ตอนพักเที่ยง บิวตี้เข้ามาในโรงอาหารกินข้าวช้ากว่าใครๆ เพราะมัวแต่วุ่นวายเรื่องเล็บเรื่องหน้าตัวเอง พอบิวตี้เข้ามา สาวหนุ่มโรงงาน มองบิวตี้เป็นตาเดียว บรรดาฉันทนาขาเม้าท์เริ่มซุบซิบกัน บิวตี้หาที่นั่งไม่ได้ ยืนเคว้งคว้าง
ศรีนวลทานอิ่มแล้วเดินมาดุ “ทำไมเพิ่งมา”
“ก็พยายามต่อเล็บแต่ต่อไม่ได้ แล้วก็ล้างหน้า ทาครีมกันฝุ่นกันยูวีจากหลอดไฟ”
ศรีนวลหมั่นไส้ “โอ๊ย เรื่องมาก ไปกินข้าว เขากินกันเสร็จหมดแล้ว”
บิวตี้มองจานข้าวที่คนงานกินแล้วถอนใจ “แถวนี้มีร้านขายอาหารมั้ย”
“ไม่มี เจ้านายเค้าเลี้ยงก็บุญแล้ว อย่าเรื่องมาก ไปนั่งตรงนั้น” ชี้ไปตรงที่ศรีนวลเพิ่งลุกมา
บิวตี้กำลังจะเดินไป หัวหน้าฝ่ายบุคคล เดินมาที่บิวตี้กับศรีนวล
หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคลพูดกับบิวตี้ “คุณ เอ่อ... เธอ ไป กับฉันก่อน”
“แต่ฉันยังไม่ได้กินข้าว”
“เรื่องด่วน” หัวหน้าฝ่ายกระซิบ “จากท่านประธาน”
บิวตี้ถอนใจอย่างรำคาญ เดินตามหัวหน้าฝ่ายไป
สาวโรงงาน 1 ถามศรีนวล “สงสัยโดนไล่ออกเพราะทำของพัง แหงเลย ใช่มั้ยป้า”
“จะไปรู้เรอะ”
สาวโรงงาน 2 ว่า “ออกซะได้ก็ดี ไม่งั้นคนอื่นจะพลอยซวยไปด้วย”
ฉันทนาขาเม้าท์ซุบซิบกันอย่างสะใจ ศรีนวลฟังแล้วอดนึกสงสารบิวตี้ไม่ได้
ธีภพกำลังโกรธบิวตี้หัวฟัดหัวเหวี่ยง
“เริ่มงานไม่กี่ชั่วโมง แต่ทำข้าวของบริษัทเสียหายเกือบแสน”
“ฉันใช้ให้ก็ได้ แต่ฉันไม่ผิด”
“ไม่ผิดยังไง เขารายงานมาว่าคุณเซไปชนคนงานอื่นจนของตกแตกเสียหาย”
บิวตี้บ่น “ก็มันหนักอ่ะโรงงานทำไม่ถูกนะ สมัยนี้เขาใช้โฟคลิฟท์ ไม่มีใครเค้าใช้คนแบกของหนักอย่างงั้นหรอก คนนะไม่ใช่ทาส”
“เราทำถูกต้องตามกฎกระทรวง ทุกคนทำได้ยกเว้นคนที่ห่วงเล็บมากกว่าห่วงทรัพย์สินของบริษัท”
“ใครบอก ตอนนั้นฉันไม่ได้ห่วงเลยนะ มาห่วงตอนกล่องตกแล้วต่างหาก ทำไมประธานบริษัทอย่างฉันต้องมาทำอะไรยุ่งยากขนาดนี้ด้วยนะ”
ธีภพยกกฎมาท่องให้ฟังทันที “กฎข้อที่ 5 ของการเป็นประธาน คุณต้องทำได้ทุกอย่าง เหมือนที่พนักงานของคุณทำ ถ้าคุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาทำอะไร คุณจะคุมโรงงานทั้งหมดได้ยังไง”
บิวตี้เซ็งสุดๆ “กฎ ๆ ๆ อ้างแต่กฎบ้าๆ บอๆ อยู่นั่นแหละ”
“กลับไปเลยปะ แล้วไม่ต้องกลับมาอีก”
“กลับแน่ เพราะต้องรีบไปทำเล็บ” บิวตี้จ้องหน้าธีภพอย่างท้าทาย “แต่พรุ่งนี้ฉันจะมาใหม่”
“ไม่ต้องมาแล้ว”
“ฉันจะมา” บิวตี้เยาะ “นายบังคับให้ฉันสัญญาเองนะ ว่าต้องฝึกงานอย่างน้อยเจ็ดวัน โฮะ โฮะ โฮะ”
บิวตี้ดูสนุก และสะใจกับการได้ยั่วโมโหธีภพ
ธีภพเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เหมือนอยากจะบีบคอบิวตี้ให้ตายคามือ
บนแดนสรวง นางฟ้าลลิตา เฝ้ามองดูพฤติกรรมของบิวตี้ผ่านเครื่องฉายภาพ ด้วยความหนักใจ ปรมะเทวี ปรากฏร่างขึ้น
“มีสิ่งใดคืบหน้าไหม เริ่มรู้สำนึก ผิดชอบชั่วดีบ้างหรือยัง”
“ยังไม่กระเตื้องเลยค่ะ” นางฟ้าลลิตาหน้าเศร้า “ดูอาการจะหนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ”
“อย่างนั้นเชียวหรือ ไหนขอย้อนดูหน่อยซิ” ปรมะเทวีเอามือจับที่จอภาพฉาย หลับตา
ปรมะเทวีเห็นอดีตตอนบิวตี้สร้างความวุ่นวายทำของตกหล่นเสียหาย ถึงกับสะดุ้ง
“ อุ้ย โอ้ย โอ้ อนิจจา” พอลืมตาขึ้นมา ก็เห็นมีหน้าวิตกกังวลของนางฟ้าลลิตา
“มาตรวัดผลสัมฤทธิ์”
มาตรวัดผลสัมฤทธิ์ เป็นสีดำเกือบหมด มีเส้นทอง ขีดนิดเดียว
ปรมะเทวีปลอบ “อย่าเพิ่งสิ้นหวัง ในความวุ่นวายก็ยังได้บทเรียน อย่างน้อยลัลน์ลลิตก็ได้รู้สึกถึงความยากลำบากของผู้อื่นมิใช่น้อย”
นางฟ้าลลิตาดีใจ หน้าตาสดใสขึ้นมา “ค่ะ นางถึงกับลืมนึกเรื่องความงามของตนไปได้ถึง...” พลางสัมผัส จอภาพฉาย เกิดตัวเลข 5 ขึ้นที่จอ เลยจ๋อยๆ เมื่อเห็นเลขน้อย
“ห้านาที มนุษย์”
“ก็นับว่าดีกว่าแต่ก่อน ที่นางคิดถึงตนเองตลอดเวลา”
ตอนเย็น บิวตี้พาตัวเองมาอยู่ในร้านทำเล็บ โดยช่างตัดเล็บบิวตี้สั้น เพื่อเตรียมจะต่อใหม่ บิวตี้กำลังเลือกแบบจากแคตาล็อก เสียงสัญญาณเตือนดังขึ้น
บิวตี้หยิบโทรศัพท์ขึ้นดู สะดุ้งโหยง “ตาย...สี่โมงแล้ว”
“เลือกแบบได้หรือยังคะ” ช่างเล็บถาม
บิวตี้ลังเล ชั่งใจ “วันนี้คงไม่ทันแล้ว พรุ่งนี้จะมาทำต่อ”
หล่อนลุกขึ้น รีบเดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ แล้วเร่งร้อนออกไป
บนถนนการจราจรติดขัดอย่างหนัก รถติดแน่นขนัด บิวตี้ร้อนใจ ดูนาฬิกา สลับกับดูท้องฟ้า หันไปเร่งคนขับรถ
“ไปให้เร็วกว่านี้ได้มั้ย”
“ไม่ได้จริงๆ ครับ ข้างหน้าไม่ขยับเลย”
“ทำยังไงก็ได้ เปิดไฟฉุกเฉิน โทร.ไปขอทางบอกว่ามีคนป่วย”
“ติดแบบนี้คงทำอะไรไม่ได้หรอกครับคุณหนู ตอนนี้มีทางเดียว...” แท๊กซี่ว่า
“ทำยังไง บอกมาเร็วๆ”
บิวตี้ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์รับจ้างตามคำแนะนำของคนขับแท๊กซี่ ท่าทางหวาดกลัว เสียวไส้ สีหน้ารังเกียจ เหม็นเหงื่อ คนขี่รถ และกลิ่นหมวกกันน็อก นอกจากนี้ยังรู้สึกอาย กลัวคนที่มองมาจากรถเก๋งแล้วจะจำได้ พยายามปิดหน้า กล้ำกลืนฝืนทน
แลเห็นพระอาทิตย์คล้อยต่ำลงเรื่อยๆ บิวตี้ลุ้สุดขีด ตื่นเต้นเป็นที่สุดว่า จะทันไหม
เย็นย่ำใกล้ค่ำเต็มที รถมอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดหน้าบ้าน บิวตี้รีบลงจากรถ ส่งเครดิตการ์ดให้มอเตอร์ไซค์รับจ้าง มอเตอร์ไซค์ส่ายหน้า ไม่รับ
บิวตี้ร้อนใจ “ฉันมีแต่การ์ด”
“ลูกไม้แบบนี้เจอมาเยอะแล้ว ไม่มีตังค์ก็ขอหอมที แลกกัน”
“เลว” บิวตี้เริ่มปวดตัว “โอ๊ย” วิ่งไปกดกริ่งรัวเร็ว
มอ’ไซค์รับจ้างลงจากรถตามมาคว้าแขนบิวตี้ “จะหนีไปไหน”
ยาม ซึ่งคือการ์ดคนเก่าที่โดนลดตำแหน่ง เปิดประตูประจันหน้ากับมอเตอร์ไซค์ตวาด
“แก...” ยามจับแล้วทุ่มคนขับมอเตอร์ไซค์ลงพื้นกดไว้กับพื้น “จะให้ทำยังไงต่อครับ”
“พอแล้ว” บิวตี้รีบเดินจ้ำพร้อมสั่ง “จ่ายค่ารถให้ด้วย”
บิวตี้รีบรุดวิ่งเข้าบ้านอย่างเร็ว
ยามยังกดมอเตอร์ไซค์ค้างอยู่ มองตามบิวตี้งงๆ “สงสัยจะปวดถ่าย”
บิวตี้กลายร่างเป็นนกหงส์หยกอยู่กลางกองเสื้อผ้า แล้วรีบบินขึ้นมาบนเตียง บิวตี้คนนอนหอบด้วยความเหนื่อยและระทึกใจ
“ขนาดกะเวลาตั้งเยอะยังไม่ทัน แบบนี้งานเลิกห้าโมงครึ่งจะทำยังไง เฮ้อ...กลุ้ม”
บิวตี้อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า ทั้งงานและการซ้อนมอเตอร์ไซค์
คืนนั้นกรเทพแวะมาหาบิวตี้ ด้วยสีหน้ากังวลใจ เพราะบิวตี้ดูเหมือนจะโกรธเคืองกรเทพ โดยที่เขาไม่รู้สาเหต
“คุณบิวตี้ได้กินอะไรหรือยัง ตั้งแต่กลับมา”
“ไม่ได้ลงมารับประทาน แล้วก็ไม่ได้สั่งขึ้นไปที่ห้องค่ะสงสัยจะรับมาแล้ว”
กรเทพพึมพำกับตัวเอง “เป็นอะไร หลบหน้าอาตลอด” กรเทพกดโทรศัพท์หาบิวตี้
บิวตี้คนสะดุ้งตื่นด้วยเสียงโทรศัพท์จากกรเทพ มองโทรศัพท์ สีหน้าโกรธๆ
“ไม่อยากพูดกับอาหรอก คนทรยศ”
บิวตี้นกบินไปเกาะที่หน้าต่างซึ่งเปิดแง้มไว้
บิวตี้คนยืนที่หน้าต่าง “ไปบ้านนายธีดีกว่า ป่านนี้คงนินทาเรามันปากไปแล้ว”
นกบิวตี้บินปร๋อออกจากหน้าต่างไป
ฝ่ายกรเทพบ่นกับโทรศัพท์ “ไม่รับสายอีกแล้ว” แล้วหันมาทางแม่บ้าน “ถ้าคุณบิวตี้เรียก หรือออกมาจากห้อง บอกให้โทร.หาอาด้วยนะ”
“ค่ะ”
กรเทพเลยออกไป
ขณะเดียวกัน ธีภพออกมายืนที่ระเบียง พยายามห้อยบ้านนกไว้กับชายคา สอดตามองหานกบิวตี้สักครู่หนึ่งนกบิวตี้บินมา พอเห็นธีภพ ก็รีบบินหลบเข้าต้นไม้
บิวตี้คนยืนเกาะกิ่งไม้มองดูธีภพ
ภาวินีเข้ามาในห้อง มีท่าทีตกใจ “ทำอะไรน่ะธี ระวังตกนะลูก”
“บ้านนกฮะ เผื่อมันกลับมาจะได้มีที่หลบเจ้าเสือ”
ภาวินี กะ บิวตี้อุทานอย่างเอ็นดูพร้อมกัน “โถ...ธี”
“พ่อชวนดูบอลแน่ะลูก” ภาวินีบอก
“เดี๋ยวไปครับ”
ภาวินีออกไปแล้ว นกบิวตี้บินไปที่ระเบียง กลายเป็นบิวตี้คนเดินไปหาธี
ธีภพตื่นเต้นดีใจ “ไอ้ตัวเล็ก มาจริงๆ ด้วย” ลูบหัวบิวตี้คนเบาๆ “เก่งจริงนะเรา”
บิวตี้คนบ่น “ตอนฉันเป็นคนไม่เห็นพูดดีแบบนี้เลย” แล้วสะบัดตัวหนี
“อ้าว งอนขึ้นมาอีกแล้ว เหมือนใครนะ”
“ไม่เหมือนแฟนนายละกัน”
ธีภพมองบิวตี้ขำๆ หยิบอาหารนกไว้ในมือ “หิวหรือเปล่า กินมั้ย”
บิวตี้คนสะบัด “ยี่ห้อนี้ไม่อร่อย”
“เหมือนจริงๆ ด้วย ตัวผู้หรือตัวเมียเนี่ย” ชายหนุ่มจับนกบิวตี้ เขี่ยขนจะส่องดูว่าตัวผู้ หรือตัวเมีย
นกบิวตี้ ดิ้นรน พูดเป็นเสียงบิวตี้คน “ปล่อยฉันนะ ไอ้คนลามก ไอ้..ไอ้ฆาตกรโรคจิต”
ธีภพเห็นนกดิ้นใหญ่ ก็สงสาร ลูบตัว “ไม่ให้ดู ก็ไม่ดู ไม่ต้องตกใจน่า โวยวายเป็นยัยบิวตี้ไปได้”
บิวตี้คนของขึ้น “นายว่าใคร นี่แน่ะ” กัดมือธีภพอีก
“โอ๊ย จิกอีกแล้ว พูดถึงยัยบิวตี้ไม่ได้เลยนะ”
“ไม่ได้” บิวตี้ค้อนตาคว่ำ
“ฮะฮะฮะ... ปะ... เข้าไปข้างในดีกว่า เดี๋ยวเจ้าเสือคาบไปกินไม่รู้ด้วย”
ธีประคองบิวตี้นกเข้าไปในบ้าน
ธนาดูฟุตบอลในห้องนั่งเล่น ส่วนภาวินีทำการฝีมือข้างๆ ธีภพเข้ามา ในมือประคองนกบิวตี้มาด้วย
ธีภพพูดกับภาวินี “แม่ดูสิฮะ ใครมา”
“อุ๊ยนก ตัวเดียวกับเมื่อคืนหรือเปล่า”
“ใช่ครับ รอยใส่ยายังอยู่เลย” ธีภพจะแหวกขนให้แม่ดู
บิวตี้คนตีมือธีภพ “ไม่ต้องมายุ่งกับชั้น”
“ดุซะด้วย ระวังนะ” ภาวินีเห็นเป็นนกจิกมือลูกชาย
“ผมว่าเค้าแสนรู้มากว่าฮะ” ธีภพบอก
“สงสัยนกมีเจ้าของหลุดมา” ธนาว่า
“ใช่ครับพ่อ พูดรู้เรื่องมากเลย จริงไหมบิวตี้”
บิวตี้คนแว้ดใส่ “ห้ามเอาชื่อฉันไปตั้งให้นก”
“ดูสิครับพ่อ เจ้าอารมณ์ เหมือนยัยบิวตี้ไม่มีผิด” ธีภพขำ
ธนายิ้มขำด้วย “แสดงว่าวันนี้ บิวตี้ตัวจริงคงแผลงฤทธิ์ไว้ไม่ใช่น้อย”
“โอ้โห โกดังแทบแตกเลยครับ ยังไม่เคยมีใครทำเรื่องเสียหายตั้งแต่วันแรกเข้าทำงานเหมือนยัยบิวตี้”
นกบิวตี้ร้องเสียงดัง โวยวาย
“เห็นมั้ยครับ พูดถึงยัยบิวตี้ไม่ได้เลย”
ภาวินีบอก “คนที่ถูกเลี้ยงมายังกับเจ้าหญิง แล้วต้องไปเจองานหนักแบบนั้น ใครจะทำได้จ๊ะ ลูกโหดไปหรือเปล่า”
บิวตี้คนนั่งชิดภาวินีชอบใจ “ใช่ค่ะคุณอา”
“เขาบอกเองนี่ฮะว่าจะให้ผมฝึกงานตามแบบคุณลุงบวร”
“บวรเข้มงวดกับทุกคนยกเว้นลูกตัวเอง คงสงสารที่บิวตี้ไม่มีแม่”
“ก็น่าสงสารจริงๆ นี่คะ ธี ช่วยกันดูแลนะลูก หนูบิวตี้ถึงไม่ใช่สายเลือดเดียวกันก็เป็นเหมือนน้องของลูก” ภาวินีกำชับลูกชาย
บิวตี้คนซบภาวินี “ขอบคุณค่ะคุณอา”
ธีภพทำหน้าเบื่อ แต่ไม่อยากเถียงแม่เลยดูบอลกับธนาไปเงียบๆ
ขอขอบคุณ เว็บผู้จัดการออนไลน์ : )
เรื่องเต็ม เล่ห์นางฟ้าตอนที่ 3/3
ตอนพักเที่ยง บิวตี้เข้ามาในโรงอาหารกินข้าวช้ากว่าใครๆ เพราะมัวแต่วุ่นวายเรื่องเล็บเรื่องหน้าตัวเอง พอบิวตี้เข้ามา สาวหนุ่มโรงงาน มองบิวตี้เป็นตาเดียว บรรดาฉันทนาขาเม้าท์เริ่มซุบซิบกัน บิวตี้หาที่นั่งไม่ได้ ยืนเคว้งคว้าง
ศรีนวลทานอิ่มแล้วเดินมาดุ “ทำไมเพิ่งมา”
“ก็พยายามต่อเล็บแต่ต่อไม่ได้ แล้วก็ล้างหน้า ทาครีมกันฝุ่นกันยูวีจากหลอดไฟ”
ศรีนวลหมั่นไส้ “โอ๊ย เรื่องมาก ไปกินข้าว เขากินกันเสร็จหมดแล้ว”
บิวตี้มองจานข้าวที่คนงานกินแล้วถอนใจ “แถวนี้มีร้านขายอาหารมั้ย”
“ไม่มี เจ้านายเค้าเลี้ยงก็บุญแล้ว อย่าเรื่องมาก ไปนั่งตรงนั้น” ชี้ไปตรงที่ศรีนวลเพิ่งลุกมา
บิวตี้กำลังจะเดินไป หัวหน้าฝ่ายบุคคล เดินมาที่บิวตี้กับศรีนวล
หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคลพูดกับบิวตี้ “คุณ เอ่อ... เธอ ไป กับฉันก่อน”
“แต่ฉันยังไม่ได้กินข้าว”
“เรื่องด่วน” หัวหน้าฝ่ายกระซิบ “จากท่านประธาน”
บิวตี้ถอนใจอย่างรำคาญ เดินตามหัวหน้าฝ่ายไป
สาวโรงงาน 1 ถามศรีนวล “สงสัยโดนไล่ออกเพราะทำของพัง แหงเลย ใช่มั้ยป้า”
“จะไปรู้เรอะ”
สาวโรงงาน 2 ว่า “ออกซะได้ก็ดี ไม่งั้นคนอื่นจะพลอยซวยไปด้วย”
ฉันทนาขาเม้าท์ซุบซิบกันอย่างสะใจ ศรีนวลฟังแล้วอดนึกสงสารบิวตี้ไม่ได้
ธีภพกำลังโกรธบิวตี้หัวฟัดหัวเหวี่ยง
“เริ่มงานไม่กี่ชั่วโมง แต่ทำข้าวของบริษัทเสียหายเกือบแสน”
“ฉันใช้ให้ก็ได้ แต่ฉันไม่ผิด”
“ไม่ผิดยังไง เขารายงานมาว่าคุณเซไปชนคนงานอื่นจนของตกแตกเสียหาย”
บิวตี้บ่น “ก็มันหนักอ่ะโรงงานทำไม่ถูกนะ สมัยนี้เขาใช้โฟคลิฟท์ ไม่มีใครเค้าใช้คนแบกของหนักอย่างงั้นหรอก คนนะไม่ใช่ทาส”
“เราทำถูกต้องตามกฎกระทรวง ทุกคนทำได้ยกเว้นคนที่ห่วงเล็บมากกว่าห่วงทรัพย์สินของบริษัท”
“ใครบอก ตอนนั้นฉันไม่ได้ห่วงเลยนะ มาห่วงตอนกล่องตกแล้วต่างหาก ทำไมประธานบริษัทอย่างฉันต้องมาทำอะไรยุ่งยากขนาดนี้ด้วยนะ”
ธีภพยกกฎมาท่องให้ฟังทันที “กฎข้อที่ 5 ของการเป็นประธาน คุณต้องทำได้ทุกอย่าง เหมือนที่พนักงานของคุณทำ ถ้าคุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาทำอะไร คุณจะคุมโรงงานทั้งหมดได้ยังไง”
บิวตี้เซ็งสุดๆ “กฎ ๆ ๆ อ้างแต่กฎบ้าๆ บอๆ อยู่นั่นแหละ”
“กลับไปเลยปะ แล้วไม่ต้องกลับมาอีก”
“กลับแน่ เพราะต้องรีบไปทำเล็บ” บิวตี้จ้องหน้าธีภพอย่างท้าทาย “แต่พรุ่งนี้ฉันจะมาใหม่”
“ไม่ต้องมาแล้ว”
“ฉันจะมา” บิวตี้เยาะ “นายบังคับให้ฉันสัญญาเองนะ ว่าต้องฝึกงานอย่างน้อยเจ็ดวัน โฮะ โฮะ โฮะ”
บิวตี้ดูสนุก และสะใจกับการได้ยั่วโมโหธีภพ
ธีภพเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เหมือนอยากจะบีบคอบิวตี้ให้ตายคามือ
บนแดนสรวง นางฟ้าลลิตา เฝ้ามองดูพฤติกรรมของบิวตี้ผ่านเครื่องฉายภาพ ด้วยความหนักใจ ปรมะเทวี ปรากฏร่างขึ้น
“มีสิ่งใดคืบหน้าไหม เริ่มรู้สำนึก ผิดชอบชั่วดีบ้างหรือยัง”
“ยังไม่กระเตื้องเลยค่ะ” นางฟ้าลลิตาหน้าเศร้า “ดูอาการจะหนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ”
“อย่างนั้นเชียวหรือ ไหนขอย้อนดูหน่อยซิ” ปรมะเทวีเอามือจับที่จอภาพฉาย หลับตา
ปรมะเทวีเห็นอดีตตอนบิวตี้สร้างความวุ่นวายทำของตกหล่นเสียหาย ถึงกับสะดุ้ง
“ อุ้ย โอ้ย โอ้ อนิจจา” พอลืมตาขึ้นมา ก็เห็นมีหน้าวิตกกังวลของนางฟ้าลลิตา
“มาตรวัดผลสัมฤทธิ์”
มาตรวัดผลสัมฤทธิ์ เป็นสีดำเกือบหมด มีเส้นทอง ขีดนิดเดียว
ปรมะเทวีปลอบ “อย่าเพิ่งสิ้นหวัง ในความวุ่นวายก็ยังได้บทเรียน อย่างน้อยลัลน์ลลิตก็ได้รู้สึกถึงความยากลำบากของผู้อื่นมิใช่น้อย”
นางฟ้าลลิตาดีใจ หน้าตาสดใสขึ้นมา “ค่ะ นางถึงกับลืมนึกเรื่องความงามของตนไปได้ถึง...” พลางสัมผัส จอภาพฉาย เกิดตัวเลข 5 ขึ้นที่จอ เลยจ๋อยๆ เมื่อเห็นเลขน้อย
“ห้านาที มนุษย์”
“ก็นับว่าดีกว่าแต่ก่อน ที่นางคิดถึงตนเองตลอดเวลา”
ตอนเย็น บิวตี้พาตัวเองมาอยู่ในร้านทำเล็บ โดยช่างตัดเล็บบิวตี้สั้น เพื่อเตรียมจะต่อใหม่ บิวตี้กำลังเลือกแบบจากแคตาล็อก เสียงสัญญาณเตือนดังขึ้น
บิวตี้หยิบโทรศัพท์ขึ้นดู สะดุ้งโหยง “ตาย...สี่โมงแล้ว”
“เลือกแบบได้หรือยังคะ” ช่างเล็บถาม
บิวตี้ลังเล ชั่งใจ “วันนี้คงไม่ทันแล้ว พรุ่งนี้จะมาทำต่อ”
หล่อนลุกขึ้น รีบเดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ แล้วเร่งร้อนออกไป
บนถนนการจราจรติดขัดอย่างหนัก รถติดแน่นขนัด บิวตี้ร้อนใจ ดูนาฬิกา สลับกับดูท้องฟ้า หันไปเร่งคนขับรถ
“ไปให้เร็วกว่านี้ได้มั้ย”
“ไม่ได้จริงๆ ครับ ข้างหน้าไม่ขยับเลย”
“ทำยังไงก็ได้ เปิดไฟฉุกเฉิน โทร.ไปขอทางบอกว่ามีคนป่วย”
“ติดแบบนี้คงทำอะไรไม่ได้หรอกครับคุณหนู ตอนนี้มีทางเดียว...” แท๊กซี่ว่า
“ทำยังไง บอกมาเร็วๆ”
บิวตี้ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์รับจ้างตามคำแนะนำของคนขับแท๊กซี่ ท่าทางหวาดกลัว เสียวไส้ สีหน้ารังเกียจ เหม็นเหงื่อ คนขี่รถ และกลิ่นหมวกกันน็อก นอกจากนี้ยังรู้สึกอาย กลัวคนที่มองมาจากรถเก๋งแล้วจะจำได้ พยายามปิดหน้า กล้ำกลืนฝืนทน
แลเห็นพระอาทิตย์คล้อยต่ำลงเรื่อยๆ บิวตี้ลุ้สุดขีด ตื่นเต้นเป็นที่สุดว่า จะทันไหม
เย็นย่ำใกล้ค่ำเต็มที รถมอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดหน้าบ้าน บิวตี้รีบลงจากรถ ส่งเครดิตการ์ดให้มอเตอร์ไซค์รับจ้าง มอเตอร์ไซค์ส่ายหน้า ไม่รับ
บิวตี้ร้อนใจ “ฉันมีแต่การ์ด”
“ลูกไม้แบบนี้เจอมาเยอะแล้ว ไม่มีตังค์ก็ขอหอมที แลกกัน”
“เลว” บิวตี้เริ่มปวดตัว “โอ๊ย” วิ่งไปกดกริ่งรัวเร็ว
มอ’ไซค์รับจ้างลงจากรถตามมาคว้าแขนบิวตี้ “จะหนีไปไหน”
ยาม ซึ่งคือการ์ดคนเก่าที่โดนลดตำแหน่ง เปิดประตูประจันหน้ากับมอเตอร์ไซค์ตวาด
“แก...” ยามจับแล้วทุ่มคนขับมอเตอร์ไซค์ลงพื้นกดไว้กับพื้น “จะให้ทำยังไงต่อครับ”
“พอแล้ว” บิวตี้รีบเดินจ้ำพร้อมสั่ง “จ่ายค่ารถให้ด้วย”
บิวตี้รีบรุดวิ่งเข้าบ้านอย่างเร็ว
ยามยังกดมอเตอร์ไซค์ค้างอยู่ มองตามบิวตี้งงๆ “สงสัยจะปวดถ่าย”
บิวตี้กลายร่างเป็นนกหงส์หยกอยู่กลางกองเสื้อผ้า แล้วรีบบินขึ้นมาบนเตียง บิวตี้คนนอนหอบด้วยความเหนื่อยและระทึกใจ
“ขนาดกะเวลาตั้งเยอะยังไม่ทัน แบบนี้งานเลิกห้าโมงครึ่งจะทำยังไง เฮ้อ...กลุ้ม”
บิวตี้อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า ทั้งงานและการซ้อนมอเตอร์ไซค์
คืนนั้นกรเทพแวะมาหาบิวตี้ ด้วยสีหน้ากังวลใจ เพราะบิวตี้ดูเหมือนจะโกรธเคืองกรเทพ โดยที่เขาไม่รู้สาเหต
“คุณบิวตี้ได้กินอะไรหรือยัง ตั้งแต่กลับมา”
“ไม่ได้ลงมารับประทาน แล้วก็ไม่ได้สั่งขึ้นไปที่ห้องค่ะสงสัยจะรับมาแล้ว”
กรเทพพึมพำกับตัวเอง “เป็นอะไร หลบหน้าอาตลอด” กรเทพกดโทรศัพท์หาบิวตี้
บิวตี้คนสะดุ้งตื่นด้วยเสียงโทรศัพท์จากกรเทพ มองโทรศัพท์ สีหน้าโกรธๆ
“ไม่อยากพูดกับอาหรอก คนทรยศ”
บิวตี้นกบินไปเกาะที่หน้าต่างซึ่งเปิดแง้มไว้
บิวตี้คนยืนที่หน้าต่าง “ไปบ้านนายธีดีกว่า ป่านนี้คงนินทาเรามันปากไปแล้ว”
นกบิวตี้บินปร๋อออกจากหน้าต่างไป
ฝ่ายกรเทพบ่นกับโทรศัพท์ “ไม่รับสายอีกแล้ว” แล้วหันมาทางแม่บ้าน “ถ้าคุณบิวตี้เรียก หรือออกมาจากห้อง บอกให้โทร.หาอาด้วยนะ”
“ค่ะ”
กรเทพเลยออกไป
ขณะเดียวกัน ธีภพออกมายืนที่ระเบียง พยายามห้อยบ้านนกไว้กับชายคา สอดตามองหานกบิวตี้สักครู่หนึ่งนกบิวตี้บินมา พอเห็นธีภพ ก็รีบบินหลบเข้าต้นไม้
บิวตี้คนยืนเกาะกิ่งไม้มองดูธีภพ
ภาวินีเข้ามาในห้อง มีท่าทีตกใจ “ทำอะไรน่ะธี ระวังตกนะลูก”
“บ้านนกฮะ เผื่อมันกลับมาจะได้มีที่หลบเจ้าเสือ”
ภาวินี กะ บิวตี้อุทานอย่างเอ็นดูพร้อมกัน “โถ...ธี”
“พ่อชวนดูบอลแน่ะลูก” ภาวินีบอก
“เดี๋ยวไปครับ”
ภาวินีออกไปแล้ว นกบิวตี้บินไปที่ระเบียง กลายเป็นบิวตี้คนเดินไปหาธี
ธีภพตื่นเต้นดีใจ “ไอ้ตัวเล็ก มาจริงๆ ด้วย” ลูบหัวบิวตี้คนเบาๆ “เก่งจริงนะเรา”
บิวตี้คนบ่น “ตอนฉันเป็นคนไม่เห็นพูดดีแบบนี้เลย” แล้วสะบัดตัวหนี
“อ้าว งอนขึ้นมาอีกแล้ว เหมือนใครนะ”
“ไม่เหมือนแฟนนายละกัน”
ธีภพมองบิวตี้ขำๆ หยิบอาหารนกไว้ในมือ “หิวหรือเปล่า กินมั้ย”
บิวตี้คนสะบัด “ยี่ห้อนี้ไม่อร่อย”
“เหมือนจริงๆ ด้วย ตัวผู้หรือตัวเมียเนี่ย” ชายหนุ่มจับนกบิวตี้ เขี่ยขนจะส่องดูว่าตัวผู้ หรือตัวเมีย
นกบิวตี้ ดิ้นรน พูดเป็นเสียงบิวตี้คน “ปล่อยฉันนะ ไอ้คนลามก ไอ้..ไอ้ฆาตกรโรคจิต”
ธีภพเห็นนกดิ้นใหญ่ ก็สงสาร ลูบตัว “ไม่ให้ดู ก็ไม่ดู ไม่ต้องตกใจน่า โวยวายเป็นยัยบิวตี้ไปได้”
บิวตี้คนของขึ้น “นายว่าใคร นี่แน่ะ” กัดมือธีภพอีก
“โอ๊ย จิกอีกแล้ว พูดถึงยัยบิวตี้ไม่ได้เลยนะ”
“ไม่ได้” บิวตี้ค้อนตาคว่ำ
“ฮะฮะฮะ... ปะ... เข้าไปข้างในดีกว่า เดี๋ยวเจ้าเสือคาบไปกินไม่รู้ด้วย”
ธีประคองบิวตี้นกเข้าไปในบ้าน
ธนาดูฟุตบอลในห้องนั่งเล่น ส่วนภาวินีทำการฝีมือข้างๆ ธีภพเข้ามา ในมือประคองนกบิวตี้มาด้วย
ธีภพพูดกับภาวินี “แม่ดูสิฮะ ใครมา”
“อุ๊ยนก ตัวเดียวกับเมื่อคืนหรือเปล่า”
“ใช่ครับ รอยใส่ยายังอยู่เลย” ธีภพจะแหวกขนให้แม่ดู
บิวตี้คนตีมือธีภพ “ไม่ต้องมายุ่งกับชั้น”
“ดุซะด้วย ระวังนะ” ภาวินีเห็นเป็นนกจิกมือลูกชาย
“ผมว่าเค้าแสนรู้มากว่าฮะ” ธีภพบอก
“สงสัยนกมีเจ้าของหลุดมา” ธนาว่า
“ใช่ครับพ่อ พูดรู้เรื่องมากเลย จริงไหมบิวตี้”
บิวตี้คนแว้ดใส่ “ห้ามเอาชื่อฉันไปตั้งให้นก”
“ดูสิครับพ่อ เจ้าอารมณ์ เหมือนยัยบิวตี้ไม่มีผิด” ธีภพขำ
ธนายิ้มขำด้วย “แสดงว่าวันนี้ บิวตี้ตัวจริงคงแผลงฤทธิ์ไว้ไม่ใช่น้อย”
“โอ้โห โกดังแทบแตกเลยครับ ยังไม่เคยมีใครทำเรื่องเสียหายตั้งแต่วันแรกเข้าทำงานเหมือนยัยบิวตี้”
นกบิวตี้ร้องเสียงดัง โวยวาย
“เห็นมั้ยครับ พูดถึงยัยบิวตี้ไม่ได้เลย”
ภาวินีบอก “คนที่ถูกเลี้ยงมายังกับเจ้าหญิง แล้วต้องไปเจองานหนักแบบนั้น ใครจะทำได้จ๊ะ ลูกโหดไปหรือเปล่า”
บิวตี้คนนั่งชิดภาวินีชอบใจ “ใช่ค่ะคุณอา”
“เขาบอกเองนี่ฮะว่าจะให้ผมฝึกงานตามแบบคุณลุงบวร”
“บวรเข้มงวดกับทุกคนยกเว้นลูกตัวเอง คงสงสารที่บิวตี้ไม่มีแม่”
“ก็น่าสงสารจริงๆ นี่คะ ธี ช่วยกันดูแลนะลูก หนูบิวตี้ถึงไม่ใช่สายเลือดเดียวกันก็เป็นเหมือนน้องของลูก” ภาวินีกำชับลูกชาย
บิวตี้คนซบภาวินี “ขอบคุณค่ะคุณอา”
ธีภพทำหน้าเบื่อ แต่ไม่อยากเถียงแม่เลยดูบอลกับธนาไปเงียบๆ
ขอขอบคุณ เว็บผู้จัดการออนไลน์ : )