วันนี้มาตั้งกระทู้กลอนที่เราแต่งไว้เมื่อปีก่อน เป็นเรื่องราวความรักของเราเอง
กลับมาอ่านแล้ว มันตลกๆดี บ้าๆ บอๆ
เลยอยากจะแบ่งปันประสบการณ์ความรักผ่านบทกลอน มีความเห็นเกี่ยวกับกลอน อย่างไรติชมได้นะคะ
'ฉันปลื้มเธอแม้ไม่เคยจะเห็นหน้า
"วันแรกพบ"ได้สบตาก็หลงใหล
ได้รู้จักรู้ถึงความจริงใจ
เริ่มหวั่นไหวกับสิ่งที่เธอทำ
ใจเริ่มเปลี่ยนเป็นแอบชอบเมื่อนานเข้า
นี่ตัวเราเป็นอะไรช่างน่าขำ
แต่ไม่กล้าที่จะบอกเพราะกลัวช้ำ
อตีตทำให้ฉันเคยเสียน้ำตา'...
ยี่สิบสองมีนาปีห้าห้า
เธอทักมาในเฟสคุยกับฉัน
เธอรู้ไหมฉันแอบปลื้มเธอวันนั้น
คอยนับวันที่จะได้เจอกับเธอ
ยี่สิบพฤษภาเจอกันเป็นครั้งแรก
เธอนั้นแจกรอยยิ้มที่ชวนเผลอ
เธอชวนคุยโน่นนี่ภาษาเธอ
ฉันนั้นเหรอแค่ส่งยิ้มเพียงอย่างเดียว
วันที่สิบมิถุนาฉันจำได้
เธอทักทายยิ้มให้ฉันสวมเสื้อเขียว
เต้นเมามันหน้าเวทีสนุกเชียว
เกาะตัวเกี่ยวเป็นแถวตามแนวไป
ยี่สิบห้ามิถุนาเธอรอส่ง
รอที่ตรงป้ายรถเมล์ไม่ไปไหน
สามทุ่มแล้วเธอบอกลาจากฉันไป
เมื่อเธอไปรถก็มาหาทันที
ยี่สิบหกมิถุนาเธออาสา
ไม่รอช้าหิ้วถุงชีทไม่หน่ายหนี
ไม่มีบ่นสักนิดแสนใจดี
ฉันยิ้มปรี่มีความสุขสุดหัวใจ
ยี่สิบแปดมิถุนาเธออำฉัน
ว่าวันนั้นเธอลืมชีทที่ยืมไว้
ฉันจึงบอกเธอว่าไม่เป็นไร
เธอยิ้มให้บอกว่าล้อเล่นเอง
สามสิบมิถุนาวันเฟรชชี่
ในวันนี้เล่นปิงปองกระฉับกระเฉง
ตอนลูกตกฉันอาสาไปเก็บเอง
แต่เธอเองก็วิ่งลงตามฉันมา
ช่วยกันหาลูกปิงปองกันสองลูก
หาผิดผิดถูกถูกยากหนักหนา
คงนานไปเพื่อนจึงตะโกนมา
ว่าชักช้าได้ลูกแล้วหรือยัง
ฉันได้ยินประโยคก็สุดแสนเขิน
มันบังเอิญหรือจงใจคงอย่างหลัง
ฉันไม่สนลูกปิงปองไม่ยอมฟัง
วิ่งมานั่งหนีเธอไม่รอรี
หกกรกฎาสถานที่ออกอหนึ่ง
ตอนทุ่มนึงเธอแกล้งฉันจนหน่ายหนี
ฉันคุยโทรศัพท์เธอตามกวนไม่รอรี
ตลับเมตรแกว่งทีวิ่งเร็วพลัน
ตอนฉันคุยโทรศัพท์กับเพื่อนอิ๋ง
เธอก็วิ่งมาร้องเพลงใส่หูฉัน
ฉันเดินหนีเธอก็ตามมาร้องทัน
ส่วนตัวฉันออกปากไล่ออกไป
แต่เธอนั้นก็ยังทำเป็นไม่สน
ร้องเพลงปนเสียงเพี้ยนเป็นไหนไหน
ฉันจึงว่ามาร้องเพลงแถวนี้ไม
เธอตอบไม่แถมยังกวนสวนฉันมา
ว่าทำไมคุยโทรศัพท์ที่ตรงนี้
ไม่ใช่ที่จะคุยไรกันนักหนา
ฉันไม่สนเดินนำไม่พูดจา
แล้วก็ลาจากกันวันนั้นเอย
วันที่เก้ากรกฎาวันมีตติ้ง
ทั้งชายหญิงร่วมแสดงไม่อยู่เฉย
ฉันได้เต้นคู่กับเธอตลกจังเลย
ก็ลงเอยการแสดงจบด้วยดี
ยี่สิบสองกันยาไปปลูกป่า
แสนสนุกเฮฮาขมันขมี
รองเท้าฉันเลอะดินโคลนลื่นเต็มที
เธอใจดีช่วยฉันล้างรองเท้าพลัน
เชอร์รี่บอกตอนล้างรองเท้าว่า
ถ้าแมนจริงเธอต้องถอดให้รองเท้าฉัน
เธอรีบหันกลับมาถามอย่างเร็วพลัน
ว่าตัวฉันจะเอารองเท้าหรือไม่
ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ตอบ
เธอก็มอบคำตอบจากที่ไหน
ตอบเชอร์รี่กลับไปอย่างเร็วไว
ว่าฉันไม่ต้องการรองเท้าเธอ
เธอรู้มั้ยตอนแรกที่เธอถาม
ฉันเกือบตามเคลิ้มไปจนไผลเผลอ
เกือบจะซึ้งอยู่ในวังวนละเมอ
แต่พอเจอคำตอบตื่นทันใด
ยี่สิบหกกันยาตีหนึ่งกว่า
ทักในเฟสไปว่ากลับตอนไหน
สี่ทุ่มครึ่งเธอตอบกลับมาเร็วไว
แล้วก็ให้ฉันช่วยทำงานเธอ
เธอถามว่างานภาคฉันทำเรื่องไหน
ฉันตอบไปแล้วถามว่าทำไมเหรอ
แล้วให้ฉันช่วยสรุปงานกลุ่มเธอ
ฉันก็เบลอตอบงงงงให้เธอไป
เธอตอบกลับมาว่าขอบคุณมาก
ฉันก็อยากจะบอกเธอเป็นไหนไหน
ที่ฉันทำให้เธอนั้นเต็มใจ
ถ้าหากมีอะไรบอกได้เลย
หกตุลาฉันได้รับรู้บางสิ่ง
คือความจริงที่ได้รับการเปิดเผย
ฉันคิดมากสับสนอย่างไม่เคย
คำเฉลยคือเธอรู้ฉันชอบเธอ
เพื่อนบอกว่าเธอรู้เรื่องมานานแล้ว
ใจฉันแป้วว่าฉันทำตัวเผลอ
ปล่อยให้เธอรู้ว่าฉันนั้นชอบเธอ
กลัวต้องเจอกับผลที่ตามมา
ฉันคิดแล้วคิดอีกคิดหลายรอบ
ได้คำตอบถ้าเธอรู้นานแล้วหนา
เธอก็ทำตัวปกติตลอดมา
คิดได้ว่าเธอเป็นเพื่อนที่ดีเอย
ฉันไม่รู้ว่าเธอรู้ตอนไหน
รู้เมื่อไหรเธอไม่ยอมเปิดเผย
หรือเป็นเพราะฉันไม่ได้สังเกตเลย
หรือเธอทำอย่างเคยที่ทำมา
คุยให้ฉันยิ้มกันอย่างสดใส
มีอะไรคอยช่วยคอยปรึกษา
ฉันคิดแล้วอยากที่จะขอบคุณฟ้า
ที่ได้ส่งเธอมาให้ฉันเจอ
เจ็ดตุลามองย้อนวันที่ผ่าน
มันก็นานพอที่ให้ฉันเผลอ
ฉันดีใจที่ฉันได้ชอบเธอ
เพราะว่าเธอคือตะวันในดวงใจ
คิดไปมาฉันว่าฉันเพ้อหนัก
เพราะความรักครั้งนี้ดูสดใส
ฉันว่าฉันควรที่จะยับยั้งใจ
แล้วก็ไปอ่านหนังสือไฟนอลกัน
สิบตุลาวันนี้เป็นวันดี
เป็นวันที่จะได้กลับบ้านของฉัน
และก็เป็นวันเกิดฉันอีกวัน
นับเป็นวันที่ดีที่สุดเลย
ปีนี้มันมีความพิเศษ
เป็นสาเหตุที่ทำให้อยู่ไม่เฉย
แรมสิบค่ำเดือนสิบเวียนมาเอย
สิบเก้าปีแล้วเอ๋ยแก่จริงจริง
มีเซอร์ไพรซ์ให้ฉันหลังจากสอบ
ได้แต่ขอบคุณออกไปโดยไม่หยิ่ง
กินขนมเค้กที่แสนอร่อยจริง
ขอขอบคุณอย่างยิ่งจากหัวใจ
เธออวยพรวันเกิดให้กับฉัน
ยิ้มให้กันเธอเขินเป็นไหนไหน
ฉันก็เขินที่เธอยิ้มมากว่าใคร
สุขหัวใจรักครั้งใหม่ของฉันเอง
นั่งเครื่องกลับมาที่นครศรี
ฉันเร็วรี่ทำตัวกระฉับกระเฉง
ป๊าม้าเจ้น้องขิงมารับเอง
ไปร้องเพลงกินเลี้ยงวันเกิดเรา
มีอาเจ็กน้าพรและน้องน้อง
มาร่วมร้องกินเลี้ยงโดยไม่เหงา
เป็นวันเกิดที่ดีสุดชีวิตเรา
จะเก็บเอาวันนี้เป็นความทรงจำ
สิบสองธันวาฉันทบทวน
ฉันนึกหวนคิดแล้วก็น่าขำ
ทั้งแต่งกลอนรวมหลายสิ่งที่ฉันทำ
ก็แค่นำสุขมาให้แล้วจากไป
ที่ผ่านมามันก็แค่การแอบชอบ
ที่ไม่ต้องการรักตอบหรือสิ่งไหน
แล้วไม่นานความรู้สึกก็จางไป
เหลือเก็บไว้ความทรงจำครั้งวันวาน
อะไรที่ทำให้ใจฉันเปลี่ยน
เพราะคนนึงยังวนเวียนไม่สงสาร
เค้าทำให้ฉันรู้สึกทรมาน
เป็นสัญญาณว่าฉันไม่ลืมเขาเลย
แต่แล้วฉันมานั่งมองย้อนคิด
มันจะถูกหรือผิดดีกว่าเฉย
ฉันเริ่มตัดจากเขาและเธอเอย
เวลาผ่านล่วงเลยเกือบสองเดือน
และวันนี้คงเป็นวันสุดท้าย
ที่จะแต่งกลอนนิยายไม่มีเหมือน
ที่ผ่านมาถือเป็นสิ่งคอยย้ำเตือน
ฉันก็เหมือนคนอื่นเขาที่รักเป็น
วันที่สิบสี่ธันวาฉันคงบ้า
เพราะกลับมาแต่งกลอนอีกอย่างที่เห็น
คงพร่ำเพ้อถึงเธอเหมือนที่เคยเป็น
แต่งกลอนเล่นมั่วมั่วเพ้ออีกครา
เธอรู้ไหมทำไมฉันชอบเธอนัก
ทั้งที่เพิ่งรู้จักไม่นานหนา
อาจเป็นเพราะหลายสิ่งที่เธอทำมา
มันทำให้ฉันคิดว่าเธอแสนดี
ฉันชอบคำที่เธอนั้นเคยพูด
มันดึงดูดใจของฉันไม่ให้หนี
เธอเคยบอกว่าคนเราถ้าจะดี
มันอยู่ที่จิตใจใช่หน้าตา
แต่รู้มั้ยมีบางครั้งที่ฉันเห็น
เหมือนจะเป็นสิ่งที่ฉันไม่ชอบเลยหนา
อยากที่จะตีตัวเองห่างออกมา
แต่ทุกคราฉันก็กลับมาชอบเธอ
ความรักนั้นมันน่าแปลกใจยิ่งนัก
การจะรักใครสักคนง่ายจริงเหรอ
ดูความรักที่ฉันมีให้กับเธอ
เรียกความรักจริงเหรอตอบฉันที
สิบเจ็ดธันวาตอนพักเที่ยง
เข้าแถวเรียงซื้ออาหารขมันขมี
ณ ที่โรงอาหารไอยูพี
ฉันต่อเธอตรงที่ร้านประจำ
ดูกับข้าวคิดว่ากินไรดีหนอ
ระหว่างรอก็มีเรื่องทำให้ขำ
ฉันถามเธอผัดเปรี้ยวหวานที่เค้าทำ
ว่ามันทำมันผัดจากอะไร
เธอบอกว่ามันคือผัดเต้าหู้
แต่ฉันดูแล้วคิดอย่างสงสัย
ว่ามันคือเต้าหู้หรือปลาเอ๊ะอย่างไร
แล้วก็บอกเธอไปว่าคือปลา
ฉันบอกเธอผัดเปรี้ยวหวานมีหลายอย่าง
ชูนิ้วพลางนับว่ามีอะไรหนา
มีแค่ปลาและเต้าหู้ที่นับมา
เธอถามว่าฉันจะนับนิ้วทำไม
วันที่เก้ามกราปีห้าหก
ฉันได้ตกลงกับเธอจะไปไหน
เธอชวนฉันมาเล่นแบตด้วยกันมั้ย
ฉันก็ไปตีแบตกับพวกเรา
มีเพียวกุ๋ยแกมมิกซ์พริมปั๊มแก้ม
ตีสนุกยิ้มแย้มไม่หงอยเหงา
ได้ตีคู่กับเธอมันส์ไม่เบา
เหนื่อยจริงเราเพราะเล่นถึงสองชั่วโมง
ในวันนี้เธอเรียกฉันแบบใหม่
เรียกว่า “เจ๊”แสนปวดใจเป็นโขยง
เรียกเจ๊เจ๊ตลอดทั้งสองชั่วโมง
ทั้งที่มันไม่โยงกะฉันเลย
เธอฝากกุ๋ยให้ช่วยปริ๊นท์งานให้หน่อย
ฉันไม่คอยรีบอาสาหน้าตาเฉย
รีบเอ่ยปากรับฝากอย่างเร็วเลย
ไม่เฉยเมยเพราะอยากจะช่วยเธอ
สิบหกมกรายามพักเที่ยง
เพื่อนต่างเกี่ยงว่ากินข้าวที่ไหนเหรอ
ในที่สุดกินบาร์วิทย์กันนะเออ
เดินตามเธอเข้าบาร์วิทยาไป
กินข้าวเสร็จเพิ่งจะรู้ตัวว่า
กระเป๋าตัวเองหนาหายไปไหน
ใจฉันหวิวคล้ายกับหล่นพื้นลงไป
เพราะว่าในนั้นมีโทรศัพท์กัน
ฉันจะทำอะไรก็ไม่ได้
เพราะมือไม้มันอ่อนตัวก็สั่น
ตกอยู่ในภาวะช็อกตามตามกัน
เพื่อนช่วยกันคิดหาตามวิธี
มีคนบอกให้ไปดูวงจรปิด
พลันความคิดนี้เข้ามาฉันวิ่งเหมือนหลบหนี
วิ่งออกไปไม่รอใครในทันที
เพื่อทำตามวิธีที่บอกมา
ฉันวิ่งมาไปทางไหนก็ไม่รู้
แล้วอยู่อยู่เธอวิ่งตามฉันมาหนา
เดินนำฉันพาไปไม่พูดจา
แล้วก็หาว่าห้องกล้องอยู่ที่ใด
ใจตอนนั้นฉันเองอยู่ไม่สุข
เหมือนทุกทุกอย่างในโลกหล่นทับใส่
พอสักพักเพื่อนก็ตามอย่างเร็วไว
ที่ห้องกล้องเร็วไวตามไปดู
ยี่สิบหกมกรางานบายเนียร์
เหนื่อยและเพลียหาชุดยากอ้วนเหมือนหมู
มาลงเอยอาราเล่น่าเอ็นดู
แล้วมุ่งสู่โรงแรมเซนทรารา
คนยิ้มทักตั้งแต่ลงจากรถ
ทักกันหมดอาราเล่น่ารักหนา
เธอยิ้มให้เมื่อฉันเดินเข้ามา
แล้วทักว่าช่างเป๊ะซะเหลือเกิน
วันที่สิบกุมภาเกือบตีหนึ่ง
ทำในสิ่งชวนทึ่งโดยไม่เขิน
แต่อีกใจก็กลัวเธอจะเมิน
บอกชอบเธอเหลือเกินผ่านแชทไป
แต่เธอก็ไม่ได้อ่านที่ฉันส่ง
เพราะเธอคงนอนหลับไปถึงไหน
มาตอนเช้าพอเธอออนตอบกลับไว
คำว่า “อื้ม” พิมพ์ให้ตอบกลับมา
มันแปลว่าอะไรฉันอยากรู้
มันเป็นคำชวนดูน่าค้นหา
ตอบไม่ถูกจึงเปลี่ยนเรื่องสนทนา
ตอบไปว่าสวัสดีปีใหม่เอย
ไม่นานนักเธอก็ตอบมาหาฉัน
ว่า “เช่นกันนะ” สวัสดีปีใหม่เอ๋ย
ฉันยิ้มได้เพราะเธอไม่เฉยเมย
มีความสุขจริงเอยปีใหม่จีน
สิบหกกุมภาเที่ยงคืนกว่า
ได้รู้ว่าควรตัดใจอยู่เฉยเฉย
ถึงเวลาจะจบกลอนครั้งนี้เอย
เพราะเธอเอ่ยให้ฉันนั้นตัดใจ
พยายามที่จะพูดให้ฉันขำ
แต่เธอทำฉันอึ้งเป็นไหนไหน
นอนไม่หลับนั่งคิดนั่งเสียใจ
และก็พร้อมตัดใจเสียอีกครา
ก่อนที่จะจากไปอยากจะบอก
ขอขอบคุณที่บอกตอนนี้หนา
ฉันจะได้ไม่ต้องเสียน้ำตา
ที่ผ่านมาคือฉันคิดไปคนเดียว
ขอบคุณเธอทำให้ฉันกล้าจะรัก
หายเศร้าจากอกหักไม่แลเหลียว
แม้สุดท้ายฉันจะคิดไปคนเดียว
แต่หัวใจที่ห่อเหี่ยวบานอีกครา
ขอขอบคุณสิ่งดีดีที่ทำให้
แม้ว่าใจเธอไม่คิดอะไรหนา
แต่ก็อยากขอบคุณเธอเสียอีกครา
ที่ผ่านมาจะเก็บไว้ภายในใจ
ฉันหวังว่าเรายังเป็นเพื่อนกันได้
ยิ้มทักทายให้กันอย่างสดใส
ถึงเวลาต้องจบกลอนเรื่องนี้ไป
ลาจากใจถึงวรรคจบได้เสียที
ปล.ใจจริง กลอนนี้เราอยากมอบให้คนๆนั้น ที่เป็นเจ้าตัวที่เรากล่าวถึง
เค้าพอรู้ว่าเราแต่งกลอนถึงเค้า แต่คงไม่เคยได้มีโอกาสอ่าน(เคยคิดจะส่งกลอนนี้ไปให้ แต่ด้วยความเป็นเพื่อน กลัวจะมองหน้ากันไม่ติดไปตลอด)
เลยเอามาลงในนี้แทน 555555
แท็กห้องสยาม ความรักวัยรุ่น เพราะเห็นเป็นเรื่องราวความรักในวัยเรียน
แท็กถนนนักเขียน เพราะ อยากแชร์กลอนที่เราได้แต่งไว้
ความรักครั้งนี้ ที่มีผ่านบทกลอน
กลับมาอ่านแล้ว มันตลกๆดี บ้าๆ บอๆ
เลยอยากจะแบ่งปันประสบการณ์ความรักผ่านบทกลอน มีความเห็นเกี่ยวกับกลอน อย่างไรติชมได้นะคะ
"วันแรกพบ"ได้สบตาก็หลงใหล
ได้รู้จักรู้ถึงความจริงใจ
เริ่มหวั่นไหวกับสิ่งที่เธอทำ
ใจเริ่มเปลี่ยนเป็นแอบชอบเมื่อนานเข้า
นี่ตัวเราเป็นอะไรช่างน่าขำ
แต่ไม่กล้าที่จะบอกเพราะกลัวช้ำ
อตีตทำให้ฉันเคยเสียน้ำตา'...
ยี่สิบสองมีนาปีห้าห้า
เธอทักมาในเฟสคุยกับฉัน
เธอรู้ไหมฉันแอบปลื้มเธอวันนั้น
คอยนับวันที่จะได้เจอกับเธอ
ยี่สิบพฤษภาเจอกันเป็นครั้งแรก
เธอนั้นแจกรอยยิ้มที่ชวนเผลอ
เธอชวนคุยโน่นนี่ภาษาเธอ
ฉันนั้นเหรอแค่ส่งยิ้มเพียงอย่างเดียว
วันที่สิบมิถุนาฉันจำได้
เธอทักทายยิ้มให้ฉันสวมเสื้อเขียว
เต้นเมามันหน้าเวทีสนุกเชียว
เกาะตัวเกี่ยวเป็นแถวตามแนวไป
ยี่สิบห้ามิถุนาเธอรอส่ง
รอที่ตรงป้ายรถเมล์ไม่ไปไหน
สามทุ่มแล้วเธอบอกลาจากฉันไป
เมื่อเธอไปรถก็มาหาทันที
ยี่สิบหกมิถุนาเธออาสา
ไม่รอช้าหิ้วถุงชีทไม่หน่ายหนี
ไม่มีบ่นสักนิดแสนใจดี
ฉันยิ้มปรี่มีความสุขสุดหัวใจ
ยี่สิบแปดมิถุนาเธออำฉัน
ว่าวันนั้นเธอลืมชีทที่ยืมไว้
ฉันจึงบอกเธอว่าไม่เป็นไร
เธอยิ้มให้บอกว่าล้อเล่นเอง
สามสิบมิถุนาวันเฟรชชี่
ในวันนี้เล่นปิงปองกระฉับกระเฉง
ตอนลูกตกฉันอาสาไปเก็บเอง
แต่เธอเองก็วิ่งลงตามฉันมา
ช่วยกันหาลูกปิงปองกันสองลูก
หาผิดผิดถูกถูกยากหนักหนา
คงนานไปเพื่อนจึงตะโกนมา
ว่าชักช้าได้ลูกแล้วหรือยัง
ฉันได้ยินประโยคก็สุดแสนเขิน
มันบังเอิญหรือจงใจคงอย่างหลัง
ฉันไม่สนลูกปิงปองไม่ยอมฟัง
วิ่งมานั่งหนีเธอไม่รอรี
หกกรกฎาสถานที่ออกอหนึ่ง
ตอนทุ่มนึงเธอแกล้งฉันจนหน่ายหนี
ฉันคุยโทรศัพท์เธอตามกวนไม่รอรี
ตลับเมตรแกว่งทีวิ่งเร็วพลัน
ตอนฉันคุยโทรศัพท์กับเพื่อนอิ๋ง
เธอก็วิ่งมาร้องเพลงใส่หูฉัน
ฉันเดินหนีเธอก็ตามมาร้องทัน
ส่วนตัวฉันออกปากไล่ออกไป
แต่เธอนั้นก็ยังทำเป็นไม่สน
ร้องเพลงปนเสียงเพี้ยนเป็นไหนไหน
ฉันจึงว่ามาร้องเพลงแถวนี้ไม
เธอตอบไม่แถมยังกวนสวนฉันมา
ว่าทำไมคุยโทรศัพท์ที่ตรงนี้
ไม่ใช่ที่จะคุยไรกันนักหนา
ฉันไม่สนเดินนำไม่พูดจา
แล้วก็ลาจากกันวันนั้นเอย
วันที่เก้ากรกฎาวันมีตติ้ง
ทั้งชายหญิงร่วมแสดงไม่อยู่เฉย
ฉันได้เต้นคู่กับเธอตลกจังเลย
ก็ลงเอยการแสดงจบด้วยดี
ยี่สิบสองกันยาไปปลูกป่า
แสนสนุกเฮฮาขมันขมี
รองเท้าฉันเลอะดินโคลนลื่นเต็มที
เธอใจดีช่วยฉันล้างรองเท้าพลัน
เชอร์รี่บอกตอนล้างรองเท้าว่า
ถ้าแมนจริงเธอต้องถอดให้รองเท้าฉัน
เธอรีบหันกลับมาถามอย่างเร็วพลัน
ว่าตัวฉันจะเอารองเท้าหรือไม่
ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ตอบ
เธอก็มอบคำตอบจากที่ไหน
ตอบเชอร์รี่กลับไปอย่างเร็วไว
ว่าฉันไม่ต้องการรองเท้าเธอ
เธอรู้มั้ยตอนแรกที่เธอถาม
ฉันเกือบตามเคลิ้มไปจนไผลเผลอ
เกือบจะซึ้งอยู่ในวังวนละเมอ
แต่พอเจอคำตอบตื่นทันใด
ยี่สิบหกกันยาตีหนึ่งกว่า
ทักในเฟสไปว่ากลับตอนไหน
สี่ทุ่มครึ่งเธอตอบกลับมาเร็วไว
แล้วก็ให้ฉันช่วยทำงานเธอ
เธอถามว่างานภาคฉันทำเรื่องไหน
ฉันตอบไปแล้วถามว่าทำไมเหรอ
แล้วให้ฉันช่วยสรุปงานกลุ่มเธอ
ฉันก็เบลอตอบงงงงให้เธอไป
เธอตอบกลับมาว่าขอบคุณมาก
ฉันก็อยากจะบอกเธอเป็นไหนไหน
ที่ฉันทำให้เธอนั้นเต็มใจ
ถ้าหากมีอะไรบอกได้เลย
หกตุลาฉันได้รับรู้บางสิ่ง
คือความจริงที่ได้รับการเปิดเผย
ฉันคิดมากสับสนอย่างไม่เคย
คำเฉลยคือเธอรู้ฉันชอบเธอ
เพื่อนบอกว่าเธอรู้เรื่องมานานแล้ว
ใจฉันแป้วว่าฉันทำตัวเผลอ
ปล่อยให้เธอรู้ว่าฉันนั้นชอบเธอ
กลัวต้องเจอกับผลที่ตามมา
ฉันคิดแล้วคิดอีกคิดหลายรอบ
ได้คำตอบถ้าเธอรู้นานแล้วหนา
เธอก็ทำตัวปกติตลอดมา
คิดได้ว่าเธอเป็นเพื่อนที่ดีเอย
ฉันไม่รู้ว่าเธอรู้ตอนไหน
รู้เมื่อไหรเธอไม่ยอมเปิดเผย
หรือเป็นเพราะฉันไม่ได้สังเกตเลย
หรือเธอทำอย่างเคยที่ทำมา
คุยให้ฉันยิ้มกันอย่างสดใส
มีอะไรคอยช่วยคอยปรึกษา
ฉันคิดแล้วอยากที่จะขอบคุณฟ้า
ที่ได้ส่งเธอมาให้ฉันเจอ
เจ็ดตุลามองย้อนวันที่ผ่าน
มันก็นานพอที่ให้ฉันเผลอ
ฉันดีใจที่ฉันได้ชอบเธอ
เพราะว่าเธอคือตะวันในดวงใจ
คิดไปมาฉันว่าฉันเพ้อหนัก
เพราะความรักครั้งนี้ดูสดใส
ฉันว่าฉันควรที่จะยับยั้งใจ
แล้วก็ไปอ่านหนังสือไฟนอลกัน
สิบตุลาวันนี้เป็นวันดี
เป็นวันที่จะได้กลับบ้านของฉัน
และก็เป็นวันเกิดฉันอีกวัน
นับเป็นวันที่ดีที่สุดเลย
ปีนี้มันมีความพิเศษ
เป็นสาเหตุที่ทำให้อยู่ไม่เฉย
แรมสิบค่ำเดือนสิบเวียนมาเอย
สิบเก้าปีแล้วเอ๋ยแก่จริงจริง
มีเซอร์ไพรซ์ให้ฉันหลังจากสอบ
ได้แต่ขอบคุณออกไปโดยไม่หยิ่ง
กินขนมเค้กที่แสนอร่อยจริง
ขอขอบคุณอย่างยิ่งจากหัวใจ
เธออวยพรวันเกิดให้กับฉัน
ยิ้มให้กันเธอเขินเป็นไหนไหน
ฉันก็เขินที่เธอยิ้มมากว่าใคร
สุขหัวใจรักครั้งใหม่ของฉันเอง
นั่งเครื่องกลับมาที่นครศรี
ฉันเร็วรี่ทำตัวกระฉับกระเฉง
ป๊าม้าเจ้น้องขิงมารับเอง
ไปร้องเพลงกินเลี้ยงวันเกิดเรา
มีอาเจ็กน้าพรและน้องน้อง
มาร่วมร้องกินเลี้ยงโดยไม่เหงา
เป็นวันเกิดที่ดีสุดชีวิตเรา
จะเก็บเอาวันนี้เป็นความทรงจำ
สิบสองธันวาฉันทบทวน
ฉันนึกหวนคิดแล้วก็น่าขำ
ทั้งแต่งกลอนรวมหลายสิ่งที่ฉันทำ
ก็แค่นำสุขมาให้แล้วจากไป
ที่ผ่านมามันก็แค่การแอบชอบ
ที่ไม่ต้องการรักตอบหรือสิ่งไหน
แล้วไม่นานความรู้สึกก็จางไป
เหลือเก็บไว้ความทรงจำครั้งวันวาน
อะไรที่ทำให้ใจฉันเปลี่ยน
เพราะคนนึงยังวนเวียนไม่สงสาร
เค้าทำให้ฉันรู้สึกทรมาน
เป็นสัญญาณว่าฉันไม่ลืมเขาเลย
แต่แล้วฉันมานั่งมองย้อนคิด
มันจะถูกหรือผิดดีกว่าเฉย
ฉันเริ่มตัดจากเขาและเธอเอย
เวลาผ่านล่วงเลยเกือบสองเดือน
และวันนี้คงเป็นวันสุดท้าย
ที่จะแต่งกลอนนิยายไม่มีเหมือน
ที่ผ่านมาถือเป็นสิ่งคอยย้ำเตือน
ฉันก็เหมือนคนอื่นเขาที่รักเป็น
วันที่สิบสี่ธันวาฉันคงบ้า
เพราะกลับมาแต่งกลอนอีกอย่างที่เห็น
คงพร่ำเพ้อถึงเธอเหมือนที่เคยเป็น
แต่งกลอนเล่นมั่วมั่วเพ้ออีกครา
เธอรู้ไหมทำไมฉันชอบเธอนัก
ทั้งที่เพิ่งรู้จักไม่นานหนา
อาจเป็นเพราะหลายสิ่งที่เธอทำมา
มันทำให้ฉันคิดว่าเธอแสนดี
ฉันชอบคำที่เธอนั้นเคยพูด
มันดึงดูดใจของฉันไม่ให้หนี
เธอเคยบอกว่าคนเราถ้าจะดี
มันอยู่ที่จิตใจใช่หน้าตา
แต่รู้มั้ยมีบางครั้งที่ฉันเห็น
เหมือนจะเป็นสิ่งที่ฉันไม่ชอบเลยหนา
อยากที่จะตีตัวเองห่างออกมา
แต่ทุกคราฉันก็กลับมาชอบเธอ
ความรักนั้นมันน่าแปลกใจยิ่งนัก
การจะรักใครสักคนง่ายจริงเหรอ
ดูความรักที่ฉันมีให้กับเธอ
เรียกความรักจริงเหรอตอบฉันที
สิบเจ็ดธันวาตอนพักเที่ยง
เข้าแถวเรียงซื้ออาหารขมันขมี
ณ ที่โรงอาหารไอยูพี
ฉันต่อเธอตรงที่ร้านประจำ
ดูกับข้าวคิดว่ากินไรดีหนอ
ระหว่างรอก็มีเรื่องทำให้ขำ
ฉันถามเธอผัดเปรี้ยวหวานที่เค้าทำ
ว่ามันทำมันผัดจากอะไร
เธอบอกว่ามันคือผัดเต้าหู้
แต่ฉันดูแล้วคิดอย่างสงสัย
ว่ามันคือเต้าหู้หรือปลาเอ๊ะอย่างไร
แล้วก็บอกเธอไปว่าคือปลา
ฉันบอกเธอผัดเปรี้ยวหวานมีหลายอย่าง
ชูนิ้วพลางนับว่ามีอะไรหนา
มีแค่ปลาและเต้าหู้ที่นับมา
เธอถามว่าฉันจะนับนิ้วทำไม
วันที่เก้ามกราปีห้าหก
ฉันได้ตกลงกับเธอจะไปไหน
เธอชวนฉันมาเล่นแบตด้วยกันมั้ย
ฉันก็ไปตีแบตกับพวกเรา
มีเพียวกุ๋ยแกมมิกซ์พริมปั๊มแก้ม
ตีสนุกยิ้มแย้มไม่หงอยเหงา
ได้ตีคู่กับเธอมันส์ไม่เบา
เหนื่อยจริงเราเพราะเล่นถึงสองชั่วโมง
ในวันนี้เธอเรียกฉันแบบใหม่
เรียกว่า “เจ๊”แสนปวดใจเป็นโขยง
เรียกเจ๊เจ๊ตลอดทั้งสองชั่วโมง
ทั้งที่มันไม่โยงกะฉันเลย
เธอฝากกุ๋ยให้ช่วยปริ๊นท์งานให้หน่อย
ฉันไม่คอยรีบอาสาหน้าตาเฉย
รีบเอ่ยปากรับฝากอย่างเร็วเลย
ไม่เฉยเมยเพราะอยากจะช่วยเธอ
สิบหกมกรายามพักเที่ยง
เพื่อนต่างเกี่ยงว่ากินข้าวที่ไหนเหรอ
ในที่สุดกินบาร์วิทย์กันนะเออ
เดินตามเธอเข้าบาร์วิทยาไป
กินข้าวเสร็จเพิ่งจะรู้ตัวว่า
กระเป๋าตัวเองหนาหายไปไหน
ใจฉันหวิวคล้ายกับหล่นพื้นลงไป
เพราะว่าในนั้นมีโทรศัพท์กัน
ฉันจะทำอะไรก็ไม่ได้
เพราะมือไม้มันอ่อนตัวก็สั่น
ตกอยู่ในภาวะช็อกตามตามกัน
เพื่อนช่วยกันคิดหาตามวิธี
มีคนบอกให้ไปดูวงจรปิด
พลันความคิดนี้เข้ามาฉันวิ่งเหมือนหลบหนี
วิ่งออกไปไม่รอใครในทันที
เพื่อทำตามวิธีที่บอกมา
ฉันวิ่งมาไปทางไหนก็ไม่รู้
แล้วอยู่อยู่เธอวิ่งตามฉันมาหนา
เดินนำฉันพาไปไม่พูดจา
แล้วก็หาว่าห้องกล้องอยู่ที่ใด
ใจตอนนั้นฉันเองอยู่ไม่สุข
เหมือนทุกทุกอย่างในโลกหล่นทับใส่
พอสักพักเพื่อนก็ตามอย่างเร็วไว
ที่ห้องกล้องเร็วไวตามไปดู
ยี่สิบหกมกรางานบายเนียร์
เหนื่อยและเพลียหาชุดยากอ้วนเหมือนหมู
มาลงเอยอาราเล่น่าเอ็นดู
แล้วมุ่งสู่โรงแรมเซนทรารา
คนยิ้มทักตั้งแต่ลงจากรถ
ทักกันหมดอาราเล่น่ารักหนา
เธอยิ้มให้เมื่อฉันเดินเข้ามา
แล้วทักว่าช่างเป๊ะซะเหลือเกิน
วันที่สิบกุมภาเกือบตีหนึ่ง
ทำในสิ่งชวนทึ่งโดยไม่เขิน
แต่อีกใจก็กลัวเธอจะเมิน
บอกชอบเธอเหลือเกินผ่านแชทไป
แต่เธอก็ไม่ได้อ่านที่ฉันส่ง
เพราะเธอคงนอนหลับไปถึงไหน
มาตอนเช้าพอเธอออนตอบกลับไว
คำว่า “อื้ม” พิมพ์ให้ตอบกลับมา
มันแปลว่าอะไรฉันอยากรู้
มันเป็นคำชวนดูน่าค้นหา
ตอบไม่ถูกจึงเปลี่ยนเรื่องสนทนา
ตอบไปว่าสวัสดีปีใหม่เอย
ไม่นานนักเธอก็ตอบมาหาฉัน
ว่า “เช่นกันนะ” สวัสดีปีใหม่เอ๋ย
ฉันยิ้มได้เพราะเธอไม่เฉยเมย
มีความสุขจริงเอยปีใหม่จีน
สิบหกกุมภาเที่ยงคืนกว่า
ได้รู้ว่าควรตัดใจอยู่เฉยเฉย
ถึงเวลาจะจบกลอนครั้งนี้เอย
เพราะเธอเอ่ยให้ฉันนั้นตัดใจ
พยายามที่จะพูดให้ฉันขำ
แต่เธอทำฉันอึ้งเป็นไหนไหน
นอนไม่หลับนั่งคิดนั่งเสียใจ
และก็พร้อมตัดใจเสียอีกครา
ก่อนที่จะจากไปอยากจะบอก
ขอขอบคุณที่บอกตอนนี้หนา
ฉันจะได้ไม่ต้องเสียน้ำตา
ที่ผ่านมาคือฉันคิดไปคนเดียว
ขอบคุณเธอทำให้ฉันกล้าจะรัก
หายเศร้าจากอกหักไม่แลเหลียว
แม้สุดท้ายฉันจะคิดไปคนเดียว
แต่หัวใจที่ห่อเหี่ยวบานอีกครา
ขอขอบคุณสิ่งดีดีที่ทำให้
แม้ว่าใจเธอไม่คิดอะไรหนา
แต่ก็อยากขอบคุณเธอเสียอีกครา
ที่ผ่านมาจะเก็บไว้ภายในใจ
ฉันหวังว่าเรายังเป็นเพื่อนกันได้
ยิ้มทักทายให้กันอย่างสดใส
ถึงเวลาต้องจบกลอนเรื่องนี้ไป
ลาจากใจถึงวรรคจบได้เสียที
ปล.ใจจริง กลอนนี้เราอยากมอบให้คนๆนั้น ที่เป็นเจ้าตัวที่เรากล่าวถึง
เค้าพอรู้ว่าเราแต่งกลอนถึงเค้า แต่คงไม่เคยได้มีโอกาสอ่าน(เคยคิดจะส่งกลอนนี้ไปให้ แต่ด้วยความเป็นเพื่อน กลัวจะมองหน้ากันไม่ติดไปตลอด)
เลยเอามาลงในนี้แทน 555555
แท็กห้องสยาม ความรักวัยรุ่น เพราะเห็นเป็นเรื่องราวความรักในวัยเรียน
แท็กถนนนักเขียน เพราะ อยากแชร์กลอนที่เราได้แต่งไว้