ขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมเป็นเด็ก ม.6 เพิ่งจบ สอบติดแพทย์ของมหาลัยแห่งหนึ่งได้ ตอนนี้อยู่ในระหว่างรอการเปิดเทอม
ครอบครัวผมฐานะปานกลาง มีพี่ชายอายุห่างกัน 6 ปี เรียนแพทย์เหมือนกัน เพิ่งขึ้นปี 6
ชีวิต ม.ปลายของผมที่ผ่านมาถูกพ่อแม่ขอร้องให้เรียนกวดวิชามาตลอดทั้ง 3 ปี เพื่อแลกกับการได้ซื้อ ได้ทำ ในสิ่งที่ผมชอบ นั่นก็คือ เกม มังงะ แล้วก็อนิเมะ
ผมเป็นโอตาคุครับ แล้วก็ติดเกมมากด้วย ผมเสพติดสิ่งเหล่านี้ค่อนข้างหนัก เริ่มเล่นเกมมาตั้งแต่จำความได้ ประมาณซัก ป.1 เริ่มอ่านการ์ตูนดูอนิเมะหลังจากนั้นไม่นาน จนถึงปัจจุบันตอนนี้ผมก็ยังเสพติดสิ่งเหล่านั้นอยู่
ตอนเด็กผมเคยเป็นโรคสมาธิสั้น นอกจากนั่งอยู่หน้าเกมแล้วผมอยู่นิ่งไม่ได้อีกเลย จนถึงต้องกินยา ตั้งแต่โตมาผมยังไม่เคยอ่านหนังสือเรียนต่อกันได้เกิน 20 นาทีเลยซักครั้ง ผมไม่มีสมาธิครับ เป็นแต่เฉพาะกับเรื่องเรียน จึงเป็นเหตุผลที่พ่อแม่ผมเลือกให้ผมเรียนกวดวิชาแทนที่จะมานั่งอ่านเอง เพราะผมทำไม่ได้
ตั้งแต่ขึ้น ม.ปลายมา ผมใช้เวลาว่างทั้งหมดในชีวิตผมกับสิ่งที่ผมชอบเหล่านี้ นอกจากไปโรงเรียนและก็ไปเรียนกวดวิชาแล้ว ผมก็ไม่มีเหตุผลอื่นที่ต้องออกจากบ้านอีกเลย ขลุกอยู่แต่หน้าคอม ใช้ชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยๆ ซึ่งผมมีความสุขมาก มีความสุขมากจริงๆ
แต่พอผมได้ถามชีวิตการเรียนแพทย์จากพี่ชายผม ทำให้ผมทราบอะไรหลายๆอย่าง
พี่ผมบอกว่า การเรียนปี 1 2 3 เป็นการเรียนทฤษฏีซะส่วนใหญ่ ส่วนใหญ่เริ่มเรียน 8.00 เลิกก็ประมาณ 16.00-17.00 ซึ่งเมื่อเทียบกับคณะอื่นในปีเดียวกัน เนื้อหาแต่ละปีจะเยอะกว่ามาก แล้วก็มีสอบทุกเดือน เครียดทุกเดือน เมื่อเทียบกับคณะอื่นแล้วเวลาว่างเราน้อยกว่ามาก
แต่พอขึ้นปี 4 5 6 พี่ผมบอกว่ามันเหมือนตกนรกเลยล่ะ 3 ปีแรกที่คิดว่ามันหนักแล้ว เทียบกับ 3 ปีหลังนี้ไม่ได้เลย เพราะต้องตื่นเช้ากว่าเดิมมาก ไปดูคนไข้ให้ทันก่อน 7.00 น. แถมยังมีการอยู่เวรนอกเวลา กว่าจะได้กลับมาบ้านก็ประมาณเที่ยงคืน หรือถ้าเป็นปี 6 ก็ถึงเช้าโดยไม่ได้กลับบ้านเลย แล้วก็ต้องทำงานต่อในวันต่อไป อาทิตย์นึงมีเวรประมาณ 4 ครั้ง เสาร์อาทิตย์แล้วก็วันหยุดต่างๆก็ไม่ได้หยุดกับเขา ต้องใช้ชีวิตแบบนี้ทุกวัน อยู่แต่ในโรงพยาบาล เวลาจะนอนยังแทบไม่มี อาจารย์แพทย์แต่ละท่านก็ดุมาก เคี่ยวเข็นแบบสุดๆ ต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความกดดันหลายๆอย่าง เหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจ
ผมได้ฟังแล้วผมหดหู่ใจมาก ก็พอจะรู้ว่ามันเรียนหนัก แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ เป้าหมายชีวิตของผมไม่ได้เป็นการเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในสังคมที่ทรมาณแบบนั้น ผมแค่อยากเล่นเกมดูอนิเมะไปวันๆแค่นั้น แต่ผมก็เลือกทางเดินอื่นไม่ได้แล้ว พ่อแม่ผมอยากให้ผมเรียนมาก พวกเค้าตามใจผมทุกอย่าง อยากได้อะไรก็ให้ อยากซื้ออะไรก็ได้ซื้อ จนของสะสมผมเต็มห้อง ให้ผมได้ใช้ชีวิตโอตาคุจนมีความสุขมากๆทุกวัน แล้วก็พยายามผลักดันผมจนสอบติดหมอได้ ซึ่งตอนประกาศผลพวกเขาดีใจมาก ดีใจแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต ทำให้ผมเข้าใจว่า ผมคงหันหลังกลับไปสอบคณะอื่นไม่ได้แล้ว มีแต่ต้องเดินต่อไปในเส้นทางนี้เท่านั้น แล้วผมก็รายงานตัวทำสัญญาผูกมัดว่าต้องเรียนให้จบกับทางคณะแล้วด้วย หากเรียนไม่จบเขาก็จะปรับเงินผมซึ่งเป็นจำนวนค่อนข้างมาก
ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าผมมีแต่ต้องอดทนแล้วก็เรียนหมอให้จบให้ได้ แต่พอผมย้อนกลับมาดูตัวเอง ถามตัวเองว่านิสัยแบบผมเนี่ย อ่านหนังสือเองก็ไม่ได้ ติดเกม ติดอนิเมะก็ค่อนข้างหนัก มันพอจะมีหวังเรียนจบกับเขาด้วยเหรอ บอกตรงๆผมไม่รู้ว่าผมจะเลิกเสพติดสิ่งที่ผมชอบเหล่านี้ได้ยังไง ผมคงทำไม่ได้ แล้วผมก็กลัวการใช้ชีวิตแบบที่พี่ผมเล่าให้ฟัง ผมกลัวผมจะไปไม่รอด ทั้งๆที่การเรียนหมอเวลาว่างมันก็น้อยอยู่แล้ว ยังต้องมาใช้เวลาว่างกับสิ่งที่ตัวเองติดอีก แล้วถ้าผมเรียนไม่จบจริงๆล่ะ พ่อแม่ที่เขาตามใจผมมาทั้งชีวิต ความคาดหวังที่มีต่อตัวผม สุดท้ายต้องผิดหวัง ผมจะทำยังไง จะคุยกับพวกเค้ายังไง หรือถ้าจบไป นิสัยแบบนี้ของผม มันจะทำให้วงการนี้เขาเสื่อมเสียมั้ย ผมจะเป็นหมอได้จริงๆน่ะเหรอ คิดไม่ออกเลยว่าตัวเองจะทำได้ยังไง
ตอนนี้ผมเครียดมาก เครียดจนไม่อยากให้ปิดเทอมนี้มันผ่านไป ไม่อยากจะเปิดเทอม ผมใช้ชีวิตราวกับว่าพอเปิดเทอมผมคงไม่มีเวลาว่างมาทำอะไรแบบนี้อีกแล้ว ซึ่งมันทำให้ผมเสพติดของพวกนี้หนักเข้าไปอีก พอผมเครียดผมก็แก้เครียดด้วยการดูอนิเมะ เล่นเกม วนไปวนมาแบบนี้ตลอด ผมไม่รู้จะทำยังไง คุยกับคนในครอบครัวเขาก็พูดเหมือนกันว่าผมต้องทำได้แน่ อย่าไปกลัว ให้กำลังใจผมกันใหญ่ แต่แค่พูดน่ะมันง่าย พูดแบบนี้ใครก็พูดได้ คนที่ต้องเจอกับเรื่องแบบนี้คือผมต่างหาก ผมไม่ได้เก่งเหมือนพี่ เวลาเรียนกว่าผมจะเข้าใจอะไรได้ก็ใช้เวลานานมาก ผมจะเรียนจบได้จริงๆน่ะเหรอ แค่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ผมก็เครียดแล้ว
ผมเลยอยากจะถามพี่ๆหลายๆท่านในที่นี้ เผื่อว่าใครมีชีวิตคล้ายๆกับผม รบกวนแชร์เรื่องราวให้ผมฟังหน่อยครับ แล้วมีวิธีจัดการกับปัญหาชีวิตแบบนี้ยังไง เผื่อผมจะมีกำลังใจขึ้นบ้าง หรือพอจะเห็นทางแก้ไขปรับปรุงให้ตัวเองผ่านพ้นปัญหาแบบนี้ไปได้ซะที ถือซะว่าช่วยเด็กน้อยกากๆคนนึงนะครับ
ขอบคุณมากครับ
ผมสอบติดหมอครับ แต่ผมเป็นโอตาคุ ติดเกม อ่านหนังสือเองไม่ได้ พอจะมีหวังเรียนจบกับเขาไหมครับ T__T
ครอบครัวผมฐานะปานกลาง มีพี่ชายอายุห่างกัน 6 ปี เรียนแพทย์เหมือนกัน เพิ่งขึ้นปี 6
ชีวิต ม.ปลายของผมที่ผ่านมาถูกพ่อแม่ขอร้องให้เรียนกวดวิชามาตลอดทั้ง 3 ปี เพื่อแลกกับการได้ซื้อ ได้ทำ ในสิ่งที่ผมชอบ นั่นก็คือ เกม มังงะ แล้วก็อนิเมะ
ผมเป็นโอตาคุครับ แล้วก็ติดเกมมากด้วย ผมเสพติดสิ่งเหล่านี้ค่อนข้างหนัก เริ่มเล่นเกมมาตั้งแต่จำความได้ ประมาณซัก ป.1 เริ่มอ่านการ์ตูนดูอนิเมะหลังจากนั้นไม่นาน จนถึงปัจจุบันตอนนี้ผมก็ยังเสพติดสิ่งเหล่านั้นอยู่
ตอนเด็กผมเคยเป็นโรคสมาธิสั้น นอกจากนั่งอยู่หน้าเกมแล้วผมอยู่นิ่งไม่ได้อีกเลย จนถึงต้องกินยา ตั้งแต่โตมาผมยังไม่เคยอ่านหนังสือเรียนต่อกันได้เกิน 20 นาทีเลยซักครั้ง ผมไม่มีสมาธิครับ เป็นแต่เฉพาะกับเรื่องเรียน จึงเป็นเหตุผลที่พ่อแม่ผมเลือกให้ผมเรียนกวดวิชาแทนที่จะมานั่งอ่านเอง เพราะผมทำไม่ได้
ตั้งแต่ขึ้น ม.ปลายมา ผมใช้เวลาว่างทั้งหมดในชีวิตผมกับสิ่งที่ผมชอบเหล่านี้ นอกจากไปโรงเรียนและก็ไปเรียนกวดวิชาแล้ว ผมก็ไม่มีเหตุผลอื่นที่ต้องออกจากบ้านอีกเลย ขลุกอยู่แต่หน้าคอม ใช้ชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยๆ ซึ่งผมมีความสุขมาก มีความสุขมากจริงๆ
แต่พอผมได้ถามชีวิตการเรียนแพทย์จากพี่ชายผม ทำให้ผมทราบอะไรหลายๆอย่าง
พี่ผมบอกว่า การเรียนปี 1 2 3 เป็นการเรียนทฤษฏีซะส่วนใหญ่ ส่วนใหญ่เริ่มเรียน 8.00 เลิกก็ประมาณ 16.00-17.00 ซึ่งเมื่อเทียบกับคณะอื่นในปีเดียวกัน เนื้อหาแต่ละปีจะเยอะกว่ามาก แล้วก็มีสอบทุกเดือน เครียดทุกเดือน เมื่อเทียบกับคณะอื่นแล้วเวลาว่างเราน้อยกว่ามาก
แต่พอขึ้นปี 4 5 6 พี่ผมบอกว่ามันเหมือนตกนรกเลยล่ะ 3 ปีแรกที่คิดว่ามันหนักแล้ว เทียบกับ 3 ปีหลังนี้ไม่ได้เลย เพราะต้องตื่นเช้ากว่าเดิมมาก ไปดูคนไข้ให้ทันก่อน 7.00 น. แถมยังมีการอยู่เวรนอกเวลา กว่าจะได้กลับมาบ้านก็ประมาณเที่ยงคืน หรือถ้าเป็นปี 6 ก็ถึงเช้าโดยไม่ได้กลับบ้านเลย แล้วก็ต้องทำงานต่อในวันต่อไป อาทิตย์นึงมีเวรประมาณ 4 ครั้ง เสาร์อาทิตย์แล้วก็วันหยุดต่างๆก็ไม่ได้หยุดกับเขา ต้องใช้ชีวิตแบบนี้ทุกวัน อยู่แต่ในโรงพยาบาล เวลาจะนอนยังแทบไม่มี อาจารย์แพทย์แต่ละท่านก็ดุมาก เคี่ยวเข็นแบบสุดๆ ต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความกดดันหลายๆอย่าง เหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจ
ผมได้ฟังแล้วผมหดหู่ใจมาก ก็พอจะรู้ว่ามันเรียนหนัก แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ เป้าหมายชีวิตของผมไม่ได้เป็นการเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในสังคมที่ทรมาณแบบนั้น ผมแค่อยากเล่นเกมดูอนิเมะไปวันๆแค่นั้น แต่ผมก็เลือกทางเดินอื่นไม่ได้แล้ว พ่อแม่ผมอยากให้ผมเรียนมาก พวกเค้าตามใจผมทุกอย่าง อยากได้อะไรก็ให้ อยากซื้ออะไรก็ได้ซื้อ จนของสะสมผมเต็มห้อง ให้ผมได้ใช้ชีวิตโอตาคุจนมีความสุขมากๆทุกวัน แล้วก็พยายามผลักดันผมจนสอบติดหมอได้ ซึ่งตอนประกาศผลพวกเขาดีใจมาก ดีใจแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต ทำให้ผมเข้าใจว่า ผมคงหันหลังกลับไปสอบคณะอื่นไม่ได้แล้ว มีแต่ต้องเดินต่อไปในเส้นทางนี้เท่านั้น แล้วผมก็รายงานตัวทำสัญญาผูกมัดว่าต้องเรียนให้จบกับทางคณะแล้วด้วย หากเรียนไม่จบเขาก็จะปรับเงินผมซึ่งเป็นจำนวนค่อนข้างมาก
ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าผมมีแต่ต้องอดทนแล้วก็เรียนหมอให้จบให้ได้ แต่พอผมย้อนกลับมาดูตัวเอง ถามตัวเองว่านิสัยแบบผมเนี่ย อ่านหนังสือเองก็ไม่ได้ ติดเกม ติดอนิเมะก็ค่อนข้างหนัก มันพอจะมีหวังเรียนจบกับเขาด้วยเหรอ บอกตรงๆผมไม่รู้ว่าผมจะเลิกเสพติดสิ่งที่ผมชอบเหล่านี้ได้ยังไง ผมคงทำไม่ได้ แล้วผมก็กลัวการใช้ชีวิตแบบที่พี่ผมเล่าให้ฟัง ผมกลัวผมจะไปไม่รอด ทั้งๆที่การเรียนหมอเวลาว่างมันก็น้อยอยู่แล้ว ยังต้องมาใช้เวลาว่างกับสิ่งที่ตัวเองติดอีก แล้วถ้าผมเรียนไม่จบจริงๆล่ะ พ่อแม่ที่เขาตามใจผมมาทั้งชีวิต ความคาดหวังที่มีต่อตัวผม สุดท้ายต้องผิดหวัง ผมจะทำยังไง จะคุยกับพวกเค้ายังไง หรือถ้าจบไป นิสัยแบบนี้ของผม มันจะทำให้วงการนี้เขาเสื่อมเสียมั้ย ผมจะเป็นหมอได้จริงๆน่ะเหรอ คิดไม่ออกเลยว่าตัวเองจะทำได้ยังไง
ตอนนี้ผมเครียดมาก เครียดจนไม่อยากให้ปิดเทอมนี้มันผ่านไป ไม่อยากจะเปิดเทอม ผมใช้ชีวิตราวกับว่าพอเปิดเทอมผมคงไม่มีเวลาว่างมาทำอะไรแบบนี้อีกแล้ว ซึ่งมันทำให้ผมเสพติดของพวกนี้หนักเข้าไปอีก พอผมเครียดผมก็แก้เครียดด้วยการดูอนิเมะ เล่นเกม วนไปวนมาแบบนี้ตลอด ผมไม่รู้จะทำยังไง คุยกับคนในครอบครัวเขาก็พูดเหมือนกันว่าผมต้องทำได้แน่ อย่าไปกลัว ให้กำลังใจผมกันใหญ่ แต่แค่พูดน่ะมันง่าย พูดแบบนี้ใครก็พูดได้ คนที่ต้องเจอกับเรื่องแบบนี้คือผมต่างหาก ผมไม่ได้เก่งเหมือนพี่ เวลาเรียนกว่าผมจะเข้าใจอะไรได้ก็ใช้เวลานานมาก ผมจะเรียนจบได้จริงๆน่ะเหรอ แค่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ผมก็เครียดแล้ว
ผมเลยอยากจะถามพี่ๆหลายๆท่านในที่นี้ เผื่อว่าใครมีชีวิตคล้ายๆกับผม รบกวนแชร์เรื่องราวให้ผมฟังหน่อยครับ แล้วมีวิธีจัดการกับปัญหาชีวิตแบบนี้ยังไง เผื่อผมจะมีกำลังใจขึ้นบ้าง หรือพอจะเห็นทางแก้ไขปรับปรุงให้ตัวเองผ่านพ้นปัญหาแบบนี้ไปได้ซะที ถือซะว่าช่วยเด็กน้อยกากๆคนนึงนะครับ
ขอบคุณมากครับ