เรื่องเล่าเล็กๆ จากเด็กธรณี.............แบ่งปันประสบการณ์ การเรียนในสายวิชาที่ใครๆหลายคนอยากรู้จัก "ธรณีวิทยา"

“ขณะนี้เหลือเวลาอีก……..1 นาที  
ย้ำ……...
1 นาที……….

ขอให้นักเรียนทุกคน....รีบลงจากหอพักในเวลานี้ด้วยครับ”


        สิ้นคำประกาศผ่านเสียงตามสายที่ดังแว่วมาจากที่ไหนซักแห่ง ผมรู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุน ด้วยความเร็วที่มากขึ้น มากขึ้น มากขึ้น จนถึงขีดสุด และทุกอย่างก็พลันดับลงไปสู่ความมืดมิด
    
        ภาพแรกที่ปรากฏหลังจากเปลือกตาทั้งสองถูกเปิดขึ้นคือ แผ่นไม้กระดานสีน้ำตาล
    
        ใช่แล้วครับ  “ไม้กระดานรองเตียง ของเตียงชั้นบน”

         ยังไม่ทันที่สมองของผมจะทันคิดสิ่งใดไปได้มากกว่านี้ สองขาก็เหวี่ยงลงมาสู่พื้นห้องโดยอัตโนมัติ  ผมเอี้ยวตัวหลบเก้าอี้ที่วางขวางอยู่ข้างเตียง กระโดดก้าวข้ามกองหนังสือที่ล้มระเนระนาดของนักเรียน 4 ผู้เป็นเจ้าของห้อง หันกลับไปยกมือไหว้กองหนังสือหนึ่งที ด้วยความรู้สึกผิดที่กระโดดข้าม          
สายตาสอดส่อง เพื่อค้นหาวัตถุเป้าหมายทีละอย่าง อันได้แก่ เสื้อนักเรียน...  กางเกงนักเรียน.... กางเกงใน (ตัวใหม่)..... เข็มขัดนักเรียน...... ถุงเท้า..... เข็มกลัด..... กระเป๋าเป้.....

         และยังไม่ทันที่สมองจะจดจำตำแหน่งของวัตถุดังกล่าวได้ทั้งหมด เสียงเสียงเดิม ก็พลันดังขึ้นอีกครั้ง

          “เราจะทำการนับถอยหลัง เพื่อปิดประตู หอพัก ณ บัดนี้”
          
          “สิบ...”

          เสียงเดิมที่แฝงไปด้วยความสะใจผู้ประกาศดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมเสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายของนักเรียนอีกหลายคนที่อยู่ห้องใกล้ๆ กัน  สลับกับเสียงกระแทกประตู ปึง ปัง เป็นระยะๆ ซึ่งแปลความหมายและจับใจความได้อย่างชัดเจนว่าทุกคนนั้น .....รีบสุดชีวิต

          ผมในสภาพชุดนักเรียนที่กระดุมยังติดไม่ครบทุกเม็ด เข็มขัดที่ยังไม่ได้คาดให้เรียบร้อย แขนหนึ่งสะพายกระเป๋าเป้ อีกข้างหนึ่งเอื้อมจับราวบันได กำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งอยู่ในกระแสของฝูงชนบริเวณบันไดที่มีลักษณะคล้ายบันไดวน ฝั่งทิศเหนือของอาคารหอพักชายเจ็ดชั้น
และแน่นอน ห้องของผมอยู่ชั้นบนสุด.....

         “แปด”

          “เจ็ด”


          ภาพที่ประกฎอยู่ตรงหน้าสายตาผม คือนักเรียนทุกคนในสภาพที่ไม่ต่างกันมากนัก (และมักคุ้นเคยคลาดตากันดีสำหรับการพบเจอกันในช่วงเวลานี้) บางคนยังไม่ใส่เสื้อ บางคนทำรองเท้าตกที่พื้น บางคนพยายามแหวกฝูงย้อนทางเพื่อกลับไปยังห้องของตัวเองเพื่อกลับไปเอาของที่ลืมไว้ และทีสำคัญคือ
ยิ่งลงมาชั้นล่างมากเท่าใด จำนวนคนจะยิ่งเข้ามาเพิ่มในแถวมากเป็นทวีคูณ

           สำหรับนักเรียนโรงเรียนวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำแห่งนี้  การถูกลงโทษทางวินัยด้วยการตัดคะแนนหอพัก อันหมายถึงอิสรเสรีภาพในการออกไปเที่ยวเล่นนอกโรงเรียนในช่วงเวลาหลังเลิกเรียน หรือเวลาหยุดเสาร์อาทิตย์ ที่จะถูกริดรอนลงไปล้วนเป็นสิ่งที่โหดร้ายและน่ากลัวที่สุดที่นักเรียนส่วนใหญ่ที่นี่ไม่ปลื้มนัก

           และไม่รู้ว่าสาเหตุไหนกันแน่ ระหว่างการขาดความรับผิดชอบในตัวเอง หรือการขยันมากเกินไปในการอ่านหนังสือทบทวนความรู้ดึกดื่นจนอดหลับอดนอน จึงทำให้ปริมาณของนักเรียนที่ลงหอในเวลาจวนเจียนใกล้จะปิดประตูยังคงมีจำนวนเท่าเดิมตั้งแต่ต้นปีการศึกษายันท้ายปีการศึกษา

            แม้จะผ่านมาเกือบหนึ่งปีเต็ม ที่เด็กต่างจังหวัดคนหนึ่งได้ก้าวข้ามผ่านระยะทาง มาใช้ชีวิตในช่วงมัธยมปลายอยู่ในโรงเรียนประจำย่านปริมณฑล ไม่มีใครคนคอยลากลงจากที่นอน ไม่มีคนเตรียมอาหารเช้าไว้ให้ก่อนไปโรงเรียน ไม่มีคนคอยจ้ำจี้จ้ำไชในการใช้ชีวิต และกว่าที่จะทำอะไรได้ถูกต้องสักหนึ่งอย่าง ล้วนแลกมากับการทำผิดพลาดมานับครั้งไม่ถ้วน

           เพื่อนหลายคนปรับตัวได้ดีกับชีวิตที่นี่ ตื่นแต่เช้า ลงหอมาตั้งแต่ประตูยังไม่เปิดให้ลงก็มี อีกหลายคน ก็เลือกที่จะตื่นแบบกลางๆ พอมีเวลาได้อาบน้ำและทำภารกิจส่วนตัวแบบไม่เร่งรีบเกินไป แตกต่างกับผม.... บุคคลผู้ซึ่งพกความขี้เกียจติดตัวมาจากบ้านเกิดอย่างเต็มที่ เลือกที่จะไม่อาบน้ำตอนเช้า ชอบมาแปรงฟันล้างหน้าใต้หอ และวิ่งลงหอตอนเวลาที่ประตูใกล้จะปิดเกือบทุกครั้ง

           “ห้า”

            “สี่”


            อัตราเร่งของฝีเท้าในระดับเดิมก่อนหน้านี้ ถูกเพิ่มด้วยแรงผลักจากคนที่ต่อเรามาอย่างพร้อมเพรียง (หลังจากได้เสียงประกาศนับถอยหลัง) ตามด้วยพฤติกรรมอันสุดแสนชุลมุน ของเหล่านักเรียนผู้ขาดวินัยในการตื่นนอนทั้งหลาย ที่พยายามจะเอาตัวเองออกไปนอกประตูบานใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าให้ได้ ก่อนที่เวลาจะนับถึงศูนย์  

             อีกเสี้ยววินาทีเท่านั้น ตัวผมจะอยู่นอกประตูบานใหญ่นั่น จะโผล่พ้นออกสู่อิสรภาพภายนอกได้อย่างทันท่วงทีโดยเหลือเวลา (อีกตั้ง) สองถึงสามวินาที

              ในสมองตอนนี้นึกชมความสามารถของตัวเอง ถึงแม้ว่าจะตื่นสาย แต่ก็ยังสามารถลงหอได้ทัน “กรูละเทพจริงๆ” ผมคิดในใจ ประตูบานใหญ่อยู่ตรงหน้าแล้ว ผมกำลังเคลื่อนตัวเข้าไป เข้าไป และเข้าไป .....  และก่อนที่เสียงตามสายจะทันนับถึงศูนย์ และประตูถูกปิดลง ตัวผมก็ได้เคลื่อนพ้นออกสู่โลกภายนอกแล้วอย่างแท้จริง

            สายลมเย็นอ่อนๆในฤดูหนาวพัดผ่านมาที่ใบหน้า (ที่ยังไม่ได้ล้าง)ของผม เสียงนกร้องยามเช้า เสมือนวงออเคสตร้าซิมโฟนี่วงใหญ่ที่กำลังบรรเลงเพลงเฉลิมฉลองให้ความสำเร็จแห่งการลงหอทันเวลาในวันนี้ของผม  ผมหลับตาพริ้ม ปล่อยกระเป๋าเป้ให้ร่วงลงสู่พื้น สูดเอาอากาศยามเช้าอันสดชื่นเสมือนว่ายืนอยู่บนไหล่เขา
            
           หลังจากการติดกระดุมเสื้อให้ครบทุกเม็ด ใส่เข็มขัดให้เรียบร้อย ผมก็เริ่มได้กลิ่นของหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น เมื่อรู้สึกว่าลืมของสำคัญมากๆบางอย่าง

          “รองเท้ากรูอยู่ไหน ? ”

------------------------------------------------------------------------------------

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่