เรื่องราวมันเกิดตอนที่เราอยู่ชั้นประถม ช่วงนั้นเป็นช่วงที่อยู่กำลังจะเลื่อนชั้นปี
เรากับแม่เลยมีแพลนที่จะขึ้นไปหาคุณตาคุณยายที่พะเยากัน
โดยวันก่อนที่จะไปก็ได้คุยกับคุณตาคุณยายว่าจะไปหาแล้วนะ เดี๋ยวจะนั่งรถทัวร์ไป เจอกันพรุ่งนี้นะ
พอตกเย็นวันนั้นก็มีโทรศัพท์โทรมาจากบ้านคุณยายโทรมาบอกว่า
คุณตาดื่มเหล้ากับเพื่อนอยู่ดีๆแล้วมีอาการช็อค ตอนนี้กำลังไปโรงพยาบาลนะ
ตอนที่รู้เรื่องคุณแม่กับตัวเราเองก็รีบจัดของกันให้เสร็จ
ซักพักก็มีอีกสายโทรมาบอกว่า คุณตาเสียแล้วนะคุณหมอช่วยชีวิตไม่ทัน
ตอนนั้นคุณแม่เสียใจมาก ส่วนตัวเราเองด้วยความที่ยังเด็กอยู่ก็ยังคงงงๆว่าเกิดอะไรขึ้น
สรุปว่าเราสองคนแม่ลูกก็ซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อรีบไปแล้วเราก็ไปถึงคืนวันนั้น
ตอนแรกเราก็ยังไม่ได้เสียใจอะไรมากมาย อาจเป็นเพราะยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมากเท่าไหร่นัก
ต่างจากคุณแม่ที่ร้องไห้ตลอดทางจนกระทั่งถึงบ้านคุณตา
ตอนที่รถจอดอยู่หน้าบ้านสิ่งที่รู้สึกได้อย่างแรกเลยคือความเศร้าและเหงา
พอเราสองคนลงจากรถก็ได้ยินเสียงคนร้องไห้สะอึกสะอื้นกันออกมาจากบ้าน
เนื่องจากเป็นบ้านคนต่างจังหวัดจึงมีการทำพิธีสวดศพที่บ้าน
เวลานั้นอยู่ๆน้ำตามันก็ไหลออกมาเอง และพอตอนที่เห็นหน้าคุณตาเป็นครั้งสุดท้าย
มันก็ทำให้รู้ว่า ท่านไม่ได้อยู่ตรงนี้กับเราแล้วนะ ท่านไปแล้วนะ
มันทำให้เราร้องไห้โฮออกมา หลังจากนั้นเราก็ร้องไห้หนักมาก ร้องทุกวันจนถึงวันที่เผาศพคุณตา
เป็นเพราะตัวเราเองก็เป็นเหมือนหลานรักของคุณตาและคุณตาก็เป็นคนที่สนิทกับเรามากที่สุดในบ้าน
หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นมันก็ทำให้เรามานั่งคิดว่า ทำไมกันอีกแค่วันเดียวเอง
ทำไมคุณตาถึงไม่ยอมรอเรา เรากำลังจะไปหาอยู่แล้ว
แต่มันก็ทำให้กี้มานั่งคิดว่าบางครั้งเวลาที่เรามีอยู่ทำไมเราไม่ใช้มันกับท่านตั้งแต่แรก
ถ้าเราไปเร็วขึ้นกว่านี้ก็คงไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
มันทำให้เรารู้ว่าทุกๆเวลาเราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นจริงๆ
เราไม่รู้เลยจริงๆว่าเวลาของคนที่เรารักนั้นจะยังมีคำว่าพรุ่งนี้อยู่อีกรึเปล่า
ปัจจุบันก็มีบ้างที่เรางอแง ไม่ค่อยสนใจแม่ ไม่ค่อยไปเยี่ยมยาย
(เพราะเรื่องนี้ก็ผ่านมาเกือบ10ปีได้แล้ว)
แต่พอมานึกถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ทีไรมันก็ทำให้ตัวเราเองมานั่งคิดว่า
เราอยากที่จะเสียใจและเสียดายแบบนั้นอีกหรอ
เลยอยากมาแชร์เรื่องราวให้เพื่อนๆได้ฟังกันนะคะ
ปล. อาจมีตกหล่นบ้างยังไงขออภัยนะคะ
เพราะเราไม่รู้ว่ามันจะยังมีพรุ่งนี้รึเปล่า (แชร์ประสบการณ์)
เรากับแม่เลยมีแพลนที่จะขึ้นไปหาคุณตาคุณยายที่พะเยากัน
โดยวันก่อนที่จะไปก็ได้คุยกับคุณตาคุณยายว่าจะไปหาแล้วนะ เดี๋ยวจะนั่งรถทัวร์ไป เจอกันพรุ่งนี้นะ
พอตกเย็นวันนั้นก็มีโทรศัพท์โทรมาจากบ้านคุณยายโทรมาบอกว่า
คุณตาดื่มเหล้ากับเพื่อนอยู่ดีๆแล้วมีอาการช็อค ตอนนี้กำลังไปโรงพยาบาลนะ
ตอนที่รู้เรื่องคุณแม่กับตัวเราเองก็รีบจัดของกันให้เสร็จ
ซักพักก็มีอีกสายโทรมาบอกว่า คุณตาเสียแล้วนะคุณหมอช่วยชีวิตไม่ทัน
ตอนนั้นคุณแม่เสียใจมาก ส่วนตัวเราเองด้วยความที่ยังเด็กอยู่ก็ยังคงงงๆว่าเกิดอะไรขึ้น
สรุปว่าเราสองคนแม่ลูกก็ซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อรีบไปแล้วเราก็ไปถึงคืนวันนั้น
ตอนแรกเราก็ยังไม่ได้เสียใจอะไรมากมาย อาจเป็นเพราะยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมากเท่าไหร่นัก
ต่างจากคุณแม่ที่ร้องไห้ตลอดทางจนกระทั่งถึงบ้านคุณตา
ตอนที่รถจอดอยู่หน้าบ้านสิ่งที่รู้สึกได้อย่างแรกเลยคือความเศร้าและเหงา
พอเราสองคนลงจากรถก็ได้ยินเสียงคนร้องไห้สะอึกสะอื้นกันออกมาจากบ้าน
เนื่องจากเป็นบ้านคนต่างจังหวัดจึงมีการทำพิธีสวดศพที่บ้าน
เวลานั้นอยู่ๆน้ำตามันก็ไหลออกมาเอง และพอตอนที่เห็นหน้าคุณตาเป็นครั้งสุดท้าย
มันก็ทำให้รู้ว่า ท่านไม่ได้อยู่ตรงนี้กับเราแล้วนะ ท่านไปแล้วนะ
มันทำให้เราร้องไห้โฮออกมา หลังจากนั้นเราก็ร้องไห้หนักมาก ร้องทุกวันจนถึงวันที่เผาศพคุณตา
เป็นเพราะตัวเราเองก็เป็นเหมือนหลานรักของคุณตาและคุณตาก็เป็นคนที่สนิทกับเรามากที่สุดในบ้าน
หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นมันก็ทำให้เรามานั่งคิดว่า ทำไมกันอีกแค่วันเดียวเอง
ทำไมคุณตาถึงไม่ยอมรอเรา เรากำลังจะไปหาอยู่แล้ว
แต่มันก็ทำให้กี้มานั่งคิดว่าบางครั้งเวลาที่เรามีอยู่ทำไมเราไม่ใช้มันกับท่านตั้งแต่แรก
ถ้าเราไปเร็วขึ้นกว่านี้ก็คงไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
มันทำให้เรารู้ว่าทุกๆเวลาเราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นจริงๆ
เราไม่รู้เลยจริงๆว่าเวลาของคนที่เรารักนั้นจะยังมีคำว่าพรุ่งนี้อยู่อีกรึเปล่า
ปัจจุบันก็มีบ้างที่เรางอแง ไม่ค่อยสนใจแม่ ไม่ค่อยไปเยี่ยมยาย
(เพราะเรื่องนี้ก็ผ่านมาเกือบ10ปีได้แล้ว)
แต่พอมานึกถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ทีไรมันก็ทำให้ตัวเราเองมานั่งคิดว่า
เราอยากที่จะเสียใจและเสียดายแบบนั้นอีกหรอ
เลยอยากมาแชร์เรื่องราวให้เพื่อนๆได้ฟังกันนะคะ
ปล. อาจมีตกหล่นบ้างยังไงขออภัยนะคะ