สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ไม่ให้เจ๊งคุณต้องแยกเงินที่ได้จากการขายของออกมาให้ชัดเจน
คุณต้องตังเงินเดือนให้ตัวเองอย่างชัดเจน เช่น คุณลงทุน 10000 บาทนั้นคือทุน
คุณขายได้วันละ 2000 บาท เงินเดือนคุณ 300 บาทต่อวันก็หักออกมาที่เหลือคือเงินร้าน
ไม่ใช้วันนี้ขายได้ 2000 บาท เอาไปกินข้าว 100 บาท ชื้อน้ำ 40 บาท จ่ายค่าหวย 500 บาท
ให้เมีย 500 บาท เหลือ 860 บาท เอามาลงทุนวันต่อไป จริง ๆ แล้วคุณ ต้องใช้จ่ายต่อวันไม่เกิน 300 บาท
ต่อเดือนคือ 9000 บาท คุณถึงจะรวย
คุณต้องตังเงินเดือนให้ตัวเองอย่างชัดเจน เช่น คุณลงทุน 10000 บาทนั้นคือทุน
คุณขายได้วันละ 2000 บาท เงินเดือนคุณ 300 บาทต่อวันก็หักออกมาที่เหลือคือเงินร้าน
ไม่ใช้วันนี้ขายได้ 2000 บาท เอาไปกินข้าว 100 บาท ชื้อน้ำ 40 บาท จ่ายค่าหวย 500 บาท
ให้เมีย 500 บาท เหลือ 860 บาท เอามาลงทุนวันต่อไป จริง ๆ แล้วคุณ ต้องใช้จ่ายต่อวันไม่เกิน 300 บาท
ต่อเดือนคือ 9000 บาท คุณถึงจะรวย
ความคิดเห็นที่ 22
ผมเคยทำงานเป็น ผจก.ฝึกหัด บริษัทในเครือเดียวกับไก่ทอดเจ้าดังครับ น้ำมันที่ใช้ทอดไก่ ปกติเขาจะมีตัววัดอยู่ครับ ผมจำชื่อตัววัดไม่ได้ ลักษณะจะเป็นแท่งสแตนเลสมีฐานวาง แล้วจะมีขีดๆให้มองว่า ยังมองเห็นฐานมันในระดับไหน ระดับไหนที่ยังใช้ได้ ระดับไหนที่อันตรายแล้ว ไม่ควรใช้ เพราะจะส่งผลต่อคุณภาพอาหารและความปลอดภัยของลูกค้า
ส่วนวิธีรักษาน้ำมัน เขาจะไม่ใช้วิธี เอาน้ำมันเก่า ไปเทผสมกับน้ำมันใหม่ครับ แต่จะใช้วิธีหมุนเวียนกันใช้แทน เช่น น้ำมันชุด a ทอดเสร็จแล้ว ต้องมีการกรอง และพักยก แล้วจึงไปใช้น้ำมันชุด b ทอดต่อ ทอดสักพักก็กรอง พักยก แล้วกลับไปใช้น้ำมัน a ทอดใหม่ อะไรทำนองนี้ครับ...
ปล. ทั้งนี้ทั้งนั้นเคยทำมานานมากแล้ว ผมอาจจะจำผิดก็ได้น่ะ
ส่วนเรื่องการขายให้ได้กำไร ผมเคยดูหนังเรื่องพันธุ์หมาบ้า
ชอบคำพูดที่เตี่ยของอ๊อดโต้พูดมาก "ขาดทุนคือประสปการณ์ กำไรคือความชำนาญ"
ผลประกอบการ มันขึ้นอยู่กับความชำนาญในการบริหารจัดการจริงๆ
สำหรับร้านขายไก่ทอดเล็กๆ ผมว่าถ้ามีตัวแปรครบ 4P ประกอบกับมี GMP อย่างง่ายๆ
และมีการตรวจ QA (แบบไม่เข้าข้างตัวเอง)ด้วยตัวเองทุกวัน
ผมว่าถึงกำไรไม่ได้ตามเป้า แต่ก็คงไม่ถึงกับขาดทุนแน่นอน
ล้มเหลวหรือสำเร็จ มันขึ้นอยู่กับดวงแต่นิดเดียว
ส่วนใหญ่ๆที่เหลือมันขึ้นอยู่กับความแหลมคมของเถ้าแก่เอง
หลังปิดร้านต้องมีการบ้านเก็บไปคิดทุกวัน
(แต่ที่ผมเห็นส่วนมากกลับบ้านแล้วมักจะหวดเบียร์ทุกวัน)
ส่วนวิธีรักษาน้ำมัน เขาจะไม่ใช้วิธี เอาน้ำมันเก่า ไปเทผสมกับน้ำมันใหม่ครับ แต่จะใช้วิธีหมุนเวียนกันใช้แทน เช่น น้ำมันชุด a ทอดเสร็จแล้ว ต้องมีการกรอง และพักยก แล้วจึงไปใช้น้ำมันชุด b ทอดต่อ ทอดสักพักก็กรอง พักยก แล้วกลับไปใช้น้ำมัน a ทอดใหม่ อะไรทำนองนี้ครับ...
ปล. ทั้งนี้ทั้งนั้นเคยทำมานานมากแล้ว ผมอาจจะจำผิดก็ได้น่ะ
ส่วนเรื่องการขายให้ได้กำไร ผมเคยดูหนังเรื่องพันธุ์หมาบ้า
ชอบคำพูดที่เตี่ยของอ๊อดโต้พูดมาก "ขาดทุนคือประสปการณ์ กำไรคือความชำนาญ"
ผลประกอบการ มันขึ้นอยู่กับความชำนาญในการบริหารจัดการจริงๆ
สำหรับร้านขายไก่ทอดเล็กๆ ผมว่าถ้ามีตัวแปรครบ 4P ประกอบกับมี GMP อย่างง่ายๆ
และมีการตรวจ QA (แบบไม่เข้าข้างตัวเอง)ด้วยตัวเองทุกวัน
ผมว่าถึงกำไรไม่ได้ตามเป้า แต่ก็คงไม่ถึงกับขาดทุนแน่นอน
ล้มเหลวหรือสำเร็จ มันขึ้นอยู่กับดวงแต่นิดเดียว
ส่วนใหญ่ๆที่เหลือมันขึ้นอยู่กับความแหลมคมของเถ้าแก่เอง
หลังปิดร้านต้องมีการบ้านเก็บไปคิดทุกวัน
(แต่ที่ผมเห็นส่วนมากกลับบ้านแล้วมักจะหวดเบียร์ทุกวัน)
แสดงความคิดเห็น
ผมเคยขายไก่ทอดครับ เพิ่งเจ๊งมาไม่นานมานี้ มีคำถามเรื่องน้ำมันทอดไก่
ลองผิดลองถูกขายมาหลายอย่างมากๆ อาชีพสุดท้าย (ก่อนกลับไปเป็นขี้ข้าอีกครั้ง ฮ่าๆๆ)0
คือขายไก่ทอด ซื้อน้ำมันทีละปี๊บ เพื่อทอดไก่ ให้พรรคพวกทดลองชิม "โอวส์ โคตรอร่อย)
สุดท้าย(พร้อมกับเงินก้อนสุดท้าย... โฮๆๆๆ) ไปไม่รอด
เข้าเรื่องซะที .. การทอดไก่ขาย มันเปลี่ยนน้ำมันใหม่ตลอดเวลา เป็นไปไม่ได้ เพราะมันจะติดกระทะ
ทำให้ไก่ไหม้ หรือทอดสุกแล้ว แต่สีซีดจนไม่น่ากิน ต้องเอาน้ำมันใหม่ผสมน้ำมันเก่า แต่เพื่อสุขภาพ
ของผู้บริโภค แล้วทีนี้ เราจะรู้ได้อย่างไร เมื่อไร น้ำมันที่เราใช้ทอด จะเปลี่ยนสถานะเป็นน้ำมันประเภท
"ทรานส์" คือ เปลี่ยนโมเลกุลไปแล้ว ประมาณว่า ทอดที่อุณหภูมิเท่าไร ระยะเวลากี่ชั่วโมง เป็นต้น
อ้อ .. ที่สำคัญ ทำยังไงไม่ให้เจ๊งครับ เผื่อทำงานมีเงินลงทุน จะกลับไปขายใหม่อีกที .. อิอิ