นับเป็นเวลากว่า 6 ปี แล้วที่ ด.ญ.นูจู้ด โมฮัมหมัด นัสเซอร์ วัย 10 ปี ชาวเยเมนที่ถูกพ่อแม่บังคับให้แต่งงานกับผู้ชายวัย 30 ปี ตัดสินใจหนีออกจากบ้าน และยื่นเรื่องฟ้องหย่าต่อศาล เพื่อเรียกร้องอิสรภาพให้กับตัวเอง เรื่องราวของเธอถูกนำมาเขียนเป็นหนังสือ และกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก ทำให้รัฐบาลเยเมนและองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างๆ หันมามองปัญหานี้อย่างจริงจัง
นูจู๊ดกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กหญิงมุสลิมอีกหลายพันคน ที่ประสบชะตากรรมเดียวกันกับเธอ ได้ลุกขึ้นมาต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเองบ้าง หนึ่งในนั้นคือ ‘ด.ญ.นาดา อัลอาห์ดัล’ หนูน้อยจอมขบถที่กล้าลุกขึ้นมาต่อกรกับธรรมเนียมอันไม่เข้าท่านี้ และยังฉลาดพอที่จะตีแผ่เรื่องราวของตัวเองให้อยู่ในความสนใจของชาวโลกผ่านเครือข่ายโซเชียลเน็ตเวิร์ค เพื่อสร้างเกราะป้องกันภัยแก่ตัวเองอีกด้วย
เรื่องมันมีอยู่ว่า ‘นาดา’ ผู้ซึ่งขณะนั้นอายุ 11 ปี อาศัยอยู่กับน้าชายที่นำเธอมาเลี้ยงและอุปการะตั้งแต่อายุ 2 ขวบ แทบไม่ได้ข่าวคราวหรือเจอหน้าพ่อแม่แท้ๆ ที่ต่างจังหวัดเลย แต่จู่ๆ พ่อแม่ก็ติดต่อมา แจ้งความประสงค์ต่อน้าว่า ต้องการนำตัวเธอกลับไปดูแลเอง
“ครอบครัวหนูมีฐานะยากจน น้าชายจึงขออนุญาตพ่อแม่นำหนูมาเลี้ยงและส่งเสียเรียนหนังสือในเมืองหลวง อยู่มาวันหนึ่ง พ่อแท้ๆ ของหนูก็ติดต่อมาหาน้าบอกว่าอยากได้หนูคืน น้าไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร จึงจำเป็นต้องส่งหนูคืนให้พ่อแม่” นาดาอธิบาย
แต่การกลับไปอยู่กับครอบครัวแท้ๆ หลังจากแยกกันมากว่า 9 ปี ไม่ใช่เรื่องง่าย นาดาต้องปรับตัวมากมาย และรู้สึกอึดอัดตลอดเวลา เธอเล่าว่า ที่บ้านเกิดนั้นเต็มไปด้วยสภาพแวดล้อมแย่ๆ และสังคมรอบตัวอันเสื่อมโทรมที่เธออยากนำตัวเองไปให้ห่างๆ
หัวใจที่ไม่เคยยอมแพ้ของ ‘นาดา อัลอาห์ดัล’
นูจู๊ดกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กหญิงมุสลิมอีกหลายพันคน ที่ประสบชะตากรรมเดียวกันกับเธอ ได้ลุกขึ้นมาต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเองบ้าง หนึ่งในนั้นคือ ‘ด.ญ.นาดา อัลอาห์ดัล’ หนูน้อยจอมขบถที่กล้าลุกขึ้นมาต่อกรกับธรรมเนียมอันไม่เข้าท่านี้ และยังฉลาดพอที่จะตีแผ่เรื่องราวของตัวเองให้อยู่ในความสนใจของชาวโลกผ่านเครือข่ายโซเชียลเน็ตเวิร์ค เพื่อสร้างเกราะป้องกันภัยแก่ตัวเองอีกด้วย
เรื่องมันมีอยู่ว่า ‘นาดา’ ผู้ซึ่งขณะนั้นอายุ 11 ปี อาศัยอยู่กับน้าชายที่นำเธอมาเลี้ยงและอุปการะตั้งแต่อายุ 2 ขวบ แทบไม่ได้ข่าวคราวหรือเจอหน้าพ่อแม่แท้ๆ ที่ต่างจังหวัดเลย แต่จู่ๆ พ่อแม่ก็ติดต่อมา แจ้งความประสงค์ต่อน้าว่า ต้องการนำตัวเธอกลับไปดูแลเอง
“ครอบครัวหนูมีฐานะยากจน น้าชายจึงขออนุญาตพ่อแม่นำหนูมาเลี้ยงและส่งเสียเรียนหนังสือในเมืองหลวง อยู่มาวันหนึ่ง พ่อแท้ๆ ของหนูก็ติดต่อมาหาน้าบอกว่าอยากได้หนูคืน น้าไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร จึงจำเป็นต้องส่งหนูคืนให้พ่อแม่” นาดาอธิบาย
แต่การกลับไปอยู่กับครอบครัวแท้ๆ หลังจากแยกกันมากว่า 9 ปี ไม่ใช่เรื่องง่าย นาดาต้องปรับตัวมากมาย และรู้สึกอึดอัดตลอดเวลา เธอเล่าว่า ที่บ้านเกิดนั้นเต็มไปด้วยสภาพแวดล้อมแย่ๆ และสังคมรอบตัวอันเสื่อมโทรมที่เธออยากนำตัวเองไปให้ห่างๆ