไหนประมาณว่าคำตอบของเราคือ เพราะเป็นคำสั่งใช้ที่พระองค์ใช้ทดสอบบ่าวของพระองค์ว่าจะปฏิบัติตามไหม ใช้ทดสอบว่าเราเหมาะสมที่จะไปอยู่ในสวรรค์หรือเปล่า และเป็นช่องทางที่จะให้บ่าวของพระองค์ขอในสิ่งที่ต้องการ โดยที่พระองค์ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากเราเลย เพราะพระองค์มีแต่ให้ ให้ ให้ คือคำตอบของเราช่วงนั้นค่อนข้างถูกใจพ่อเราพอสมควร ช่วงนั้นเราคิดว่าเราเปนมุสลิมอย่างแท้จริง
หลังจากนั้นจนถึงวันนี้เราก็ศึกษาศาสนาเรื่อยๆเริ่มรู้ว่าเรื่องศาสนามันมีอธิบายเป็นภาษาไทยด้วย เราเริ่มหาหนังสืออ่าน เราสืบค้นข้อมูลทางอินเตอรเนต จนมาถึงจุดหนึ่งเราไม่สามารถเข้าใจได้อีกแล้ว ปกติแล้วคำถามศาสนาเรามักจะศึกษาด้วยตัวเองก่อนไม่เข้าใจถามพ่อ แต่มันมีอยู่หลายๆเรื่องที่เราไม่สามารถเข้าใจได้ถึงแม้ว่าพ่อจะอธิบายแล้ว อย่างเช่น คำถามที่ว่า ทำไมถึงเชื่อว่ามีพระเจ้าองค์เดียว ด้วยว่าเราอยู่ในประเทศไทยก็ดูหนังแบบมีพระเจ้าหลายองค พระพิรุณ พระอะไรที่มีหน้าที่ในแต่ละด้านแตกต่างกันไป ซึ่งในตรงนี้พ่อเราสามารถอธิบายได้ว่า หากว่ามีพระเจ้าหลายองค์ลองคิดดูสิว่าการบริหารจักรวาลจะวุ่นวายหรือเปล่า ลองคิดดูสิหากว่ามีหลายองคระบบต่างๆจะไม่มีการรวนเชียวหรือ ดูอย่างระบบสุริยจักรวาลสิ ทำไมมันถึงไม่ชนกัน การจัดวางระบบต่างๆ ไม่มีผิดเพี้ยน มันบ่งบอกว่าเกิดจากผู้ทรงอำนาจเพียงผู้เดียว พอเรื่องแบบนี้เราสามารถเข้าใจได้นะ คือพอเราศึกษามากๆเรารู้สึกถึงจุดๆหนึ่งเราเริ่มไม่เข้าใจในสิ่งที่เราปฏิบัติเพราะเราเริ่มงงว่าทำไมหลักการทางศาสนาต่างๆมันต่างกัน เช่น ในเรื่องของซุนนะ กับชีอะ แล้วในซุนนะ ก็มีการตีความแบ่งเป็นสี่สำนักอีก ไม่พูดถึงที่แตกแขนงออกไปมากกว่านี้นะ คือเราเริ่มคิด ว่าถ้าหลักการปฏิบัติต่างๆมันต่างกันเนี้ย แล้วใครจะเป็นผู้ถูกเลือกให้เข้าสวรรค์กันแน่ มันจะมีผู้ปฏิบัติตามซุนนะ ชีอะ แล้วยังมีวะห์บี ที่ต่างก็โต้เถียงกันว่าหลักการของใครถูกต้องกว่ากัน บางประเทศถึงกับต้องฆ่าแกงกันทั้งๆที่เป็นมุสลิมด้วยกัน...ไม่เข้าใจ เราเริ่มสงสัยว่าจุดที่ทำให้เราเดินไปในทางถูกต้องมันอยู่ตรงไหนกันแน่ แล้วมันจะมีอีกในเรื่องของการจินตการเรื่องลักษณะของพระเจ้าเราห้ามตัวเองไม่ให้คิดไม่ได้ทั้งๆที่ห้ามคิด ในเรื่องสิ่งที่อยู่เหนือจินตการที่เรามักคิดจินตการตามบางซูเราะที่อธิบายไว้ว่าพระเจ้าอยู่บนบัลลังบัลลังเป็นยังไง พระเจ้าหน้าตาเปนไงเราจินตการตลอดเลย ซึ่งสิ่งๆนี้เราไม่ควรกระทำ เราเคยถามพ่อแล้วพ่อยกซูเราะหนึ่งประมาณว่า พระองค์ได้ให้เรารู้ในสิ่งที่เราควรรู้ สิ่งที่เราไม่รู้เช่นจินตการเกี่ยวกับลักษณะของพระองค์ เรื่องโลกก่อนที่เราจะปฏิสนธิเปนยังไง เรื่องของวิญญาน ก็อย่าไปจินตการไม่งั้นเราก็จะอยากรู้ไม่มีที่สิ้นสุด มันอาจทำให้เราบ้าได้ แต่เราห้ามตัวเองไม่ได้ไง
คือท่านผู้รู้คะพอเป็นอย่างนี้แล้ว เราควรทำอย่างไรต่อไปดีคะ กลัวตกมุรตัด(ศาสนา)นะคะ ประเด็นก็คือทางเดินไหนคือทางเดินที่ถูกต้องแล้วคะ คือผู้ถูกเลือกให้เปนชาวสวรรค์ เราเป็นชาวซุนนะถือมัซฮับชาฟีอีย์ พอเดินตามหลักการไปอยู่ๆก็มีคนที่บอกว่าทางเดินที่เราเดินอยู่มันผิด แล้วของเค้าคือถูก คือเราไม่เข้าใจอะคะ เกิดคำถามว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้คุณแน่ใจว่าคุณจะเป็นผู้ถูกเลือก เพราะเราๆก็ต่างปฏิบัติตนจากกรุอ่านและฮาดิษ จากการตีความเท่านั้น ไม่มีใครสามารถที่จะหยั่งรู้เหตุการณอยู่ในเหตการณในช่วงเวลานั้นสักคน จะถูกจะผิดพระองค์เท่านั้นคือผู้ตัดสิน แล้วสงครามที่เกิดขึ้นคือ?
หากแต่ละคนปฏิบัติตามสายที่ตัวเองเลือกก็ไม่น่าก้าวก่ายกันและกันนะคะ เพราะมันเปนเพียงวิธีการไม่ใช่หรือ ไม่รุนะ เพราะสุดท้ายมันก็มีสองทางที่เราจะพบคือสวรรคและนรก