ผมทำความดี เริ่มแรกเพราะอยากหนีผลกรรมชั่ว ต่อมาได้เห็นรูปกายทิพย์ ซึ่งก็ว่าสวย และตนก็มีความใคร่ปราถนา
คิดว่า เทพนี้สวยมาก ถ้าได้มีเซ็กซ์ก็คงดี
ทำบุญแบบไหนอานิสงส์สูงผมจะทำ ก็อย่างที่ทราบกันดีในตำราพระไตรปิฎกในปันจุบัน ทำทานกับพระบุญมากกว่า ส่วนการทำทานกับคนธรรมดา บุญน้อย
ผมจึงโฟกัสกับพระกับวัด คนธรรมดานั้นที่เขาเดือดร้อนผมแทบจะไม่ให้ เพราะมันไม่คุ้มค่า
ทำดีอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
วันหนึ่ง มีคนพูดว่าทำดีหวังผลมันจะได้บุญรึ กิเลสยังหนาอยู่เลย
ผมตอบว่า คงได้แหละ
วันหนึ่งมีคนถามว่า ทำไมถึงช่วยแต่พระ ไม่เคยเหลียวแลคนธรรมดาเลย
ผมตอบว่า ในศาสนาพุทธ ตีคุณค่าพระสงฆ์มากกว่าคนธรรมดา การทำบุญก็แบ่งแยกสถานะ ขนาดทำบุญกับพระทุศิล ก็มีมูลค่ามากกว่าคนธรรมดา อย่างตำราก็ว่าไว้ ทำบุญกับพระหนึ่งครั้งบุญมากกว่าคนธรรมดาร้อยครั้ง คนผู้หนึ่งแจกทานช่วยเหลือคนจำนวนมาก ช่วยเหลือคนอดอยาก แต่ไม่เคยทำบุญในศาสนาพุทธ ผลบุญเขาน้อย เกิดใหม่ก็กลายเป็น เทวดาต่ำสุด
แล้วก็มีพระท่านหนึ่งพูด ให้ทานพระคือบุญ ให้ทานคนธรรมดาคือทาน
เมื่อฟังเสร็จคนเขาก็พูดว่า การทำดีนี้บุญไม่เท่ากันด้วยเหรอ?
ผมตอบว่า ก็พระและในตำราพระไตรปิฎก เขาสอนแบบนี้ เช่นหลวงพ่อฤๅษีลิงดำนั้นไง
ผู้คนจะโฟกัสกับพระ ทำบุญกับพระ ในกรณีที่มีพระเลว ก็มีสังฆทาน
ไม่ว่าใครก็หวังความสุข ความเจริญ ความเป็นใหญ่กันทั้งนั้น
บุญคือความสุขจากการทำดี หากผมตาย จุติเป็นเทพแล้วไปมีเซ็กซ์บนสวรรค์ ในตำราว่าไว้ ทำบุญกับพระอรหันต์ครั้งเดียวได้นางฟ้าเป็นพัน
เขาก็พูดว่า สวรรค์ไม่มีเรื่องชั้นต่ำแบบนี้
เรื่องนี้ ผมก็พูดว่า คนเราแต่งงานกัน ก็เพื่อเพลิดเพลินกับเซ็กส์ เซ็กส์คือความสุข ถ้าเซ็กส์ไม่ใช่ความสุข ผมก็คงไม่ยกผู้หญิงขึ้นสูง แล้วถ้าเซ็กส์ทำให้ชายหญิงต่ำลง ผมก็ไม่มีเหตุผลต้องแต่งงาน หรือ มีเซ็กซ์กับผู้หญิง เพราะผมถือว่า ผมไม่ได้มีหน้าที่ลดคุณค่าศักดิ์ศรีของใคร
แม้แต่คนแต่งงาน มีลูกแล้ว เขาก็มีsexเพื่อความเพลิดเพลิน ถึงขนาดต้องกินยาคุมไม่ก็หลั่งนอก
ถ้าหากว่าโลกหน้าไร้เซ็กส์ สวรรค์ในศาสนาพุทธไร้เซ็กส์ นั้นไม่เรียกว่า สวรรค์ เป็นแค่แดนหนึ่งเท่านั้น
ทีนี้มีคนหลายคนพูดกันว่า สวรรค์น่ะไม่มีเซ็กซ์ ไม่มีการเสพเมถุน
ไอ้ผมก็ไปค้นหาตำรามา ในพระไตรปิฎกไม่มีบทไหนที่เทพธิดากับเทวดาเสพกามเมถุน
หลวงพ่อฤาษีลิงดำบอกว่า เทวดานางฟ้าเขาครองคู่เพราะเคยรู้จักกัน มีความเป็นห่วง เขาถือศิล 8 กันปกติ ไอ้เสพกามราคะน่ะ ไม่มี
ทีนี้พระสงฆ์ท่านพูดแล้ว ผมก็ต้องเชื่อ ถามว่าเคยไปสวรรค์มั้ย? ไม่เคย แต่เห็นเทพธิดามั้ย ? คิดว่าน่าจะ
ในฐานะที่เคยเจอเทพมาก่อน และท่านก็สวยมาก ผมรู้ว่า ถ้าผมไปสวรรค์จริงๆ ผมก็คงตกสวรรค์ เพราะผมคงทนไม่ได้ หากไม่เสพกาม เลยมีความรู้สึกว่า บุญในเขตศาสนาพุทธไม่มีประโยชน์สำหรับเรา
ถ้าหากจะตัดกิเลสจริงๆ ก็ต้องหยุดโฟกัสว่าบุญมากบุญไหนน้อย ตัดเขตพระศาสนา จัดการยึดติดทั้งปวง
ถ้ายังยึดติดบุญเขตพระศาสนานี้อยู่ ก็ไม่แตกต่างจากคนถูกบ่วงล่ามคอไว้
ผมก็มองลึกๆว่า ทำไมสวรรค์ไร้ราคะได้ หมายถึงพวกเทพเบื้องบนท่านไม่เสพเมถุนเลยรึ? ทำไมมนุษย์ไร้ราคะไม่ได้? ผมคือบุรุษทุกคืนวันผมละอยากมีเซ็กซ์กับสาวสวยนมเบิ้ม แต่ถึงจะอยาก เราก็ไม่ได้ไร้คุณธรรมข่มขืนใคร ใช้ชีวิตด้วยความอดทนอดกลั้น
ไอ้สวรรค์ที่เป็นที่สถิตของสาวสวยสมบูรณ์แบบ กลับไร้ความสุขทางเพศ ไม่เสพกามเมถุน
ไอ้โลกมนุษย์ ที่เป็นที่อยู่ของมนุษย์ผู้แบกอุจจาระ ปัสสาวะ มีความสุขทางเพศเกี่ยวข้อง ผู้ชายชอบเลียขี้ไคลผู้หญิงเป็นปกติ
รู้สึกว่า โรคจิตจัด คือ ว่าใคร่ในตัวผู้หญิงไม่พอ ยังโดนด่าว่าหน้าม่อ ไม่ก็คุกคามทางเพศ ทั้งๆที่ร่างกายผู้หญิงไม่ได้วิเศษวิโสขนาดนั้น แต่บุรุษก็หลงรักมัน เต็มใจเสพกาม ถ้าขาดกามก็หงุดหงิด ทุกข์ทรมาน
แต่พอตายไปปุ้บ ผลคือ อาการเสี้ยนจางหาย แล้วจะปฎิบัติธรรมเพื่อสิ่งใด ในเมื่อตายไปเป็นเทพก็หาย
เลยรู้สึกว่า เอาเปรียบเกินไปมั้ย ผมน่ะรักผู้หญิง แต่ผู้หญิงเขาไม่ชอบผม แค่นี้โลกขัดแย้งแล้ว ความจริงต่างคนต่างใคร่ ไม่ก็ถ้าหญิงไม่ใคร่ ชายก็ไม่ใคร่
เลยรู้สึกว่า ผู้ชายอย่างเราก็ทนทุกข์ จะมีประโยชน์อะไรอีก กับการทำบุญให้ทาน
ที่พระศาสนารุ่งเรืองก็เพราะกามของผู้คนทั้งสิ้น เพราะเขาปรารถนาเขาจึงทำบุญ แล้วเขาตายไปก็ขึ้นสวรรค์ ไปเพื่อกราบพระ สวดมนต์ ชมดอกไม้ ฟังเพลงงั้นรึ?
ไร้สาระ ขนาดบวชจัดงาน เขายังฆ่าหมูเป็นตัวๆ ขนาดไหว้พระเขายังขอเนื้อคู่ ขนาดงานศพยังต้องเช่าวัด
เลยรู้สึกว่า คนในศาสนาพุทธแทบจะไม่มีผลประโยชน์เข้าตัว คือพวกเขามุ่งมั่นปรารถนาแต่ก็มิได้อะไร (ยกเว้นปล่อยหมาแมวหน้าวัด)
ใช่ครับถ้าเขาต้องการไปไหว้พระสวดมนต์ เขาก็คงสมปรารถนา แต่คนมีตัญหาราคะ มันคือโซ่ ไร้อิสระ
ผมก็เลยเปลี่ยนใหม่ ไม่เน้นทำบุญกับพระศาสนา ถ้าจะทำทาน ผมให้ข้าวปลาอาหาร เงินทองแทบไม่ให้
ผมมามองคนธรรมดา คิดว่า ยังมีคนลำบากอีกมาก คนพวกนี้กิเลสหนาเหมือนเรา พวกเขาทุกข์เหมือนเรา เนื่องเพราะแบบนี้เราจึงสมควรมีน้ำใจแก่เขา ยังไงเสียแค่ราคะที่เกาะกุมจิตก็ทุกข์มากพอแล้ว
เริ่มแรกก็ให้คนยากจน ไปๆมาๆ มีคนเขาพูดว่า จะทำความดีทั้งที ไม่ต้องสงสารเขา คิดว่าถ้าเราเป็นเขา แล้วมีคนมาสงสารเรา สมเพชเวทนาเรา ลึกๆจะดีใจมั้ย?
ผมตอบว่าไม่
ต่อมาผมก็เลย แจกทานคนรวยกว่า
ผลปรากฏว่า จะทำทานแก่คนรวยคนจน ก็เสียตังค์เหมือนกัน
ทีนี้ก็มาดูใจตัวเอง ว่าเสียดายมั้ย? บอกเลยว่าเสียดายสุดๆ
ให้คนจนก็มีความรู้สึกว่า บุญน้อย ให้คนรวยก็มีความรู้สึกว่า อิจฉา ให้พระบุญยังมากกว่าอีก
เลยตระหนักได้ว่าแท้จริงแล้ว จิตใจเราไม่ได้พัฒนาห่าอะไรเลย นี้เราหวังบุญขนาดนี้เลยรึ
เคยให้คนอื่น คนอื่นเขาก็ชมว่า เรารวย ผมเองก็อยากบอกเหมือนกัน น้ำใจไงน้ำใจ ต่อหน้าคุณผมเหมือนคนมีสตางค์ แต่ลับหลังผมอดมื้อกินมื้อ
ผมน่ะเวลาจะแบ่งปันแก่ใครผมจะให้เขาเยอะๆ เวลาจะช่วยใคร ก็ช่วยเขาเต็มที่
แล้วก็มาเสียดายทีหลัง มันมีบางครั้งที่อดอยาก ก็มานั่งเสียดายสิ่งของที่ให้ไป ก็มีความรู้สึกว่า จนแล้วไม่เจียมกะลาหัว เพราะให้เขาเราเลยอด
ผมก็บอกตัวเองว่า เพราะเรามีน้อยเราจึงต้องทำ ใครจะทราบได้ว่าตัวเองจะตายตอนไหน หากวันหนึ่งเราลำบากร่างกายทรุดตัว เราคงไม่มีปัญญาทำดี
มันก็มีความรู้สึกอีกว่า ทำไมไม่ทำบุญให้พระศาสนา นั้นละเขตบุญพิเศษ ผีสางเขาก็ให้เราทำ
ผมก็ตอบตัวเองว่า ต่อให้ไปสวรรค์สำเร็จจะได้บีบนมนางฟ้ามั้ยละ จะได้เซ็กส์มั้ยละ
ผมไม่ได้อยากไปสวรรค์แล้วสวดมนต์นั่งสมาธิ แต่อยากเสพกามเมถุน
ทีนี้ไอ้เรื่องกามราคะ นี้อยากให้ตายมันไม่ได้ ก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใด พวกผีสางถึงแปลงเป็นผู้หญิงสวย แต่ก็ดี เวลาช่วยตัวเองก็จินตนาการถึงเทพท่านนั้น ก็เลยรู้สึกว่า เราลบหลู่เทพยาดารึเปล่า? แต่ช่างเถอะ
นี้ผมก็ทำความดีมามาก ทำแล้วเสียดายทุกครั้ง คิดเหมือนกันว่า ทำบุญแล้วเสียดาย บุญน้อยใจเศร้าหมอง
เคยมีคนพูดว่า ขึ้นชื่อว่าทาน ไม่ควรแบ่งยากดีมีจน
ให้ทานคนจน เสริมความกรุณาเมตตา
ให้คนรวย ลดความอิจฉาริษยา
และใช่ให้ทานมากก็อดอยากมาก ยกเว้นเสียคนรวยให้ทาน
คนจนน่ะ ทานถ้าให้แบบไม่ทุกข์ คือให้น้อย
แต่สำหรับผมแล้ว ถ้าให้น้อยเขาจะอิ่มรึ ? อีกอย่างต่อให้ฝืนให้น้อย ก็รู้สึกว่าตนเห็นแก่ตัว เราน่ะสามารถทำให้เขาอิ่มได้ ก็จริงอยู่ให้แล้วเสียดาย แต่การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์มันจำเป็นมากกว่าบุญ
พูดถึงคนรวยแล้วก็อิจฉาพวกเขา หมาแมวของเขาได้กินอาหารดีๆ แต่หมาแมวคนยากจนกินเศษกระดูกที่ออกจากปาก ไม่ก็อาหารเม็ดราคาถูก เลยอดรู้สึกไม่ได้ว่า โครตจะต่างชั้น
บางทีก็มามองดูตัวเอง เราให้คนอื่นเขาเยอะได้ เหตุใดเราให้สุนัขแมวเรากินดีไม่ได้ เราทั้งตีมันข่มเหงมัน แต่คนนอกบ้านกลับได้มากกว่า
พอคิดว่าจะให้หมาแมวกินไก่เป็นตัวๆ อาหารเม็ดเกรดพรีเมี่ยม ก็รู้สึกว่า ไม่ไหว หมาแมวกินอิ่ม แต่คนจะอดเอา เลยรู้สึกว่า ตนยังเห็นแก่ตัวอยู่
ทุกวันนี้มีความรู้สึกอย่างนี้ว่า มนุษย์แท้จริงแล้ว เกิดมาก็ทุกข์เป็นปกติเหมือนกันทุกคน
แม้แต่คนร่ำรวย ก็ทุกข์เพราะโรคภัยไข้เจ็บ ขนาดมีเงินมากมายยังไร้ความหวัง
นี้เรามัวแต่มุ่งมั่นสงเคราะห์แก่พระศาสนาอีกรึ สงเคราะห์มากไป บำรุงมากไป เหตุใดผู้คนถึงตกต่ำลง
พระสงฆ์สุขสบาย วัดวาร่ำรวย ประเทศยากจน ผู้คนอดอยาก รัฐช่วยเหลือไม่มาก มีคนทุจริต ประชาชนก็มิน้อยน่าไม่เสียเปรียบ ภาษีเลี่ยงได้คือเลี่ยง ท้ายที่สุดความลำบากมาเยือน พวกเขาสิ้นหวัง และฆ่ากันเอง ไม่ก็ฆ่าตัวตาย
โลกหน้าก็ไม่รู้ว่าเป็นยังไง ผู้คนอยากสุขสบายโลกหน้า แต่ละทิ้งโลกใบนี้
ผมน่ะพวกผีสางเข้าฝันบ่อยๆ ให้ทำบุญวันเกิดวันตายกษัตริย์ ภาษีถ้ามีปัญญาจ่ายอย่าหลีกเลี่ยง ขนาดยังบอกวันตายวันเกิดกษัตริย์ ทั้งที่ผมเองก็ไม่ได้สนใจ
ผมยังงงอยู่เลยว่า ในหลวงของเรา ผีสางก็นับถือ ยิ่งรัชกาลที่10 เทพยดาปกป้อง
เหมือนเคยรู้สึกว่า ปีนี้คนตายมากมาย ไม่ใช่คนเลวทุกคนต้องตาย คนดีก็ถูกพุ่งเป้า
ฟ้าผ่า แผ่นดินไหว พายุลูกยักษ์ ภัยพิบัติเกิดขึ้น พระพุทธรูปสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ปลิวหายไปตามสายลม สายน้ำ
แท้จริงแล้วทำบุญแต่กับวัดวาอย่างเดียวนั้นไม่สมควร
คิดว่า เทพนี้สวยมาก ถ้าได้มีเซ็กซ์ก็คงดี
ทำบุญแบบไหนอานิสงส์สูงผมจะทำ ก็อย่างที่ทราบกันดีในตำราพระไตรปิฎกในปันจุบัน ทำทานกับพระบุญมากกว่า ส่วนการทำทานกับคนธรรมดา บุญน้อย
ผมจึงโฟกัสกับพระกับวัด คนธรรมดานั้นที่เขาเดือดร้อนผมแทบจะไม่ให้ เพราะมันไม่คุ้มค่า
ทำดีอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
วันหนึ่ง มีคนพูดว่าทำดีหวังผลมันจะได้บุญรึ กิเลสยังหนาอยู่เลย
ผมตอบว่า คงได้แหละ
วันหนึ่งมีคนถามว่า ทำไมถึงช่วยแต่พระ ไม่เคยเหลียวแลคนธรรมดาเลย
ผมตอบว่า ในศาสนาพุทธ ตีคุณค่าพระสงฆ์มากกว่าคนธรรมดา การทำบุญก็แบ่งแยกสถานะ ขนาดทำบุญกับพระทุศิล ก็มีมูลค่ามากกว่าคนธรรมดา อย่างตำราก็ว่าไว้ ทำบุญกับพระหนึ่งครั้งบุญมากกว่าคนธรรมดาร้อยครั้ง คนผู้หนึ่งแจกทานช่วยเหลือคนจำนวนมาก ช่วยเหลือคนอดอยาก แต่ไม่เคยทำบุญในศาสนาพุทธ ผลบุญเขาน้อย เกิดใหม่ก็กลายเป็น เทวดาต่ำสุด
แล้วก็มีพระท่านหนึ่งพูด ให้ทานพระคือบุญ ให้ทานคนธรรมดาคือทาน
เมื่อฟังเสร็จคนเขาก็พูดว่า การทำดีนี้บุญไม่เท่ากันด้วยเหรอ?
ผมตอบว่า ก็พระและในตำราพระไตรปิฎก เขาสอนแบบนี้ เช่นหลวงพ่อฤๅษีลิงดำนั้นไง
ผู้คนจะโฟกัสกับพระ ทำบุญกับพระ ในกรณีที่มีพระเลว ก็มีสังฆทาน
ไม่ว่าใครก็หวังความสุข ความเจริญ ความเป็นใหญ่กันทั้งนั้น
บุญคือความสุขจากการทำดี หากผมตาย จุติเป็นเทพแล้วไปมีเซ็กซ์บนสวรรค์ ในตำราว่าไว้ ทำบุญกับพระอรหันต์ครั้งเดียวได้นางฟ้าเป็นพัน
เขาก็พูดว่า สวรรค์ไม่มีเรื่องชั้นต่ำแบบนี้
เรื่องนี้ ผมก็พูดว่า คนเราแต่งงานกัน ก็เพื่อเพลิดเพลินกับเซ็กส์ เซ็กส์คือความสุข ถ้าเซ็กส์ไม่ใช่ความสุข ผมก็คงไม่ยกผู้หญิงขึ้นสูง แล้วถ้าเซ็กส์ทำให้ชายหญิงต่ำลง ผมก็ไม่มีเหตุผลต้องแต่งงาน หรือ มีเซ็กซ์กับผู้หญิง เพราะผมถือว่า ผมไม่ได้มีหน้าที่ลดคุณค่าศักดิ์ศรีของใคร
แม้แต่คนแต่งงาน มีลูกแล้ว เขาก็มีsexเพื่อความเพลิดเพลิน ถึงขนาดต้องกินยาคุมไม่ก็หลั่งนอก
ถ้าหากว่าโลกหน้าไร้เซ็กส์ สวรรค์ในศาสนาพุทธไร้เซ็กส์ นั้นไม่เรียกว่า สวรรค์ เป็นแค่แดนหนึ่งเท่านั้น
ทีนี้มีคนหลายคนพูดกันว่า สวรรค์น่ะไม่มีเซ็กซ์ ไม่มีการเสพเมถุน
ไอ้ผมก็ไปค้นหาตำรามา ในพระไตรปิฎกไม่มีบทไหนที่เทพธิดากับเทวดาเสพกามเมถุน
หลวงพ่อฤาษีลิงดำบอกว่า เทวดานางฟ้าเขาครองคู่เพราะเคยรู้จักกัน มีความเป็นห่วง เขาถือศิล 8 กันปกติ ไอ้เสพกามราคะน่ะ ไม่มี
ทีนี้พระสงฆ์ท่านพูดแล้ว ผมก็ต้องเชื่อ ถามว่าเคยไปสวรรค์มั้ย? ไม่เคย แต่เห็นเทพธิดามั้ย ? คิดว่าน่าจะ
ในฐานะที่เคยเจอเทพมาก่อน และท่านก็สวยมาก ผมรู้ว่า ถ้าผมไปสวรรค์จริงๆ ผมก็คงตกสวรรค์ เพราะผมคงทนไม่ได้ หากไม่เสพกาม เลยมีความรู้สึกว่า บุญในเขตศาสนาพุทธไม่มีประโยชน์สำหรับเรา
ถ้าหากจะตัดกิเลสจริงๆ ก็ต้องหยุดโฟกัสว่าบุญมากบุญไหนน้อย ตัดเขตพระศาสนา จัดการยึดติดทั้งปวง
ถ้ายังยึดติดบุญเขตพระศาสนานี้อยู่ ก็ไม่แตกต่างจากคนถูกบ่วงล่ามคอไว้
ผมก็มองลึกๆว่า ทำไมสวรรค์ไร้ราคะได้ หมายถึงพวกเทพเบื้องบนท่านไม่เสพเมถุนเลยรึ? ทำไมมนุษย์ไร้ราคะไม่ได้? ผมคือบุรุษทุกคืนวันผมละอยากมีเซ็กซ์กับสาวสวยนมเบิ้ม แต่ถึงจะอยาก เราก็ไม่ได้ไร้คุณธรรมข่มขืนใคร ใช้ชีวิตด้วยความอดทนอดกลั้น
ไอ้สวรรค์ที่เป็นที่สถิตของสาวสวยสมบูรณ์แบบ กลับไร้ความสุขทางเพศ ไม่เสพกามเมถุน
ไอ้โลกมนุษย์ ที่เป็นที่อยู่ของมนุษย์ผู้แบกอุจจาระ ปัสสาวะ มีความสุขทางเพศเกี่ยวข้อง ผู้ชายชอบเลียขี้ไคลผู้หญิงเป็นปกติ
รู้สึกว่า โรคจิตจัด คือ ว่าใคร่ในตัวผู้หญิงไม่พอ ยังโดนด่าว่าหน้าม่อ ไม่ก็คุกคามทางเพศ ทั้งๆที่ร่างกายผู้หญิงไม่ได้วิเศษวิโสขนาดนั้น แต่บุรุษก็หลงรักมัน เต็มใจเสพกาม ถ้าขาดกามก็หงุดหงิด ทุกข์ทรมาน
แต่พอตายไปปุ้บ ผลคือ อาการเสี้ยนจางหาย แล้วจะปฎิบัติธรรมเพื่อสิ่งใด ในเมื่อตายไปเป็นเทพก็หาย
เลยรู้สึกว่า เอาเปรียบเกินไปมั้ย ผมน่ะรักผู้หญิง แต่ผู้หญิงเขาไม่ชอบผม แค่นี้โลกขัดแย้งแล้ว ความจริงต่างคนต่างใคร่ ไม่ก็ถ้าหญิงไม่ใคร่ ชายก็ไม่ใคร่
เลยรู้สึกว่า ผู้ชายอย่างเราก็ทนทุกข์ จะมีประโยชน์อะไรอีก กับการทำบุญให้ทาน
ที่พระศาสนารุ่งเรืองก็เพราะกามของผู้คนทั้งสิ้น เพราะเขาปรารถนาเขาจึงทำบุญ แล้วเขาตายไปก็ขึ้นสวรรค์ ไปเพื่อกราบพระ สวดมนต์ ชมดอกไม้ ฟังเพลงงั้นรึ?
ไร้สาระ ขนาดบวชจัดงาน เขายังฆ่าหมูเป็นตัวๆ ขนาดไหว้พระเขายังขอเนื้อคู่ ขนาดงานศพยังต้องเช่าวัด
เลยรู้สึกว่า คนในศาสนาพุทธแทบจะไม่มีผลประโยชน์เข้าตัว คือพวกเขามุ่งมั่นปรารถนาแต่ก็มิได้อะไร (ยกเว้นปล่อยหมาแมวหน้าวัด)
ใช่ครับถ้าเขาต้องการไปไหว้พระสวดมนต์ เขาก็คงสมปรารถนา แต่คนมีตัญหาราคะ มันคือโซ่ ไร้อิสระ
ผมก็เลยเปลี่ยนใหม่ ไม่เน้นทำบุญกับพระศาสนา ถ้าจะทำทาน ผมให้ข้าวปลาอาหาร เงินทองแทบไม่ให้
ผมมามองคนธรรมดา คิดว่า ยังมีคนลำบากอีกมาก คนพวกนี้กิเลสหนาเหมือนเรา พวกเขาทุกข์เหมือนเรา เนื่องเพราะแบบนี้เราจึงสมควรมีน้ำใจแก่เขา ยังไงเสียแค่ราคะที่เกาะกุมจิตก็ทุกข์มากพอแล้ว
เริ่มแรกก็ให้คนยากจน ไปๆมาๆ มีคนเขาพูดว่า จะทำความดีทั้งที ไม่ต้องสงสารเขา คิดว่าถ้าเราเป็นเขา แล้วมีคนมาสงสารเรา สมเพชเวทนาเรา ลึกๆจะดีใจมั้ย?
ผมตอบว่าไม่
ต่อมาผมก็เลย แจกทานคนรวยกว่า
ผลปรากฏว่า จะทำทานแก่คนรวยคนจน ก็เสียตังค์เหมือนกัน
ทีนี้ก็มาดูใจตัวเอง ว่าเสียดายมั้ย? บอกเลยว่าเสียดายสุดๆ
ให้คนจนก็มีความรู้สึกว่า บุญน้อย ให้คนรวยก็มีความรู้สึกว่า อิจฉา ให้พระบุญยังมากกว่าอีก
เลยตระหนักได้ว่าแท้จริงแล้ว จิตใจเราไม่ได้พัฒนาห่าอะไรเลย นี้เราหวังบุญขนาดนี้เลยรึ
เคยให้คนอื่น คนอื่นเขาก็ชมว่า เรารวย ผมเองก็อยากบอกเหมือนกัน น้ำใจไงน้ำใจ ต่อหน้าคุณผมเหมือนคนมีสตางค์ แต่ลับหลังผมอดมื้อกินมื้อ
ผมน่ะเวลาจะแบ่งปันแก่ใครผมจะให้เขาเยอะๆ เวลาจะช่วยใคร ก็ช่วยเขาเต็มที่
แล้วก็มาเสียดายทีหลัง มันมีบางครั้งที่อดอยาก ก็มานั่งเสียดายสิ่งของที่ให้ไป ก็มีความรู้สึกว่า จนแล้วไม่เจียมกะลาหัว เพราะให้เขาเราเลยอด
ผมก็บอกตัวเองว่า เพราะเรามีน้อยเราจึงต้องทำ ใครจะทราบได้ว่าตัวเองจะตายตอนไหน หากวันหนึ่งเราลำบากร่างกายทรุดตัว เราคงไม่มีปัญญาทำดี
มันก็มีความรู้สึกอีกว่า ทำไมไม่ทำบุญให้พระศาสนา นั้นละเขตบุญพิเศษ ผีสางเขาก็ให้เราทำ
ผมก็ตอบตัวเองว่า ต่อให้ไปสวรรค์สำเร็จจะได้บีบนมนางฟ้ามั้ยละ จะได้เซ็กส์มั้ยละ
ผมไม่ได้อยากไปสวรรค์แล้วสวดมนต์นั่งสมาธิ แต่อยากเสพกามเมถุน
ทีนี้ไอ้เรื่องกามราคะ นี้อยากให้ตายมันไม่ได้ ก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใด พวกผีสางถึงแปลงเป็นผู้หญิงสวย แต่ก็ดี เวลาช่วยตัวเองก็จินตนาการถึงเทพท่านนั้น ก็เลยรู้สึกว่า เราลบหลู่เทพยาดารึเปล่า? แต่ช่างเถอะ
นี้ผมก็ทำความดีมามาก ทำแล้วเสียดายทุกครั้ง คิดเหมือนกันว่า ทำบุญแล้วเสียดาย บุญน้อยใจเศร้าหมอง
เคยมีคนพูดว่า ขึ้นชื่อว่าทาน ไม่ควรแบ่งยากดีมีจน
ให้ทานคนจน เสริมความกรุณาเมตตา
ให้คนรวย ลดความอิจฉาริษยา
และใช่ให้ทานมากก็อดอยากมาก ยกเว้นเสียคนรวยให้ทาน
คนจนน่ะ ทานถ้าให้แบบไม่ทุกข์ คือให้น้อย
แต่สำหรับผมแล้ว ถ้าให้น้อยเขาจะอิ่มรึ ? อีกอย่างต่อให้ฝืนให้น้อย ก็รู้สึกว่าตนเห็นแก่ตัว เราน่ะสามารถทำให้เขาอิ่มได้ ก็จริงอยู่ให้แล้วเสียดาย แต่การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์มันจำเป็นมากกว่าบุญ
พูดถึงคนรวยแล้วก็อิจฉาพวกเขา หมาแมวของเขาได้กินอาหารดีๆ แต่หมาแมวคนยากจนกินเศษกระดูกที่ออกจากปาก ไม่ก็อาหารเม็ดราคาถูก เลยอดรู้สึกไม่ได้ว่า โครตจะต่างชั้น
บางทีก็มามองดูตัวเอง เราให้คนอื่นเขาเยอะได้ เหตุใดเราให้สุนัขแมวเรากินดีไม่ได้ เราทั้งตีมันข่มเหงมัน แต่คนนอกบ้านกลับได้มากกว่า
พอคิดว่าจะให้หมาแมวกินไก่เป็นตัวๆ อาหารเม็ดเกรดพรีเมี่ยม ก็รู้สึกว่า ไม่ไหว หมาแมวกินอิ่ม แต่คนจะอดเอา เลยรู้สึกว่า ตนยังเห็นแก่ตัวอยู่
ทุกวันนี้มีความรู้สึกอย่างนี้ว่า มนุษย์แท้จริงแล้ว เกิดมาก็ทุกข์เป็นปกติเหมือนกันทุกคน
แม้แต่คนร่ำรวย ก็ทุกข์เพราะโรคภัยไข้เจ็บ ขนาดมีเงินมากมายยังไร้ความหวัง
นี้เรามัวแต่มุ่งมั่นสงเคราะห์แก่พระศาสนาอีกรึ สงเคราะห์มากไป บำรุงมากไป เหตุใดผู้คนถึงตกต่ำลง
พระสงฆ์สุขสบาย วัดวาร่ำรวย ประเทศยากจน ผู้คนอดอยาก รัฐช่วยเหลือไม่มาก มีคนทุจริต ประชาชนก็มิน้อยน่าไม่เสียเปรียบ ภาษีเลี่ยงได้คือเลี่ยง ท้ายที่สุดความลำบากมาเยือน พวกเขาสิ้นหวัง และฆ่ากันเอง ไม่ก็ฆ่าตัวตาย
โลกหน้าก็ไม่รู้ว่าเป็นยังไง ผู้คนอยากสุขสบายโลกหน้า แต่ละทิ้งโลกใบนี้
ผมน่ะพวกผีสางเข้าฝันบ่อยๆ ให้ทำบุญวันเกิดวันตายกษัตริย์ ภาษีถ้ามีปัญญาจ่ายอย่าหลีกเลี่ยง ขนาดยังบอกวันตายวันเกิดกษัตริย์ ทั้งที่ผมเองก็ไม่ได้สนใจ
ผมยังงงอยู่เลยว่า ในหลวงของเรา ผีสางก็นับถือ ยิ่งรัชกาลที่10 เทพยดาปกป้อง
เหมือนเคยรู้สึกว่า ปีนี้คนตายมากมาย ไม่ใช่คนเลวทุกคนต้องตาย คนดีก็ถูกพุ่งเป้า
ฟ้าผ่า แผ่นดินไหว พายุลูกยักษ์ ภัยพิบัติเกิดขึ้น พระพุทธรูปสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ปลิวหายไปตามสายลม สายน้ำ