สงกรานต์ที่ผ่านมาได้จัดทริปพาครอบครัวไปเที่ยวอิตาลี ระหว่างวันที่ 9-19 เมษายน เนื่องจากไปกัน 6 คน จึงต้องจะเตรียมเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษ
เพราะค่าใช้จ่ายแต่ละมื้อในอิตาลีไม่ต่ำกว่า 10 ยูโร/คน ดังนั้น ใน 1 มื้อคิดเป็นค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 6x10x45 = 2,700 บาท ตลอดทริปค่าอาหารก็คงไม่ต่ำกว่า 27,000 บาท(คิดเฉพาะมื้อเย็นทุกวัน) ซึ่งในความเป็นจริง ได้ทำอาหารทานถึงวันละ 2 มื้อ คือ มือเช้าและมื้อเย็น
มีเพียงมื้อกลางวันที่จะทานตามแหล่งท่องเที่ยวเท่านั้น
นอกจากนี้การกินอาหารอิตาลีแนวพิซซ่า สปาเก็ตตี้ทุกมื้อ ก็คงไม่ใช่แนวสำหรับคนไทย เพราะอาหารหลักของเรา คือ ข้าว
ดูได้จากร้านอาหารที่ทัวร์พาไปจะเป็นร้านอาหารจีนเสียส่วนใหญ๋(จากการสอบถามจากลูกทัวร์ที่ได้พบระหว่างการท่องเที่ยว)
แทบจะไม่มีร้านอาหารอิตาลีเลย
จากประสบการณ์การเดินทางไปต่างประเทศนานๆ มักจะได้ยินเสียงรำพีงรำพันจากคนไทยที่ไปเที่ยวว่าคิดถึงรสชาดอาหารไทย
บางคนถึงกับบ่นว่า อยากกินข้าวไข่เจียว บางคนก็อยากกินอาหารเผ็ดๆ
หรือบางครั้งการกินมาม่าบ่อยๆ ก็อาจเอียนได้(สำหรับคนที่เตรียมไปแบบง่ายๆ)
การเตรียมการไปอย่างดี ทำให้ทริปนี้ได้ทานทั้งอาหารง่ายๆ สารพัดไข่ ไข่เจียว ไข่ดาว ไข่พะโล้
อาหารรสแซ่บแบบลาบหมู แกล้มกับผักสดแบบไทยๆ ทั้งถั่วฝักยาว แตงกวา มะเขือเปราะ
หรือแนวน้ำซุป อย่างแกงจืดวุ้นเส้น จนกระทั่งรวมไปถึงสุกื้ยากี้
การทำอาหารทานในตอนเย็นถือเป็นการพักผ่อนอย่างหนึ่งหลังจากการเที่ยวมาทั้งวัน อย่างน้อยก็ไม่ต้องเดินเมื่อยมากขึ้น
และให้ความเพลิดเพลินในการสนทนาว่ามีความประทับใจในการเที่ยววันนั้นๆ อย่างไร
ดังนั้น การเตรียมตัวในส่วนนี้จึงเป็นประโยชน์สำหรับผู้เขียน และหวังจะแบ่งปันสำหรับทุกท่าน
จากการเดินทาง 4 เมืองหลัก อันได้แก่ โรม ฟลอเรนส์ เวนิส และมิลาน ลักษณะห้องครัวแต่ละเมืองก็แตกต่างกันไป
แต่ที่มีความสะดวกและคิดว่ามีประโยชน์ที่สุดก็คือ โรม อันไก้แก่ Dream Station B&B
ในส่วนที่พักก็มีคนเขียนถึงอยู่มาก ทำให้ที่พักแห่งนี้ได้รับความนิยมในหมู่ชาวบลู ห้องพักจำนวน 7 ห้อง ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา
บางวันมีคนไทยเข้าพักถึง 4 ห้อง
ในส่วนของห้องครัวหรือห้องอาหารอาจมีการกล่าวถึงบ้าง แต่ไม่มาก ผู้เขียนจะมาเล่าประสบการณ์ว่าได้ใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง
[CR] DreaM StatioN, Rome ปลายทางฝัน......ที่พักสุดฮิตนาทีนี้สำหรับชาวบลู......ภาคก้นครัว
เพราะค่าใช้จ่ายแต่ละมื้อในอิตาลีไม่ต่ำกว่า 10 ยูโร/คน ดังนั้น ใน 1 มื้อคิดเป็นค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 6x10x45 = 2,700 บาท ตลอดทริปค่าอาหารก็คงไม่ต่ำกว่า 27,000 บาท(คิดเฉพาะมื้อเย็นทุกวัน) ซึ่งในความเป็นจริง ได้ทำอาหารทานถึงวันละ 2 มื้อ คือ มือเช้าและมื้อเย็น
มีเพียงมื้อกลางวันที่จะทานตามแหล่งท่องเที่ยวเท่านั้น
นอกจากนี้การกินอาหารอิตาลีแนวพิซซ่า สปาเก็ตตี้ทุกมื้อ ก็คงไม่ใช่แนวสำหรับคนไทย เพราะอาหารหลักของเรา คือ ข้าว
ดูได้จากร้านอาหารที่ทัวร์พาไปจะเป็นร้านอาหารจีนเสียส่วนใหญ๋(จากการสอบถามจากลูกทัวร์ที่ได้พบระหว่างการท่องเที่ยว)
แทบจะไม่มีร้านอาหารอิตาลีเลย
จากประสบการณ์การเดินทางไปต่างประเทศนานๆ มักจะได้ยินเสียงรำพีงรำพันจากคนไทยที่ไปเที่ยวว่าคิดถึงรสชาดอาหารไทย
บางคนถึงกับบ่นว่า อยากกินข้าวไข่เจียว บางคนก็อยากกินอาหารเผ็ดๆ
หรือบางครั้งการกินมาม่าบ่อยๆ ก็อาจเอียนได้(สำหรับคนที่เตรียมไปแบบง่ายๆ)
การเตรียมการไปอย่างดี ทำให้ทริปนี้ได้ทานทั้งอาหารง่ายๆ สารพัดไข่ ไข่เจียว ไข่ดาว ไข่พะโล้
อาหารรสแซ่บแบบลาบหมู แกล้มกับผักสดแบบไทยๆ ทั้งถั่วฝักยาว แตงกวา มะเขือเปราะ
หรือแนวน้ำซุป อย่างแกงจืดวุ้นเส้น จนกระทั่งรวมไปถึงสุกื้ยากี้
การทำอาหารทานในตอนเย็นถือเป็นการพักผ่อนอย่างหนึ่งหลังจากการเที่ยวมาทั้งวัน อย่างน้อยก็ไม่ต้องเดินเมื่อยมากขึ้น
และให้ความเพลิดเพลินในการสนทนาว่ามีความประทับใจในการเที่ยววันนั้นๆ อย่างไร
ดังนั้น การเตรียมตัวในส่วนนี้จึงเป็นประโยชน์สำหรับผู้เขียน และหวังจะแบ่งปันสำหรับทุกท่าน
จากการเดินทาง 4 เมืองหลัก อันได้แก่ โรม ฟลอเรนส์ เวนิส และมิลาน ลักษณะห้องครัวแต่ละเมืองก็แตกต่างกันไป
แต่ที่มีความสะดวกและคิดว่ามีประโยชน์ที่สุดก็คือ โรม อันไก้แก่ Dream Station B&B
ในส่วนที่พักก็มีคนเขียนถึงอยู่มาก ทำให้ที่พักแห่งนี้ได้รับความนิยมในหมู่ชาวบลู ห้องพักจำนวน 7 ห้อง ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา
บางวันมีคนไทยเข้าพักถึง 4 ห้อง
ในส่วนของห้องครัวหรือห้องอาหารอาจมีการกล่าวถึงบ้าง แต่ไม่มาก ผู้เขียนจะมาเล่าประสบการณ์ว่าได้ใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง