เรื่องมีอยู่ว่า ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นหน้าพ่อเลย
จนมาตามเจอตอนอายุ 20 ปี เพิ่งเรียนจบ
แล้วก็เจอกันประมาณห้าครั้ง
แล้วพ่อก็เสียกระทันหัน ผมรีบลางานไปช่วยงานศพพ่อจนเสร็จ
แล้วทีนี้มันต้องจัดการเรื่องทรัพย์สินของพ่อ แต่คือผมไม่ได้ขออะไรเลยนะ
แต่พ่อเคยบอกไว้ ว่าได้แบ่งที่ไว้ให้ลูกทั้งสามคนแล้ว
ทางฝั่งภรรยาของพ่อ จะต้องเป็นผู้จัดการมรดก แล้วลูกต้องยินยอม 2 ใน 3 คนก่อน
ผมก็ยินยอมให้จัดการได้เลย แต่ผมไม่ได้เซ็นเอกสารอะไรเลยนะ
แต่ก็ไม่ได้คุยเรื่องแบ่งที่อะไรเลย ทั้งๆที่พ่อเคยพูดต่อหน้าทุกคน รวมถึงญาติพ่อด้วย
จนครบ 100 วัน ผมก็มาทำบุญตามปกติ ไม่ได้หวังอะไรเลยสักอย่าง
แล้วพอเสร็จงาน ผมจะกลับ แต่ทางภรรยาพ่อ บอกให้ไปคุยกันที่บ้านก่อน
บทสนทนาก็คุยเรื่อยเปื่อย แล้วก็วนมาบอกว่าพี่เค้าสร้างบ้านไว้ (ในที่ที่พ่อบอกจะแบ่ง)
ถ้าจะผ่านมาก็มาแวะนอนได้นะ คือเหมือนเค้าจะรู้กันแล้วว่าผมคงตัดขาดทางนี้แล้ว
เลยได้แต่คิดในใจว่า ควรคุยกันตรงๆไปเลย ผมไม่ได้หวังมาเอาอะไรอยู่แล้ว
เลยอยากถามว่าเอาจริงๆ ว่าผมสมควรจะต้องได้ที่ตรงนั้นไหม
เพราะตลอดชีวิตมา จนพ่อเสียไม่เคยได้อะไรเลย
อยากถามว่า เราสมควรได้รับที่ดินไหม
จนมาตามเจอตอนอายุ 20 ปี เพิ่งเรียนจบ
แล้วก็เจอกันประมาณห้าครั้ง
แล้วพ่อก็เสียกระทันหัน ผมรีบลางานไปช่วยงานศพพ่อจนเสร็จ
แล้วทีนี้มันต้องจัดการเรื่องทรัพย์สินของพ่อ แต่คือผมไม่ได้ขออะไรเลยนะ
แต่พ่อเคยบอกไว้ ว่าได้แบ่งที่ไว้ให้ลูกทั้งสามคนแล้ว
ทางฝั่งภรรยาของพ่อ จะต้องเป็นผู้จัดการมรดก แล้วลูกต้องยินยอม 2 ใน 3 คนก่อน
ผมก็ยินยอมให้จัดการได้เลย แต่ผมไม่ได้เซ็นเอกสารอะไรเลยนะ
แต่ก็ไม่ได้คุยเรื่องแบ่งที่อะไรเลย ทั้งๆที่พ่อเคยพูดต่อหน้าทุกคน รวมถึงญาติพ่อด้วย
จนครบ 100 วัน ผมก็มาทำบุญตามปกติ ไม่ได้หวังอะไรเลยสักอย่าง
แล้วพอเสร็จงาน ผมจะกลับ แต่ทางภรรยาพ่อ บอกให้ไปคุยกันที่บ้านก่อน
บทสนทนาก็คุยเรื่อยเปื่อย แล้วก็วนมาบอกว่าพี่เค้าสร้างบ้านไว้ (ในที่ที่พ่อบอกจะแบ่ง)
ถ้าจะผ่านมาก็มาแวะนอนได้นะ คือเหมือนเค้าจะรู้กันแล้วว่าผมคงตัดขาดทางนี้แล้ว
เลยได้แต่คิดในใจว่า ควรคุยกันตรงๆไปเลย ผมไม่ได้หวังมาเอาอะไรอยู่แล้ว
เลยอยากถามว่าเอาจริงๆ ว่าผมสมควรจะต้องได้ที่ตรงนั้นไหม
เพราะตลอดชีวิตมา จนพ่อเสียไม่เคยได้อะไรเลย