เรื่องเต็มน่ารักตอนที่ 4/3 วันพุธ 07/05/2557

กระทู้สนทนา


ไก่ป่าขันร้องดังบอกเวลายามเช้าตรู่ เสียงดังมาถึงกระท่อมกลางป่าของเปอร์ตี ที่แวดล้อมด้วยธรรมชาติสวยงาม สดชื่น แลเห็นทิวเขาสุดลูกหูลูกตาของฮวาซาใต้
       
       ชามอาหารที่มีแต่ข้าวยุ่ยๆ เละๆ กับผักลอยเต็ม หน้าตาคล้ายโจ๊กปนจับฉ่าย พร่องไปค่อนชาม
       นายนั่งเคี้ยวช้าๆ แบบเต็มกลืน พยายามฝืนกลืนลงคอ ในมือถือชามอาหารกับจับช้อนขนาดทัพพี หน้าเบ้ ถอนใจเป็นระยะ
       เปอร์ตีวิ่งพรวดโผล่เข้าประตูมา ในมือถือโถใบเขื่องกับม้วนกระดาษหนาโต นายตกใจหันมอง
       “มาแล้ว” เปอร์ตียื่นโถให้ “นี่นมสดๆ จากฟาร์มลุง”
       “อา...” นายแทบจะร้องไห้ รับโถมาดู เห็นเป็นนมสด ดีใจมาก รีบกลืนข้าวที่เคี้ยวอยู่อย่างฝืดคอ “รอดตายแล้วไอ้นาย”
       นายยกโถขึ้นดื่มเอื้อกๆ เปอร์ตียืนมองอย่างแปลกใจ
       “หิวมากเหรอพี่” เด็กน้อยก้มดูชาม ยิ่งแปลกใจ “กินจะหมดชามเลยด้วย? เดี๋ยวเปอร์ตีไปเอามาให้อีก” เปอร์ตีคว้าชามจะเดินออกไป
       นายสำลักนม “โอว..พะ พ่อคุณ ไม่ต้องแล้วจ้า...พี่อิ่มอร่อยสุดๆ ไปเรียบร้อยแล้ว”
       “อร่อยจริงเหรอ? ลุงคงดีใจน่าดู”
       “ทำไมล่ะ”
       “ในที่สุดก็มีคนกินอาหารของลุงได้น่ะสิ ปกติลุงก็จะทำให้หมูในคอกกินหมูยังเมินเล”
       นายเหวอ อึ้ง อ้าปากค้าง เหลือบมองอาหารในชาม พูดไม่ออก
       “อะ นี่ ที่พี่ให้เปอร์ตี้เอาไปให้ลุงวาด”
       เปอร์ตียื่นม้วนกระดาษให้ นายรับแล้วรีบคลี่เปิดดู ตาลุกวาวทันที เป็นภาพสเก็ตช์ด้วยดินสอ portrait น้ำเชี่ยวในละคร
       “โหย สุดยอด..นี่ฝีมือลุงน้องเหรอเนี่ย เยี่ยม” นายพลิกดูแผ่นอื่นๆ ไปมา “เยี่ยมที่สุด”
       นายตาวาว มีความสุขล้น นึกถึงแผนการของตัวเอง
       
       ไม่นานต่อมา เปอร์ตีเดินนำฉับๆ มีนายสะพายเป้เดินตาม ทั้งสองเดินอยู่กลางป่าสูง เลี้ยวลด ไปตามเนินลงไป นายเดินไปเปิดรูปดูไปอย่างมีความสุข
       “นี่ ฝากบอกลุงด้วยนะ ว่ามาเอาดีทางวาดรูปเถอะ อาหารน่ะ ไม่ทำก็ไม่มีใครว่าหรอก”
       “เหรอ ได้สิ เดี๋ยวบอกให้ เปอร์ตีก็ว่างั้นละ”
       เปอร์ตีหยุดมองซ้ายขวา คิดแล้วออกเดินไปทางหนึ่ง
       นายมองตาม เห็นมีแต่ป่า “เปอร์ตีมาทางนี้บ่อยเหรอ”
       เปอร์ตีส่ายหน้า “ไม่หรอก ลุงเคยพามาตอนเปอร์ตี 5 ขวบ ครั้งเดียว แต่ก็พอจำได้”
       “อ้าว...แล้วไหนว่ารู้จักดี”
       เปอร์ตีเดินมาหยุดหน้าแนวพุ่มไม้สูงหนาทึบ
       “นี่ไง ถึงละ”
       นายเหลียวมองไปรอบตัวท่าทีงงๆ “ถึง! เนี่ยนี่ ทางเข้าวัง”
       นายหันซ้ายหันขวาอีกรอบอย่างงงๆ เพราะรอบข้างเป็นป่ารกชัฏ
       
       เช้าวันเดียวกัน กรุงเทพฯ รถติดเป็นแพ
       บริเวณหน้าห้างแห่งนั้น ใกล้เปิด คนมายืนรอเข้ากันเต็ม พนักงานเดินเข้าทางประตูข้าง
       ชายคนหนึ่งก้าวเข้ามาตรงทางเข้า ไม่ใช่อื่น แต่เป็นแนวหน้าที่สะพายเป้หน้าดำแดดโทรมหน้ามาหยุดยืนมองอยู่หน้าห้าง เข้าคิวรออีกคน ดูนาฬิกา พบว่าเวลา 10 โมง ตรง
       พนักงานเปิดประตูออกมา แล้วเชิญคนเข้า พวกลูกค้าท่าทางรีบร้อน เข้าไปในห้างกัน
       แนวหน้าจะเดินเข้า แล้วเกิดลังเล หันกลับ ถอนใจหนักหน่วง เอาไงดีวะ จะเข้าไปดีไม่ดี แล้วหันกลับ แต่โดนคนชนจนกระเด็น ล้มก้นกระแทกพื้น แนวหน้าสุดเซ็ง
       
       แนวหน้าเดินลังเลจะไปไม่ไปดี ใจเต้นโครมคราม สุดท้ายมาหยุดอยู่ตรงทางเดินในห้าง กลืนน้ำลายเอื้อก มองไปตรงหน้าเห็นป้ายร้านขิงดีไซน์อยู่ถัดไปไม่ไกลนัก
       แนวหน้าสูดหายใจลึกสุดปอด รวบรวมสติและความกล้าเดินตรงเข้าไป แต่เดินไปได้สองก้าวก็หันขวับกลับเดินมาที่เดิม ร้องกรี๊ดเบาๆ กับตัวเอง
       “เอาไงดีว๊า.. กล้าสิเว้ย เฮ้ย”
       แนวหน้าหลับตารวบรวมความกล้า หันขวับเดินก้มหน้าตรงไปที่หน้าร้านขิงดีไซน์ทันที
       แนวหน้าเดินมาหยุดที่หน้าร้าน ก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมอง เห็นร้านมีป้าย closed แขวนอยู่
       แนวหน้าผงะ มองป้าย ก่อนจะกวาดตามองผ่านกระจกเข้าไปสำรวจในร้าน ชะเง้อชะแง้ดูจนทั่ว
       “ร้านปิด” แนวหน้ามองจนแน่ใจ พลันเปลี่ยนสีหน้าเป็นดีใจสุดขีด โล่งสุดๆ
       “เยส! รอดแล้วเว้ย ฮ่าๆๆ งั้นก็กลับ”
       แนวหน้าหันขวับเดินกลับสบายใจเฉิบ
       ขณะเดียวกัน ขิงที่สะพายกระเป๋าใบใหญ่ ถือกุญแจจะมาเปิดร้าน เดินมาอย่างรีบร้อน เพราะสายมากแล้ว แนวหน้าเองจะก้าวเดินต่อ ขิงเดินมาถึงหน้าร้านพอดี ต่างคนต่างอึ้ง
       ขิงมองอย่างไม่เชื่อสายตา “พี่...พี่แนว”
       แนวหน้าตกใจ “ขะ...ขิง”
       ขิงมองสำรวจแนวหน้าหัวจรดเท้า ยังไม่อยากเชื่อ ส่วนแนวหน้าตะลึงจังงัง ตัวแข็งเป็นหินไปแล้ว    
       
       สองคนอยู่ในร้านขิงดีไซน์ที่เปิดให้บริการแล้ว
       แนวหน้ากับขิง ต่างคนต่างอึ้ง ขิงเสิร์ฟน้ำให้แนว
       “พี่แนวมาที่นี่ได้ยังไงคะ”
       แนวหน้าไปไม่เป็น เงอะงะ “คือ พี่...พี่มาเดินเล่นๆ เรื่อยๆ น่ะ แฮะๆ”
       ขิงแอบมองสาระรูปของแนวหน้าที่ดูทรุดโทรมมาก
       “ค่ะ พี่แนวสบายดีเหรอคะ ไม่ได้เจอกันนานเลย”
       “อ้อ ใช่...ก็ สบายสิครับผม แล้วน้องขิงล่ะ มาร้าน...เอ้ย...มาทำอะไรแถวนี้ล่ะ”
       “ค่ะ นี่ร้านขิงค่ะ ขิงเปิดร้านนี้ได้ปีกว่าแล้ว”
       “อ๋อ...เหรอ...ดีจัง...พี่ไม่ยักรู้”
       แนวหน้าไม่รู้จะพูดยังไงต่อ ความเงียบทำหน้าที่ชั่วขณะ ขิงมองๆ
       “งั้น...พี่แนว...ไม่ได้มาหาขิง จริงๆ ใช่มั้ยคะ”
       “ปละ...เปล่า...คือ...พี่ก็เคยได้ยินอยู่เหมือนกัน เคยผ่านๆ มาหลายทีละไม่แน่ใจ..แล้วขิงสบายดี? เอ้ย..ถามแล้ว” แนวหน้าเขิน อาย มือไม้เกะกะไปหมด ไม่รู้จะพูดอะไรต่อเงอะงะอีก สุดท้ายนึกได้จะพูดอะไร “อ้อ...ขิงดูดี สดใสดีนะเป็นผู้ใหญ่เชียว ตอนงานรับปริญญาขิง พี่ก็วุ่นเลยไม่ได้ไป”
       ขิงเยื้อนยิ้ม “ค่ะ ขอบคุณค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ”
       “แล้วๆ...เบอร์ขิง พี่ก็ดันทำหาย...เอ่อ คือ ตอนนั้นมือถือพี่หายไง ก็เลยหาย เราเลยไม่ได้คุยไม่ได้ติดต่อกันเลย..นิ” แนวหน้ายิ้มแหะๆ แห้งแล้งเต็มประดา “แล้ว..ไอ้..เอ่อ...” จะถามถึงไผท แต่ชะงัก หยุดเท่านั้น
       “อะไรคะ”
       “อ้อ เปล่าจ้ะ”
       ขิงงงๆ รอฟัง แต่แนวหน้าเงียบ “แล้วพี่แนวไปไหนมาคะ ท่าทางเหมือนเพิ่งมาจากป่าเลย”
       “อ้า ใช่ๆ จ้ะ เพิ่งกลับมาจากฮวาซาใต้นู่น”
       “อ๋อ...ประเทศที่เพิ่งประกาศอิสรภาพ...โหย...น่าอิจฉาจัง...ท่าทางจะสวยนะคะประเทศนี้”
       “อ้อ จ้ะๆ” แนวหน้าคิดหนัก “เอ่อ...ขิง...คือ...พี่มีเรื่อง...”
       โทรศัพท์บนโต๊ะทำงานดังขึ้น ขิงหันไปมอง
       “รับโทรศัพท์ก่อนเถอะจ้ะ”
       “งั้น ขิงขอตัวก่อนนะคะ” ขิงลุกขึ้น
       “งั้นเดี๋ยวพี่ก็กลับแล้วเหมือนกัน”
       ขิงงง “อ้าว...แล้วเมื่อกี๊พี่แนวมีอะไรจะเล่าให้ขิงฟังไม่ใช่เหรอคะ”
       “เปล่า..ไม่มีอะไร พี่ลาละนะ”
       แนวหน้าลากกระเป๋า เดินออกไปจากร้าน ขิงทำหน้างง แล้วเดินไปรับโทรศัพท์
       แนวหน้าเดินออกมาหน้าร้าน ทำท่าจะไปแล้วเกิดลังเล ภาพตอนโลลิต้าด่าว่าทำงานไม่เก่งผุดขึ้นมาหลอน แนวหน้าถอนใจเฮือก
       
       ขิงวางโทรศัพท์ลง หันไปเห็นแนวหน้าเดินกลับเข้ามาในร้าน ท่าทางมุ่งมั่น
       “ขิง คืองี้นะ”
       ขิงตกใจ หันไป รอฟัง
       “เอ่อ...”
       “อ้าว? พี่แนว..ลืมของเหรอคะ” ขิงมองเป็นเชิงถาม ว่ามีอะไรหรือเปล่า
       “เปล่าจ้ะ...คือ...ก็ พอดีว่า...คือ พี่เพิ่งนึกได้ว่าอยากจะมาขอคุยเรื่องงานสักหน่อย ไม่มีอะไรหรอก”
       “อ๋อ งาน...งานของพี่น่ะเหรอคะ” ขิงแปลกใจ
       “จ้ะ คือว่า...คือว่าพี่อ่ะนะ เห็นว่าขิงกับ...เอ่อ...ไผท ไพศาลี ที่กำลังดังๆ อยู่เนี่ย...สนิทกัน แล้วพี่ก็...พี่ก็อยากชวนเขามาร่วมงานด้วยหน่อย จะได้ไหม”
       ขิงงงไปใหญ่ “ก็...ไม่ทราบสิค่ะ พี่แนวก็ลองคุยดูสิ”
       แนวหน้าดีใจมีหวัง “คืองานนี้นะ มันเป็นงานไฮโซโกอินเตอร์ ที่สุดยอดมากๆ แบบยังไม่เคยมีใครเขาทำกันเรียกว่ามาสเตอร์พีซระดับชาติทีเดียวเชียว”
       ขิงยิ้มไปตามมารยาท “ค่ะ...น่าสนใจนะคะ”
       “ขิงก็ว่าดีใช่มั้ย...อา...เยี่ยมเลย งั้นช่วยคุยให้พี่หน่อยสิ”
       ขิงงงหนัก “ขิงคุย? คุยอะไรกับใครคะ?”
       “เอ้า ก็คุยกับไผทไง เค้าเป็นแฟนขิงไม่ใช่เหรอ คือพี่อยากให้ขิงช่วยคุยตรงนี้ให้พี่หน่อย ว่าพี่ขอร้อง เอ๊ย...ชวน”
       ขิงยิ้มแห้งๆ “พี่แนว...เอางี้นะ ขิงไม่ได้เป็นอะไรกับไผท เราไม่เคยเป็นแฟนกันเลย เราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น ถ้าพี่คิดอย่างนั้น พี่ผิดแล้วล่ะ” หางเสียงดีไซเนอร์สาวเท่สะบัดๆ โดยไม่รู้ตัว เพราะชักโกรธกรุ่นขึ้นมา จากนั้นก็เดินหนีไปหลังร้านดื้อๆ
       “เอิ่ม...ขะ ขิง!ก็...”
       แนวหน้าอึ้งไป มึนตึ๊บ
       
       ขิงมารื้อสต็อกหาของ แต่ไม่มีสติเท่าไหร่ แกะถุงพลาสติกแรงๆ ระบายอารมณ์ แนวหน้าโผล่มาข้างประตู จ๋อยๆ ซีดๆ ทำหน้าด้านสุดชีวิต ฝืนใจสุดๆ เพราะเดิมเป็นคนติสท์และหยิ่งมาก
       “ขิง พี่ขอโทษที่เข้าใจผิดแต่ ขิงต้องช่วยพี่นะ พี่คิดว่าขิงช่วยพี่ได้”
       “พี่แนว คือ...ขิงไม่เกี่ยวอะไรกับไผทน่ะ เรื่องงานไผท พี่ก็ต้องไปคุยกับพี่ฟิน ผู้จัดการส่วนตัว เขาสิ ไม่ใช่ขิงเลย”
       “ก็นั่นเขาเป็นเพื่อนกับพี่จีจี้”
       “แล้วไงล่ะคะ”
       “อ๋อเปล่าจ้ะ...คือพี่แนวจะบอกว่า ไปติดต่อผ่านผู้จัดการมันดูเป็นทางการไป พี่ว่าของอย่างนี้ คุยอย่าเป็นทางการจะดีกว่า...แล้วขิงเองก็เป็น เอ่อ เพื่อน...สนิทกันมาหลายปี...ขิงก็น่าจะบอก หรือติดต่อไผทให้พี่ได้ ไง” แนวหน้าฉีกยิ้ม “ได้มั้ยจ๊ะ”
       
       ขิงหันมามองไม่อยากเชื่อหูเชื่อตาตัวเอง ว่าแนวหน้าผู้แสนติสต์แตก ถือตัวโครตๆ จะกลายเป็นแบบนี้จริงหรือ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่